สุดท้ายฉันก็ได้คอนโดแถวมหาลัยห่างจากหอไอ้แสตมป์ไปแค่สองซอย ห้องที่ฉันเข้าอยู่เป็นแบบหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก มีห้องครัวสำหรับทำอาหารแยกส่วนและสองห้องน้ำ ตกแต่งใหม่พร้อมอยู่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าให้ครบในตัว ภายในห้องตกแต่งไม่หรูมากแต่ก็ราคาแพงเอาเรื่องอยู่เพราะมหาลัยฉันอยู่ย่านเศรษฐกิจของประเทศ
“ว้าวทำไมห้องแกสวยมากจังวะฟองจันทร์ ยิ่งเดินสำรวจยิ่งชอบฉันว่าเทอมหน้าขอคุณแม่ย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกับแกดีกว่าฟองจันทร์ ชอบวะ”
ไอ้แสตมป์ที่นอนอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก มือหนึ่งก็เลื่อนช่องทีวีไปเรื่อย... ส่วนอีกมือก็หยิบขนมกินอย่างสบายอารมณ์
“มาๆอยู่ที่เดียวกัน ฟองจะได้มีคนขับรถส่วนตัวหึหึหึ” ฉันหัวเราะอย่างคนเจ้าเล่ห์ฉันที่พึ่งเข้าไปจะจัดของในห้องนอนเสร็จ เดินออกมาจากห้องนอน นั่งลงโซฟาอีกตัวแล้วทำหน้าตายิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอโทษด้วยนะครับพอดีว่าเพื่อนคนนี้ก็ต้องไปส่งสาวๆ บ้างจะให้มาตามรับ-ส่ง เพื่อนอย่างแก!ตลอดไม่ได้หรอกนะโว้ย”
“ไอ้เพื่อนไม่น่าครบ นี้ยังไม่ทันเปิดเรียนแกกะจะทิ้งเพื่อนไปหาสาวๆ เลยเหรอไอ้เพื่อนเลว” ฉันชี้นิ้วด่าไอ้แสตมป์อย่างโกรธจัด มันทำหน้าตกใจเพียงไม่กี่วินาทีแล้วหันมาต่อปากต่อคำกับฉัน...การทะเลาะตบตีของเราสองคนยังคงดำเนินไปเรื่อยๆโดยไม่มีใครมาเบรกเพราะอยู่กันแค่สองคนภายในคอนโด
วันรับน้อง…
05.20 น.
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกที่ฉันตั้งเอาไว้เพื่อให้ตื่นทันไปรับน้อง รุ่นพี่เล่นนัดตั้งแต่หกโมงเช้า แถมยังสั่งมี ปล.ว่าใครมาสายเกินยี่สิบนาทีจะโดนลงโทษ สั่งในเพจเฟนบุ๊คของคณะวิศวะกรรมศาสตร์ปี1 ฉันอยากจะโพสถามพี่ๆ จริงๆ ว่าจะมีหมาตัวไหนตื่นไปทันหะพี่ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเพราะความเป็นจริงถ้าเกิดฉันโพสไปมีหวังโดนรุ่นพี่ทั้งคณะหมายหัวเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้าแน่!
แต่เมื่อเลือกที่จะเข้าเรียนที่นี่ในคณะวิศวะไอ้ฟองคนนี่จะต้องสู้ตายเท่านั้น! ก็เลือกที่จะเรียนวิศวะก็ต้องยอมรับระบบให้ได้ ไม่ว่าจะโหดจริงหรือไม่ก็ตาม
ณ.ลานเกียร์ มหาลัย A
ตึง! ตึง! ตึง! เสียงตีกลองที่ดังลั่นลานเกียร์ เมื่อฉันก้าวลงจากรถของไอ้แสตมป์เพื่อนรัก ที่ตอนนี้มันมองหน้าฉันอย่างโกรธๆ ที่กำลังจะทำให้มันโดนลงโทษเพราะมาสาย...
“น้องๆครับ ถ้าใครมาถึงแล้วก็ให้นั่งเป็นแถวให้เป็นระเบียบกันด้วยนะครับ!”รุ่นพี่ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวดไว้เครา จนทำให้ใบหน้าของเขาดูโหดเหมือนโจรป่าตะโกนเสียงดังลั่นลานเกียร์ดูโหดแท้อ้าย!อีหล้ากลัวแล้ว (อ้าย=พี่ชาย,อีหล้า=ลูกสาวสุดที่รัก)
“เหลือเวลาอีกแค่ห้านาทีจะหมดเวลาที่พี่ได้กำหนดเอาไว้ ถ้าใครมาช้าจะถูกลงโทษ!”รุ่นพี่หน้าโหดคนเดิมยังคงตะโกนเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้เด็กปี1ที่มาถึงแล้ว รีบมาจัดแถวให้เรียบร้อย
“เร็วๆไอ้ฟองรีบวิ่ง จะหมดเวลาแล้วนะโว้ยเดี๋ยวถูกลงโทษ”ไอ้ติวเตอร์ เป็นผู้ชายตัวเล็กสูงแค่172เซนติเมตร มันเป็นผู้ชายที่มีโครงหน้าหวานกว่าผู้หญิง วันดีคืนดีก็ชอบมีผู้ชายหลงเข้ามาจีบมันเพราะคิดว่ามันเป็นผู้หญิงทั้งๆ ที่ในกลุ่มพวกเรามีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่เป็นผู้หญิง แต่ไอ้ติวเตอร์มันกับมีนิสัยที่ตรงข้ามกับใบหน้าหวานๆของมันมาก ทั้งนิสัยเย็นชา พูดน้อยต่อยหนัก แต่อย่าให้มันได้พูดปากหมาที่สุดในกลุ่มล่ะ...
“เอ่อก็ฉันเป็นผู้หญิงขาสั้นนี่ค่ะ เร็วสุดได้แค่นี้จริงๆ” ตะโกนคุยกันไปค่ะ แล้วก็วิ่งไปหอบไปโคตรเหนื่อย ฉันอุตส่าห์คิดว่าตื่นแต่เช้าแล้วยังไงก็มาทัน แต่โจ๊กหน้ามอมันฉันล่อต่อมความหิวของน้องฟองจันทร์เกินจะทนไหวจริงๆ ฉันเลยบังคับให้ไอ้แสตมป์มันจอดรถกินโจ๊กหมูแสนอร่อยเป็นอาหารเช้านานไปหน่อย และด้วยความเพลิดเพลินในรสชาติของโจ๊กสุดอร่อยมันเลยทำให้ฉันมาลานเกียร์สาย เป็นไงละวิ่งสิค่ะ
“เพราะแกเลยไอ้ฟองอยากกินนู่นนี้นั้นอยู่ได้ ไอ้ติวเตอร์ด่าเพื่อนรักมึงช่วยกูหน่อยชิ” ฉันถลึงตาใส่ไอ้แสตมป์อย่างเอาเรื่องแต่มันก็ไม่สนใจฉันรีบวิ่งให้ทันเข้าแถว!
“น้องๆ ครับพวกเรามานับถอยหลังเวลา 5 วินาทีสุดท้ายก่อนถึง 06.20นาทีกัน!!!!!” เสียงรุ่นพี่ยังคงตะโกนบอกน้องๆ ปี1ที่มาถึงแล้ว และนั่งรอเพื่อนที่กำลังเดินมา ให้นับเวลาถอยหลังพร้อมกัน...
“5! 4! 3! 2! 1! 0!”
“หยุด!!!!! น้องที่มาไม่ทันยืนเรียงข้างหน้าเลยครับ น้องคนสวยคนนั้นเดินมายืนข้างหน้าเลยอย่าเนียนครับ!!!” เวรไหมละ วันรับน้องวันแรกของไอ้ฟองก็โดนรุ่นพี่เรียกเลย ฉันที่กำลังจะนั่งลงข้างหลังไอ้แสตมป์แค่เสี้ยววินาทีดันซวย!คนสวยจะร้องไห้ค่ะ
“ว้าวๆ เธอทำไมสวยจังเลยครับชื่อไรเหรอเธอ!?” หลังจากที่ฉันเดินมายืนเรียงแถวหน้ากระดานข้างหน้ากับเพื่อนๆ ที่มาสายเหมือนกันก็มีเสียงแซว จากเพื่อนข้างในแถวที่นั่งกันอยู่
“เงียบๆ! กันหน่อยทุกคน!” พี่ว้ากคนเดิมตะโกนให้พวกที่แซวฉันเงียบเสียงลง แล้วพี่เขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันแล้วมองหน้าเหมือนจะกินหัวฉันยังไงยังงั้นฟองจันทร์อยากจะร้องไห้อยู่กับผู้ชายมาเยอะแต่เจอหน้าพี่แกนี้มันนักศึกษาหรือมหาโจรป่ากันแน่เนี้ย แม่จ๋าช่วยหนูด้วยยยยย
“น้องครับได้ยินแล้วนะว่าเพื่อนๆ อยากรู้จักชื่อแนะนำตัวหน่อย!บอกชื่อจริงชื่อเล่นของตัวเองกับสาขาที่เรียน!” พี่หน้าโจรป่าตะโกนใส่หน้าฉัน สั่งให้แนะนำตัว ยืนอยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้พูดเสียงปกติก็ได้ยินนะคะพี่! หนูขอร้อง
“ชื่อ กัญญาภัค โซติกา ชื่อเล่นฟองจันทร์ เรียนสาขาเครื่องกล ค่ะ!” พูดเสร็จฉันก็หันไปยิ้มกวนๆ ให้พี่หน้าโจรป่า แล้วหันไปยิ้มหวานให้กับเพื่อนๆ ทุกคนมองเห็นไอ้ติวเตอร์ยกนิ้วโป้งให้กับฉัน ดีนะพี่หน้าโจรป่าไม่เห็น ไม่งั้นโดนลากมายืนร่วมชะตากรรมเดียวกันแน่ๆ
“รู้จักชื่อเพื่อนแล้วนะ!!! คนต่อไปแนะนำตัวเหมือนน้องฟองจันทร์ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เดี่ยวผมจะบอกว่าบทลงโทษของพวกคุณต้องทำอะไร” จากนั้นเพื่อนๆ ที่ยืนเรียงหน้ากระดานก็แนะนำชื่อของตัวเองและสาขาที่เรียนจนครบทั้ง 20 คนผู้โชคร้าย...
“เธอๆ ชื่อฟองจันทร์ใช่ป่ะคือเรากลัวพี่เขาทำโทษหนักจังเลย” ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักแบบหมวยๆ เธอชื่อนิดหน่อย เธอยืนอยู่ข้างฉัน ตัวของเธอสั่นเทา หน้าเริ่มซีดแล้ว เธอกระซิบฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ใจเย็นไว้นิดหน่อย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกเชื่อฟอง"ฉันยิ้มให้กำลังเพื่อนใหม่ที่พึ่งจะคุยกันเป็นประโยคแรกและยัยนี่ก็เป็นเพื่อนใหม่คนแรกในรั่วมหาลัยของฉันเลยแหละ
“ไปวิ่งรอบลานเกียร์ แล้วตะโกนเสียงดังๆ ว่า ‘ต่อไปนี้จะไม่มาสายอีกแล้ว’ พร้อมหางเสียงครับ ค่ะ 5 รอบปฏิบัติ” หะ5รอบ!สนามมันโคตรกว้างแค่รอบเดียวก็สลบแล้วไหมพี่! ยิ่งฉันที่กินโจ๊กไปสามถ้วยไม่อ้วกแตกเลยเหรอวิ่งเสร็จตายๆ แน่ไอ้ฟอง
จากนั้นพวกเพื่อนที่โดนลงโทษก็เริ่มวิ่งพร้อมกับตะโกนไปด้วย ฉันก็เลยต้องวิ่งตามหลังคนอื่นไปอย่างสลดใจกับตัวเองว่าอาจจะอ้วกต่อหน้าคนนับพัน อายก็อาย ทั้งรุ่นพี่ ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันคงจำหน้าเราทั้ง20คนแม้นแล้วแหละป่านนี้
“ต่อไปนี้จะไม่มาสายอีกแล้ว ครับ! ค่ะ!”
“เสียงให้ดังอีกครับผมไม่ได้ยิน!!!!!”
เสียงพี่หน้าโจรป่ายังคนร้องตะโกนให้พวกเราตะโกนให้เสียงดังขึ้นอีกทั้งที่พวกเราทุกคนตะโกนกันจนสุดเสียงจนคอแทบจะแตกแล้วนะ
“ต่อไปจะไม่มาสายอีกแล้ว ครับ ค่ะ!” ทั้งวิ่งทั้งตะโกนสุดเสียง5รอบลานเกียร์ที่กว้างเท่าสนามฟุตบอล เกือบเป็นลมพอวิ่งครบ5รอบ พวกเราแทบจะนอนตรงหน้าพี่หน้าโจรป่า แต่พวกเรายังไม่ทันได้นั่งให้ตูดติดพื้นกันเลยด้วยช้ำ
“เอ้า!ไปนั่งที่กันได้แล้ว”
“เอ่อก็ฉันเป็นผู้หญิงขาสั้นนี่ค่ะ เร็วสุดได้แค่นี้จริงๆ” ตะโกนคุยกันไปค่ะ แล้วก็วิ่งไปหอบไปโคตรเหนื่อย ฉันอุตส่าห์คิดว่าตื่นแต่เช้าแล้วยังไงก็มาทัน แต่โจ๊กหน้ามอมันฉันล่อต่อมความหิวของน้องฟองจันทร์เกินจะทนไหวจริงๆ ฉันเลยบังคับให้ไอ้แสตมป์มันจอดรถกินโจ๊กหมูแสนอร่อยเป็นอาหารเช้านานไปหน่อย และด้วยความเพลิดเพลินในรสชาติของโจ๊กสุดอร่อยมันเลยทำให้ฉันมาลานเกียร์สาย เป็นไงละวิ่งสิค่ะ
“เพราะแกเลยไอ้ฟองอยากกินนู่นนี้นั้นอยู่ได้ ไอ้ติวเตอร์ด่าเพื่อนรักมึงช่วยกูหน่อยชิ” ฉันถลึงตาใส่ไอ้แสตมป์อย่างเอาเรื่องแต่มันก็ไม่สนใจฉันรีบวิ่งให้ทันเข้าแถว!
“น้องๆ ครับพวกเรามานับถอยหลังเวลา 5 วินาทีสุดท้ายก่อนถึง 06.20นาทีกัน!!!!!” เสียงรุ่นพี่ยังคงตะโกนบอกน้องๆ ปี1ที่มาถึงแล้ว และนั่งรอเพื่อนที่กำลังเดินมา ให้นับเวลาถอยหลังพร้อมกัน...
“5! 4! 3! 2! 1! 0!”
“หยุด!!!!! น้องที่มาไม่ทันยืนเรียงข้างหน้าเลยครับ น้องคนสวยคนนั้นเดินมายืนข้างหน้าเลยอย่าเนียนครับ!!!” เวรไหมละ วันรับน้องวันแรกของไอ้ฟองก็โดนรุ่นพี่เรียกเลย ฉันที่กำลังจะนั่งลงข้างหลังไอ้แสตมป์แค่เสี้ยววินาทีดันซวย!คนสวยจะร้องไห้ค่ะ
“ว้าวๆ เธอทำไมสวยจังเลยครับชื่อไรเหรอเธอ!?” หลังจากที่ฉันเดินมายืนเรียงแถวหน้ากระดานข้างหน้ากับเพื่อนๆ ที่มาสายเหมือนกันก็มีเสียงแซว จากเพื่อนข้างในแถวที่นั่งกันอยู่
“เงียบๆ! กันหน่อยทุกคน!” พี่ว้ากคนเดิมตะโกนให้พวกที่แซวฉันเงียบเสียงลง แล้วพี่เขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันแล้วมองหน้าเหมือนจะกินหัวฉันยังไงยังงั้นฟองจันทร์อยากจะร้องไห้อยู่กับผู้ชายมาเยอะแต่เจอหน้าพี่แกนี้มันนักศึกษาหรือมหาโจรป่ากันแน่เนี้ย แม่จ๋าช่วยหนูด้วยยยยย
“น้องครับได้ยินแล้วนะว่าเพื่อนๆ อยากรู้จักชื่อแนะนำตัวหน่อย!บอกชื่อจริงชื่อเล่นของตัวเองกับสาขาที่เรียน!” พี่หน้าโจรป่าตะโกนใส่หน้าฉัน สั่งให้แนะนำตัว ยืนอยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้พูดเสียงปกติก็ได้ยินนะคะพี่! หนูขอร้อง
“ชื่อ กัญญาภัค โซติกา ชื่อเล่นฟองจันทร์ เรียนสาขาเครื่องกล ค่ะ!” พูดเสร็จฉันก็หันไปยิ้มกวนๆ ให้พี่หน้าโจรป่า แล้วหันไปยิ้มหวานให้กับเพื่อนๆ ทุกคนมองเห็นไอ้ติวเตอร์ยกนิ้วโป้งให้กับฉัน ดีนะพี่หน้าโจรป่าไม่เห็น ไม่งั้นโดนลากมายืนร่วมชะตากรรมเดียวกันแน่ๆ
“รู้จักชื่อเพื่อนแล้วนะ!!! คนต่อไปแนะนำตัวเหมือนน้องฟองจันทร์ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เดี่ยวผมจะบอกว่าบทลงโทษของพวกคุณต้องทำอะไร” จากนั้นเพื่อนๆ ที่ยืนเรียงหน้ากระดานก็แนะนำชื่อของตัวเองและสาขาที่เรียนจนครบทั้ง 20 คนผู้โชคร้าย...
“เธอๆ ชื่อฟองจันทร์ใช่ป่ะคือเรากลัวพี่เขาทำโทษหนักจังเลย” ผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารักแบบหมวยๆ เธอชื่อนิดหน่อย เธอยืนอยู่ข้างฉัน ตัวของเธอสั่นเทา หน้าเริ่มซีดแล้ว เธอกระซิบฉันที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ใจเย็นไว้นิดหน่อย ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกเชื่อฟอง"ฉันยิ้มให้กำลังเพื่อนใหม่ที่พึ่งจะคุยกันเป็นประโยคแรกและยัยนี่ก็เป็นเพื่อนใหม่คนแรกในรั่วมหาลัยของฉันเลยแหละ
“ไปวิ่งรอบลานเกียร์ แล้วตะโกนเสียงดังๆ ว่า ‘ต่อไปนี้จะไม่มาสายอีกแล้ว’ พร้อมหางเสียงครับ ค่ะ 5 รอบปฏิบัติ” หะ5รอบ!สนามมันโคตรกว้างแค่รอบเดียวก็สลบแล้วไหมพี่! ยิ่งฉันที่กินโจ๊กไปสามถ้วยไม่อ้วกแตกเลยเหรอวิ่งเสร็จตายๆ แน่ไอ้ฟอง
จากนั้นพวกเพื่อนที่โดนลงโทษก็เริ่มวิ่งพร้อมกับตะโกนไปด้วย ฉันก็เลยต้องวิ่งตามหลังคนอื่นไปอย่างสลดใจกับตัวเองว่าอาจจะอ้วกต่อหน้าคนนับพัน อายก็อาย ทั้งรุ่นพี่ ทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันคงจำหน้าเราทั้ง20คนแม้นแล้วแหละป่านนี้
“ต่อไปนี้จะไม่มาสายอีกแล้ว ครับ! ค่ะ!”
“เสียงให้ดังอีกครับผมไม่ได้ยิน!!!!!”
เสียงพี่หน้าโจรป่ายังคนร้องตะโกนให้พวกเราตะโกนให้เสียงดังขึ้นอีกทั้งที่พวกเราทุกคนตะโกนกันจนสุดเสียงจนคอแทบจะแตกแล้วนะ
“ต่อไปจะไม่มาสายอีกแล้ว ครับ ค่ะ!” ทั้งวิ่งทั้งตะโกนสุดเสียง5รอบลานเกียร์ที่กว้างเท่าสนามฟุตบอล เกือบเป็นลมพอวิ่งครบ5รอบ พวกเราแทบจะนอนตรงหน้าพี่หน้าโจรป่า แต่พวกเรายังไม่ทันได้นั่งให้ตูดติดพื้นกันเลยด้วยช้ำ
“เอ้า!ไปนั่งที่กันได้แล้ว”
“ทางนี้ฟองจันทร์ๆ” เสียงไอ้แสตมป์เรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ บอกเลยโจ๊กที่ฉันกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อยกำลังจะออกมาทางเดิมอยู่แล้วตอนนี้มันจุกที่คอแล้วกำลังจะไม่ไหวแล้วนะ
“แกไหวไหมฟองจันทร์” ไอ้ติวเตอร์ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง มันพยายามเอามือพัดลมให้ฉันคลายร้อน ใครบอกว่าวิ่งตอนหกโมงเช้าไม่เหนื่อยไม่มีเหงื่อ มันผิดทั้งเทเพราะตอนนี้ใบหน้าของฉันนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ดๆ ไหลออกมาตามไรผม
“โอเคอยู่!ตะแต่ฉันรู้สึกว่าโจ๊กหมูสามถ้วยที่กินเข้าไปเมื่อกี้กำลังจะออกมาทางเดิมวะเตอ อ๊วก!อุ๊บ!” ฉันรีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้ก่อนที่อะไรที่กินเข้าไปจะพุ้งออกมาทางเดิม
"เฮ้ยอย่ามาอ้วกตรงนี้นะไอ้ฟอง" ไอ้ติวเตอร์ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ ส่วนไอ้แสตมป์รีบเอามือมาอุดปากไม่ให้ฉันอ้วกออกมากลางลานเกียร์
“เงียบๆ กันหน่อย!!!!! ผมจะแนะนำตัว ผมชื่อคิง อยู่ ปี 3 เป็นเฮดว้ากของปีนี้” พี่หน้าโจรป่าแนะนำตัวเอง และเพื่อนอีก 3 คน ชื่อ พี่อารมณ์ พี่บูมพี่ซัน
“พวกผมจะแจกป้ายห้อยคอให้พวกคุณเอาไปเขียนชื่อและรหัสนักศึกษา พร้อมโรคประจำตัว” แล้วพวกเราก็ได้ป้ายมาคนละอันพร้อมปากกาเมจิกสีดำคนละแท่ง
“ถ้าใครทำขาดหรือหาย จะถูกลงโทษ!”
“เพราะถือว่าพวกคุณ คนนั้นไม่มีความรับผิดชอบในตัวเอง ของแค่นี่ก็ยังรักษาไม่ได้ แล้วจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ยังไง!!!” พี่คิงยังคงตะโกนเสียงดัง เพื่อให้พวกเราทุกคนเก็บรักษาป้ายให้ดี ยิ่งกว่าชีวิตถ้าไม่อยากเจอบทลงโทษแสนโหดของระบบโซตัส
"พี่ครับเพื่อนผมมันจะอ้วก ขออนุญาตไปห้องน้ำนะครับ มันจะไม่ไหมแล้วพี่"ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเสียงดังแทรกไอ้พี่หน้ามหาโจรป่าขึ้น ถึงมันจะหน้าซีกเมื่อพี่เขาจ้องมาที่มันอย่างเขม็งก่อนที่ทั้งลานเกียร์จะแตกตื่นด้วยรุ่นพี่ที่ต่างวิ่งเข้ามารุมดูอาการของฉันอย่างตื่นตะหนกตกใจกันทั้งคณะ จากนั้นความวุ้นวายก็เกิดขึ้นจนฉันมึนงงไปหมดกว่าจะได้เริ่มทำกิจกรรมก็กินเวลากับอาการอ้วกแตกของฉันไปเกือบสองชั่วโมงกว่าทุกคนจะอยู่ในความสงบได้
กิจกรรมแรกที่เราทำในการรับน้องหลังจากเขียนป้ายเสร็จทุกคนคือ เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่างๆ ที่รุ่นพี่จัดขึ้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มตามรหัสนักศึกษาตัวสุดท้ายที่มีเหมือนกันประมาณ 10คนพี่ๆ ให้เราเรียกมันว่าแฟมหรือความหมายประมาณครอบครัวการรวมคนในคณะโดยไม่แยกเป็นสาขาเพื่อให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนต่างสาขาในคณะวิศวะกรรมศาสตร์ไปในตัว
หลังจากกิจกรรมรับน้องเสร็จก็คือการเปิดสายรหัส ไม่รู้ว่าพี่รหัสฉันจะเป็นใครแล้วเขาจะใจดีไหม“ฟองจันทร์ แกว่าใครจะเป็นพี่รหัสแกวะ” ไอ้แสตมป์ถามฉันอย่างคนกำลังตื่นเต้น ตอนนี้พวกเรานั่งรวมกันที่ลานเกียร์ รอเวลาที่พี่รหัสจะมาเปิดสาย“ไม่รู้โว้ยใครก็ได้แต่ไม่เอาอิพี่คิงหน้าโจรป่านะน่ากลัวเกิน”“พี่เขาเรียนอยู่ปี 3 จะเป็นพี่รหัสแกได้ไงไอ้ฟองจันทร์” ติวเตอร์เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มาคุยกับฉันและแสตมป์ที่นั่งคุยกันอยู่อย่างออกรส“เอ้าก็เผื่อเป็นสายรหัสอะไรแบบเนี้ย ก็คนมันไม่อยากเจอหน้าตาอย่างกับโจรป่า” ฉันทำท่าขนลุกขนพองอย่างคนกำลังเจอสิ่งที่เรากลัวมากๆ“แกก็ไปว่าพี่เขา!” ติวเตอร์มันปกป้องพี่คิงโดยการผลักหัวฉันเกือบหงายหลัง เห็นมันตัวเตี้ยๆ แบบนี่แรงเยอะซิบ ฉันยกมือขึ้นกำลังจะเอาคืนไอ้ติวเตอร์“น้องๆ ครับจัดแถวตามสาขาและรหัสนักศึกษาเลยนะครับ!”พี่หัวหน้าสันทนาการชื่อพี่บีม ไม่ต้องแปลกใจที่มีแต่ผู้ชายทำกิจกรรมของวิศวะเพราะคณะวิศวะผู้ชายเยอะกว่าผู้หญิงรุ่นพี่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นพยาบาลค่อยช่วยอยู่ข้างๆ ไม่ค่อยออกมาสั่งอะไรน้องๆ ปีหนึ่งกันหรอกพวกเราสามคนเรียนสาขาเครื่องกลเหมือนกันแต่พวกเราทั้งสา
บันทึกของหมอพะนายหมอพะนาย ธีรพิชญ์ หลี่หมิง นักศึกษาแพทย์ปี 3 อายุ 21 ปีรูปร่างสูงหุ่นดีตามสไตล์ผู้ชายออกกำลังกายหน้าตาหล่อเหลาเป็นลูกครึ่งไทยฮ่องกง ที่บ้านทำธุรกิจสถานบันเทิง มีสาขาทั้งในประเทศไทยและฮ่องกงปู่เป็นเจ้าพ่อกาสิโนที่ฮ่องกง ทั้งบ้านมีพี่น้อง 3 คน เขาเป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ พะนา อายุ 25ปี น้องสาวชื่อพะนาง อายุ18ปีเรียนอยู่เกรด 12ไฮสคูลที่ฮ่องกงอยู่กับปู่ตั้งแต่อายุ 16 ที่พวกเขาสามพี่น้องมีชื่อแบบไทยกันทุกคนเพราะต้นตระกลูของแม่เขาเป็นขุนนางในวังเลยอยากให้พวกเขาพี่น้องมีชื่อเล่นแบบไทยกันทุกคน ที่เลือกเรียนหมอทั้งที่บ้านทำธุรกิจสีเทาเพราะชอบอยากช่วยเหลือคนกลับสู่ปัจจุบันที่มียัยผู้หญิงขี้เมามาอ้วกใสเสื้อแถมหลับหนีความผิดไปแล้ว“เอาไงดีวะเนี้ย” เขาหยิบโทรศัพท์โทรออกไปหาไอ้พี่รหัสตัวดีของยัยขี้เมาเพื่อจะถามหมายเลขห้องยัยขี้เมา“ตูด…ตูด…ตูด… ติ๊ด!”“อ้าวไอ้เพื่อนเลวแค่เสียเวลาที่เคลียร์กับเมียมารับโทรศัพท์เพื่อนชักนิดก็ไม่ได้ แม้ง!” พอไม่รู้จะเอายังไงผมเลยตัดสินใจพายัยขี้เมาไปนอนที่คอนโดผมแล้วกันพรุ่งนี้มีเรียนเลคเชอร์ตอนแปดโมงเช้าอีก ในขนาดที่คณะอื่นเขายังไม่เปิดเรียนที่นอ
เงียบช็อกค่ะ พวกเราสามสหายสบตากันสื่อสารทางสายตาโดยไร้เสียงพูดคุยออกมา แอร์ในร้านก็เปิดจนหนาวระเยือกเย็นเข้าหัวใจรู้สึกว่าขนทั่วกายลุกชันเมื่อคนที่พวกเรากำลังนินทามายืนอยู่ตรงหน้าใครจะไปคิดว่าคนที่พวกเรากำลังเมาท์เขาอยู่กันอย่างสนุกปากเขาจะมาอยู่ใกล้ๆเรา ตายแน่ไม่รู้พี่หมอจะได้ยินอะไรไปบ้าง“อ้าวทำไมเงียบกันหมดล่ะครับน้องๆ ไม่คุยกันต่อเหรอดูกำลังสนุกกันอยู่เลยฮึ”พี่เจมส์ที่โผล่หน้ามาพูดเกือบชนเข้ากับใบหน้าของไอ้ติวเตอร์ส่วนไอ้ติวเตอร์มันก็ผละออกแทบจะหงายหลัง จ้องหน้าติวเตอร์แล้วยิ้มทะเล้นให้“เปล่าๆครับพี่ พวกเราแค่คิดว่าอาจจะคุยกันเสียงดังรบกวนหรือเปล่าแฮ่ๆ”“อ้าว! น้องฟองจันทร์แต่งตัวแบบนี้น่ารักจังเลยนะครับ”หลังจากที่พี่เจมส์ที่จ้องหน้าไอ้ติวเตอร์แบบแปลกแล้วก็หันมาแซวฉันต่อ เสียงหวานเยิ้มเชียวพี่เจมส์นี่หน้าม่อจริงๆ“ขอบคุณค่ะพี่เจมส์” ฉันพูดยิ้มๆให้พี่เขา“ตกลง ล็อกห้องพี่หรือยังครับ”ทำไมต้องทำเสียงโหดอย่างงั้นกับเขาด้วยอ่า หนูกลัวนะไม่ได้ไปยกเค้าห้องของพี่มาชะหน่อย“ล็อกแล้วค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงหนูไม่ได้ขโมยอะไรออกมาแน่ๆ”ไม่ได้ร้อนตัวไปเองนะแค่อธิบายให้เข้าใจทั่วกันเท่านั้นเองจริง
“พวกเราจะเอาไงกันดี ใครมีไอเดียอะไรเสนอไหม” ติวเตอร์พูดอย่างเป็นงานเป็นการตามหน้าที่ประธานสาขาเครื่องกล ปี1“ป๋องแป้งแต่งหน้าทำผมเป็นแล้วก็รู้จักร้านเสื้อผ้าสำหรับละครแนวมนต์รักลูกทุ่ง” ป๋องแป้งที่นั่งอยู่ข้างนิดหน่อยยกมือเสนอความคิดเห็น“งั้นให้ป๋องแป้งอยู่ฝ่ายแต่งตัวนักแสดงนะ”“โอเคค่ะ”“แล้วนักแสดงสมทบตามบทที่หามาคร่าวๆ ต้องการคนแสดงอีก 8 คน ขอผู้หญิง4คนผู้ชาย 4คนนะ” ติวเตอร์ทำการบ้านเร็วมากค่ะเพื่อนรายละเอียดหามาครบเลย จากนั้นก็มีทั้งเพื่อนที่อยากแสดงและเพื่อนที่โดนเพื่อนบังคับสุดท้ายก็ได้คนครบตามบท โดยนิดหน่อยเล่นเป็นสายใจตัวร้ายเสนอโดยป๋องแป้งเพื่อนรัก“แล้วเรื่องฉากมีใครจะอาสาไหม” ติวเตอร์หน้าเครียดเชียวก็เพราะมันสำคัญและยากสุด“เราวาดรูปได้เดี๋ยวรับเอง” บิ๊กเสนอตัวและก็มีเพื่อนอีกหลายคนที่พอมีฝีมือวาดรูปไปทำฉากกันหลายคนทีเดียว“โอเคตกลงตามนี้นะส่วนเรื่องเงินจะคำนวณแล้วส่งให้ในไลน์สาขาแล้วเราค่อยมาออกเงินช่วยกัน แยกย้ายไปกันกลับไว้เจอกันวันเสาร์โอเค” หลังจากพวกเราตกลงกันเสร็จเรียบร้อยฉันก็กลับคอนโดโดยมีแสตมป์ไปส่งติวเตอร์มันประชุมกับประธานสาขาชั้นปี1น่าจะกลับดึกตอนนี้ฉันกำลังนั
วันเสาร์เวลา 09.30นาทีวันนี้พวกเรานัดรวมตัวกันที่สาขาเครื่องกลเพื่อเตรียมการแสดงในการประกวดดาวเดือนคณะวิศวกรรม เพื่อนๆ เริ่มมากันหลายคนแล้ว“ไอ้ฟองทำไมสภาพแกเหมือนคนไม่ได้นอนทั้งคืนเลยว่ะ”ตอนนี้พวกเราที่มาถึงแล้วก็นั่งรวมกันอยู่ใต้อาคาร ภายในใต้อาคารจะมีโต๊ะชุดยาวเรียงเต็มใต้ตึกเพื่อเอาไว้ให้นักศึกษานั่งรอเข้าเรียนหรือทำกิจกรรมต่างๆภายในสาขา“ก็เออนะสิคือเมื่อคืนตอนกลับจากร้านนั่งชิวฟองเจอพี่หมอพะนาย”ฉันหันไปตอบติวเตอร์แล้วฟุบหลับลงกับโต๊ะ ง่วงนอนมากแต่ต้องอาบน้ำแต่งตัวตอนเก้าโมงเพื่อมานั่งอยู่ใต้ตึกสาขา ตอนเก้าโมงครึ่งโถชีวิตนักศึกษาวิศวะ“มันเกี่ยวอะไรกับพี่หมอพะนายวะ”แสตมป์สายเผือก ถามขึ้นแล้วมันก็ตักข้าวเซเว่นที่ซื้อมากินไปจนเต็มปาก“กะ...ก็คือแบบว่า…” จากที่ง่วงหายเป็นปลิดทิ้งกลายเป็นเขินแทนเลยทีนี้“ว่าอะไรเล่ามา!” ประสานเสียงพร้อมกันเลยนะเพื่อนติวเตอร์เพื่อนแสตมป์“คือเมื่อคืนที่เจอพี่หมอพะนายแล้วพี่เขาก็บอกฝันดีฟอง…”เล่าเป็นฉากๆ เลยที่นี่ เขินจนหน้าร้อนไปหมดบิดตัวจนจะตกโต๊ะอยู่แล้ว“แล้วตกลงเมื่อคืนได้กันยังว่ะ”ไอ้แสตมป์จำเป็นต้องพูดเสียงดังจนเพื่อนที่มาจะครบแล้วหันหน้ามามอง
เวลา 18.40น.หลังจากที่ซ้อมเสร็จฉันก็กำลังเก็บของที่วางไว้โต๊ะเดิมตั้งแต่ตอนเช้า กลับก่อนทุ่มหนึ่งจริงๆนะแต่ก่อนแค่ 20นาทีวันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากแถมง่วงนอนมากด้วยตาจะปิดอยู่แล้วเนี้ย“ไอ้ฟองป่ะกลับ เก็บของเสร็จยัง”ติวเตอร์ที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะกลับโดยที่แสตมป์ไปส่งเหมือนเดิม ส่วนนิดหน่อยกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ทยอยกันกลับแล้ว“ฟองจันทร์กลับพร้อมเฮียนะ”อ้าวนี่พี่หมอพะนายยังไม่กลับอีกเหรอ เมื่อสักครู่นี้เห็นเขาเดินออกไปพร้อมกับพี่คิงแล้วนิ แล้วทำไมเดินกลับมาชวนฉันไปด้วย“อ้าวยังไงวะเนี้ยฟองจันทร์ตกลงคบกับพี่หมอพะนายแล้วเหรอว่ะ”ไอ้แสตมป์สายเผือกเจ้าเดิมกระซิบฉันที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ มัน บอกตามตรงนี่ก็งงเหมือนกันค่ะเพื่อน“บะบ้าเปล่าไม่มีไร”ฉันพูดเสียงสั่นๆแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาเมื่อพี่หมอเดินมาหยุดที่ตรงหน้าฉัน แล้วเขาก็แย่งกระเป๋าในมือฉันไปถือ“วันนี้พี่จะไปส่งเพื่อนพวกน้องเองนะ” แล้วหันไปพูดกับแสตมป์และติวเตอร์“ตามสบายเลยครับพี่!”ไอ้แสตมป์มันพูดอย่างเต็มใจ แล้วยังพลักฉันไปชนกับพี่หมอพะนายจนหน้าฉันไปชนหน้าอกพี่เขาเลย ไอ้เพื่อนอสรพิษนี้มันไม่คิดจะห่วงฉันบ้างเลยเหรอ ห้ามกันบ้างนี่เพื่อนสวย
“อย่ามาล้อฟองเล่นนะคะพี่หมอพะนาย” พี่หมอพะนายขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉัน แล้วจับตัวฉันไว้ไม่ให้ขยับหนีเขา“จริงจังครับ!” เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคำพูดจริงๆ แล้วเขาก็ก้มหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบฉัน“โอ๊ย!” หน้าพี่หมอพะนายทิ่มลงกับโซฟาอย่างเต็มๆ แรงที่เขาตั้งใจจะจูบฉันเพราะไอ้ฟองคนนี้ดันหลบทันอย่างหวุดหวิด“ฟะฟองขอโทษพะพี่หมอเจ็บมากไหม” พี่หมอพะนายเงยหน้าขึ้นมาจากบนโซฟา จมูกของเขาแดงมากเลยทีเดียวสงสัยจะเจ็บอยู่ไม่น้อย“เฮียโอเค ยัยตัวแสบ” เขาพูดอย่างเข็นเขี้ยวเหมือนอยากจะเอาคืนฉันแต่ระงับอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่“หาว!ฟองง่วงนอนอีกแล้ว” ฉันทำท่าหาวประกอบให้เขาคิดว่าฉันง่วงนอนจริงๆ เพราะกลัวเขาจะทำอะไรฉันเหมือนเมื่อสักครู่ถึงฉันจะชอบเขาเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าผู้ชายที่หล่อ เรียนหมอ แถมบ้านรวยมากจะมาจริงจังกับเด็กต่างจังหวัดอย่างฉันจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ถ้าเกิดมีอะไรเกินเลยทั้งที่ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอกันจริงๆ และแน่ใจว่าเขาจะจริงจังและจริงใจกับเรา ถ้าเขาแค่มาเล่นๆ จะไม่เสียตัวฟรีหรือยังไง“งั้นวันนี้เฮียกลับห้องก่อน แต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเฮียจะเริ่มจีบเราอย่างจริงจัง เตรียมตัวไว้นะ”ณ.ห้องหมอพ
หลังจากที่ฉันไปซื้อข้าวมันไก่ไม่เอาหนังไก่มาให้พี่หมอพะนายแล้วเขาก็กินข้าวที่ฉันซื้อมาอย่างรีบๆ“พี่หมอพะนายมีเรียนต่อตอนบ่ายโมงเหรอคะดูรีบๆ”ฉันถามเขาแล้วก็คีบก๋วยเตี๋ยวไก่มะระกินต่อ“ครับ พอดีตอนบ่ายมีแล็บ ต้องเข้าห้องก่อนเวลา10นาทีเพื่อเช็กอุปกรณ์ต่างๆ” แล้วเขาก็รีบกินข้าวต่อให้หมดจานไม่ถึง สิบนาทีด้วยซ้ำ กินเร็วมาก“อ่อๆค่ะ ฟองว่านะพี่หมอพะนายไม่น่าจะมากินข้าวไกลถึงคณะวิศวะเลยน่าจะกินที่คณะแพทย์”“ไม่ได้หรอกต้องรีบทำคะแนนครับ เดี๋ยวหนูฟองก็ได้เป็นดาวคณะแล้วเฮียต้องรีบประกาศตัวเป็นแฟนของเรา ก่อนที่จะมีผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับหนูฟองของเฮีย”ประโยคที่ฟังดูห่ามๆ และน้ำเสียงที่ใช้พูดดูเหมือนจะติดแข็งๆ ตรงคำว่าผู้ชายคนอื่น ท่าทางเหมือนเด็กหวงของเล่นที่เขาชอบแต่ทำไมเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังหลงรักฉันอย่างหัวปรักหัวปรัม ดูแล้วน่ารักจนเหมือนฉันจะชอบพี่หมอพะนายมากขึ้นทุกวันแล้ว พี่หมอพะนายเล่นเสน่ห์ยาแฝดใส่ฉันหรืออย่างไรกัน“เหลือเวลาอีก20นาทีก่อนบ่ายโมงเฮียรีบไปก่อนนะหนูฟอง ตอนเย็นเฮียจะไลน์มาถามว่าเราเลิกกี่โมงแล้วจะมารับที่คณะ”“ค่ะ!ไม่ต้องรีบมากขับรถระวังๆ ด้วยนะคะพี่หมอพะนาย”พี่หมอพะนายเข
เชี้ยแล้วไหมล่ะ! อีกสิบนาทีอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว แต่ผมยังยืนรอข้ามถนนอยู่สี่แยกหน้าโรงอาหารกลางมหาลัยอยู่เลย!ความวุ่นวายเวลาเปลี่ยนคาบเรียนซึ่งเป็นชั่วโมงเร่งด่วนในมหาลัยของผมเลยเถอะ เพราะด้วยเป็นมหาลัยชื่อดังของประเทศทำให้คนที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่เรียนเก่งและบ้านรวยแต่นั้นเหมือนจะไม่ใช้ประเด็นแต่มันก็คือประเด็นนะครับทุกคน! เพราะไอ้บ้านรวยมันเลยมีรถขับกันแทบทุกคน พอเวลาเปลี่ยนคาบเรียนรถมันเลยติดยิ่งกว่าสี่แยกกลางห้างดังชะอีก!แล้วไอ้ฟองแม้งดันโทรมาอ้อนวอนให้ผมไปซื้อลูกชิ้นทอดเจ้าดังของมอที่โรงอาหารกลางให้มันเพราะผมต้องมาถ่ายเอกสารให้เพื่อนๆในสาขาในฐานะประธานสาขา แล้วไอ้เพื่อนสาวจอมตะกละมันก็ดันเห็นเพื่อนโพสในเฟสบุ๊คเซ็คอินร้านดังกล่าว ภาระเลยมาตกที่ผม!ปรี๊ด! ปรี๊ด! ปรี๊ด!เสียงบีบแตรดังลั้นมาจากรถหรูที่จอดเทียบฟุตบาตตรงหน้าผมที่ยืนรอข้ามถนนพร้อมกับบ่นให้เพื่อนอย่างหงุดหงิดอยู่คนเดียว!“อะไรวะ! ผมไม่ได้จะข้ามถนนตัดหน้ารถคุณนะครับ! มองเห็นอยู่ก็ยังไม่ได้ข้ามไง!”ผมตะโกนใส่เจ้าของรถหรูที่ติดฟิล์มหนาจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจ้าของรถที่อยู่ภายในรถคันหรูสัญชาติยุโรปราคาหลักล้
ห้องหอ...หลังจากที่ผู้ใหญ่ให้พรคู่บ่าวสาวแล้ว พวกท่านก็กลับออกไป ปล่อยให้คู่สามีภรรยาป้ายแดงเข้าหอกัน...“หนูฟองมาใกล้ๆครับเดี๋ยวเฮียจะแกะผมช่วย”ใบหน้าหล่อเหลายิ้มขำภรรยาสาวของเขาที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดลำคานและดึงทึ่งผมตัวเองอยู่กับจำนวนกิ๊บดำหนีบผมจำนวนมากที่อยู่บนหัวของเธอโดยฝีมือของช่างทำผมที่เนรมิตให้ทรงผมของเจ้าสาวออกมาสวยงาม แต่พอเธอจะต้องแกะมันออกกับต้องจัดการมันด้วยตัวเองคนเดียว!“เฮียด้านหลังก็มี”ฉันบอกพี่หมอให้เขาเอากิ๊บดำออกจากผมให้เพราะเอื้อมมือไปแกะเองไม่ถึงจริงๆ ตอนนี้จะตีสองอยู่แล้วแต่ฉันกับเขายังไม่ได้อาบน้ำกันเลย หน้าผมและชุดของเจ้าสาวที่สวยอลังการ พอจะต้องถอดมันออกจากร่างกายกับเป็นภาระอันใหญ่หลวงชะงั้น!“ครับๆหนูฟองหึๆ” เขายิ้มขำฉัน ที่สะบัดหน้าอย่างงอนๆใส่เขา“ยังจะมาขำฟองอีกนะเฮีย! รู้ไหมว่าฟองง่วงและเหนื่อยมากอยากจะนอนเต็มแก่แล้วนะคะเฮีย”พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างอ่อนแรงพลังงานที่ใช้ไปกับงานแต่งงานตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนไม่ใช้เรื่องง่ายๆสำหรับไอ้ฟองเลยจริงๆ“ไม่ขำก็ได้ครับที่รัก โอ๋ๆอย่างอนเฮียนะคนสวย”เขาดึงแก้มของฉันอย่างคนหมั่นเขี้ยว“โอ้ย!เฮียเบาๆหน่อยสิค
4 ปีต่อมา...“ไอ้ฟองรีบวิ่งหน่อย เดี๋ยวไม่ทันถ่ายรูปรวมของสาขานะโว้ย!”ไอ้ติวเตอร์ตะโกนเรียกฉันที่กำลังรีบเดินให้ทันเพื่อน ฉันวิ่งหอบดอกไม้ ตุ๊กตา ที่เพื่อนๆน้องๆนำมาแสดงความยินดีด้วยความพะรุงพะรังภาพเหมือนวันแรกที่ฉันรับน้องตอนปีหนึ่งเลย ต่างกันแค่วันนี้เป็นวันรับปริญญาของฉัน“รู้แล้วโว้ย! เพื่อนขาสั้นทำไมชอบเร่งกันจังเลยวะ!?”เสียงหวานโวยวายจนเพื่อนๆต่างพากันหันมามองหน้าฉันเป็นตาเดียวฉันยืนหอบอยู่ข้างไอ้แสตมป์ ที่อยู่ๆมันก็ยื่นแก้วชาเขียวเย็นมาให้ฉัน“ขอบใจมากนะเพื่อน!” ฉันดูดชาเขียวเย็นด้วยความกระหายเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวของวันรับปริญญาของมหาลัย ที่ทุกคนต่างมีพ่อแม่ญาติพี่น้องมาแสดงความยินดีด้วย ผู้คนที่เยอะกว่าวันปกติจนแทบจะหาที่ยืนไม่ได้“อ๊ะ ขอบใจมากไอ้แสตมป์!”ฉันยัดแก้วชาเขียวเย็นคืนให้เพื่อน แต่มันกับจับมือของฉันเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“รับดอกกุหลาบช่อนี้ของเฮียหน่อยนะครับ”พี่หมอยื่นกุหลาบสีแดงช่อโตมาตรงหน้าฉัน ที่ตอนนี้ได้แต่ยืนนิ่งมองเขา ก่อนที่จะรับดอกกุหลาบช่อโตเอาไว้ในอ้อมแขน“…”“หนูฟองครับ เราสองคนคบกันมา 4 ปีแล้วนะครับ เฮียคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว...”อ้าวเฮ้ยไอ้แสตมป
ใช่เหรอคะ!? แต่เมื่อคืนฉันเห็นบางคนแถวนี่รีบเอารถออกขับพาพะนายมาโรงพยาบาลเลยนะลูก!”แม่ของฉันพูดขึ้นเสียงดังเมื่อพวกเราสองแม่ลูกยืนแอบฟังพวกเขาสองคนคุยกันอยู่ประตูหน้าห้อง...“อะแฮ่มใครไม่มี๊ คุณก็พูดไปเรื่อย ผมหิวข้าวมากๆเลยมีอะไรกินบ้างเนี้ย!”ป๊าทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้ามาหาม๊าที่ถือถุงอาหารเต็มสองมือจากตลาดใกล้ๆโรงพยาบาล“จ๊ะ! หิวก็หิว” ม๊าส่ายหน้าอย่างเอิ่มระอากับสามีตัวเองฮ่าๆ“พี่หมอเป็นยังไงบ้างคะ ยังมีอาการปวดหัวอยู่ไหนคะ”ฉันวางผลไม้สดที่ให้แม่ค้าปลอกเปลือกให้แล้วใส่จานเตรียมป้อนร่างสูงที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย“ดีขึ้นมากแล้วครับหนูฟอง”เขายิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน มองไปทางป๊า เมื่อเห็นว่าป๊าไม่ได้สนใจพวกเรา เขาก็ส่งสายตาอ้อนให้ฉันตักผลไม้สดให้เขาท่าน“ฟองก็จะป้อนเฮียอยู่นี่ไงคะ ไม่ได้จะซื้อมากินเองชะหน่อยฮ่าๆ”ฉันหัวเราะเมื่อคิดว่าคนเจ็บจะคิดกลัวว่าไอ้ฟองจอมตะกละจะแย้งของกินหมด“เชื่อได้เหรอ ทุกวันนี้เฮียก็ผอมจนจะไม่มีแรงอยู่แล้ว เพราะโดนเมียแย้งของกิน!”ประโยคสุดท้ายเขาก้มกระซิบพอให้ได้ยินกันแค่เราสองคน“พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวฟองจะฟ้องป๊าให้จัดการเฮียอีกนะ!”
“เฮียเป็นไงบ้างคะ บาดเจ็บตรงไหนไหม!?”ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เขย่าแขนเขาอย่างดีใจเมื่อเห็นเขาปลอดภัย...“โอ๊ย!!! หนูฟองเบาๆครับเฮียโดนยิงเสียดๆที่แขน ทีแรกก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแต่โดนแรงเขย่าจากเราไปก็เริ่มปวดแผลขึ้นมาเลย!”เขาโดนยิงจริงๆ!!! ฉันปล่อยมือจากแขนของพี่หมอ มองไปที่เลือดที่กำลังไหลออกมาจากบาดแผลด้วยความตกใจ น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วไหลลงมาเหมือนเขื่อนแตก!สีหน้าของเขาดูซีดกว่าตอนเย็นที่โดนป๊าแกล้งมาชะอีก!!! แต่แล้วอยู่ๆร่างสูงก็หมดสติลงต่อหน้าฉันและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน แล้วความชุลมุนก็เกิดขึ้นแต่ฉันเหมือนคนกำลังช็อค สติลอยออกจากตัว มองเหตุการณ์ด้วยความมึนงง แต่รู้สึกได้ว่าน้ำตามากมายไหลออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น!หน้าห้องฉุกเฉิน“ฟองจันทร์!!!”ป๊าเขย่าตัวฉันแรงมากและตะโกนเสียงดังเพื่อให้ฉันได้สติ หลังจากที่ขึ้นรถจากบ้านมาโรงพยาบาลฉันก็เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน“ปะป๊าฮึก! เขาจะเป็นอะไรมากไหม!?” ฉันโผล่เข้ากอดพ่อตัวเองเอาไว้แน่น“ไม่ต้องห่วงมันไม่ทิ้งหนูหรอกลูก ยังไงมันก็ต้องฟื้นขึ้นมาหาฟองเชื่อป๊านะไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ยืน
บ้านฟองจันทร์เวลา 17.00 นาทีวันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะด้วยความร้อนใจเป็นห่วงพี่หมอ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรับมือกับการโดนป๊าและพี่ชายของฉันแกล้งไหวไหม“ฟอง! ลูกเลิกเดินไปเดินมาได้แล้ว ม๊าเวียนหัวเดี่ยวป๊าก็จะถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกเชื่อม๊า นั่งลงได้แล้ว!”ตอนนี้ฉันกับม๊านั่งรอพ่อของฉันที่กำลังจะกลับมาถึงบ้าน...“วันนี้ทั้งวันฟองโทรหาเฮียหมอทั้งวัน แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์หนูเลยนะคะม๊า หนูกลัวว่าจะมีเรื่องไม่มีเกิดขึ้นกับเขา”ฉันยอมนั่งลงโซฟาแล้วเล่าถึงความกังวลของตัวเองให้ม๊าฟัง“เชื่อม๊านะลูก ถึงป๊าจะเป็นคนดุยังไงแต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้หมอพะนายเขาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกหรอกนะลูก”ม๊าจับมือของฉันอย่างปลอบโยน แววตาของท่านมองฉันด้วยความห่วงใย จนฉันต้องฝืนยิ้มให้ท่าน“มาแล้ว!!!”เสียงป๊าดังเข้ามาก่อนที่ตัวของท่านจะเดินเข้ามาถึงภายในห้องรับแขก แล้วป๊าก็มาถึงห้องรับแขกพร้อมกับเอ่อ...“เฮียหมอ!!!”ฉันตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นปิดปาก ซึ่งอาการของม๊าก็ไม่แตกต่างไปจากฉันมากนักเพราะท่านก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเช่นกัน“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้
วันนี้พี่หมอออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่เขานอนดูอาการต่ออีกสองคืนคุณหมอถึงจะอนุญาตให้เขากลับบ้านได้“มึงหายดีแล้วจริงๆนะไอ้พะนาย!?”พี่หมอเจมส์ถามพี่หมอด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แต่!น้ำเสียงที่ใช้ติดจะไปทางประชดชะมากกว่า“เอ่อ! กูหายดีแล้วครับเพื่อน”สีหน้าของคนเจ็บ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะต้องนอนโรงพยาบาลถึงสามคืน แค่โดนซ้อมอาการของเขาไม่ได้ถึงปานตายชะหน่อย แต่ทำไมคุณหมอถึงให้นอนตั้งสามคืน ฉันก็ได้แต่สงสัยและคอยจับผิดร่างสูง สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ...“ใช่สินะมีแฟนมานอนเฝ้าทุกคืน กูว่าใจจริงมึงอยากป่วยสักหนึ่งปีหรือเปล่าวะไอ้พะนาย!?”คำพูดประชดกันไปมาตามปะสาเพื่อนของพวกเขาทำเอาฉันที่พึ่งเก็บของเสร็จถึงกับแอบกรอกตา ชอบทะเลาะกันแต่ยังครบกันมิตรภาพของพวกเขานี่ชั่งยากจะเข้าใจจริงๆ“ความคิดเข้าท่าวะไอ้เจมส์” พี่หมอทำหน้าตาเหมือนคนกำลังคิดอะไรดีๆได้ขึ้นมา“กูประชดนะครับเพื่อน รีบไปกันเถอะเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเครื่องจะขึ้นแล้วเดี่ยวจะตกเครื่องกัน”วันนี้พวกเขาจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนเรื่องของเราก็เหมือนจะเข้าใจกันและกันมากขึ้น แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตกลงว่าจะกับมาคบเป็นแฟนกับเขาที ถึงปากบอกไม่ตกลงแต่ก
เวลา 08.00 นาทีฉันที่กำลังนั่งซบใบหน้าหลับอยู่รู้สึกถึงแรงเขย่าเหมือนมีคนปลุก“อืมมมม”ฉันทำเสียงอืมขานรับแรงเขย่าแล้วกระพริบตาถี่ๆอย่างคนมึนปนง่วงเพราะพึ่งจะเผลอหลับไปประมาณหกโมงเช้า…“ขอน้ำหน่อยครับหนูฟอง เฮียรู้สึกคอแห้งมากๆ...”เสียงแผ่วเบาจากคนเจ็บ ทำให้อาการง่วงของฉันหายเป็นปิดทิ้ง...“เอ่อ!ได้ๆค่ะเฮีย”ฉันรีบลุกขึ้นเพื่อรินน้ำให้กับคนเจ็บดื่ม พอพี่หมอรับน้ำจากแก้วไปดื่มจนหมดแก้วเขาก็ส่งแก้วเปล่าคืนมาให้ฉัน“นี่เฮียมาอยู่ที่โรคพยาบาลได้ยังไงครับ”เสียงที่ยังแผ่วเบาของเขาถามฉันที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่กับที ไม่รู้ว่าควรไปเรียกหมอมาเช็คอาการของเขาหรือตอบคำถามเขาก่อนดี“ฟอง เฮียแบงค์ พี่หมอเจมส์ และไอ้ติวเตอร์เป็นคนพาพี่หมอมาส่งที่โรงพยาบาลคะ เดี๋ยวฟองไปเรียกหมอมาดูอาการเฮียก่อนนะคะ!” พอตอบคำถามพี่หมอเสร็จ ฉันทำท่าจะเดินไปเรียกหมอ...“เดียวก่อนครับ!”เขารั้นมือของฉันเอาไว้แน่น ฉันก้มลงมองมือของเขาที่กุมมือของฉันไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งมาจากคนเจ็บบนเตียง“เฮียอยากได้อะไรอีกเหรอคะ!?” ฉันมองเขาอย่างเป็นคำถาม“เฮียไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละครับ แค่อยากคุยกับหนูฟองก่อน”เขาพูด
ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้น ตาของเขาค่อยๆหลับลง ฉันพยายามสะบัดตัวออกจากเพื่อนพี่ชายที่จับตัวของฉันเอาไว้“กรี๊ดดดดดดดดดด ฮึก!ฮื่ออออ เฮียอย่าเป็นอะไรนะ! ตอบฟองหน่อยอย่าหลับตานะ”พอฉันกรี๊ดร้องพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้นเพื่อนพี่ชายของฉันปล่อยตัวฉันอย่างตกใจแต่ร่างสูงก็หมดสติลง ถึงแม้ฉันจะกอดร่างของเขาพร้อมเขย่าเพื่อเรียกสติ ความกลัววิ่งเข้ามาในใจของฉันกลัวว่าเขาจะจากไปไม่มีวันกลับมาครั้งล่าสุดความกลัวมันไม่ได้มากเท่ากับตอนนี้ที่เขาสลบไปพร้อมกับหน้าตาเต็มไปด้วยรอบพกซ้ำและเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากบาดแผล!“เอ่อ! ฟองเฮียว่าพามันไปโรงพยาบาลเถอะ อย่ามัวแต่ร้องไห้เดี่ยวมันได้ตายจริงๆหรอก!”เฮียแบงค์จับที่บ่าของฉันที่เอาแต่ร้องไห้โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่ยืนอยู่“รถๆเฮียแบงค์ไปเอารถมาเร็วๆ ฮึก! ฮื่อ!”ฉันพูดไปร้องไห้ไปกลัวว่าพี่หมอจะเจ็บหนัก อาการโกรธของพี่ชายของฉันดูจะลดน้อยลงเมื่อเขารีบไปเอารถมาพาพี่หมอไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบโรงพยาบาลหลังจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าผับ จนพาพี่หมอมาถึงโรงพยาบาลผ่านพ้นไป ฉันก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ยอมไปไหน...“ฟอง ดื่มน้ำกับกินขนมปังนี่หน่อยเฮียไป