4 ปีต่อมา...“ไอ้ฟองรีบวิ่งหน่อย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปรวมของสาขานะโว้ย!”ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเรียกฉันที่กำลังรีบเดินให้ทันเพื่อน ฉันวิ่งหอบดอกไม้ ตุ๊กตา ที่เพื่อนๆน้องๆนำมาแสดงความยินดีด้วยความพะรุงพะรังภาพเหมือนวันแรกที่ฉันรับน้องตอนปีหนึ่งเลย ต่างกันแค่วันนี้เป็นวันรับปริญญาของฉัน“รู้แล้วโว้ย! เพื่อนขาสั้นทำไมชอบเร่งกันจังเลยวะ!?”เสียงหวานโวยวายจนเพื่อนๆต่างพากันหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียวฉันยืนหอบอยู่ข้างไอ้แสตมป์ ที่อยู่ๆมันก็ยื่นแก้วชาเขียวเย็นมาให้ฉัน“ขอบใจมากนะเพื่อน!” ฉันดูดชาเขียวเย็นด้วยความกระหายเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของวันรับปริญญาของมหาลัย ที่ทุกคนต่างมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีด้วย ผู้คนที่เยอะกว่าวันปกติจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้“อ๊ะ ขอบใจมากไอ้แสตมป์!”ฉันยัดแก้วชาเขียวเย็นคืนให้เพื่อน แต่มันกับจับมือของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รับดอกกุหลาบช่อนี้ของเฮียหน่อยนะครับ”พี่หมอยื่นกุหลาบสีแดงช่อโตมาตรงหน้าฉัน ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองเขา ก่อนที่จะรับดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในอ้อมแขน“…”“หนูฟองครับ เราสองคนคบกันมา 4 ปีแล้วนะครับ เฮียคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว...”อ้าวเฮ้ยไอ้แสตมป
ห้องหอ...หลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรคู่บ่าวสาวแล้ว พวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้คู่สามีภรรยาป้ายแดงเข้าหอกัน...“หนูฟองมาใกล้ๆครับเดี๋ยวเฮียจะแกะผมช่วย”ใบหน้าหล่อเหลายิ้มขำภรรยาสาวของเขาที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดลำคานและดึงทึ่งผมตัวเองอยู่กับจำนวนกิ๊บดำหนีบผมจำนวนมากที่อยู่บนหัวของเธอโดยฝีมือของช่างทำผมที่เนรมิตให้ทรงผมของเจ้าสาวออกมาสวยงาม แต่พอเธอจะต้องแกะมันออกกับต้องจัดการมันด้วยตัวเองคนเดียว!“เฮียด้านหลังก็มี”ฉันบอกพี่หมอให้เขาเอากิ๊บดำออกจากผมให้เพราะเอื้อมมือไปแกะเองไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้จะตีสองอยู่แล้วแต่ฉันกับเขายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย หน้าผมและชุดของเจ้าสาวที่สวยอลังการ พอจะต้องถอดมันออกจากร่างกายกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงชะงั้น!“ครับๆหนูฟองหึๆ” เขายิ้มขำฉัน ที่สะบัดหน้าอย่างงอนๆใส่เขา“ยังจะมาขำฟองอีกนะเฮีย! รู้ไหมว่าฟองง่วงและเหนื่อยมากอยากจะนอนเต็มแก่แล้วนะคะเฮีย”พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรงพลังงานที่ใช้ไปกับงานแต่งงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนไม่ใช้เรื่องง่ายๆสำหรับไอ้ฟองเลยจริงๆ“ไม่ขำก็ได้ครับที่รัก โอ๋ๆอย่างอนเฮียนะคนสวย”เขาดึงแก้มของฉันอย่างคนหมั่นเขี้ยว“โอ้ย!เฮียเบาๆหน่อยสิค
เชี้ยแล้วไหมล่ะ! อีกสิบนาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว แต่ผมยังยืนรอข้ามถนนอยู่สี่แยกหน้าโรงอาหารกลางมหาลัยอยู่เลย!ความวุ่นวายเวลาเปลี่ยนคาบเรียนซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในมหาลัยของผมเลยเถอะ เพราะด้วยเป็นมหาลัยชื่อดังของประเทศทำให้คนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนเก่งและบ้านรวยแต่นั้นเหมือนจะไม่ใช้ประเด็นแต่มันก็คือประเด็นนะครับทุกคน! เพราะไอ้บ้านรวยมันเลยมีรถขับกันแทบทุกคน พอเวลาเปลี่ยนคาบเรียนรถมันเลยติดยิ่งกว่าสี่แยกกลางห้างดังชะอีก!แล้วไอ้ฟองแม้งดันโทรมาอ้อนวอนให้ผมไปซื้อลูกชิ้นทอดเจ้าดังของมอที่โรงอาหารกลางให้มันเพราะผมต้องมาถ่ายเอกสารให้เพื่อนๆในสาขาในฐานะประธานสาขา แล้วไอ้เพื่อนสาวจอมตะกละมันก็ดันเห็นเพื่อนโพสในเฟสบุ๊คเซ็คอินร้านดังกล่าว ภาระเลยมาตกที่ผม!ปรี๊ด! ปรี๊ด! ปรี๊ด!เสียงบีบแตรดังลั้นมาจากรถหรูที่จอดเทียบฟุตบาตตรงหน้าผมที่ยืนรอข้ามถนนพร้อมกับบ่นให้เพื่อนอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว!“อะไรวะ! ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถคุณนะครับ! มองเห็นอยู่ก็ยังไม่ได้ข้ามไง!”ผมตะโกนใส่เจ้าของรถหรูที่ติดฟิล์มหนาจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้าของรถที่อยู่ภายในรถคันหรูสัญชาติยุโรปราคาหลักล้
“เมื่อไหร่จะมาถึงหะไอ้แสตมป์ เพื่อนรอจนรากจะงอกแล้วนะโว้ย!”ผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มสวยอย่างโดดเด่น ที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่นั่งสำหรับรอผู้โดยสาร กำลังโวยวายเสียงดังจนคนรอบข้างที่เดินผ่านไปเธออย่างตำหนิ“ใจเย็นสิโว้ย รถติดอยู่”ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคมแต่ผิวขาวเหมือนคนมีเชื้อสายจีน ตอบมาตามสายของเพื่อนสาวคนสนิทไปอย่างใจเย็น ด้วยบุคลิกที่เป็นคนขี้เล่นเขาเลยไม่ซีเรียสที่ถูกอีกคนโวยวายใส่อย่างอารมณ์เสีย“นี่รอจะสองชั่วโมงแล้วนะ อยู่ดาวอังคารเหรอหะ”“เออๆจะรีบไปแค่นี้นะขับรถก่อน”สาวน้อยจอมโวยวายเธอคือกัญญาภัค โซติกา หรือเพื่อนๆเรียกจะว่าฟองจันทร์เป็นนักศึกษาปี1คณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกลของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพที่ฉันต้องมานั่งรอเพื่อนที่กำลังจะมารับอย่างนี้เพราะว่าฉันอยากที่จะเดินทางมากรุงเทพคนเดียวโดยที่ทางบ้านไม่ต้องมาส่งโดยอ้างเหตุว่าอยากฝึกช่วยเหลือตัวเอง ทั้งที่ความจริงหอพักก็ยังไม่มี แสตมป์เพื่อนสนิทของฉันมีแค่สองคนและยังเป็นผู้ชายทั้งคู่ผู้ชายอีกคนชื่อติวเตอร์เรียนวิศวะที่เดียวกัน มันบอกว่าจะมากรุงเทพวันเสาร์เห็นว่าเอาของมาไว้ในหอแล้วกลับบ้าน ส่วนตัวฉั
สุดท้ายฉันก็ได้คอนโดแถวมหาลัยห่างจากหอไอ้แสตมป์ไปแค่สองซอย ห้องที่ฉันเข้าอยู่เป็นแบบหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก มีห้องครัวสำหรับทำอาหารแยกส่วนและสองห้องน้ำ ตกแต่งใหม่พร้อมอยู่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ครบในตัว ภายในห้องตกแต่งไม่หรูมากแต่ก็ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เพราะมหาลัยฉันอยู่ย่านเศรษฐกิจของประเทศ“ว้าวทำไมห้องแกสวยมากจังวะฟองจันทร์ ยิ่งเดินสำรวจยิ่งชอบฉันว่าเทอมหน้าขอคุณแม่ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับแกดีกว่าฟองจันทร์ ชอบวะ”ไอ้แสตมป์ที่นอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก มือหนึ่งก็เลื่อนช่องทีวีไปเรื่อย... ส่วนอีกมือก็หยิบขนมกินอย่างสบายอารมณ์“มาๆอยู่ที่เดียวกัน ฟองจะได้มีคนขับรถส่วนตัวหึหึหึ” ฉันหัวเราะอย่างคนเจ้าเล่ห์ฉันที่พึ่งเข้าไปจะจัดของในห้องนอนเสร็จ เดินออกมาจากห้องนอน นั่งลงโซฟาอีกตัวแล้วทำหน้าตายิ้มเจ้าเล่ห์“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าเพื่อนคนนี้ก็ต้องไปส่งสาวๆ บ้างจะให้มาตามรับ-ส่ง เพื่อนอย่างแก!ตลอดไม่ได้หรอกนะโว้ย”“ไอ้เพื่อนไม่น่าครบ นี้ยังไม่ทันเปิดเรียนแกกะจะทิ้งเพื่อนไปหาสาวๆ เลยเหรอไอ้เพื่อนเลว” ฉันชี้นิ้วด่าไอ้แสตมป์อย่างโกรธจัด มันทำหน้าตกใจเพียงไม่กี่วินาทีแล้วหันมาต่อปากต่อคำกับฉัน.
หลังจากกิจกรรมรับน้องเสร็จก็คือการเปิดสายรหัส ไม่รู้ว่าพี่รหัสฉันจะเป็นใครแล้วเขาจะใจดีไหม“ฟองจันทร์ แกว่าใครจะเป็นพี่รหัสแกวะ” ไอ้แสตมป์ถามฉันอย่างคนกำลังตื่นเต้น ตอนนี้พวกเรานั่งรวมกันที่ลานเกียร์ รอเวลาที่พี่รหัสจะมาเปิดสาย“ไม่รู้โว้ยใครก็ได้แต่ไม่เอาอิพี่คิงหน้าโจรป่านะน่ากลัวเกิน”“พี่เขาเรียนอยู่ปี 3 จะเป็นพี่รหัสแกได้ไงไอ้ฟองจันทร์” ติวเตอร์เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มาคุยกับฉันและแสตมป์ที่นั่งคุยกันอยู่อย่างออกรส“เอ้าก็เผื่อเป็นสายรหัสอะไรแบบเนี้ย ก็คนมันไม่อยากเจอหน้าตาอย่างกับโจรป่า” ฉันทำท่าขนลุกขนพองอย่างคนกำลังเจอสิ่งที่เรากลัวมากๆ“แกก็ไปว่าพี่เขา!” ติวเตอร์มันปกป้องพี่คิงโดยการผลักหัวฉันเกือบหงายหลัง เห็นมันตัวเตี้ยๆ แบบนี่แรงเยอะซิบ ฉันยกมือขึ้นกำลังจะเอาคืนไอ้ติวเตอร์“น้องๆ ครับจัดแถวตามสาขาและรหัสนักศึกษาเลยนะครับ!”พี่หัวหน้าสันทนาการชื่อพี่บีม ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่ผู้ชายทำกิจกรรมของวิศวะเพราะคณะวิศวะผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงรุ่นพี่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาลค่อยช่วยอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยออกมาสั่งอะไรน้องๆ ปีหนึ่งกันหรอกพวกเราสามคนเรียนสาขาเครื่องกลเหมือนกันแต่พวกเราทั้งสา
บันทึกของหมอพะนายหมอพะนาย ธีรพิชญ์ หลี่หมิง นักศึกษาแพทย์ปี 3 อายุ 21 ปีรูปร่างสูงหุ่นดีตามสไตล์ผู้ชายออกกำลังกายหน้าตาหล่อเหลาเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกง ที่บ้านทำธุรกิจสถานบันเทิง มีสาขาทั้งในประเทศไทยและฮ่องกงปู่เป็นเจ้าพ่อกาสิโนที่ฮ่องกง ทั้งบ้านมีพี่น้อง 3 คน เขาเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ พะนา อายุ 25ปี น้องสาวชื่อพะนาง อายุ18ปีเรียนอยู่เกรด 12ไฮสคูลที่ฮ่องกงอยู่กับปู่ตั้งแต่อายุ 16 ที่พวกเขาสามพี่น้องมีชื่อแบบไทยกันทุกคนเพราะต้นตระกลูของแม่เขาเป็นขุนนางในวังเลยอยากให้พวกเขาพี่น้องมีชื่อเล่นแบบไทยกันทุกคน ที่เลือกเรียนหมอทั้งที่บ้านทำธุรกิจสีเทาเพราะชอบอยากช่วยเหลือคนกลับสู่ปัจจุบันที่มียัยผู้หญิงขี้เมามาอ้วกใสเสื้อแถมหลับหนีความผิดไปแล้ว“เอาไงดีวะเนี้ย” เขาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาไอ้พี่รหัสตัวดีของยัยขี้เมาเพื่อจะถามหมายเลขห้องยัยขี้เมา“ตูด…ตูด…ตูด… ติ๊ด!”“อ้าวไอ้เพื่อนเลวแค่เสียเวลาที่เคลียร์กับเมียมารับโทรศัพท์เพื่อนชักนิดก็ไม่ได้ แม้ง!” พอไม่รู้จะเอายังไงผมเลยตัดสินใจพายัยขี้เมาไปนอนที่คอนโดผมแล้วกันพรุ่งนี้มีเรียนเลคเชอร์ตอนแปดโมงเช้าอีก ในขนาดที่คณะอื่นเขายังไม่เปิดเรียนที่นอ
เงียบช็อกค่ะ พวกเราสามสหายสบตากันสื่อสารทางสายตาโดยไร้เสียงพูดคุยออกมา แอร์ในร้านก็เปิดจนหนาวระเยือกเย็นเข้าหัวใจรู้สึกว่าขนทั่วกายลุกชันเมื่อคนที่พวกเรากำลังนินทามายืนอยู่ตรงหน้าใครจะไปคิดว่าคนที่พวกเรากำลังเมาท์เขาอยู่กันอย่างสนุกปากเขาจะมาอยู่ใกล้ๆเรา ตายแน่ไม่รู้พี่หมอจะได้ยินอะไรไปบ้าง“อ้าวทำไมเงียบกันหมดล่ะครับน้องๆ ไม่คุยกันต่อเหรอดูกำลังสนุกกันอยู่เลยฮึ”พี่เจมส์ที่โผล่หน้ามาพูดเกือบชนเข้ากับใบหน้าของไอ้ติวเตอร์ส่วนไอ้ติวเตอร์มันก็ผละออกแทบจะหงายหลัง จ้องหน้าติวเตอร์แล้วยิ้มทะเล้นให้“เปล่าๆครับพี่ พวกเราแค่คิดว่าอาจจะคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าแฮ่ๆ”“อ้าว! น้องฟองจันทร์แต่งตัวแบบนี้น่ารักจังเลยนะครับ”หลังจากที่พี่เจมส์ที่จ้องหน้าไอ้ติวเตอร์แบบแปลกแล้วก็หันมาแซวฉันต่อ เสียงหวานเยิ้มเชียวพี่เจมส์นี่หน้าม่อจริงๆ“ขอบคุณค่ะพี่เจมส์” ฉันพูดยิ้มๆให้พี่เขา“ตกลง ล็อกห้องพี่หรือยังครับ”ทำไมต้องทำเสียงโหดอย่างงั้นกับเขาด้วยอ่า หนูกลัวนะไม่ได้ไปยกเค้าห้องของพี่มาชะหน่อย“ล็อกแล้วค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงหนูไม่ได้ขโมยอะไรออกมาแน่ๆ”ไม่ได้ร้อนตัวไปเองนะแค่อธิบายให้เข้าใจทั่วกันเท่านั้นเองจริง
เชี้ยแล้วไหมล่ะ! อีกสิบนาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว แต่ผมยังยืนรอข้ามถนนอยู่สี่แยกหน้าโรงอาหารกลางมหาลัยอยู่เลย!ความวุ่นวายเวลาเปลี่ยนคาบเรียนซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในมหาลัยของผมเลยเถอะ เพราะด้วยเป็นมหาลัยชื่อดังของประเทศทำให้คนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนเก่งและบ้านรวยแต่นั้นเหมือนจะไม่ใช้ประเด็นแต่มันก็คือประเด็นนะครับทุกคน! เพราะไอ้บ้านรวยมันเลยมีรถขับกันแทบทุกคน พอเวลาเปลี่ยนคาบเรียนรถมันเลยติดยิ่งกว่าสี่แยกกลางห้างดังชะอีก!แล้วไอ้ฟองแม้งดันโทรมาอ้อนวอนให้ผมไปซื้อลูกชิ้นทอดเจ้าดังของมอที่โรงอาหารกลางให้มันเพราะผมต้องมาถ่ายเอกสารให้เพื่อนๆในสาขาในฐานะประธานสาขา แล้วไอ้เพื่อนสาวจอมตะกละมันก็ดันเห็นเพื่อนโพสในเฟสบุ๊คเซ็คอินร้านดังกล่าว ภาระเลยมาตกที่ผม!ปรี๊ด! ปรี๊ด! ปรี๊ด!เสียงบีบแตรดังลั้นมาจากรถหรูที่จอดเทียบฟุตบาตตรงหน้าผมที่ยืนรอข้ามถนนพร้อมกับบ่นให้เพื่อนอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว!“อะไรวะ! ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถคุณนะครับ! มองเห็นอยู่ก็ยังไม่ได้ข้ามไง!”ผมตะโกนใส่เจ้าของรถหรูที่ติดฟิล์มหนาจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้าของรถที่อยู่ภายในรถคันหรูสัญชาติยุโรปราคาหลักล้
ห้องหอ...หลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรคู่บ่าวสาวแล้ว พวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้คู่สามีภรรยาป้ายแดงเข้าหอกัน...“หนูฟองมาใกล้ๆครับเดี๋ยวเฮียจะแกะผมช่วย”ใบหน้าหล่อเหลายิ้มขำภรรยาสาวของเขาที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดลำคานและดึงทึ่งผมตัวเองอยู่กับจำนวนกิ๊บดำหนีบผมจำนวนมากที่อยู่บนหัวของเธอโดยฝีมือของช่างทำผมที่เนรมิตให้ทรงผมของเจ้าสาวออกมาสวยงาม แต่พอเธอจะต้องแกะมันออกกับต้องจัดการมันด้วยตัวเองคนเดียว!“เฮียด้านหลังก็มี”ฉันบอกพี่หมอให้เขาเอากิ๊บดำออกจากผมให้เพราะเอื้อมมือไปแกะเองไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้จะตีสองอยู่แล้วแต่ฉันกับเขายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย หน้าผมและชุดของเจ้าสาวที่สวยอลังการ พอจะต้องถอดมันออกจากร่างกายกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงชะงั้น!“ครับๆหนูฟองหึๆ” เขายิ้มขำฉัน ที่สะบัดหน้าอย่างงอนๆใส่เขา“ยังจะมาขำฟองอีกนะเฮีย! รู้ไหมว่าฟองง่วงและเหนื่อยมากอยากจะนอนเต็มแก่แล้วนะคะเฮีย”พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรงพลังงานที่ใช้ไปกับงานแต่งงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนไม่ใช้เรื่องง่ายๆสำหรับไอ้ฟองเลยจริงๆ“ไม่ขำก็ได้ครับที่รัก โอ๋ๆอย่างอนเฮียนะคนสวย”เขาดึงแก้มของฉันอย่างคนหมั่นเขี้ยว“โอ้ย!เฮียเบาๆหน่อยสิค
4 ปีต่อมา...“ไอ้ฟองรีบวิ่งหน่อย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปรวมของสาขานะโว้ย!”ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเรียกฉันที่กำลังรีบเดินให้ทันเพื่อน ฉันวิ่งหอบดอกไม้ ตุ๊กตา ที่เพื่อนๆน้องๆนำมาแสดงความยินดีด้วยความพะรุงพะรังภาพเหมือนวันแรกที่ฉันรับน้องตอนปีหนึ่งเลย ต่างกันแค่วันนี้เป็นวันรับปริญญาของฉัน“รู้แล้วโว้ย! เพื่อนขาสั้นทำไมชอบเร่งกันจังเลยวะ!?”เสียงหวานโวยวายจนเพื่อนๆต่างพากันหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียวฉันยืนหอบอยู่ข้างไอ้แสตมป์ ที่อยู่ๆมันก็ยื่นแก้วชาเขียวเย็นมาให้ฉัน“ขอบใจมากนะเพื่อน!” ฉันดูดชาเขียวเย็นด้วยความกระหายเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของวันรับปริญญาของมหาลัย ที่ทุกคนต่างมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีด้วย ผู้คนที่เยอะกว่าวันปกติจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้“อ๊ะ ขอบใจมากไอ้แสตมป์!”ฉันยัดแก้วชาเขียวเย็นคืนให้เพื่อน แต่มันกับจับมือของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รับดอกกุหลาบช่อนี้ของเฮียหน่อยนะครับ”พี่หมอยื่นกุหลาบสีแดงช่อโตมาตรงหน้าฉัน ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองเขา ก่อนที่จะรับดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในอ้อมแขน“…”“หนูฟองครับ เราสองคนคบกันมา 4 ปีแล้วนะครับ เฮียคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว...”อ้าวเฮ้ยไอ้แสตมป
ใช่เหรอคะ!? แต่เมื่อคืนฉันเห็นบางคนแถวนี่รีบเอารถออกขับพาพะนายมาโรงพยาบาลเลยนะลูก!”แม่ของฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อพวกเราสองแม่ลูกยืนแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกันอยู่ประตูหน้าห้อง...“อะแฮ่มใครไม่มี๊ คุณก็พูดไปเรื่อย ผมหิวข้าวมากๆเลยมีอะไรกินบ้างเนี้ย!”ป๊าทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้ามาหาม๊าที่ถือถุงอาหารเต็มสองมือจากตลาดใกล้ๆโรงพยาบาล“จ๊ะ! หิวก็หิว” ม๊าส่ายหน้าอย่างเอิ่มระอากับสามีตัวเองฮ่าๆ“พี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ ยังมีอาการปวดหัวอยู่ไหนคะ”ฉันวางผลไม้สดที่ให้แม่ค้าปลอกเปลือกให้แล้วใส่จานเตรียมป้อนร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“ดีขึ้นมากแล้วครับหนูฟอง”เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน มองไปทางป๊า เมื่อเห็นว่าป๊าไม่ได้สนใจพวกเรา เขาก็ส่งสายตาอ้อนให้ฉันตักผลไม้สดให้เขาท่าน“ฟองก็จะป้อนเฮียอยู่นี่ไงคะ ไม่ได้จะซื้อมากินเองชะหน่อยฮ่าๆ”ฉันหัวเราะเมื่อคิดว่าคนเจ็บจะคิดกลัวว่าไอ้ฟองจอมตะกละจะแย้งของกินหมด“เชื่อได้เหรอ ทุกวันนี้เฮียก็ผอมจนจะไม่มีแรงอยู่แล้ว เพราะโดนเมียแย้งของกิน!”ประโยคสุดท้ายเขาก้มกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่เราสองคน“พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวฟองจะฟ้องป๊าให้จัดการเฮียอีกนะ!”
“เฮียเป็นไงบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม!?”ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เขย่าแขนเขาอย่างดีใจเมื่อเห็นเขาปลอดภัย...“โอ๊ย!!! หนูฟองเบาๆครับเฮียโดนยิงเสียดๆที่แขน ทีแรกก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่โดนแรงเขย่าจากเราไปก็เริ่มปวดแผลขึ้นมาเลย!”เขาโดนยิงจริงๆ!!! ฉันปล่อยมือจากแขนของพี่หมอ มองไปที่เลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลด้วยความตกใจ น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก!สีหน้าของเขาดูซีดกว่าตอนเย็นที่โดนป๊าแกล้งมาชะอีก!!! แต่แล้วอยู่ๆร่างสูงก็หมดสติลงต่อหน้าฉันและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นแต่ฉันเหมือนคนกำลังช็อค สติลอยออกจากตัว มองเหตุการณ์ด้วยความมึนงง แต่รู้สึกได้ว่าน้ำตามากมายไหลออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น!หน้าห้องฉุกเฉิน“ฟองจันทร์!!!”ป๊าเขย่าตัวฉันแรงมากและตะโกนเสียงดังเพื่อให้ฉันได้สติ หลังจากที่ขึ้นรถจากบ้านมาโรงพยาบาลฉันก็เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ปะป๊าฮึก! เขาจะเป็นอะไรมากไหม!?” ฉันโผล่เข้ากอดพ่อตัวเองเอาไว้แน่น“ไม่ต้องห่วงมันไม่ทิ้งหนูหรอกลูก ยังไงมันก็ต้องฟื้นขึ้นมาหาฟองเชื่อป๊านะไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ยืน
บ้านฟองจันทร์เวลา 17.00 นาทีวันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะด้วยความร้อนใจเป็นห่วงพี่หมอ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรับมือกับการโดนป๊าและพี่ชายของฉันแกล้งไหวไหม“ฟอง! ลูกเลิกเดินไปเดินมาได้แล้ว ม๊าเวียนหัวเดี่ยวป๊าก็จะถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเชื่อม๊า นั่งลงได้แล้ว!”ตอนนี้ฉันกับม๊านั่งรอพ่อของฉันที่กำลังจะกลับมาถึงบ้าน...“วันนี้ทั้งวันฟองโทรหาเฮียหมอทั้งวัน แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์หนูเลยนะคะม๊า หนูกลัวว่าจะมีเรื่องไม่มีเกิดขึ้นกับเขา”ฉันยอมนั่งลงโซฟาแล้วเล่าถึงความกังวลของตัวเองให้ม๊าฟัง“เชื่อม๊านะลูก ถึงป๊าจะเป็นคนดุยังไงแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้หมอพะนายเขาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอกนะลูก”ม๊าจับมือของฉันอย่างปลอบโยน แววตาของท่านมองฉันด้วยความห่วงใย จนฉันต้องฝืนยิ้มให้ท่าน“มาแล้ว!!!”เสียงป๊าดังเข้ามาก่อนที่ตัวของท่านจะเดินเข้ามาถึงภายในห้องรับแขก แล้วป๊าก็มาถึงห้องรับแขกพร้อมกับเอ่อ...“เฮียหมอ!!!”ฉันตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นปิดปาก ซึ่งอาการของม๊าก็ไม่แตกต่างไปจากฉันมากนักเพราะท่านก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเช่นกัน“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้
วันนี้พี่หมอออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่เขานอนดูอาการต่ออีกสองคืนคุณหมอถึงจะอนุญาตให้เขากลับบ้านได้“มึงหายดีแล้วจริงๆนะไอ้พะนาย!?”พี่หมอเจมส์ถามพี่หมอด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่!น้ำเสียงที่ใช้ติดจะไปทางประชดชะมากกว่า“เอ่อ! กูหายดีแล้วครับเพื่อน”สีหน้าของคนเจ็บ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะต้องนอนโรงพยาบาลถึงสามคืน แค่โดนซ้อมอาการของเขาไม่ได้ถึงปานตายชะหน่อย แต่ทำไมคุณหมอถึงให้นอนตั้งสามคืน ฉันก็ได้แต่สงสัยและคอยจับผิดร่างสูง สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ...“ใช่สินะมีแฟนมานอนเฝ้าทุกคืน กูว่าใจจริงมึงอยากป่วยสักหนึ่งปีหรือเปล่าวะไอ้พะนาย!?”คำพูดประชดกันไปมาตามปะสาเพื่อนของพวกเขาทำเอาฉันที่พึ่งเก็บของเสร็จถึงกับแอบกรอกตา ชอบทะเลาะกันแต่ยังครบกันมิตรภาพของพวกเขานี่ชั่งยากจะเข้าใจจริงๆ“ความคิดเข้าท่าวะไอ้เจมส์” พี่หมอทำหน้าตาเหมือนคนกำลังคิดอะไรดีๆได้ขึ้นมา“กูประชดนะครับเพื่อน รีบไปกันเถอะเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเครื่องจะขึ้นแล้วเดี่ยวจะตกเครื่องกัน”วันนี้พวกเขาจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องของเราก็เหมือนจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะกับมาคบเป็นแฟนกับเขาที ถึงปากบอกไม่ตกลงแต่ก
เวลา 08.00 นาทีฉันที่กำลังนั่งซบใบหน้าหลับอยู่รู้สึกถึงแรงเขย่าเหมือนมีคนปลุก“อืมมมม”ฉันทำเสียงอืมขานรับแรงเขย่าแล้วกระพริบตาถี่ๆอย่างคนมึนปนง่วงเพราะพึ่งจะเผลอหลับไปประมาณหกโมงเช้า…“ขอน้ำหน่อยครับหนูฟอง เฮียรู้สึกคอแห้งมากๆ...”เสียงแผ่วเบาจากคนเจ็บ ทำให้อาการง่วงของฉันหายเป็นปิดทิ้ง...“เอ่อ!ได้ๆค่ะเฮีย”ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อรินน้ำให้กับคนเจ็บดื่ม พอพี่หมอรับน้ำจากแก้วไปดื่มจนหมดแก้วเขาก็ส่งแก้วเปล่าคืนมาให้ฉัน“นี่เฮียมาอยู่ที่โรคพยาบาลได้ยังไงครับ”เสียงที่ยังแผ่วเบาของเขาถามฉันที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที ไม่รู้ว่าควรไปเรียกหมอมาเช็คอาการของเขาหรือตอบคำถามเขาก่อนดี“ฟอง เฮียแบงค์ พี่หมอเจมส์ และไอ้ติวเตอร์เป็นคนพาพี่หมอมาส่งที่โรงพยาบาลคะ เดี๋ยวฟองไปเรียกหมอมาดูอาการเฮียก่อนนะคะ!” พอตอบคำถามพี่หมอเสร็จ ฉันทำท่าจะเดินไปเรียกหมอ...“เดียวก่อนครับ!”เขารั้นมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันก้มลงมองมือของเขาที่กุมมือของฉันไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากคนเจ็บบนเตียง“เฮียอยากได้อะไรอีกเหรอคะ!?” ฉันมองเขาอย่างเป็นคำถาม“เฮียไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละครับ แค่อยากคุยกับหนูฟองก่อน”เขาพูด
ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้น ตาของเขาค่อยๆหลับลง ฉันพยายามสะบัดตัวออกจากเพื่อนพี่ชายที่จับตัวของฉันเอาไว้“กรี๊ดดดดดดดดดด ฮึก!ฮื่ออออ เฮียอย่าเป็นอะไรนะ! ตอบฟองหน่อยอย่าหลับตานะ”พอฉันกรี๊ดร้องพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้นเพื่อนพี่ชายของฉันปล่อยตัวฉันอย่างตกใจแต่ร่างสูงก็หมดสติลง ถึงแม้ฉันจะกอดร่างของเขาพร้อมเขย่าเพื่อเรียกสติ ความกลัววิ่งเข้ามาในใจของฉันกลัวว่าเขาจะจากไปไม่มีวันกลับมาครั้งล่าสุดความกลัวมันไม่ได้มากเท่ากับตอนนี้ที่เขาสลบไปพร้อมกับหน้าตาเต็มไปด้วยรอบพกซ้ำและเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากบาดแผล!“เอ่อ! ฟองเฮียว่าพามันไปโรงพยาบาลเถอะ อย่ามัวแต่ร้องไห้เดี่ยวมันได้ตายจริงๆหรอก!”เฮียแบงค์จับที่บ่าของฉันที่เอาแต่ร้องไห้โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่ยืนอยู่“รถๆเฮียแบงค์ไปเอารถมาเร็วๆ ฮึก! ฮื่อ!”ฉันพูดไปร้องไห้ไปกลัวว่าพี่หมอจะเจ็บหนัก อาการโกรธของพี่ชายของฉันดูจะลดน้อยลงเมื่อเขารีบไปเอารถมาพาพี่หมอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบโรงพยาบาลหลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าผับ จนพาพี่หมอมาถึงโรงพยาบาลผ่านพ้นไป ฉันก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมไปไหน...“ฟอง ดื่มน้ำกับกินขนมปังนี่หน่อยเฮียไป