ณ โรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพมหานคร ช่วงพักกลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียนนั้น มักจะเต็มไปด้วยผู้คนทั้งอาจารย์และนักเรียนเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันทั้งสิ้น ทั้งยังมีเสียงคุยเล่นกันของเหล่านักเรียนอย่างสนุกสนาน บ้างก็นินทาอาจารย์ว่าอาจารย์ท่านนั้นโหดบ้างท่านนี้ใจดีบ้าง บางคนก็บ่นว่าทำไมการบ้านเยอะจัง
แน่ล่ะ แต่เรื่องที่เหล่านักเรียนต้องเมาท์มอยเป็นประจำเลยก็คือ เรื่องของความรัก เขาทั้งหลายจะนำเหตุการณ์ข่าวสารข้อมูลมาแชร์กันเพื่อความสนุกสนานเพิ่มสีสันในการรับประทานอาหารกลางวัน หนึ่งในกลุ่มนักเรียนทั้งหลายนั้นคงขาดไม่ได้เลยคือกลุ่มของ ลลิน
กลุ่มของลินหรือลลินนั้น มีด้วยกันอยู่ 3 คน คือ เปรมมิกา สุภาวดีร่วมด้วยตัวลินเอง เพื่อนทั้งสองของลินนั้นรู้ว่าลินชอบใครและสถานะของลินเป็นอย่างไร ถึงลินจะรู้ว่าเขาคนนั้นมีแฟนแล้วก็เถอะ
เธอมักคิดเสมอว่า ชอบไปแล้วนี่นาให้เลิกคงไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ก็เช่นกัน ในระหว่างทานข้าว สายตาของเธอก็จะคอยมองมาร์ทหรือคุณาวุฒิอยู่เสมอ
“นี่ ยัยลินถ้าจะมองขนาดนั้นอะนะ ฉันว่าแกควรไปบอกชอบพี่เขาตรง ๆ เถอะ จะได้จบ ๆ กันไป ฉันเห็นแกคอยมองหาพี่เขาเป็นคนไม่มีตัวตนแบบนี้ ฉันรับไม่ได้ว่ะ เพื่อนเปรมต้องสตรองค่ะ โดนผู้ชายหักอกต้องไม่ตาย อิอิ”
เปรมมิกาเมื่อทนพฤติกรรมของหญิงสาวไม่ไหวเธออดไม่ได้ที่จะพูดแขวะหญิงสาวให้เจ็บใจเล่น ๆ ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ ค้อนวงโต ๆ จากตัวหญิงสาวและเสียงหัวเราะของสุภาวดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ฉันว่าก็ดีนะยัยลิน บอกว่าชอบผลเป็นอย่างไรก็ช่างมัน แหมมั่นใจเหมือนตอนเรียนหน่อยสิจ๊ะ แม่สาวน้อย”
สุภาวดีก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาแหย่เพื่อนสาวเล่นดูเหมือนกัน หลังจากนั้นบรรยากาศการทานข้าวของทั้งสามคนก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเล็ก ๆ จากหญิงสาวทั้งสามอย่างสนุกสนาน
ส่วนตัวลลินนั้นถึงจะหัวเราะสนุกสนานไปกับเพื่อนสาวของตน แต่ในหัวเธอนั้นมีแต่เรื่องคุณาวุฒิเต็มหัวไปหมด เธอคิดไม่ตกเลยว่าจะบอกความรู้สึกออกไปดีหรือจะเก็บมันไว้อย่างนี้ดี
เฮ้อ
นี่ฉันนั่งถอนหายใจกับยัยเพื่อนบ้าสองคนนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย
เฮ้อ
เอาไงดีล่ะยัยลิน เธอจะบอกพี่มาร์ทไหมว่าเธอชอบ ทำไมมันถึงยากนักนะแค่เดินไปบอกชอบเนี่ยไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวตรงไหนเลย แล้วถ้าเธอไปบอกชอบ เขาจะรู้สึกยังไง มีท่าทางยังไง สำคัญเลยเราก็ไม่ใช่คนสวยออกจะอ้วนด้วยซ้ำ แล้วเธอดูแฟนเขาสิน่ารักทั้งนั้น เขาจะหันมามองเธอเหรอยัยบ้า บอกออกไปมันจะยังเหมือนเดิมไหม เธอมั่นใจว่าเข้มแข็งพอรับความรู้สึกหลังบอกได้แล้วเหรอ
เฮ้อ
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฉันจะบอกชอบพี่มาร์ท หลังจากนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฮึบ สู้ ๆ
มาร์ท คุณาวุฒิ หนุ่มฮอท รูปหล่อ พ่อรวย ขวัญใจสาว ๆ ของโรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ สถานะทางบ้านของเขานั้นรวยมาก และที่ทำให้เขาภูมิใจมาก ๆ ก็คงจะเป็นหน้าตาอันหล่อเหลาที่สาว ๆ พร้อมจะพลีกายถวายชีวิตให้นี่นะสิ
กลุ่มของเขานั้นมีกันอยู่ 3 คน คือ ภูมินทร์ เมฆาและตัวเขาเอง ชีวิตเขาดูเหมือนจะเพอร์เฟกต์ครบทุกอย่าง
แต่ทำไมนะ ทำไมชีวิตของเขาต้องมาเจออะไรบ้า ๆ แบบนี้ด้วย พ่อกับแม่บ้าไปแล้วหรือเปล่าที่จับเขาหมั้นกับยัยอ้วน ฮึ่ย หน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรมาก ตัวอ้วน ๆ เล็กน้อย มีดีอยู่เรื่องเดียวคือเรียนเก่ง เหอะ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่แต่งกับยัยบ้านั่นเด็ดขาด ยัยลลิน
ทั้งนี้เขายังต้องปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว ไม่งั้นคงมีคนสมน้ำหน้าเขาที่มีแฟนเป็นยัยอ้วนเทอะทะหน้าตาน่าเกลียด โดยเฉพาะไอ้เพื่อนตัวแสบสองคนนั่น ที่สำคัญเลยเขามีแฟนอยู่แล้ว และแฟนของเขาแต่ละคนนั้นมีแต่คนน่ารัก ๆ หุ่นดี ๆ โดยเฉพาะคนล่าสุดนี้ น้องเหม เด็ก ม.4 ที่นอกจากจะน่ารักแล้ว ยังเรียนดีและนิสัยดีอีกด้วย ถ้าให้เอามาเปรียบเทียบกับยัยลินนั่น น้องเหมแฟนเขาคนนี้ชนะเห็น ๆ หึ
เฮ้อ คิดเรื่องนี้ทีไรแล้วปวดหัวไปเล่นบาสดีกว่า ที่สนามบาสคุณาวุฒิเล่นบาสกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุข และชูตลงห่วงทุกครั้งด้วยท่วงท่าที่สวยงาม เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้หญิงที่เข้ามาดูได้มากเลยทีเดียว แม้ว่าบางทีจะรู้สึกหงุดหงิดบ้างที่เห็น ลลินมานั่งดูอยู่ด้วย
ส่วนลลินนั้นเธอยิ้มอย่างมีความสุขมากเพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เข้ามาดูคุณาวุฒิเล่นบาส แถมยังรู้สึกตื่นเต้นที่ตนจะบอกความรู้สึกของคนเองให้ฝ่ายชายรู้อีก และแล้วผู้คนในโรงยิมก็เริ่มทยอยออกไปกันจนหมด เหลืออยู่แค่นักกีฬาสองถึงสามคน
ในที่สุดนักกีฬาก็ออกจากโรมยิมไปจนหมดเหลือแต่คุณาวุฒิ ที่กำลังจะเดินออกไปโดยแกล้งทำมองไม่เห็นหญิงสาวเพื่อหวังว่าเธอคงไม่ต้องมาพบเขาอีก แต่ไม่ทัน เพราะลลินได้เรียกชายหนุ่มไว้แล้ว
“พี่มาร์ทคะ ลินมีอะไรจะบอกค่ะ”
“เอ่อ คือว่าลินชอบพี่มาร์ทค่ะ ชอบมากด้วย ชอบมานานแล้วด้วยค่ะ”
พอพูดจบหญิงสาวก็ยิ้มออกมา ด้วยความรู้สึกที่โล่งที่ได้บอกความรู้สึกของตนออกไป
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอ และไม่มีวันชอบด้วย”
“ทำไมคะ ทำไมพี่ไม่ชอบลิน” หญิงสาวพูดออกไปด้วยน้ำตาคลอและกลั้นไม่ให้มันไหลออกมา
“เพราะอะไรเหรอ นี่เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอยัยอ้วน ว่าทำไมฉันถึงไม่ชอบเธอ” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวนิ่ง หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ
“หึ งั้นฉันจะบอกให้นะ เพราะว่าเธอมันอ้วนแล้วก็ไม่สวยไง พอใจหรือยัง”
“ตะ แต่ว่าเราเป็นคู่หมั้นกันนะคะ ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน”
“เหอะ ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันแต่งงานกับเธอ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบอย่างเธอด้วยแล้ว ไม่มีวันเด็ดขาด หึ เลิกยุ่งกับฉันสักที ออกไปจากชีวิตของฉันซะ”
จบคำพูดของคุณาวุฒิ ไม่สิเขาตะคอกใส่เธอมากกว่า ลลินก็วิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทันที คุณาวุฒิได้แต่มองตามไปเงียบ ๆ แล้วยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ
ณ คฤหาสน์บ้านของลลิน หลังจากที่จบวาจาร้ายกาจที่ทิ่มแทงจิตใจของเธอนั้น ลลินก็รีบกลับมาที่บ้านและขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง
“ฮึก ฮือ คนบ้า ฮึก ไม่เห็นต้องว่ากันขนาดนี้เลย รักษาน้ำใจกันหน่อยก็ไม่ได้ ฮือ พี่มาร์ทใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย ฮืออออ”
ลลินเอาแต่ร้องไห้และตกอยู่ในห้วงความคิดของตน ไหนมีคนบอกว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ไหนบอกว่าความรักไม่มีถูกไม่มีผิด ไหนบอกว่าความรักมีแต่จะทำให้เรามีความสุขจากการที่ถูกรักและได้รัก แต่ทำไมกับฉัน ความรักถึงได้ทรมานขนาดนี้ ทำไม ฮึก ฉันเกลียดความรัก เกลียด ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก
“ในเมื่อพี่ไล่ฉันออกจากชีวิตพี่ ฉันก็จะไปจากพี่ ลาก่อนคุณาวุฒิ รักแรกของฉัน” หญิงสาวพูดออกมาด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
“คุณพ่อคุณแม่คะ ลินมีเรื่องอยากจะขอนะคะ คือลินขอไปเรียนไฮสคูลและปริญญาที่อเมริกาเลยนะคะ ถือว่าเป็นการไปฝึกภาษาด้วย เพราะปีนี้ลินอยู่ ม.5 ถ้าลินไปเรียนไฮสคูลที่นู่น ลินก็น่าจะได้อยู่เกรด 11 พอดี นะคะ คุณพ่อคุณแม่ให้ลินไปนะคะ” หญิงสาวอ้อนพ่อแม่ด้วยเหตุผล
“ไปทำไมละลูก ลูกยังเด็กอยู่เลยนะ แม่ว่าเรียนที่นี่ก็ดี ส่วนสำเนียงหรือภาษาอังกฤษแม่ว่าลูกไม่ต้องฝึกก็เป๊ะแล้วล่ะจ้ะ อย่าไปเลยนะแม่เป็นห่วง”
คุณหญิงรัตนาพูดขึ้น หญิงสาวได้แต่มองหน้าพ่อของตนด้วยสายตาอ้อนวอน
“ให้ลูกไปเถอะคุณ ลูกจะได้ประสบการณ์เยอะกว่าอยู่ที่นี่ กลับมาจะได้มาบริหารงานเราได้เลยไงล่ะผมว่าดีออก”
คุณไกรศรพ่อของลินพูดขึ้นบ้าง นั่นทำให้ลลินยิ้มออกมาทันที และหันไปอ้อนมารดาต่อ
“นะคะคุณแม่ขาให้ลินไปนะคะ น้า นะคะ น้า” ลลินเกาะแขนแม่ตัวแล้วเอาหัวทุยถูไปที่แขนของมารดาอย่างออดอ้อน พร้อมกะพริบตาให้มารดาของตนอย่างน่ารัก
“เฮ้อ ก็ได้ แม่จะว่าอะไรได้ล่ะ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทั้งสองคนพ่อลูกเลยนี่” จบคำพูดของมารดา หญิงสาวก็กระโดดร้องอย่างดีใจ
“ขอบคุณนะคะคุณพ่อคุณแม่ ลินสัญญาจะตั้งใจเรียนและกลับมาบริหารธุรกิจของเราให้ดีที่สุดค่ะ อิอิ”
หลังจากที่ตกลงกับครอบครัวได้แล้ว ไม่ถึง 1อาทิตย์ลลินก็ต้อง เดินทางไปอเมริกาทันที
ที่อเมริกาจากเด็กตัวอ้วนก็เริ่มโตเป็นสาวสะพรั่ง มีทั้งความสวย ความเซ็กซี่ มีคนชอบเธอมากมาย แต่เธอหาได้สนใจใครไม่เพราะเธอยังเข็ดกับความรัก แต่เธอไม่ได้มีแค่ความสวยเท่านั้น เธอยังมีความโหดที่เป็นความลับที่ไม่เคยมีใครรู้อีกด้วย เนื่องด้วยความสวยความเซ็กซี่ที่มีอยู่มากนั้นทำให้เธอได้ขึ้นปกนิตยสารของอเมริกาแทบทุกฉบับ
ด้านคุณาวุฒิหลังจากวันนั้นวันที่เขาปฏิเสธเธอและไล่ให้เธออกจากชีวิต เขาก็ไม่เห็นลลินอีกเลย เขารู้จากแม่เขาว่าลลินไปต่อที่เมืองนอกแต่ไม่รู้ที่ไหน รัฐไหน
จนวันหนึ่งขณะที่คุณาวุฒิกำลังอ่านนิตยสารอยู่นั้น เขาก็รู้สึกสะดุดกับรูป ๆ หนึ่ง ใช่ เขาจำได้ นั่น เธอ ลลินคู่หมั้นของเขาเอง เธอสวยมากแถมยังเซ็กซี่ สเปกที่เขาชอบได้พอดี ยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบเธอขึ้นไปอีกและเผลอยิ้มกับความรู้สึกของตนเอง แต่แล้วเขาก็ต้องหุบยิ้มเมื่อในนิตยสาร มีข้อความเขียนไว้ว่า
“เอาละค่ะทุกค๊นนนนน สาวสวยสุดเซ็กซี่ ขวัญใจหนุ่ม ๆ ทั้งอเมริกา ที่ไม่เคยมีข่าวว่าคบกับใครเลย ล่าสุดหญิงสาวนามว่าลินควงหนุ่มปีเตอร์ที่เจ้าตัวบอกเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ คนนี้ ไปเที่ยวค่ะ แหม ๆ เป็นไงละจ๊ะทุกคน ผู้ชายทั้งอเมริกานี่เสียดายเป็นแถบ ๆ ค่ะ ทุกคนคงจะสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าสรุปแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นอย่างไร ล่าสุดเจ้าตัวน้องลินเองก็ออกมาย้ำนะคะว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันจริง ๆ คราวนี้ก็แล้วแต่คนอ่านล่ะนะคะว่าจะคิดยังไง แต่เจ๊เจนคนนี้คิดว่า สนิทกันขนาดนี้คงไม่ใช่เพื่อนธรรมดาละมั้งคะ โหะ ๆ ๆ ๆ”
พรึบ!!!
เสียงปานิตยสารฝีมือคุณาวุฒิก็ดังขึ้น ใช่เขารู้สึกโกรธมาก ๆ ของของเขา เขาคิดเพียงแค่นี้
“บัดซบ บัดซบที่สุดเลย”
ชายหนุ่มได้แต่นั่งหายใจแรง ๆ ด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
“หึ ของของฉัน ต่อให้ฉันเคยทิ้งมันไปแล้ว แต่ยังไงความจริงเธอก็คือของของฉัน ลลิน”
ณ คอนโดสุดหรูที่อเมริกา เฮ้อ ผ่านมา 5 ปี แล้วสินะ หึ ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้วเหรอนี่ เฮ้อ เขาจะเป็นอย่างไรบ้างน้า ป่านนี้คงมั่วหญิงเป็นว่าเล่นเลยสิหึ พี่ไล่ฉันออกจากชีวิต ฉันก็ออกมาแล้ว แต่ทำไมนะ ทำไมกันฉันยังไม่ลืมพี่สักที่พี่มาร์ทเฮ้อ ว้า บ่นมาตั้งนานแล้ว ยังไม่แนะนำตัวเลยสวัสดีค่ะ ฉัน ลลิน ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังเก็บของเพื่อกลับประเทศไทยค่ะ ฉันมาเรียนต่อที่นี่และตอนนี้ก็จบแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปเผชิญความจริงที่ฉันไม่อยากเจอแล้วสินะคะทุกคนคงไม่เชื่อสิ่งที่ฉันจะพูดใช่ไหมคะ จริง ๆ แล้ว ฉันเป็นหัวหน้าขององค์กร fuck น่ะค่ะ 55 แค่ชื่อองค์กรทุกคนก็น่าจะรู้นะคะ ว่าไมใช่องค์กรที่ดีแน่ ๆ อิอิเราฆ่าแค่คนที่จะทำร้ายหรือขัดผลประโยชน์กับเราเท่านั้นแหละค่ะองค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นโดยฉันและเพื่อนสองคนของฉัน ยัยปรางค์กับยัยมีน นั่นแหละค่ะ สองคนนี้ร้ายไม่เบาหรอก แต่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่กับฉันหรอกค่ะ มันเพิ่งกลับประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้ว จริง ๆ ฉันต้องกลับพร้อมมันแต่พอดีมีคนอยากลองของ ฉันเลยขออยู่จัดการเองค่ะองค์กรเราเป็นองค์กรใหญ่นะคะ มีแต่คนเก่ง ๆ ทั้งนั้น ส่วนนิสัยของฉันเหรอคะ หึ เชื่อเถ
ตอนนี้ฉันกำลังเต้นอยู่กลางฟลอร์ที่ชั้นล่างของผับ เหล่าผีเสื้อราตรีก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามัน ยัยปรางค์กับยัยมีนก็เต้นอย่างไม่สนใจใครเลยค่ะ ปกติฉันก็ไม่ค่อยชอบหรอกนะคะที่มาเต้นอะไรแบบนี้ แต่ถูกยัยปรางค์มันบังคับมา เหนือสิ่งอื่นใดเลยฉันก็แค่อยากคลายเครียดบ้างอิอิ เต้นอยู่สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเต้นกับฉัน หน้าตาก็ดีอยู่นะคะ เห็นว่าชื่อเตแต่ฉันไม่สนใจหรอกคะเพราะหมอนี่ไม่ใช่สเปกฉัน ฉันก็แค่คุยกับเขาตามมารยาทเท่านั้นเอง และตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเหมือนนายเตอะไรเนี่ยมือไม้ของมันเริ่มจะอยู่ไม่สุขแล้วล่ะ มันลวนลามฉัน!ฉันสงบสติอารมณ์สักพักก็ตวาดมันกลับไปแข่งกับเสียงเพลง จากตอนแรกที่สนุก ตอนนี้บอกเลยค่ะว่าไม่ ฉันโกรธมาก ๆ เลยล่ะ จนฉันทนไม่ไหวฉันต้องบอกเพื่อนฉันก่อน“มึง ยัยปรางค์ ยัยมีน เต้นกันไปก่อนนะ ฉันหมดอารมณ์แล้วว่ะ เข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวฉันมา” ฉันพูดด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก“เฮ้ย เป็นไรวะ เมื่อกี้ยังสนุกอยู่เลย หรือว่าไอ้นั่นมันจะลวนลามแก”ยัยปรางค์พูดด้วยสีหน้าตกใจ“ก็เออนะสิ แม่งอารมณ์เสียฉิบ” ฉันพูดอย่างโกรธ ๆ“แล้วนี่จะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ให้ฉันไปเป็นเพื่อ
ตืดดดด ตืดดดด ตืดดดดด “ฮัลโหล อืม มีไรวะ คนจะนอน” ผมไม่ได้มองหรอกนะครับว่าใครโทรมา เพราะตอนนี้ผมง่วง ง่วงมาก ๆ เลย“เฮ้ย ไอ้มาร์ท แกตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย แกลืมแล้วเหรอวะว่าวันนี้แกต้องเข้ามาเคลียร์ค่าใช้จ่ายเมื่อคืน”อ้อ ผมรู้แล้วไอ้คนที่โทรมากวนผมตอนนี้มันคือใคร ไอ้คิมนี่เอง แต่ว่า เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่า ค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายอะไร ผมนึกไม่ออก“ค่าใช้จ่ายอะไรวะ มึงมั่วแล้ว”ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์ คนยิ่งกำลังง่วง ๆ อยู่ ใครมันจะมีกะจิตกะใจไปไปฟังมันพล่ามกันล่ะ“นี่ ค่าใช้จ่ายที่นางฟ้าคนเมื่อคืนบอกว่ามึงเลี้ยงยังไงล่ะ ผีเสื้อกลางคืนของกูไม่มีใครจ่ายเงินสักคน มึงต้องรับผิดชอบไอ้มาร์ท มึงต้องจ่ายเงินทั้งหมดให้กู เป็นเงิน 10,000,000 ล้านบาท ชัดไหม”“ฮะ! อะไรนะ สิบล้านบาทเหรอ ฮึ่ม เออ ๆ ๆ เดี๋ยวกูจัดการให้ แค่นี้นะคนจะนอน” พอผมได้ยินไอ้คิมมันบอกว่าสิบล้านเท่านั้นแหละ จากที่ง่วง ๆ ตาผมนี่แจ้งขึ้นมาทันทีเลยจริง ๆ แล้วไอ้เงินสิบล้านบาทขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอกครับ แต่ที่ตอนนี้ผมรู้สึกก็คือ ผมต้องเอาคืนยัยแสบของผมที่ทำให้ผมต้องจ่ายเงินสิบล้านโดยไม่จำเป็นนี่ต่างหากโว้ย คิดแล้วแค้น เจอกันแน่ย
ห้องเสื้อที่นี่ก็สวยดีเหมือนกันนะเนี่ย ซื้อไปใส่ดีกว่าเสื้อผ้าแบรนด์เนมด้วย อิอิ หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จเนี่ยต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป จริง ๆ ฉันก็อยากช็อปปิงกับเพื่อน แต่ว่ายัยมีนต้องเข้าไปเช็กของที่จะต้องส่งลูกค้าน่ะสิส่วนยัยปรางค์ฉันให้มันตามเรื่องหนอนบ่อนไส้ที่อยู่เมืองไทย เพราะหลังจากที่ปีเตอร์ส่งข่าวมาบอกว่าในองค์กรของเรามีหนอนบ่อนไส้จริง ๆ แต่ว่าหนอนตัวนี้มันอยู่ที่เมืองไทยซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ยัยปรางค์จึงต้องคอยจับตาดูคนในองค์กรที่ฐานในเมืองไทยเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงเหลือฉันแค่คนเดียวที่ว่างงานออกมาช็อปปิงคนเดียวเฮ้อออไม่ชอบเลยช็อปคนเดียว เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะฉันรู้สึกเหมือนมีคนตามมาด้วยแหละ แต่พอหันไปก็ไม่เห็นใครหึ อยากตามก็ตามไปไม่สนหรอก เจอก็แค่เชือดเท่านั้นเอง จากที่คิดได้ดังนั้นฉันจึงเข้าไปเลือกชุดต่อ เมื่อเลือกชุดได้ตามต้องการแล้วฉันก็เอาชุดที่เลือกทั้งหมดนั้นเตรียมเข้าไปลองในห้องลองชุดทันทีตอนนี้ฉันก็อยู่ข้างในห้องลองชุดแล้วละค่ะ ฉันถอดเสื้อคลุมออก ตามด้วยเสื้อสายเดี่ยว ซึ่งตอนนี้ทั้งตัวของฉันเหลือแค่บราเซียร์กับกางเกงที่ยังไม่ได้ถอดเท่านั้นเองแกร๊ก!“เฮ้ย กรี๊ดด.....
“อะไรนะ!!! แกพูดใหม่สิ” ตอนนี้ผมรู้สึกโมโหมาก ที่ได้ยินลูกน้องคนสนิทของผมมันบอกว่ามีคนแอบเอาความลับของบริษัทผมไปบอกให้คนนอกรู้ ซึ่งผมเกลียดพวกหนอนบ่อนไส้มาก“คือผมบอกว่า คนของเราแอบเอาข้อมูลลับของทางบริษัทไปบอกบริษัทคู่แข่งของเราครับ” กวินมือขวาของผมพูดขึ้น ผมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถามมันออกไปว่า “รู้ไหมว่ามันเป็นใคร ที่กล้าเหยียบหัวคนอย่างฉัน” ผมพูดนิ่ง ๆ แต่สำหรับคนที่อยู่กับผมมานานอย่างมันจะดูออกว่า เมื่อไหร่ที่ผมเป็นแบบนี้แสดงว่าผมเริ่มที่จะโกรธแล้ว“เอ่อ คือ ผมกำลังสืบอยู่ครับ แต่เหมือนมันจะรู้ตัวเพราะว่ามันปิดทุกอย่างที่จะสาวไปถึงตัวมันหมดครับ ผมขอเวลาสักพักแล้วผมจะหาคนทรยศมาให้บอสให้ได้ครับ ส่วนบริษัทคู่แข่งที่มันเอาไปบอกคือ บริษัทของคุณโทมัสครับ เพราะว่างานของเราขัดผลประโยชน์ของทางนั้นอย่างหนัก บริษัทของคุณโทมัสจึงลดราคาของให้มีราคาต่ำกว่าของเรา ทำให้ลูกค้าบางส่วนหันไปใช่บริการสั่งของ ของบริษัทคุณโทมัสแทนครับ แต่ลูกค้าประจำของเรายังติดต่อซื้อขายกับเราอยู่ครับ”“หึ ไอ้โทมัสศัตรูคู่อาฆาตฉันนี่เอง ปล่อยมันได้ใจไปก่อน ส่วนคนที่ทรยศหักหลังเราฉันให้นายตามสืบหาตัวมันให้เร็วที่สุด เมื่
Z…z…Z…Z…z…z…“ยัยลิน ตื่นได้แล้ว ตื่นนนนนนน” ใครมันปลุกฉันแต่เช้าวะ คนยิ่งง่วง ๆ อยู่“นี่ยัยลินตื่น เป็นเจ้าบ้านอะไรวะ มาให้แขกปลุก ลุกได้แล้ววว”อ้อฉันรู้แล้วว่าเสียงใคร เสียงยัยมีนนี่เอง“โอ๊ย นี่แกจะรีบปลุกไปไหนเนี่ย ยิ่งง่วง ๆ อยู่”ฉันพูดกับมันอย่างไม่สบอารมณ์และมองหายัยปรางค์แต่ไม่เห็น กำลังจะถามกับยัยมีน แต่ยัยปรางค์ก็ออกมาจากห้องน้ำซะก่อน“นี่แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าวันนี้เราต้องไปมหาลัยที่พ่อฉันถือหุ้นอยู่ เพื่อไปประชุมนะฮะ!” เสียงยัยปรางค์มาเลย “แล้วนอกจากนั้น แกจะไม่ไปดูเด็กเราหน่อยเหรอ ไม่รู้ป่านนี้เรียนเป็นไงมั่ง” เสียงยัยมีนว่าเด็ก เด็กที่ไหนวะ หรือว่า อ๋อน้องแพรวคนในองค์กรฉันนี่แหละ น้องมันเข้าปีหนึ่งปีนี้แถมยังเรียนวิศวซะด้วยไอ้แพรวมันน่ารักนะ นิสัยมันก็พอ ๆ กันกับพวกฉันเลย แต่ไอ้แพรวมันจะถนัดคอมมาก มันชอบคิดระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ ให้องค์กรตลอด เป็นเด็กที่พวกฉันสามคนรัก เพราะมันเปรียบเสมือนน้องสาวของพวกฉันสามคนเลยล่ะ เมื่อคิดได้ฉันก็ลุกไปอาบน้ำโดยไม่หันมาคุยกับพวกมันอีกเลย“โอ๊ย นี่พวกแก เสร็จกันยัง เร็ว ๆ ดิ” เสียงฉันเร่งยัยพวกนั้นเองแหละค่ะ แฮ่ ๆ“แป๊บ/แป๊บ” เสียงมันสอ
ตอนนี้พวกผมสามคนอยู่ที่มหาลัยของไอ้ตินแล้วครับ เพราะวันนี้มันมีประชุมกับหุ้นส่วนของมหาลัย แต่มันบอกให้พวกผมสองคนมาด้วย พวกผมก็เลยมาแต่เหตุเมื่อกี้สิครับที่ทำให้พวกผมตะลึง คือลลินหันไปพูดอะไรกับไอ้มาร์คัสน้องไอ้ตินก็ไม่รู้ แต่จากที่ผมสังเกตก็คือทุกคนดูตะลึง จากนั้นลลินก็กระชากผู้หญิงข้างกายไอ้มาร์คัสมาและตบเธอไปสี่ครั้งติดทำให้น้องคนนั้นถึงกับล้มเลยล่ะครับ นั่นยังไม่พอเธอหันไปหยิบจานข้าวแล้วค่อย ๆ เทลงบนหัวของน้องคนนั้น ผมนี่ตะลึงทำอะไรไม่ถูกเลย จนไอ้ตินมันสะกิด“ไอ้มาร์ทเว้ย มึงไปห้ามสิมึงชอบน้องเขานิ เดี๋ยวน้องลลินของมึงก็มีเรื่องหรอก ผู้หญิงที่น้องลินมึงมีเรื่องด้วยเนี่ยเป็นลูกผู้มีอิทธิพลนะเว้ย”พอได้ยินเท่านั้นแหละผมวิ่งไปหาเธอและตะโกนบอกให้เธอหยุด“ลิน ลินหยุดพี่บอกให้หยุด” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่หยุดนะครับจนผมเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลังแต่เธอผลักผมออกแล้วหันไปพูดกับน้องที่เธอตบเมื่อกี้อีกครั้ง น้ำเสียงเธอนิ่งมาก ๆ และผมเริ่มรู้แล้วว่าเธอน่ากลัวเพราะน้ำเสียงนิ่งก็จริงแต่สายตาของเธอนี่สิ สามารถฆ่าคนได้เลยละครับบรึ๋ย นึกแล้วผมก็เริ่มกลัวเธอขึ้นมานิด ๆ ล่ะแล้วน้องแพรวอะไรนั่นที่เธอประ
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักไอ้บ้ามาร์ทนะสิ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมฉันก็เปิดประเด็นเรื่องของไอ้แพรวทันที ฉันพูดโดยใช้เหตุผลจนน้องมันรับปาก แต่นั่งอยู่ดี ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อไอ้บ้ามาร์ทมันกระชากฉันให้ไปนั่งบนตักมันแทนโซฟา ฉันบอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อย ฉันจึงยิ้มใส่มันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ฉันจึงยอมเรียกมันว่าพี่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมปล่อย ฉันก็นึกว่าใช้ลูกอ้อนแล้วจะได้ผลแต่ไม่ใช่เลย และที่หนักกว่านั้นก็คือเขาบอกเพื่อน ๆ ของเขาว่าฉันคือคู่หมั้นจนฉันนี่อายไปหมดแล้ว แล้วอยู่ดี ๆ เพื่อนเขาที่ชื่อคิมหันต์ก็โวยวายขึ้นมาว่า มีคู่หมั้นตอนไหน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรก็โดนยัยมีนตอกหน้าให้ซะก่อน ซึ่งนั่นทำให้ฉันก็ขำนะแต่คนตัวโตนี่สิขำจริงจังมาก ๆ อะ จนฉันหยิกเขาและว่าเขาไปนิดหน่อยจนเขาหน้าเสียจากที่ขำอยู่กลายเป็นเพื่อนเขาที่ขำแทน เขามองเพื่อนเขาอย่างคาดโทษ แล้วมองฉันแบบเคือง ๆแต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาแอบหอมแก้มฉันหรอก เขินจนตัวจะแดงอยู่แล้วเนี่ย พอเผลอก็โดนขโมยหอมแก้มตลอดบางครั้ง ที่คุยกันอย่างสนุกเขาก็มุดหน้าลงที่ซอกคอฉัน ฉันก็ขยับหนีบ้างแต่มันก็ไม่ได้ไกลเพราะเขากอดฉันอยู่ จึงทำให้ฉันหนีไม่ถนัด เมื่อเป็นอย
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา
"จะหนีไปไหน""นั่นสิอย่าหนีให้เหนื่อยเลยเพราะยังไงก็ไม่มีทางรอด""อย่าพยายามให้เหนื่อยเปล่า""ยอมไปกับพวกเราดี ๆ ดีกว่าจะได้ไม่เจ็บตัว"เสียงชายที่ล้อมรอบต่างพากันพูดด้วยรอยยิ้มของนักฆ่า"หึ พวกแกเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน" นายริชาร์ดพูด"เป็นใครไม่สำคัญ รู้แค่ว่าแกต้องไปกับพวกเราก็พอ" หนึ่งในสิบพูดขึ้น"ไม่มีวัน" นายริชาร์ดพูดก่อนจะเข้าไปต่อยหนึ่งในสิบตุบ ผละ ผัวะทั้งหมัดเข่าศอกถูกกระแทกจนเกิดเสียงดังเป็นการปะทะที่รุนแรงในสายตาคนธรรมดา แต่มันไม่ใช่สำหรับพวกเขาเพราะพวกเขาถูกฝึกมาจากแดนนรก!อ๊ากกกกกกเสียงของนายริชาร์ดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกจับแขนไพล่หลังตุบเพล้งมือขวาคนสนิทกระโดดถีบชายที่ทำร้ายเจ้านายของตนก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งตุบ ผละ ผัวะหมัดแลกหมัด ต่างฝ่ายต่างแลกการปล่อยหมัดใส่กันและกัน รวมถึงชั้นเชิงในการหลบหลีกตุบ ผัวะ"หนีไปครับนายเดี๋ยวผมถ่วงเวลาไว้ให้"ตุบ ผัวะ อ๊ากกกก"แต่ว่า""ไม่มีแต่ครับนายไปสิครับ"ตุบ ผละ ผัวะอ๊ากกกถึงแม้นายริชาร์ดไม่อยากทิ้งลูกน้องคนสนิทไว้ที่นี่ แต่เขาจำเป็นต้องออกไป"หึ นายแกหนีเอาตัวรอดไปแล้ว คิดว่าแกจะรอดเหรอ" ชายหน
"ฮัลโหลแพรว ฉันเอาเกมให้พวกนั้นเล่นแล้ว""หึ เห็นแล้วค่ะไวจริง ๆ" ยัยแพรว"รีบเจาะเอาฐานข้อมูลมาซะ""รับทราบค่ะนายใหญ่" แพรวพูด"เปิดระบบตัวสัญญาณการติดต่อติดตัวไว้ตลอดเลยนะคะ หลังจากนี้แพรวจะพูดผ่านสายเดียวแต่รับรู้ร่วมกันและเราสามารถติดต่อกันได้ทุกคน""อืม" พูดจบฉันก็วางสายทันทีฉันตัดสินใจขับรถมาแถว ๆ เขตปลอดคนเพราะฉันสังเกตได้ว่ามีคนตามมา แต่พอมองดี ๆ ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรถ้าคนพวกนี้เป็นคนของทอมสันติ๊ดติ๊ดติ๊ด"ทดสอบ ๆ ได้ยินกันไหมคะ" แพรว"ได้ยิน" ฉันปรางค์มีนและปีเตอร์"เย่ นายใหญ่คะ เจาะฐานข้อมูลได้แล้วค่ะ ถล่มได้เลย" ยัยแพรว"บอกพิกัดมา" ฉัน"ไปที่โกดังร้างเขตชานเมืองนะคะ นายโทมัสอยู่ที่นั่นระวังตัวด้วยนะคะ มันเอาคนไปเยอะเหมือนกัน" แพรวพูด"อืม" ฉัน"ฉันกำลังไปสมทบนะ" ยัยมีน"แกจัดการเรื่องของแกเสร็จแล้วเหรอ""ค่ะนายใหญ่ พอดีมีคนเก็บกวาดไว้แล้วน่ะค่ะ ฉันไปก็ปิดบัญชีกับมันเลย" ยัยมีนพูด"ส่วนฉันก็กำลังไปเหมือนกัน คาดว่าไม่เกินสิบนาทีถึงตัวนายใหญ่แน่นอนค่ะ" ยัยปรางค์"ฉันกำลังไปไม่เกินหนึ่งชั่วโมงถึงพิกัดแน่นอน" ปีเตอร์"แกสองคนแพรวนาวหลังจากเจาะฐานข้อมูลและทำลายข้อมูลของมันเรี
"จบสิ้นกันสักทีนะเสี่ยบรรจง" ผมมองตามเสี่ยบรรจงที่เดินออกไปจากเกาะของผมอย่างช้า ๆ ภาพการตายของนายสินยังติดตาของผมอยู่ว่าแล้วผมว่าเสี่ยบรรจงก็น่าสงสารเช่นกัน แต่ทำไงได้อะ เรื่องก็ต้องดำเนินต่อไป ต่อให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะน่าสงสารแค่ไหนก็ตาม"ไอ้มาร์ทครับ กระผมเรียนเชิญไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับรวมถึงพวกคุณมึงและเอ่อคุณลุงด้วยนะครับ" ไอ้ภูมินทร์พูดผมมองหน้ามันอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะตอบมันไป"เออ""ผมว่าพี่มาร์ทคงได้ปฏิวัติเกาะครั้งใหญ่เลยล่ะครับ สภาพเกาะตอนนี้นึกว่าเขตชายแดนไทยพม่าซะอีก" ไอ้มาร์คัสพูด"คงงั้น" ผมพูดยิ้ม ๆ ก่อนที่สายตาผมจะมองหาคุณลุงคนนั้นผมคิดว่าท่านคงไม่ธรรมดา"เฮ้ยไอ้มาร์ท ลุงคนนั้นอยู่ไหนวะ" ไอ้คิมถามผมมองตามันก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับร่างที่ดูสมบูรณ์ยืนหันหลังคุยกับผู้ชายอีกคนอยู่ ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าหาทันที"เอ่อขอโทษนะครับ""อ้าวมาพอดีเลย หึ" ชายตรงหน้าพูดยิ้ม ๆ ทำให้พวกผมหันมองหน้ากันอย่างสงสัย"เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่ช่วย" ผมพูด"ใช่ครับ การยิงนี่เด็ดขาดและก็แม่นสุด ๆ เลย" ไอ้คิมพูด"นั่นสิครับ คุณลุงดูเหมือนพ