ตอนนี้พวกผมสามคนอยู่ที่มหาลัยของไอ้ตินแล้วครับ เพราะวันนี้มันมีประชุมกับหุ้นส่วนของมหาลัย แต่มันบอกให้พวกผมสองคนมาด้วย พวกผมก็เลยมา
แต่เหตุเมื่อกี้สิครับที่ทำให้พวกผมตะลึง คือลลินหันไปพูดอะไรกับไอ้มาร์คัสน้องไอ้ตินก็ไม่รู้ แต่จากที่ผมสังเกตก็คือทุกคนดูตะลึง จากนั้นลลินก็กระชากผู้หญิงข้างกายไอ้มาร์คัสมาและตบเธอไปสี่ครั้งติดทำให้น้องคนนั้นถึงกับล้มเลยล่ะครับ นั่นยังไม่พอเธอหันไปหยิบจานข้าวแล้วค่อย ๆ เทลงบนหัวของน้องคนนั้น ผมนี่ตะลึงทำอะไรไม่ถูกเลย จนไอ้ตินมันสะกิด
“ไอ้มาร์ทเว้ย มึงไปห้ามสิมึงชอบน้องเขานิ เดี๋ยวน้องลลินของมึงก็มีเรื่องหรอก ผู้หญิงที่น้องลินมึงมีเรื่องด้วยเนี่ยเป็นลูกผู้มีอิทธิพลนะเว้ย”
พอได้ยินเท่านั้นแหละผมวิ่งไปหาเธอและตะโกนบอกให้เธอหยุด
“ลิน ลินหยุดพี่บอกให้หยุด” แต่ดูเหมือนเธอจะไม่หยุดนะครับ
จนผมเข้าไปกอดเธอจากทางด้านหลังแต่เธอผลักผมออกแล้วหันไปพูดกับน้องที่เธอตบเมื่อกี้อีกครั้ง น้ำเสียงเธอนิ่งมาก ๆ และผมเริ่มรู้แล้วว่าเธอน่ากลัวเพราะน้ำเสียงนิ่งก็จริงแต่สายตาของเธอนี่สิ สามารถฆ่าคนได้เลยละครับ
บรึ๋ย นึกแล้วผมก็เริ่มกลัวเธอขึ้นมานิด ๆ ล่ะแล้วน้องแพรวอะไรนั่นที่เธอประกาศว่าเป็นน้องก็เหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ลินกับพูดออกมาว่าหยุด ก่อนที่เธอจะขึ้นผมนึกในใจนี่ยังไม่ขึ้นอีกเหรอ ซึ่งตอนนี้เราก็เข้ามาในห้องพักเพื่อรอเวลาการประชุม และสีหน้าของลลินดูนิ่งมาก
ผมยังจำตอนที่ผมเข้าไปกอดห้ามเธอได้ ไม่รู้เธอเอาแรงมาจากไหนแต่ที่ผมรู้ก็คือ แรงเธอเยอะมาก ๆ เลยล่ะ พวกเรานั่งอยู่อย่างนั้นไม่มีใครพูดอะไร ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ได้เวลาเข้าห้องประชุม พวกเราเข้าห้องประชุมทุกคนเลยครับยกเว้นก็แต่น้องที่ชื่อแพรวอะไรนั่นที่ไม่ได้เข้า น้องให้เหตุผลที่ว่าเป็นเรื่องของมหาลัย นักศึกษาอย่างน้องไม่ควรเข้าไป เธอขอนั่งอยู่ในห้องนี้ ซึ่งพวกผมก็ไม่ขัด แต่ผมเห็นสีหน้าของไอ้มาร์คัสนะครับเหมือนมันอยากขอโทษน้องแพรวอะไรนี่มากเลยล่ะ
แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้น ก็ไม่มีอะไรมากก็คุยเรื่องทั่วไป เกี่ยวกับการปรับปรุงมหาลัย การบริหารไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ผมก็นั่งฟังเฉย ๆ ส่วนคนที่คอยเสนอหรือแย้งก็มีแต่ไอ้ตินกับปรางค์เพื่อนของลลินนั่นแหละครับ ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลง พวกเราทั้งหมดเดินมาที่ห้องพักทันที นั่งพักไม่ถึงสิบนาที ลลินก็เปิดประเด็นทันที
“ไหนเล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น ห้ามปิดปังด้วย”
ลลินหันไปถามแพรว
“คือเขาเข้ามาหาแพรวแล้วถามชื่อ แพรวก็บอกว่าใช่ แล้วยัยแพมอะไรนั่นก็เทน้ำใส่ตัวเองแล้วก็ตบตัวเองจากนั้นก็ดึงแพรวไปคร่อมตัวเองไว้ทั้ง ๆ ที่แพรวยังไม่ทำอะไรเลย แพรวได้แต่อึ้งจน จนพี่มาร์คัสเข้ามากระชากแพรวออกแพรวถึงรู้สึกตัวค่ะ” น้องแพรวอธิบายให้ฟัง
“แล้วนายล่ะ มาร์คัสใช่ไหม เล่าสิ” ลลินหันไปถามมาร์คัส
“เอ่อ คือผมเข้ามาก็เห็นแพรวคร่อมแพมอยู่ ผมก็เลยผลักแพรวออกจากแพม แต่ที่ผมบอกให้แพรวขอโทษแพมเพราะพ่อแพมเป็นคนมีอิทธิพล ผมไม่อยากให้แพรวมีปัญหาจึงตัดปัญหาด้วยการให้แพรวขอโทษอย่างที่พวกพี่เห็นล่ะครับ”
ไอ้มาร์คัสอธิบาย ตอนนี้เหมือนทุกคนกลัวลลินเลยแฮะ ขนาดเพื่อนเธอยังเกร็งเลย
“นายเลยไม่เลือกที่จะถาม แต่เลือกที่จะตัดปัญหางั้นสิ ให้ตายเถอะ”
เสียงนี่เป็นเสียงของปรางค์พูดขึ้นบ้าง
“อ้าวนี่คุณ แต่ผมว่าน้องผมก็ทำถูกนะที่จะตัดปัญหาแบบนั้น ไม่งั้นน้องแพรวมีอันตรายแน่” ไอ้ตินพูดทำให้ปรางค์จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“พอหยุด ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรก นายควรสอบถามก่อนตัดสินใจนะมาร์คัส นายเป็นผู้ชายแถมยังเป็นรุ่นพี่ด้วย ไม่งั้นน้อง ๆ มันจะว่าเอาว่าเป็นคนไม่มีเหตุผล ไม่ยุติธรรม ใช้แต่อำนาจ แล้วมันจะไม่มีคนนับถือนาย เขาจะเข้าหานายเพราะเงิน เพราะฉะนั้นให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนทีหลังก็คิดก่อนเข้าใจไหม”
ลลินหันไปหาไอ้มาร์คัส และพูดด้วยเหตุผลจนผมกับเพื่อนตะลึงไม่คิดว่าเธอจะมีเหตุผลขนาดนี้
“เข้าใจครับ แล้วพี่เอ่อ ไม่โกรธผมแล้วใช่ไหมครับ”
ไอ้มาร์คัสรับคำก่อนจะถาม
“โกรธ แต่ช่างมันเถอะครั้งแรกหนิ ส่วนเธอแพรว เราไม่ใช่คนอ่อนแอหนิ แถมยังเป็นคนไม่ยอมคนด้วย ทำไมถึงอยู่เฉย ๆ ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ บางครั้งการอยู่เฉยก็ไม่ได้ทำให้คนที่แกล้งเราหยุดหรอก เพราะฉะนั้นจากนี้ก็วิเคราะห์สถานการณ์แล้วค่อยคิดว่าจะจัดการปัญหาตรงหน้ายังไงเข้าใจไหม” ลลินพูด
“เข้าใจค่ะ” น้องแพรวตอบลลิน จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ผมยิ้มก่อนจะ ลุกแล้วไปดึงลลินมานั่งตัก
“เฮ้ย ปล่อย” เสียงลลินบอก แต่ผมนิ่งส่วนเพื่อนผมอึ้งสิครับ เพราะผมไม่เคยทำกับใครแบบนี้
“ไม่ปล่อยหรอก เรานี่มีเหตุผลเหมือนกันนะ” ผมบอกเธอพร้อมยิ้มน้อย ๆ
“ฮึ่ม จะปล่อยไหม”
เธอถอนหายใจแล้วถามผมอีกครั้ง ผมก็ส่ายหัวเป็นอันที่เข้าใจกันว่าไม่ เธอมองหน้าผมสักพัก แล้วทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ผม จนรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เลยละ แต่ไม่เป็นไรผมมึนพอ
“พี่มาร์ทขา ปล่อยลินนะคะ ลินอยากนั่งโซฟา ลินกลัวพี่มาร์ทเมื่อย”
นั่นไงผมว่าแล้ว แต่อะไรนะพี่เหรอ ลินเรียกผมว่าพี่ ผมหันไปยิ้มให้ทันที เธอมองผมอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“อะไรกัน ห่วงพี่เหรอ พี่ไม่เมื่อยหรอก ให้คู่หมั้นนั่งตักแค่นี้จะเมื่อยได้ยังไง” ผมบอกเธอ
“ฮะ อะไรนะ!!!” เสียงไอ้ติน มาร์คัสและไอ้คิมดังขึ้นอย่างตกใจ
“เออ นี่คู่หมั้นฉันเอง ลลิน” ผมบอกพวกนั้นก่อนจะหันมายิ้มใส่ลินที่ตอนนี้หน้าแดงไปถึงหูแล้ว
“มึงมีตอนไหนไอ้มาร์ท ทำไมพวกกูไม่เคยรู้ว่ามึงมีคู่หมั้น” เสียงไอ้คิมถามแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร
“นี่ จะไปยุ่งอะไรเรื่องส่วนตัวของเขา เขาจะหมั้นจะแต่งเกี่ยวไรกับนายไม่ทราบ ก็เข้าใจนะว่าเป็นเพื่อน แต่บางเรื่องก็ไม่ต้องรู้ก็ได้ปะ! ไอ้ปลาไหล”
เสียงของมีนพูดเองครับ พวกผมนี่หัวเราะก๊ากเลย เพราะไม่เคยมีใครเรียกไอ้คิมแบบนี้เลย หึหึ สงสัยผมว่ามันคงได้คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ทันไร ลลินก็หยิกผมใหญ่เลย
“โอ๊ย ลินหยิกพี่ทำไม” ผมถามเธอพร้อมทำหน้าเจ็บ ๆ
“ไม่ต้องมาสำออย ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น แล้วไปหัวเราะเขาทำไมไม่ทราบ เรื่องตัวเองอะรอดแล้วเหรอฮะ!”
ลลินตอบผมจากตอนแรก ๆ ที่ผมหัวเราะก็กลายเป็นพวกมันที่หัวเราะแทน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้มาร์ท แก ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงพวกมันหัวเราะเยาะผม
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมจึงหันไปทำหน้าดุคาดโทษให้พวกมันทันที ไม่นานเสียงก็เงียบลง และแน่นอนผมจัดการคนที่ทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกกับเพื่อน ๆ ด้วยการกอดเธอแน่นและแอบหอมแก้มเธอด้วยในบางครั้งเวลาที่เธอเผลอ หึหึ ความสุขของผม
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนตักไอ้บ้ามาร์ทนะสิ หลังจากที่ออกจากห้องประชุมฉันก็เปิดประเด็นเรื่องของไอ้แพรวทันที ฉันพูดโดยใช้เหตุผลจนน้องมันรับปาก แต่นั่งอยู่ดี ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อไอ้บ้ามาร์ทมันกระชากฉันให้ไปนั่งบนตักมันแทนโซฟา ฉันบอกให้ปล่อยก็ไม่ปล่อย ฉันจึงยิ้มใส่มันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ฉันจึงยอมเรียกมันว่าพี่ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ยอมปล่อย ฉันก็นึกว่าใช้ลูกอ้อนแล้วจะได้ผลแต่ไม่ใช่เลย และที่หนักกว่านั้นก็คือเขาบอกเพื่อน ๆ ของเขาว่าฉันคือคู่หมั้นจนฉันนี่อายไปหมดแล้ว แล้วอยู่ดี ๆ เพื่อนเขาที่ชื่อคิมหันต์ก็โวยวายขึ้นมาว่า มีคู่หมั้นตอนไหน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไรก็โดนยัยมีนตอกหน้าให้ซะก่อน ซึ่งนั่นทำให้ฉันก็ขำนะแต่คนตัวโตนี่สิขำจริงจังมาก ๆ อะ จนฉันหยิกเขาและว่าเขาไปนิดหน่อยจนเขาหน้าเสียจากที่ขำอยู่กลายเป็นเพื่อนเขาที่ขำแทน เขามองเพื่อนเขาอย่างคาดโทษ แล้วมองฉันแบบเคือง ๆแต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาแอบหอมแก้มฉันหรอก เขินจนตัวจะแดงอยู่แล้วเนี่ย พอเผลอก็โดนขโมยหอมแก้มตลอดบางครั้ง ที่คุยกันอย่างสนุกเขาก็มุดหน้าลงที่ซอกคอฉัน ฉันก็ขยับหนีบ้างแต่มันก็ไม่ได้ไกลเพราะเขากอดฉันอยู่ จึงทำให้ฉันหนีไม่ถนัด เมื่อเป็นอย
ทุกคนครับตอนนี้ผมรู้สึกโมโหคนตัวเล็กมาก ๆ เลยล่ะครับ เพราะอะไรนะเหรอ เพราะว่าเธอลงแข่งรถไง ขนาดผมห้ามเธอยังพูดว่าผมห้ามเธอไม่ได้ มันน่าให้โมโหไหมล่ะครับไอ้เราก็เป็นห่วงไง จะขอลงแข่งเองก็ดูท่าแล้วจะไม่ยอม ตอนนั้นผมโมโหมาก เราทะเลาะกันเล็ก ๆ แต่เพื่อนเธอกับผมนี่ไม่มีใครกล้ามาห้ามสักคน แต่ก่อนที่จะเกิดสงครามย่อม ๆ ระหว่างเธอกับผมก็มีคนมาบอกว่าทางนั้นขอเปลี่ยนตัวคนลงแข่งเพราะไม่อยากชนะผู้หญิงตอนแรกผมก็เบาใจที่เคลวินไม่ลงแข่งแรงแต่ก็ต้องมาตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่ลลินจะแข่งด้วยคือใบเตยอดีตคู่ควงของผม ผมยอมรับว่าเคยรู้สึกดีกับเธอไปช่วงหนึ่ง ในระยะที่ผมควงเธอแต่ก็แค่ตอนขึ้นเตียงเท่านั้นพอลงเตียงผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย มันอาจจะเป็นเพราะเธอเร่าร้อนมั้งครับผมเลยรู้สึกดีแต่ตอนนี้ผมห่วงคนตัวเล็กมาก เพราะใบเตยนั้นเป็นนักแข่งรถที่หาตัวจับได้ยากเลยล่ะ มีทั้งเล่ห์ทั้งกล ผมล่ะกลัวคนตัวเล็กจะเป็นอันตราย แถมยังไอ้ของกำนัลบ้า ๆ ที่เอาผมเป็นของกำนัลอีก ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม พอใบเตยไปแล้วผมจึงคุยกับเธออีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิมเธอไม่ยอม จนผมต้องเดินหนีออกมาเพราะไม่อยากอารมณ์เสียใส่เธอ แต่เธอกลับเดินมาง้อ ผมยอมรับนะว่าด
หลังจากแข่งรถเสร็จฉันก็ขับรถกลับคอนโดเพื่อวางแผนทำลาย ลลินทันที ฉันคิดว่าทุกคนคงสงสัยใช่ไหมล่ะคะว่าฉันคือใคร ฉันชื่อใบเตยค่ะ คู่ควงสมัยม.ปลายของพี่มาร์ท และใช่ทุกคนคิดไม่ผิดหรอก ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่คู่ควงแต่ฉันอยากเป็นนายหญิงแห่งตระกูลพี่มาร์ทด้วย ฉันเคยเข้าหาเขาหลายครั้งแต่เขาก็ปฏิเสธมาโดยตลอดเพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะเขารู้สึกผิดที่เขาเคยไล่ยัยลินศัตรูของฉันให้ออกไปจากชีวิตเขาเมื่อครั้งนั้นยังไงล่ะตอนแรกที่ยัยลินหายไปเขาก็ดูมีความสุขดี แต่พอผ่านไปได้ไม่ถึงอาทิตย์เขากลับพูดแต่ชื่อมัน ในขณะที่ตัวเขาอยู่กับฉัน จนในที่สุดก่อนเขาจะเรียนต่อมหาลัยเขาก็ได้มาขอยุติความสัมพันธ์กับฉัน ฉันยอมรับนะว่าโกรธเพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาบอกเลิก และในวันนี้ฉันก็คิดว่าจะเอาเขากลับมาเป็นของฉันอีกครั้งแต่! แต่ยัยลินก็กลับมา มันกลับมาทำไม กลับมาเป็นมารขวางความสุขฉันทำไม ฉันเกลียดมันวันนี้แข่งรถอีกเหมือนกันมันชนะฉันแถมยังเยาะเย้ยฉันอีก หึ ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่ ฉันจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของมันมาเป็นของฉัน ฉันจะแย่งทุกอย่างคืน ฉันมาเพื่อแย่ง และฉันจะไม่ยอมให้ลลินได้ดีไปกว่าฉันแน่นอน ฉันคิดด้วยแววตามุ่งมั่น หึอ้
“อ๊ะ” ไอ้บ้านี่ มันดูดคอฉัน เจ็บฉิบ“เป็นอะไรยัยลิน” เสียงยัยปรางค์ถามขึ้น“เอ่อ เปล่าไม่มีไร มดกันเฉย ๆ” ฉันตอบ“สงสัยตัวใหญ่มากร้องซะดังเลย”เสียงแบบนี้มีคนเดียวคนที่ทำฉันเมื่อกี้ไงล่ะ ฉันไม่ตอบแต่หันหน้าไปมองเขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขานี่สิกลับไม่รู้สึกผิดเลยมองฉันกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกโว้ยหงุดหงิด แล้วพวกที่เหลือก็มองมาที่เราสองคนอย่างสงสัย ฉันจึงหันกลับไปเปิดประเด็นทันที“แพรว เจาะข้อมูลประวัติคนเมื่อกี้ให้พี่หน่อยนะ ขอแบบละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้” ฉันสั่งแพรว“ค่ะพี่ลิน เดี๋ยวลินจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้องแพรวรับปากจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาทันที“ได้แล้วค่ะพี่ลิน ชื่อนายดนัยค่ะ ทำงานตำแหน่งผู้จัดการที่บริษัทพี่ลินนะคะ แต่ดูเหมือนว่าจะติดการพนันค่ะ เพราะในประวัติบอกว่าชอบเข้าบ่อนและเป็นหนี้มากมาย เอ๊ะแต่เดี๋ยวนะคะ นายดนัยอะไรนี่น่าสงสัยอยู่อย่างเขาติดต่อกับใครคนนึงผ่านทางอีเมลด้วยค่ะพี่ลิน แต่แพรวเจาะเข้าไปไม่ได้งั้นเดี๋ยวแพรวจะกลับไปดึงข้อมูลแล้วเจาะอีกครั้งในคอมแล้วกันนะคะ” น้องแพรวบอกมันติดต่อใคร“ดี พยายามเจาะมาให้ได้ พี่อยากรู้ว่ามันติดต่อใคร” ฉัน
“ว่าไง ไอ้วินเรื่องที่ฉันให้แกไปสืบ มีอะไรคืบหน้าไหม”หลังจากที่มาถึงบริษัทผมก็ถามไอ้วินเรื่องงาน“ขอโทษครับนาย ผมยังหาหลักฐานไปถึงตัวคนทำไม่ได้เลยครับ”มันตอบผมแล้วก้มหน้าลง“........”ผมเลือกที่จะเงียบเพื่อใช้ความคิดว่าทำไม เพราะอะไรลูกน้องคนเก่งของผมถึงทำงานพลาด ปกติผมสั่งให้มันทำอะไรคนระดับมันไม่เคยพลาดเลยนะครับ ผมว่าศัตรูของผม มันคงเริ่มสงครามกับผมแล้วล่ะ“งั้น ก็ไม่เป็นไร สืบต่อไปเงียบ ๆ อย่าให้มันรู้ตัว” ผมพูด“ครับ เอ่อ” มันรับปากผม แล้วเหมือนจะพูดหรือถามอะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม“มีอะไร จะพูดก็รีบพูดมาสักที เอ่อ ๆ อ่า ๆ อยู่ได้ มันน่ารำคาญ” ผมพูดเสียงเข้มแต่ไม่จริงจังนัก“คือ คนงานของเราที่เกาะทางใต้ เอ่อ เกาะไข่มุกน่ะครับ โทรมาบอกว่ามีคนแอบเทสารใส่บริเวณรอบเกาะทำให้ไข่มุกของเราได้รับความเสียหาย แต่ก็สามารถแก้ไขได้ทันที่จะลุกลามครับ”ปัง!เสียงผมทุบโต๊ะเองแหละครับ หลังจากที่ฟังไอ้วินมันรายงาน คงไม่มีใครหรอกนอกจากไอ้เสี่ยบรรจง เพราะเกาะนี้มันอยากได้มากแต่เผอิญผมประมูลได้ หลังจากนั้นผมก็เข้ามาสำรวจและพบว่าเกาะนี้เป็นเกาะไข่มุกทางธรรมชาติ ดังนั้นผมจึงเข้ามาดัดแปลงและส่งคนงานบางส่วนเข้า
K ผับบริเวณชั้นวีไอพีของผับ มีร่างอวบอัดกำลังนั่งเบียดเสียดกับร่างสูงใหญ่ของคุณาวุฒิ ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปฏิเสธมัน เขายังคงนั่งเฉย ๆ ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ โดยมีแม่สาวทรงโตคอยปรนนิบัติไม่ห่างและมันไม่ได้มีแค่ชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่มีสาวข้างกาย เพื่อนเขาทั้งสองรวมถึงน้องชายเพื่อนของเขาก็มี แต่เขาคงยังไม่รู้กระมังว่าการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของฉันทั้งหมด เพราะวันนี้ฉันตั้งใจพาเพื่อน ๆ ของฉันมาเลี้ยงฉลองให้กับความสุขของตัวเอง แต่ดูเหมือนความสุขของฉันจะหายไปเมื่อเห็นการกระทำบ้า ๆ ของสาวทรงโตนั่นยังดีที่มุมที่ฉันกับเพื่อนนั่งนั้นเป็นมุมที่เห็นพวกหนุ่ม ๆ ได้ถนัด กลับกันหนุ่ม ๆกลับไม่เห็นพวกฉันหึ ทันใดนั้นเองฉันก็คิดอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มศัตรูของฉันเดินเข้ามาภายในผับ และมองมาที่ฉันอย่างชัดเจนว่าเขาสนใจ“เจ๊ นั่นมันพวกหนุ่ม ๆ หนิ ดูสิแต่ละคนสาวรอบกายทั้งนั้น” แพรวพูดขึ้น“ผู้ชายสมัยนี้กะล่อนชะมัด” มีนาพูดพร้อมทำหน้ากระเง้ากระงอดจนฉันสงสัย“ผู้ชายมักมากไม่รู้จักพอ” ปรางค์พูดขึ้นบ้างอย่างโกรธพร้อมมองไปที่มาร์ตินเขม็ง แต่ฉันกลับนิ่งและเงียบ ฉันดูออกนะว่าแพรว ปรางค์ มีน คงจะชอบ
“นี่ปล่อยนะ จะมากอดทำไม” ยัยตัวแสบทั้งดิ้นทั้งหยิกผมแล้วตอนนี้ แต่ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบเธอ“...........”“นี่กอดทำไม ปล่อย เจ็บนะ” เมื่อเธอไม่เห็นผมตอบเธอก็ยิ่งดิ้นจนผมอดใจไม่ไหวแล้ว ผมจับหน้าเธอหันมาหาผม แล้วบดจูบขยี้ริมฝีปากเล็กนั่นทันที ผลใช้ลิ้นของผมเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กของเธอ ทันทีที่ผมได้สัมผัสกับความหวานล้ำในโพรงปากของเธออย่างไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน มันเหมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ผมต้องการและต้องการเธอคนนี้ จากตอนแรกที่ผมบดจูบเธออย่างต้องการจะลงโทษก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียกร้องทันที ริมฝีปากร้อนระอุของผม บดย้ำ ดึงดูดเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานจากริมฝีปากของคนตัวเล็กเข้ามาในอุ้งปากของผมทันทีอย่างหลงใหลลินตัวแข็งท่อทำอะไรไม่ถูก เหมือนจะตกใจทั้ง ๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่จูบแรกที่โดนผมจูบสักหน่อย แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เธอไม่ได้สติ มันทำให้ผมไม่อยากถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากเธอเลย ผมคงหลงเสน่ห์เธอจริง ๆ เข้าแล้วล่ะ เพราะผมแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าไม่ได้อยู่กันสองคน ผมได้สติก็ตอนเธอครางปฏิเสธผมนั่นล่ะ“อื้อ อื้อ” ผมผละปากออกจากปากเธอแล้วมองหน้าเธอนิ่ง ใช่ถึงผมจะจูบเธอด้วยการลงโทษไปแล้วแต่มันก็ย
ตุ้บ ว้ายยยย ชายหนุ่มโดนร่างเล็กลงบนเตียงนุ่ม ก่อนที่ชายหนุ่มจะขึ้นคร่อมร่างบางไว้ใต้ร่าง“ปล่อยลินนะคะพี่มาร์ท” หญิงสาวบอกชายหนุ่มอย่างใจเย็น“ไม่ ทำไมรังเกียจพี่มากเหรอ” ชายหนุ่มพูดออกไปอย่างโกรธ ๆ พร้อมสายตาที่จะแผดเผาร่างบาง“มันไม่ถูกต้องนะคะพี่มาร์ท”หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่น แต่ถ้อยคำปฏิเสธของเธอนั้นมันยิ่งเหมือนเอาน้ำมันไปราดบนกองไฟให้อารมณ์ขุ่นมัวในตัวชายหนุ่มเพิ่มอีกเท่าทวี“ไม่ถูกต้อง แล้วแบบไหนมันจะถูกต้องกันฮะ! ลิน แบบไหน!”ชายหนุ่มตะคอกใส่หญิงสาวก่อนจะก้มลงไปสูดดมซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวทันที“ไม่นะ อย่าทำแบบนี้” หญิงสาวปฏิเสธมันก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มโกรธ ชายหนุ่มไซ้ซอกคอขาวขบเม้มจนเป็นรอยแดงสีกุหลาบ หญิงสาวร้องขอก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมื่อขบเม้มจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มก็เงยหน้ามองหญิงสาวตอนนี้ที่มีน้ำตาคลออยู่“คนเลว” หญิงสาวว่าชายหนุ่มเบา ๆ แต่เขาหาได้สนใจไม่ ชายหนุ่มเงียบ“พี่ไม่รู้ว่าพี่รักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ต่อให้พี่เลวแค่ไหนพี่จะไม่ยอมเสียเธอ ลิน”ชายหนุ่มคิดในใจแล้วมองร่างบางที่ตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มใสนั่นแล้ว หญิงสาวมองชายหนุ่มอันเป็นที่ร่างอย่างตัดพ้อ“ต่อให้พี่เลวแค่
ตอนนี้ฉันกับพี่มาร์ทก็มาถึงที่ห้างพี่ตินแล้ว แต่ทำไมคนมองฉันกับพี่มาร์ทแปลก ๆ อะ ก่อนเราจะเข้าไปในห้าง“ลินครับ ลินเข้าไปก่อนเลยนะครับ พี่ลืมของพี่ขอกลับไปเอาของก่อน”“เดี๋ยวลินรอก็ได้ค่ะ” เขายิ้มแต่ส่ายหน้า“เข้าไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” ถึงเขาจะพูดอย่างนั้นแต่หน้าเขาก็ยังคงเครียดอยู่ฉันจึงพยักหน้าเศร้า ๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหลังจากที่เดินเข้ามาในห้างคนก็ยิ่งมองฉันและที่สำคัญทุกคนอมยิ้มให้ฉันจนฉันรู้สึกเก้อเขินไปหมด ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนเจอรูปตัวเองห้อยลงมามันเป็นรูปตอนที่ฉันอยู่ในช่วงอายุมอสี่มอห้าฉันจำได้ดีเพราะช่วงเวลานั้นทำให้ฉันต้องหนีไปอเมริกาฉันเดินมองรูปทีละรูปตามทาง ตามลูกศรไปเรื่อย ๆ รูปตอนเด็กค่อย ๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นรูปที่มาที่ประเทศไทยวันแรกในรอบสี่ปีในหลาย ๆ อิริยาบถฉันเริ่มตกใจ ฉันหยิบรูปนั้นมาดู“ลินครับ” ลายมือพี่มาร์ทหนิ ฉันเดินดูไปเรื่อย ๆ พลิกทีละรูปและแต่ละรูปจะมีข้อความเสมอ“พี่ขอโทษในทุกเรื่อง”“ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้”“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”“ขอโทษที่เคยทำร้าย”“ทำร้ายคนที่พี่รักสุดหัวใจ” ฉันเดินอ่านจนมาถึงรูปนี้น้ำตาฉันก็ยิ่งคลอในหน่วยตา“ลินพอจะ
“อะอื้อ ฮื่ออ”“ตื่นได้แล้วครับสายแล้ว”“อื้อจะนอน อย่ามายุ่ง”“ถ้าไม่ตื่นพี่ปล้ำนะ”จุ๊บจุ๊บ“โอ๊ย ๆ ตื่นแล้ว ๆ ไม่ต้องมามองอย่างนั้นเลยนะ เมื่อคืนเล่นลินซะหนักเลยกว่าจะได้นอนก็ตีสี่เข้าไปแล้วไม่รู้เอาแรงมาจากไหนไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ฉันโวยคนตัวโตทันทีที่ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของเขานั่นแหละ เอะอะปล้ำเอะอะปล้ำบ้าหรือเปล่า เมื่อคืนก็กว่าจะได้นอนเหนื่อยก็เหนื่อยเพลียก็เพลียแถมยังปลุกให้ลุกแต่เช้าอีก ฮือ อยากจะฆ่าพี่มันนัก“ลุกไปอาบน้ำเลยครับ ผู้ใหญ่มารอนานแล้วนะ ไม่น่ารักเลย”เดี๋ยวนะผู้ใหญ่เหรอหมายความว่าไงอะ“เมื่อกี้พี่มาร์ทว่าไงนะคะ ผู้ใหญ่มารอคือ ?” พี่มาร์ทยิ้ม“ไปอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวเสียฤกษ์” ฉันก็พยักหน้าอย่างงง ๆ ฤกษ์อะไรวะไม่เห็นรู้เรื่องเลยงงไปสิตุ้บ“โอ๊ย”ทันทีที่ลุกลงจากเตียงร่างของฉันก็หล่นตุ้บอยู่ข้างเตียง ฉันหันไปมองตัวต้นเหตุตาเขียวปั๊ด“หึหึ เจ็บเหรอครับมาพี่ช่วย”“ก็เพราะใครล่ะ บอกให้พอ ๆ ๆ เคยฟังปะ” ฉันมองเขาตาเขียวพร้อมกับบ่นไปด้วย“อ้าว พี่อาจจะผิดที่ไม่ฟังแต่พอพี่จะหยุดลินบอกเองนี่ครับอย่าหยุด อ๊ะ อื้อ เร็ว ๆ เร็วกว่านี้”เพี้ยะ“โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่พูดความจริงนะ ฮ่
“เฮ้ย!!!”O_O“ขะ เข้า เข้ามาได้ยังไง”ไม่ต้องตกใจครับ จะใครซะอีกล่ะนอกจากน้องลินยัยโหดของผมไงครับ ดูหน้าตาสิคืออะไร ตาจะโตไปไหน แล้วไอ้อาการอ้าปากค้างอีกนั่น อย่างกับว่าไม่เคยอยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นอะ จะตกใจอะไรกันนักกันหนา“ถามว่าเข้ามาได้ยังไงคะพี่มาร์ท ออกไป ลินจะอาบน้ำ”“แหนะ ถามไม่ตอบ บอกให้ออกไปไง พี่มาร์ท ออกไปสิ”ผมยังยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับไปไหน มองหน้ายัยตัวแสบนิ่ง ไม่มีทางยอมออกไปเด็ดขาดเอาสิ วันนี้มีเรื่องให้เคลียร์ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ยังไงก็ไม่ออกเด็ดขาด“ไป ออกไปค่ะ” ยัยตัวแสบเดินมาผลักผม เอามือดันหลังผมออกไป พอใกล้ถึงประตูหมับ“อ๊ะ พี่มาร์ท ทำอะไรคะ ปล่อยสิ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็น”“ไม่เห็นหรอกน่า อยู่ในห้องขนาดนี้ แถมยังล็อกประตูแล้วด้วย ใครจะมาเห็นครับ หื้ม”ฟอดผมพูดพร้อมหอมแก้มเธอไปด้วยแรง ๆ หนึ่งที“ไม่ได้ค่ะ ยังไงก็ต้องออกไป”“ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรรู้ไหม เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวเลย”ผมพูดจบก็พาเธอมานั่งที่โซฟาโดยให้เธอนั่งตักและกอดเอวเธอไว้ เธอขมวดคิ้วมุ่น“เรื่องอะไรคะ ก็เมื่อข้างล่างบอกไปหมดแล้วนี่คะ” ลินพูด“ก็ลิน กอดนายอะไรนะ ไอ้ตำรวจ FBI นั่นอ่ะ” ผม
โอ๊ย ให้ตายเถอะไม่เคยกดดันขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ของฉัน ของพี่มาร์ท ป๊าแด๊ดและเพื่อน ๆ ของฉันมองมาที่ฉันทุกคนเลยอะงืออออ เอาไงดีวะ ฉันกดดัน เอาวะยิ้มสู้"ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้ตัวแสบ" คุณพ่อ"ใช่ไม่ต้องยิ้ม" คุณแม่"เล่ามา" ปรางค์"อย่าหมกนะ" มีนเอาไงดีวะหาตัวช่วย พี่มาร์ท พอหันไปเท่านั้นแหละ ฮือ ลินอยากร้องไห้ สายตาดุกว่าคนอื่นอีก"ไง จะเล่าได้หรือยังจะเงียบอีกนานไหมผู้ใหญ่เขารอ""โธ่แด๊ดดด""ไม่ต้องโธ่ เล่ามาให้หมดนะครับคุณลลิน""ป๊าอะชิ" แต่ก็เท่านั้นแหละสุดท้ายก็ต้องเล่าอยู่ดี"คือว่ายังไงดี โอ๊ยงง" ฉันเอง"ก็ไม่เอายังไงเล่ามาทีละเรื่อง เรื่องแรกเลยไปเป็นหัวหน้าองค์กรได้ยังไง" คุณพ่อพูด ฉันยิ้มก่อนจะบอกว่า"อ๋อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ลินชอบการต่อสู้แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญได้เข้าไปช่วยคนที่อ่อนแอทำให้คนที่ลินช่วยเนี่ยน่าจะเคารพลินมั้งคะ จากหนึ่งก็เป็นสองจากสองก็เป็นร้อยเป็นพันจนกลายมาเป็นองค์กรและมีผู้ร่วมขบวนการอย่างปีเตอร์ มะนาว น้องแพรว ยัยมีน และยัยปรางค์นี่แหละค่ะ อิอิ" ฉันพูดด้วยความสุข"ยังจะมาหัวเราะ โอ๊ยแม่จะเป็นลม" คุณแม่พูดพลางดมยาดมกับคุณป้าแม่ของพี่มาร์ทพร้อม ๆ กัน"
หลังจากที่พวกผมสั่งงานทางนั้นเสร็จแล้ว พวกผมก็รีบเดินทางกลับไปหาลลินทันทีพร้อมกับมิสเตอร์สมิธ แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพกันนะครับเพราะมิสเตอร์สมิธบอกว่าเสียเวลา ไปเจอตัวลินเลยดีกว่า พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกทางคนขับรถของผมให้ไปที่โกดังร้างนอกเมืองแทน"อะไร มองหน้าฉันทำไม"มิสเตอร์สมิธพูดออกมาหลังจากที่เราขึ้นรถคันเดียวกันพวกผมทั้งหมดก็นั่งมองหน้าเขามาตลอดทาง"คือพวกผมสะ..”"ถึงแล้ว ไม่ต้องสงสัยหรอกรีบไปกันเถอะ" ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคท่านก็พูดออกมาซะก่อนตอนนี้เราอยู่ที่โกดังล้างนอกเมืองเรารีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังก่อนที่จะตกใจกับสภาพคนที่นอนเจ็บและตายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด จากสภาพที่เห็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงคนตัวเล็กมากยิ่งขึ้น เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอจะเป็นอะไรไหม เธอจะเจ็บตัวหรือเปล่า แต่ที่ไวกว่าความคิดผมก็คงเป็นขาของผมนี่แหละมันวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อน ๆ เลยด้วยซ้ำอ๊ากกกกกกกกกกกกกกแต่แล้วก็ต้องสะดุดลงเพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวน ด้วยความกลัวจะเป็นยัยตัวเล็กอยู่ในอันตรายผมก็วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่ผมเห็นคือนายโทมัสนอนดิ้นอย่างทุรนทุราย สภาพร่างกายนี่ดูไม่ได้เลย รอ
“หึหึ ทำไมโกรธเหรอนังลิน แกมันนังงูพิษ ฉันน่าจะฆ่าแกตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาเถอะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องฆ่าแกให้ได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะแกทำธุรกิจของฉันต้องพังไง” มันพูดและมองฉันด้วยแววตาเคียดแค้น“งั้นเหรอ งั้นก็เข้ามาสิ”อ๊ากกกกกกกฟิ้ว นายโทมัสพุ่งเข้ามาใส่ฉันแต่ฉันหลบได้ ฉันยังไม่ทันจะตั้งตัวนายโทมัสก็ซัดหน้าท้องของฉันเต็มแรงอุกจุกชะมัด ฉันมองมันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันตกใจนิด ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา“หึ เป็นไงฉันบอกแกแล้วว่าวันนี้ฉันจะฆ่าแก ตายซะเถอะ” พูดจบมันก็หยิบมีดมาเพื่อที่จะแทงฉันที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีนัก ฉันพลิกตัวหลบมีดของมันได้ทันก่อนที่จะปังไอ้บ้านี่มันรอบกัดมันหยิบปืนยิงมาที่ฉันแต่ฉันม้วนตัวหลบได้ซะก่อน หึ ลอบกัดแบบนี้จะมาโทษฉันไม่ได้แล้วนะ ฉันหยิบมีดบิ่นที่ให้ยัยมะนาวทำเป็นพิเศษออกมา“ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้วลลิน” ฉันมองมีดบิ่นด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมด้วยรอยยิ้มความชั่วร้ายปัง ปัง ปัง เสียงปืนของนายโทมัสยิงใส่ฉันไม่หยุดปัง ปังฟิ้ว ปัก ฉึกเสียงปืนกับมีดบิ่นของฉันสองเล่มดังขึ้นพร้อมกันแต่มันพลาดกระสุนปืนของมันไม่โดนฉันสักนิดเดียว แต่มีดของฉันปักลงบนมือที่จับปืนและต้นขาขวา
"จะหนีไปไหน""นั่นสิอย่าหนีให้เหนื่อยเลยเพราะยังไงก็ไม่มีทางรอด""อย่าพยายามให้เหนื่อยเปล่า""ยอมไปกับพวกเราดี ๆ ดีกว่าจะได้ไม่เจ็บตัว"เสียงชายที่ล้อมรอบต่างพากันพูดด้วยรอยยิ้มของนักฆ่า"หึ พวกแกเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน" นายริชาร์ดพูด"เป็นใครไม่สำคัญ รู้แค่ว่าแกต้องไปกับพวกเราก็พอ" หนึ่งในสิบพูดขึ้น"ไม่มีวัน" นายริชาร์ดพูดก่อนจะเข้าไปต่อยหนึ่งในสิบตุบ ผละ ผัวะทั้งหมัดเข่าศอกถูกกระแทกจนเกิดเสียงดังเป็นการปะทะที่รุนแรงในสายตาคนธรรมดา แต่มันไม่ใช่สำหรับพวกเขาเพราะพวกเขาถูกฝึกมาจากแดนนรก!อ๊ากกกกกกเสียงของนายริชาร์ดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกจับแขนไพล่หลังตุบเพล้งมือขวาคนสนิทกระโดดถีบชายที่ทำร้ายเจ้านายของตนก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งตุบ ผละ ผัวะหมัดแลกหมัด ต่างฝ่ายต่างแลกการปล่อยหมัดใส่กันและกัน รวมถึงชั้นเชิงในการหลบหลีกตุบ ผัวะ"หนีไปครับนายเดี๋ยวผมถ่วงเวลาไว้ให้"ตุบ ผัวะ อ๊ากกกก"แต่ว่า""ไม่มีแต่ครับนายไปสิครับ"ตุบ ผละ ผัวะอ๊ากกกถึงแม้นายริชาร์ดไม่อยากทิ้งลูกน้องคนสนิทไว้ที่นี่ แต่เขาจำเป็นต้องออกไป"หึ นายแกหนีเอาตัวรอดไปแล้ว คิดว่าแกจะรอดเหรอ" ชายหน
"ฮัลโหลแพรว ฉันเอาเกมให้พวกนั้นเล่นแล้ว""หึ เห็นแล้วค่ะไวจริง ๆ" ยัยแพรว"รีบเจาะเอาฐานข้อมูลมาซะ""รับทราบค่ะนายใหญ่" แพรวพูด"เปิดระบบตัวสัญญาณการติดต่อติดตัวไว้ตลอดเลยนะคะ หลังจากนี้แพรวจะพูดผ่านสายเดียวแต่รับรู้ร่วมกันและเราสามารถติดต่อกันได้ทุกคน""อืม" พูดจบฉันก็วางสายทันทีฉันตัดสินใจขับรถมาแถว ๆ เขตปลอดคนเพราะฉันสังเกตได้ว่ามีคนตามมา แต่พอมองดี ๆ ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรถ้าคนพวกนี้เป็นคนของทอมสันติ๊ดติ๊ดติ๊ด"ทดสอบ ๆ ได้ยินกันไหมคะ" แพรว"ได้ยิน" ฉันปรางค์มีนและปีเตอร์"เย่ นายใหญ่คะ เจาะฐานข้อมูลได้แล้วค่ะ ถล่มได้เลย" ยัยแพรว"บอกพิกัดมา" ฉัน"ไปที่โกดังร้างเขตชานเมืองนะคะ นายโทมัสอยู่ที่นั่นระวังตัวด้วยนะคะ มันเอาคนไปเยอะเหมือนกัน" แพรวพูด"อืม" ฉัน"ฉันกำลังไปสมทบนะ" ยัยมีน"แกจัดการเรื่องของแกเสร็จแล้วเหรอ""ค่ะนายใหญ่ พอดีมีคนเก็บกวาดไว้แล้วน่ะค่ะ ฉันไปก็ปิดบัญชีกับมันเลย" ยัยมีนพูด"ส่วนฉันก็กำลังไปเหมือนกัน คาดว่าไม่เกินสิบนาทีถึงตัวนายใหญ่แน่นอนค่ะ" ยัยปรางค์"ฉันกำลังไปไม่เกินหนึ่งชั่วโมงถึงพิกัดแน่นอน" ปีเตอร์"แกสองคนแพรวนาวหลังจากเจาะฐานข้อมูลและทำลายข้อมูลของมันเรี
"จบสิ้นกันสักทีนะเสี่ยบรรจง" ผมมองตามเสี่ยบรรจงที่เดินออกไปจากเกาะของผมอย่างช้า ๆ ภาพการตายของนายสินยังติดตาของผมอยู่ว่าแล้วผมว่าเสี่ยบรรจงก็น่าสงสารเช่นกัน แต่ทำไงได้อะ เรื่องก็ต้องดำเนินต่อไป ต่อให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าจะน่าสงสารแค่ไหนก็ตาม"ไอ้มาร์ทครับ กระผมเรียนเชิญไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับรวมถึงพวกคุณมึงและเอ่อคุณลุงด้วยนะครับ" ไอ้ภูมินทร์พูดผมมองหน้ามันอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะตอบมันไป"เออ""ผมว่าพี่มาร์ทคงได้ปฏิวัติเกาะครั้งใหญ่เลยล่ะครับ สภาพเกาะตอนนี้นึกว่าเขตชายแดนไทยพม่าซะอีก" ไอ้มาร์คัสพูด"คงงั้น" ผมพูดยิ้ม ๆ ก่อนที่สายตาผมจะมองหาคุณลุงคนนั้นผมคิดว่าท่านคงไม่ธรรมดา"เฮ้ยไอ้มาร์ท ลุงคนนั้นอยู่ไหนวะ" ไอ้คิมถามผมมองตามันก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับร่างที่ดูสมบูรณ์ยืนหันหลังคุยกับผู้ชายอีกคนอยู่ ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าหาทันที"เอ่อขอโทษนะครับ""อ้าวมาพอดีเลย หึ" ชายตรงหน้าพูดยิ้ม ๆ ทำให้พวกผมหันมองหน้ากันอย่างสงสัย"เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่ช่วย" ผมพูด"ใช่ครับ การยิงนี่เด็ดขาดและก็แม่นสุด ๆ เลย" ไอ้คิมพูด"นั่นสิครับ คุณลุงดูเหมือนพ