หลังจากผ่านการทำความเข้าใจ ถึงได้รู้ว่าโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ และท่านหมอทั้งหลายเหล่านี้เพิ่งจะมาถึงเมืองหลวง เมื่อได้ยินว่าเกิดโรคระบาดขึ้น ก็ไม่ได้มีท่านหมอคนไหนเข้ามารักษาคนไข้ที่นี่ จึงได้อาสาตนเองเข้ามาส่วนอาสาสมัครเหล่านี้ ในใจของจื่ออันชื่นชมเป็นอย่างมาก นอกจากโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ สาเหตุที่สำคัญก็เพราะว่านางมีรูปโฉมที่งดงามจนเกินไป อีกทั้งรู้ว่านางนั้นชื่นชอบมู่หรงเจี๋ยนางมักจะรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นชายใดล้วนแต่ชื่นชอบหญิงสาวเช่นโหยวเหย๋าเสี้ยนจู่กันทั้งสิ้น อบอุ่น ใจกว้าง จิตใจดี ดูแลคนไข้อย่างไม่ลดละมู่หรงเจี๋ยจะไม่ชอบได้หรือ? โกหกในตอนที่ทำงานกันนั้น แม่ทัพหลี่ถึงได้มองเห็นทักษะของจื่ออันดูชำนาญกว่าท่านหมอเหล่านั้นอยู่มากนางร้องขอให้ทุกการทำความสะอาดบาดแผลใช้ยาฆ่าเชื้อที่นางทำขึ้นเอง และหลังจากที่ฆ่าเชื้อแล้ว เห็นได้ว่าบาดแผลดูสะอาดกว่าก่อนหน้านั้นมากอีกทั้งนางยังฝังเข็มให้กับผู้ป่วยทุกรายในตอนที่โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เห็นว่านางเริ่มฝังเข็มนั้น ยังคงเย้ยหยันออกมา “เจ้าเรียนฝังเข็มมาด้วยอย่างนั้นหรือ?”แต่ว่าเมื่อนางเห็นจื่ออันใช้วิธีเข็มทยานขึ้นมาสอดลงไปบนศีรษะของผู้ป่วยอ
จื่ออันเอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก “พวกเจ้าทั้งหลายอยู่ห่างจากสุราไม่ได้สักวันเลยหรืออย่างไรกัน”“สุราเป็นของดี อย่างเจ้าจะไปเข้าใจอะไร?” ซูชิงนั่งลง ก่อนจะดื่มลงไปหนึ่งคำแล้วส่งไปให้จื่ออัน “ดื่มสักคำเถอะ ผ่อนคลายความกดดันลงสักเล็กน้อย”จื่ออันรู้สึกเหนื่อยล้าจริง จึงดื่มเข้าไปหนึ่งคำก่อนจะส่งกลับไปให้ซูชิงซูชิงรับมาดื่มต่อไป แล้วถูกโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่แย่งออกไปอย่างเร็ว “ข้าเองก็ต้องการดื่มบ้าง”ซูชิงผายมือ “ยังจะมาว่ากล่าวข้า พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือในเรื่องสุรากันทั้งสิ้น”โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ดื่มติดต่อกันไปหลายคำ จากนั้นจึงได้เอ่ยออกไปกับจื่ออัน “เจ้าออกมาสักประเดี๋ยว ข้ามีเรื่องต้องการจะถามกับเจ้า”จื่ออันเงยหน้าขึ้นไปมองยังนาง “มีเรื่องอะไรค่อยว่ากันภายหลังเถิด”“ไม่ได้ ข้าเป็นคนใจร้อน เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็จะเอ่ยออกมาทันที”ซูชิงหยิบสุราขึ้นมา ก่อนจะถอยหลังออกไปสองก้าว “พวกท่านกำลังจะทะเลาะกันอย่างนั้นหรือ? ทะเลาะกันเพียงเพื่อชายหนุ่มมันไม่คุ้มค่าหรอกนะ ชายหนุ่มในใต้หล้านี้มีอยู่อีกมากมาย”โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ท่าทีก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขึ้
โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยออกมาอย่างดุร้าย “ข้าเคยเอ่ยเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว หากว่าเจ้ากล้าที่จะโลเลไปมา ทางนี้ก็อยู่กับญาติผู้พี่ของข้า อีกด้านหนึ่งก็อยู่กับซูชิง ข้าเองไม่มีทางที่จะปล่อยเจ้าไป”จื่ออันมองมายังนางอย่างค่อนข้างที่จะมึนงง ความหมายของคำพูดนางคืออะไรกัน? นางถึงกับให้นางอยู่กับมู่หรงเจี๋ยให้ดี? ไม่ใช่ว่านางชื่อชอบในมู่หรงเจี๋ยหรอกหรือ?“เจ้าเอ่ยออกมาให้ชัดเจนสักเล็กน้อยเถิด” จื่ออันเอ่ยออกมาโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่มีท่าทีกรุ่นโกรธ “ยังไม่ชัดเจนเพียงพออีกหรือ? กลวิธีของสตรีสูงศักดิ์เช่นเจ้า ข้ารู้เป็นอย่างดี ดูเจ้าเล่ห์ ชอบวางแผนการ ซูชิงจิตใจบริสุทธิ์ ก็เลยถูกเจ้าล่อลวงเข้าโดยง่าย แต่ว่าข้าไม่ใช่ ข้ามองเห็นกลลวงของเจ้ามาแต่ก่อนแล้ว หากว่าเจ้าคิดจะหลอกลวงซูชิงแล้ว ก็จำต้องผ่านด่านข้าไปให้ได้เสียก่อน”มาคราวนี้จื่ออันจึงถือได้ว่าเข้าใจแล้ว “เจ้าไม่ได้ชื่นชอบในญาติผู้พี่ของเจ้าหรอกหรือ?”โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ตะลึงไปครู่หนึ่ง “ใครบอกกับเจ้าว่าข้าชื่นชอบญาติผู้พี่ของข้า?”“ซูชิง อ่าห์!”“หึ นั่นมันเป็นก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นข้าเคยชื่นชอบญาติผู้พี่มาก่อน ทว่าเป็นตอนนั้นอ่อนเยาว์ไม่รู้เ
“ข้าออกจากเมืองหลวงมาครึ่งปีกว่าแล้ว และก็ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาเลย เขาตอนนี้จะมีคนในใจแล้วหรือไม่?” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ดึงนางเข้ามาเอ่ยถาม“น่าจะไม่มีกระมัง? แต่ว่าเฉินหลิวหลิ่วเคยเอ่ยออกมาว่า ซูชิงยินดีที่จะแต่งงานกับนาง”โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่ขมวดคิ้วออกมา “เฉินหลิวหลิ่ว? หลานสาวของเฉินไท่จวินหรือ? คนผู้นี้คงไม่ง่ายที่จะจัดการได้”“เป็นนาง แต่ว่าจริง ๆ แล้วนางเองก็มีคนที่อยู่ในใจแล้ว นางชื่นชอบเซียวท่า”“เช่นนั้นก็ไม่ยิ่งง่ายหรอกหรือ? ให้เซียวท่าขอนางแต่งงาน!” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยออกมาทันที“แม้แต่ฝันนางก็ยังคิดถึง แต่ว่าเซียวท่าไม่ได้คิดอะไรกับนางเลย”“ทุบให้มึนงง แล้วโยนลงบนเตียง เจ้าลาโง่อย่างเซียวท่าจำต้องใช้วิธีบังคับยิงลูกธนูอันแข็งแกร่ง” โหรวเหย๋าเสี้ยนจู่เอ่ยออกมาในทันทีจื่ออันมองไปยังนางด้วยความตื่นตะลึง เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เฉินหลิวหลิ่วและโหรวเหย๋าเสี้ยนจู่น่าจะเป็นผู้ที่มาจากยุคปัจจุบันเซียวท่าที่กำลังหลับใหลอยู่ภายในจวนแม่ทัพใหญ่ที่ไกลออกไปนั้น ภายในฝันนั้นจามติดต่อกันหลายคราว หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกมึนงง จากนั้นก็ม้วนกายซุกผ้าห่มก่อนจะนอนหล
เมื่อกลับไปยังเรือนเล็กของตระกูลเฉิน หนี่หรงทบทวนความทรงจำแล้วเอ่ยออกไป “ในวันนั้นเป็นเพราะว่าตื่นตระหนกและเร่งรีบ ดังนั้นเมื่อคว้าสมุนไพรขึ้นมาเคี้ยวได้ก็กดลงบนบาดแผล ดูเหมือนว่าจะมีเศษดินสกปรกจริง”จื่ออันเอ่ย “ที่มีพิษอาจจะไม่ใช่สมุนไพร แต่เป็นเศษดินสกปรกเหล่านี้”นางเทเศษดินสกปรกที่เพิ่งจะคว้าขึ้นมาออกจากขวดเมื่อครู่นี้ลง ในนั้นมีหินสีขาวก้อนเล็ก ๆ ผสมอยู่ในนั้นด้วย บีบลงไปเบา ๆ ก็แตกลงเป็นเสี่ยง ๆ “พวกเจ้าลองดู รู้หรือไม่ว่านี้คืออะไร?”ทั้งสองคนหันกลับไปมอง แต่กลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร“นี่คืออะไร? ผงเหล่านี้มีพิษอย่างนั้นหรือ?” ซูชิงเอ่ยถามจื่ออันเอ่ยอธิบายออกมา “นี้คือหินอักษร เป็นหินหยาบที่เรียกกันว่าสารหนู มีพิษร้ายแรง”“สารหนู?” หนี่หรงตะลึงไปชั่วครู่ “ความหมายของเจ้าก็คือ ในวันนั้นข้าใช้สารหนูเข้าไป เพราะฉะนั้นก็เลยไม่เป็นอะไร”“สารหนูนอกจากว่าจะเป็นยาพิษแล้ว แต่ยังใช้เป็นยาได้ด้วย มีฤทธิ์ขจัดเสมหะ เชื้อมาลาเรีย ฆ่าแมลง มีผลกับเนื้อร้าย” จื่ออันเอ่ยซูชิงเอ่ย “ถึงแม้ว่าข้าจะเคยได้ยินเรื่องของการใช้สารหนูแทนยา ทว่าท่านหมอในราชวงศ์นี้ใช้กันน้อยมาก เป็นเพราะว่าหากปริมาณ
อีกทั้ง ต่อให้มาจนถึงช่วงเวลาท้ายที่สุดแล้ว พบเพราะว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ ก็ไม่สามารถถือว่าเป็นกองทหารชั้นยอดได้เมื่อคิดแผนการมาอย่างครอบคลุมแล้ว จื่ออันรู้สึกได้ถึงความทะเยอทะยานที่อยู่เบื้องหลังเซียวท่าเอ่ย “เพราะฉะนั้น ในพื้นที่ภัยพิบัติคราวนี้ ท่านอ๋องอาจจะดูแลเจ้าไม่ได้มากนัก เจ้าจำต้องอาศัยตนเองแล้ว”“ข้ารู้แล้ว เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า ไปช่วยเขาให้มากเถิด” จื่ออันเอ่ยออกมา“ข้าสามารถจัดการมันได้ โชคดีที่พี่ใหญ่ของข้ากลับมายังเมืองหลวงแล้ว นำทหารและม้ากลับมาจำนวนหนึ่ง”หลังจากที่เซี่ยจื่ออันเข้าไปยังพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว ก็ถูกจับตามองมาโดยตลอด เรื่องราวของนางเองก็แพร่กระจายไปทั่วในหมู่ชาวบ้าน และแม้แต่มารดาของนางหยวนฉุ่ยยวี่เองก็ถูกนำมาสนทนาด้วยหยวนฉุ่ยยวี่มีชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยม ช่วยปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่จื่ออันถูกยกเลิกหมั้นหมายมาแล้วได้บ้างในบางครั้งเรื่องราวในโลกนี้ก็แปลกประหลาดจนเกินไป เซี่ยจื่ออันก่อนหน้านี้เป็นหญิงสาวที่ร้ายกาจ ภายในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดที่อยากจะเกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย มาวันนี้นางใช้สถานะบุตรีของจวนมหาเสนาบดีเข้าสู่พื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อรัก
มู่หรงเจี๋ยส่งเสียงหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว เขาไม่อาจจะปิดบังคำพูดต่อคนของตนเองเอาไว้ได้”จื่ออันดึงให้เขานั่งลง “อาการปวดศีรษะกำเริบขึ้นหรือ?”“ระยะนี้กำเริบขึ้นบ่อยครั้ง” เขาไม่ได้ปฏิเสธออกไป“ยุ่งยากมากหรือไม่?” จื่ออันนั่งลงข้างกายของเขา จับแขนของเขาขึ้นมา แล้วเริ่มจับชีพจร นี่เป็นเพียงแค่การจับชีพจรธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการฝังเข็มทว่านางกลับค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา“ไม่ถือว่ายุ่งยาก ตอนนี้เคลื่อนย้ายทหารและม้าออกมาจากจิ้งโจวแล้ว ไม่กี่วันนี้คงจะมาถึง” มู่หรงเจี๋ยเอ่ย“ต้องใช้เวลากี่วัน?” จื่ออันยังคงไม่ปล่อยมือของเขา ทว่ากลับรู้สึกเหม่อลอยออกมาเล็กน้อย“ประมาณสิบวันได้กระมัง”จื่ออันจับมืออีกข้างหนึ่งของเขา จับชีพจรต่อไป คราวนี้รวดเร็วขึ้น จากนั้นก็นำกระเป๋าเข็มออกมา เอ่ยถาม “ช่วงนี้นอกจากปวดศีรษะแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายอย่างอื่นอีกหรือไม่?”“นอกจากนอนไม่หลับ ก็ไม่มีอะไรแล้ว ที่ปวดศีรษะก็คงจะเป็นเพราะว่าพักผ่อนไม่เพียงพอเลยเกิดขึ้น”จื่ออันส่งเสียงอืมออกมา “แน่นหน้าอกหรือไม่? บางคราวอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกขึ้นมามีบ้างหรือไม่?”“เป็นบางคราว”จื่ออันไม่ได้ส่งเสียงออกมาต่
“จะต้องรีบเข้า”มู่หรงเจี๋ยมองมายังนาง “เจ้าเองก็ระวังตัวหน่อย ในพื้นที่ภัยพิบัติถึงแม้ว่าจะมีคนของข้าอยู่ ทว่าก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่มีคนแฝงตัวอยู่ในนั้น หากว่าเจ้าค้นพบวิธีรักษาโรคระบาดแล้ว ก็ให้เงียบเอาไว้ก่อนชั่วคราว”“ข้ารู้แล้ว” จื่ออันเอ่ยเสียงเบามู่หรงเจี๋ยเอื้อมมือออกไปกอดนางเข้าสู่อ้อมแขน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “จื่ออัน ลำบากเจ้าแล้ว”จื่ออันพิงลงไปบนหน้าอกของเขา ฟังเสียงหัวใจของเขา น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย “ไม่ลำบาก ในฐานะที่เป็นหมอ นี่ก็คืองานของข้า”ทั้งสองกอดกันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมา “ข้าต้องไปแล้ว ข้าเพียงแต่มาหาเจ้าเท่านั้น”“อืม ตกลง กลับไปก็ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเสียเล็กน้อย พักผ่อนให้เพียงพอ” จื่ออันเงยหน้าขึ้นมา แล้วเอ่ยเตือนออกไปมู่หรงเจี๋ยส่งเสียงตอบรับ “อืม ข้ารู้แล้ว”มาถึงตอนนี้ การคบหากันของทั้งสองเป็นไปอย่างค่อนข้างสบาย ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมาว่าชื่นชอบหรือรักผู้ใด อย่างไรเช่นนี้ ไม่ถือว่าหวานหยดย้อยแต่ว่าอบอุ่นเมื่อเห็นว่าเขาจากไปแล้ว จื่ออันก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาจากชีพจรของเขาดูแล้วปกติดี แต่ว่าหากฟังนานเข้า ก็สามารถพบปัญ
ร่างกายของแม่ทัพเฒ่าฉินสั่นสะท้านด้วยความโกรธ “เจ้าสาปแช่งปู่รึ เจ้าเคยคำนึงถึงญาติพี่น้องหรือไม่?”เมื่อหมอหลวงมาถึง กลับไม่มีคนในตระกูลฉินคอยเฝ้าเขาอยู่ในห้อง ดังนั้นจึงมีเพียงแต่บ่าวรับใช้หลังจากตรวจสอบอาการเสร็จ หมอหลวงก็กล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง “ท่านแม่ทัพเฒ่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ไปที่ใดมา? แล้วท่านเคยเข้าไปในพื้นที่โรคระบาดหรือไม่?” “ไม่เคย ข้าไม่เคยไปที่นั่น” สีหน้าของแม่ทัพเฒ่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของหมอหลวง “ท่านกำลังสงสัยว่าข้าติดเชื้อโรคระบาดใช่หรือไม่?”“อาการช่างคล้ายคลึงกันยิ่งนัก” หมอกลวงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“เป็นไปไม่ได้!” แม่ทัพเฒ่าฉินรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก “ท่านวินิจฉัยผิดหรือไม่?”“ข้าจะจัดยาให้ท่านสองชนิดก่อน หากดื่มยาเหล่านี้แล้วไม่ได้ผล เช่นนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วขอรับ” หมอหลวงกล่าวแม่ทัพเฒ่าฉินกล่าวด้วยความลนลาน “ฉินโจวบังคับให้ท่านพูดเช่นนี้ใช่หรือไม่?”หมอหลวงรู้สึกประหลาดใจ “แม่ทัพเฒ่า ท่านหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดแม่ทัพฉินถึงต้องบังคับให้ข้าพูดเช่นนี้?”หมอหลวงชะงักไปชั่วครู่หนึ่งแล้วโพล่งถาม “ท่านเคยพูดคุยกับองค์ชายเ
นางสามารถเสียสละได้ แต่จะไม่มีทางทรยศต่อประชาชนเป่ยโม่เด็ดขาดสำหรับความจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิและประเทศชาติ นางจะต้องรักประชาชนก่อน จึงจะสามารถภักดีต่อองค์จักรพรรดิได้ฉินโจวกล่าวคำเบา “ข้าเข้าไปในพระราชวังเพื่อเชิญหมอหลวงแล้ว ท่านปู่พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะออกไปเดินเล่นรับลมสักหน่อย”ดวงตาของแม่ทัพเฒ่าฉินอัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามอย่างหนักเพื่อระงับมันฉินโจวเดินออกจากห้อง และเห็นว่าฉินเป้าน้องชายของตนนั่งอยู่ที่สวน เมื่อเห็นนางเดินออกมา เขาก็ถามว่า “ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินโจวจำคำพูดของท่านปู่ได้อย่างแม่นยำ จึงเมินเฉยต่อเขาและตอบอย่างใจเย็น “เข้าไปดูด้วยตนเองสิ”ฉินเป้าคลี่ยิ้ม แต่มันกลับดูอ้างว้างอย่างยิ่ง “ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านปู่พูดกับท่านแล้ว ข้าไม่อยากเข้าไป”ฉินโจวตกตะลึง “เพราะเหตุใด เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดไปกับหารวางแผนเพื่อเจ้า เจ้าควรขอบคุณท่านปู่สิ”ฉินเป้าหัวเราะเยาะ “จริงรึ? หากเขาทอดทิ้งท่านเพื่อตระกูลได้ ในอนาคตเขาจะไม่ทอดทิ้งข้าหรือ? ข้าไม่ต้องการชื่อเสียงหรือความดีงามใด ๆ พวกมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย”ฉินโจวดูถูกน้องชายมาโดยตลอด เพราะเขาไม่ได
ทั้งสองคนเดินออกไปและหยุดอยู่บนทางเดิน หมอมองฉินโจวพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพ ข้ากำลังสงสัยว่าท่านแม่ทัพเฒ่าจะป่วยด้วยโรคระบาดขอรับ”ฉินโจวตกตะลึง “โรคระบาด? เป็นไปได้อย่างไร? ปู่ของข้าไม่เคยออกไปข้างนอก และไม่เคยติดต่อกับผู้ป่วยโรคนี้เลย แล้วเขาจะติดเชื้อโรคระบาดได้อย่างไร?”“ข้าเคยรักษาผู้ป่วยโรคระบาดมาก่อน ซึ่งอาการคล้ายคลึงกันอย่างมาก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ ตาแดง หายใจเร็วขึ้น เมื่อเกิดอาการเหล่านี้พร้อมกันจะอันตรายอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นโรคนี้ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดขอรับ” หมอกล่าว“เป็นไปไม่ได้ หากจะติดเชื้อโรคระบาดก็ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว แต่ท่านปู่ของข้าไม่เคยใกล้ชิดคนเหล่านั้นเลย แล้วเขาจะติดเชื้อได้อย่างไร?” ฉินโจวยังคงไม่เชื่อหมอประสานหมัด “ทั้งหมดนี้คือคำวินิจฉัยของข้า หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ก็สามารถขอให้หมอคนอื่นมาตรวจดูได้ หรือท่านจะพาเขาไปที่พระราชวัง และขอให้หมอหลวงช่วยตรวจอาการ ข้าไร้ความสามารถ จึงอาจวินิจฉัยผิดพลาดได้ ลาก่อนขอรับ ๆ!”สิ้นคำ หมอก็หยิบกล่องยาแล้วออกไปโดยไม่เขียนใบสั่งยาด้วยซ้ำฉินโจวสับสนไม่น้อย ท่านปู่ติดเชื้อโร
หัวใจของฉินโจวเย็นเยียบราวกับน้ำ “ใช่ ตราบใดที่ข้าตายในสนามรบ ตระกูลฉินก็ยังจะเป็นผู้กล้า และเป็นขุนนางผู้มีเกียรติ”แม่ทัพเฒ่าฉินเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นกล่าวคำเบา “ในฐานะหลานสาวตระกูลฉิน มันเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ต้องเสียสละเพื่อชื่อเสียง และรากฐานของตระกูล”ฉินโจวกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ “หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้ายังทำไม่พออีกหรือ? ตอนนี้มีใครในตระกูลฉินบ้างที่ไม่เกาะกินเลือดนี้ของข้า?”แม่ทัพเฒ่าฉินลุกยืนขึ้นพลางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง ข้าให้คำมั่นกับฮองเฮาเฉาแล้ว ว่าวันนี้เจ้าจะไปที่นั่นเพื่อทูลขอรับคำสั่ง หากเจ้าไม่ไป ข้าก็จะรับคำสั่งและออกรบด้วยตนเอง”“ท่าน...” ฉินโจวมองเขาด้วยสายตาโศกเศร้า “ท่านปู่ ข้าก็เป็นหลานสาวของท่านเหมือนกัน ท่านไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”“ปู่สงสารเจ้าสิ แต่ภารกิจหน้าที่ของตระกูลฉินจะต้องถูกส่งต่อ ตอนนี้น้องชายของเจ้าโตพอแล้ว เจ้าจะต้องพาเขาไปสร้างความสำเร็จทางการทหารด้วย และเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งของน้องเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลฉินก็จะได้ผู้สืบทอดคนใหม่”ฉินโจวผงะไปชั่วครู่ ก่อนระเบิดหัวเราะ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินโจว แม่ทัพเฒ่าฉินก็โมโหมากจนเคราสั่นสะท้าน “อาโจว อะไรจะสำคัญไปกว่าการบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่? องค์จักรพรรดิเพียงต้องการขยายอาณาเขตของแคว้น เจ้าควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อเรายึดครองต้าโจวสำเร็จ เป่ยโม่จะมีพื้นที่เพิ่มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และมันจะเป็นความดีความชอบของตระกูลฉิน ทำให้ตระกูลของเราถูกจดจำไปหลายชั่วอายุคน! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมาตลอดรึ? เจ้าไม่ต้องการบอกคนทั้งโลก ว่าแม้ฉินโจวจะเป็นสตรี แต่นางก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างผ่าเผยหรือ?”ฉินโจวมองดูใบหน้าที่ฉายแววตื่นเต้นปนโกรธเกรี้ยวของปู่ ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติถูกต้อง มันคือความต้องการของนาง แต่ความสำเร็จของนางจะต้องไม่แลกกับการเหยียบย่ำกระดูกของประชาชนชาวเป่ยโม่นางรักเป่ยโม่และหวังที่จะขยายอาณาเขตของแคว้น นอกจากนี้นางยังต้องการเสาะหาดินแดนอุดมสมบูรณ์เพื่อประชาชน เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่อาศัยและทำกินอย่างสงบสุข และพึงพอใจโดยไม่ต้องทนทุกข์จากการพลัดถิ่นอย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หากต้องการบรรลุอำนาจ นางจำต้องสละชีวิตประชาชนจำนวนมาก และนำเงินภาษีของทุกคนมาใช้ในการทำสงคราม ทำให้โรคร
มือสังหารเหล่านั้นแต่งกายคล้ายกับชาวต้าโจวและสวมหน้ากากผ้าสีดำ กลุ่มคนนิรนามราวเจ็ดถึงแปดคนกระโดดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสก ๆ ทันทีที่เท้าของคนเหล่านั้นแตะพื้น พวกมันก็เริ่มโจมตีอย่างดุดันฉินโจวเห็นมือสังหารคนหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกระบี่ยาว จากนั้นร่ายรำอยู่หลายกระบวนท่าราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ ขณะแสงแดดตกกระทบกระบี่ส่องกระจายไปทั่วเหล่าทหารที่เพิ่งมาถึงกระโจนเข้าไปร่วมวงต่อสู้อย่างรวดเร็วหลังจากประดาบกันไปกว่าร้อยครั้ง มือสังหารก็ถูกบีบบังคับให้ล่าถอย ฉินโจวจ่อกระบี่ไปที่คอของหนึ่งในมือสังหาร พลางถามเสียงเข้ม “ตอบข้า ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”มือสังหารตอบอย่างเย็นชา “ฆ่าไอ้หมารับใช้เป่ยโม่ให้หมด!”“หมารับใช้เป่ยโม่? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าไม่ได้เป็นคนเป่ยโม่ พวกเจ้ามาจากต้าโจวใช่หรือไม่?” ฉินโจวโมโหอย่างมาก ขณะชี้ดาบไปยังหน้าอกของอีกฝ่าย “ไอ้เลวมู่หรงเจี๋ยส่งพวกเจ้ามาใช่หรือไม่?”“หญิงเลวอย่าเจ้ากล้าเอ่ยชื่อของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์มัวหมองได้อย่างไร?” มือสังหารตะโกนฉินโจวชักดาบกลับพร้อมกล่าวอย่างเย็นชา “กลับไปซะ!”มือสังหารตกตะลึง ราวกับไม่คาดคิดว่าฉินโจวจะปล่อยตัวเขาไป”เ
ฉินโจวกล่าวด้วยความโมโห “ข้าหลอกลวงเจ้าเมื่อไร?”“ไม่งั้นรึ? เจ้าและอ๋องฉีเอ่ยปากว่า หากจื่ออันตกลงเดินทางมาที่เป่ยโม่ พวกเจ้าจะส่งองค์ชายรัชทายาทไปที่ต้าโจวเป็นองค์ประกัน แล้วพวกเจ้าทำตามที่พูดแล้วหรือไม่?”“องค์ชายรัชทายาทเดินทางไปยังต้าโจวแล้ว!”“ผู้ที่เดินทางไปยังต้าโจวคือองค์ชายเจ็ด ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาท องค์ชายเจ็ดไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจักรพรรดิเป่ยโม่จะส่งเขาไปสังเวยเมื่อใดก็ได้”“เป็นไปไม่ได้!” ฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เดินทางไปคือองค์ชายรัชทายาท เพราะองค์จักรพรรดิทรงตรัสด้วยตนเองว่าจะส่งเขาไปที่ต้าโจว“เจ้าอย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ก่อนหน้านี้ทั้งสองแคว้นตกลงทำสนธิสัญญาสงบศึก หลังจากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง แต่เจ้ากลับวางแผนโจมตีพวกเราในขณะที่ข้ายังอยู่ที่เป่ยโม่ เจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเคร่งเครียดฉินโจวตอบ “ผิดแล้ว เป็นเพราะต้าโจวที่เคลื่อนทัพโจมตีทหารฝั่งขวาของเราก่อน และสังหารทหารของเราไปกว่าร้อยคน ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้ เพื่อบีบบังคับให้พวกเจ้าถอยกลับ”“ไร้สาระ กองทัพของเราหยุดเคลื่อนท
อย่างไรก็ตาม การจัดหาเสบียงอาหารสำหรับพื้นที่ภัยพิบัติยังไม่เพียงพอ และยังขาดแคลนเสื้อผ้าอาภรณ์ นอกจากนี้หลังจากที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาถึงเป่ยโม่ ก็ยังไม่ได้รับใบสั่งยาแม้แต่ฉบับเดียว ดังนั้นความอดทนของประชาชนจึงค่อย ๆ หมดลง แต่ความโกรธและความขุ่นเคืองกลับยิ่งมากขึ้นทันทีที่ข่าวลือแพร่สะพัด ก็เป็นเสมือนเป็นการขว้างเปลวไฟใส่ ‘ระเบิด’ หนึ่งหมื่นตุน ทำให้มันระเบิดออกอย่างรวดเร็วผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วหลังจากที่ฉินโจวลงจากภูเขา นางก็พบว่าองค์จักรพรรดิทำอะไรกับทหารม้า และทหารเจ็ดหมื่นนายที่ประจำการที่เมืองหลวง ซึ่งเขาออกคำสั่งให้ทหารเหล่านั้นขับไล่เหล่าผู้ประสบภัยออกไปนางเห็นด้วยตาตนเองว่าทหารใต้บังคับบัญชาของนางสร้างกำแพงมนุษย์อันแน่นหนา เมื่อผู้ประสภัยเดินทางเข้ามา พวกเขาก็จะโบกหอกเพื่อขับไล่คนเหล่านั้นออกไปผู้ประสบภัยมากกว่าสิบรายได้รับบาดเจ็บจากหอกทหารเหล่านั้นอยู่ใต้บังคับบัญชาของนาง แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้ฆ่าผู้ใด แต่เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการฆ่าแกงกันอย่างแน่นอนฉินโจวโกรธจัดจึงขี่ม้าเข้าไปขวางเอาไว้ “หยุด หยุดเ
ฉินโจวกวาดสายตามองพลางเยาะเย้ยจื่ออันไม่สนใจนาง และพาหลินตานไปยังเขตตะวันตกภายในสองวันนี้มีผู้เสียชีวิตถึงสามคน ซึ่งทั้งหมดถูกหามออกไปหลังจากที่หลินตามเดินเข้ามาเขาหลั่งน้ำตาหลั่งน้ำตาขณะมองดูการเผาศพจื่ออันไม่คิดว่าเขาจะมีความอ่อนไหวมากเพียงนี้ “ท่านหมอหลิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”หลินตานปาดน้ำตา “ข้าขอโทษ ข้าเพียง... คิดถึงครอบครัวขอรับ”“ครอบครัวของท่าน? แล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใดหรือ?” จื่ออันถาม“ตายหมดแล้วขอรับ ภรรยาและลูกสะใภ้ของข้าตายเพราะเหตุแผ่นดินไหวทั้งคู่ ส่วนลูกชายและหลานชายติดเชื้อโรคระบาดก่อนตายไปเช่นกัน ข้าจึงเป็นคนเดียวที่เหลือรอด” หลินตานสูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผมสีขาวฉายแววความเศร้าโศกและหดหู่จื่ออันไม่คาดคิดว่าเขาจะมาจากพื้นที่โรคระบาดเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อย จื่ออันก็ไม่รู้จะปลอบใจเขาเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบและอยู่เคียงข้างไม่นานหลินตานก็ถามว่า “ท่านหมอเซี่ย โรคระบาดนี้สามารถรักษาหายได้จริงหรือขอรับ?”ตอนนั้นเองจื่ออันก็นึกได้ว่าเขาเป็นหมอเท้าเปล่า และหลังจากเดินทางพเนจรไปที่ต่าง ๆ เขาอาจรู้จักจินเย่าฉือก็เป็นได้ ดังนั้นจึงรีบถามว