เผยเหลียนมิพอใจเล็กน้อย นางทำปากเบะพลางเอ่ย “ท่านพี่ อย่ายกย่องนางนักเลย! ข้ามิเชื่อ เหตุใดข้าจะสู้นางมิได้เล่า?”ฮูหยินเผยโปรดปรานเผยเหลียนเป็นอย่างมาก นางจ้างครูสอนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพที่มีชื่อเสียงมากมายมาสอนนางตั้งแต่ยังเป็นเด็กเผยเหลียนเองก็ฉลาดเช่นกัน นางสามารถเรียนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพได้ดี ทั้งยังแสดงออกมาได้ดีอีกด้วยเผยอวี้เองก็ชอบน้องสาวผู้นี้มาก นางมิได้เห็นแก่ตัวเหมือนเซียวทงกับฉินรั่วซือ เผยอวี้จึงเอ่ยกับนางอย่างใจเย็น เพื่อให้นางมิมองคนอื่นด้วยอคติ“หลิงหว่านรู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมาย นางออกไปครั้งนี้ ยังช่วยพระชายาอ๋องอี้ดูแลผู้ป่วยโรคระบาดอีกด้วย!”“ครั้งเมื่อข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เป็นหลิงหว่านที่วิ่งไปขอความช่วยเหลือโดยมิคำนึงถึงอันตราย จึงได้ช่วยข้าขึ้นมาจากกับดักได้!”“อีกอย่าง ตอนนั้นข้าขยับตัวมิได้เลย แต่นางก็ยังดูแลข้า ให้ยาข้ากินทุกวันทั้งยังช่วยซักเสื้อผ้าให้ข้าด้วย!”“เหลียนเอ๋อร์ นางนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้าเช่นกัน! หากไม่มีนาง เจ้าก็ไม่มีพี่ชายแล้ว! เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะเอ่ยวาจารุนแรงถึงผู้มีพระคุณข
กระทั่งทั้งสองมาถึงตำหนักอ๋องอี้ พวกเขาก็พบกับอันเจ๋อที่ได้ยินข่าวแล้วเข้ามาสอบถามเช่นกันตรงหน้าประตูพวกเขาทั้งสามคนมิสนใจทักทายกัน แล้วเดินตรงเข้าไปหาเซียวหลินเทียนกระทั่งได้ฟังเซียวหลินเทียนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวังเมื่อวานนี้ หัวใจของเผยอวี้ก็จมดิ่งลงเขามิคาดคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ว่าสิ่งที่เข้ามายั่วยุหลิงอวี๋ในครั้งนี้จะสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้!ครั้งนี้เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ยกับรองผู้บัญชาการเฮ่อ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ศักดิ์ของเซียวหลินเทียนก็อาจไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย!หัวใจของอันเจ๋อก็หนักอึ้งเช่นกัน เวลาเพียงสามวันมันบีบคั้นมาก เซียวหลินเทียนจะพิสูจน์ว่าหลิงอวี๋เป็นผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร!“หลิงหว่าน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว เจ้าก็ไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนแล้วบอกท่านปู่ของเจ้าทีว่า ให้เขาวางใจ ข้ากับหลิงอวี๋จะต้องหาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน!”เซียวหลินเทียนไม่มีเวลาไปปลอบใจท่านอดีตเสนาบดี จึงเอ่ยกับหลิงหว่านหลิงหว่านพยักหน้า “ท่านอ๋องอย่าได้ทรงต้องกังวลเพคะ ทางด้านท่านปู่ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเถิด!”“ท่านอ๋อง ขอท่านทรงพยายามช่วยท่านพี่หลิงหลิงอย่างเต็มที่ด้วยเถิ
“สัตว์เดรัจฉานที่ไร้เมตตา ไร้กตัญญูแล้วไร้เมตตาเช่นนี้ อย่าได้ไปสนใจเขาเลย หากเขาอยากตายข้าก็ให้เขาได้สมปรารถนา!”จักรพรรดิอู่อันตะคอกด้วยความโกรธ“ฝ่าบาท อย่าได้เอ่ยด้วยอารมณ์กริ้วเลยเพคะ! ฝ่าบาททรงโปรดเขามากถึงเพียงนั้น จะยอมให้เขาตายลงได้อย่างไร!”ฮองเฮาเว่ยพูดความจริง แต่นี่มิใช่จุดประสงค์ของนาง นางเหลือบมองจักรพรรดิอู่อันพลางขยิบตาให้พระชายาหรงพระชายาหรงเข้าใจทันที แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าองค์จักรพรรดิ“ฝ่าบาท... ตามเหตุผลแล้วฝ่าบาทกับฮองเฮาก็ประทับอยู่ที่นี่ หม่อมฉันไม่มีสิทธิ์ไปขัดจังหวะ แต่หม่อมฉันมีบางอย่างที่จะบอกเพคะ ฝ่าบาทให้หม่อมฉันเอ่ยเสียหน่อยเถิด!”“ว่ามา! ฝ่าบาทมิตำหนิเจ้าหรอก!”ฮองเฮาเว่ยดึงจักรพรรดิอู่อัน พลางเอ่ยเสียงอ่อน “น้องพระชายาหรงมาอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉันตั้งแต่เช้า นางกลัวว่าหม่อมฉันจะตำหนิอ๋องอี้ หม่อมฉันจะตำหนิอ๋องอี้ได้อย่างไร เขาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เขายังเด็ก หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลเขาให้เติบโตเพคะ!”“แม้ว่าเขาจะมิใช่ลูกชายแท้ ๆ ของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันก็เหมือนน้องพระชายาหรง ที่เห็นอ๋องอี้เป็นดั่งลูกชายแท้ ๆ! ฝ่าบาทโปรดให้น้องพระชายาหรงเอ่ยอะไรสักสองสามคำเ
ยังมิทันที่ท่านอ๋องเฉิงจะถูกเรียกเข้าวัง ขันทีเซี่ยก็หาคนไปรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักฮองเฮาเว่ยให้ไทเฮาทราบอย่างเงียบ ๆไทเฮาเหลียงหัวเราะเยาะ “หลิงอวี๋ยังมิถูกตัดสินลงโทษเลยนะ! คนพวกนี้ก็รีบเร่งที่จะทำลายนางเสียแล้ว! คิดว่าข้าตายไปแล้วจริง ๆ รึ?”แม่นมเว่ยถอนหายใจพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้ดูเป็นคนฉลาด ไฉนนางจึงตกไปในอุบายของผู้อื่นมากมายถึงเพียงนี้ได้เล่าเพคะ!”ไทเฮาเหลียงยังเอ่ยด้วยความโกรธ “เด็กผู้นี้ทำอะไรตามใจเกินไป! นางฟังคำพูดของข้าแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา!”“ก่อนหน้านี้ข้าเคยเตือนนางแล้ว ให้นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนเอ๋อร์เข้าไว้ แต่เจ้าคิดว่านางคำนึงถึงคำพูดของข้าหรือไม่เล่า?”นางกำนัลอาวุโสไป่ซุ่ยได้รับความกรุณาจากหลิงอวี๋มามิน้อย หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มพลางเอ่ย “ไทเฮาเพคะ ไทเฮาเอ่ยเช่นนี้อาจเป็นการใส่ความพระชายาอ๋องอี้หนาเพคะ!”“ก่อนหน้านี้ท่านเสนอให้นางรักษาขาของท่านอ๋องอี้มิใช่หรือ? ดูท่านอ๋องอี้สิเพคะ ตอนนี้เขาสามารถยืนขึ้นได้แล้วมิใช่หรือ?”“บ่าวคิดว่าเหตุผลที่พระชายาอ๋องอี้มิได้ร่วมห้องกับท่านอ๋องอี้อาจเป็นต้องการการรักษา! ไทเฮาทรงคิดดูเถิดเพคะ ก่
แม่นมเว่ยนำถ้อยคำของไทเฮาเหลียงไปถ่ายทอดถึงจักรพรรดิอู่อัน ความโกรธของจักรพรรดิอู่อันก็หายไปครึ่งนึงทันทีเขาเอ่ยกับฮองเฮาเว่ยด้วยความโกรธ “ในเมื่อไทเฮาบอกมาเช่นนี้ เช่นนั้นก็รอวันมะรืนดีกว่า! หากหลิงอวี๋มิสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้ในวันมะรืน ข้าจะออกคำสั่งให้อ๋องอี้หย่ากับหลิงอวี๋แล้วค่อยลงโทษนาง!”ฮองเฮาเว่ยแอบกัดฟัน ในใจก็รู้สึกเกลียดไทเฮาเหลียงขึ้นมานางคิดว่าหากเวลายิ่งยาวนานไปจะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น จึงอยากจะตัดหนทางของหลิงอวี๋เสียก่อน ไหนเลยจะคิดว่าไทเฮาเหลียงแม่เฒ่าเลวผู้นี้ จนถึงเวลานี้แล้วจะยังคงปกป้องหลิงอวี๋เช่นนี้ไทเฮาบอกมาเช่นนี้แล้ว องค์จักรพรรดิไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างแน่นอนฮองเฮาเว่ยจะพูดอะไรได้อีกเล่า!นางคิดว่านางได้บอกกับพระชายาเว่ยแล้ว หากพระชายาเว่ยฉลาดก็คงจะลงมือโจมตีก่อน!......ราชสำนักฝ่ายในท่านอ๋องเฉิงให้แม่นางเหยียนพาหลิงอวี๋ไปสอบปากคำทางด้านหลิงอวี๋ยังคงมิสามารถทำสิ่งใดได้ นางยังคิดมิออกว่าจะช่วยเฮ่ออันได้อย่างไรดีนางบอกเรื่องการคาดเดาของนางเกี่ยวกับพระชายาเส้าให้ท่านอ๋องเฉิงรู้ แล้วให้ท่านอ๋องเฉิงช่วยตนถ่ายทอดเรื่องเหล่านั้นไปให้เซียว
“อย่าเพิ่งใจร้อน! นั่งลงแล้วค่อย ๆ พูดกัน!”เซียวหลินเทียนเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของหลิงอวี๋ ก็อดมิได้ที่จะสัมผัสมันอย่างปวดใจ“ข้าพบเบาะแสบางอย่างแล้ว จึงเข้ามาคุยกับเจ้า”“เหล่าเอ้อร์ที่ถูกเจ้าแทงเมื่อวานนี้คือเนี่ยนซวงจากตำหนักพระชายาซิ่น พระชายาซิ่นแจ้งกับผู้ดูแลภายในว่านางหายตัวไป แต่กองทัพหลวงมิพบบุคคลนี้ในวังเลย!”“พระชายาซิ่น?” หลิงอวี๋มิได้รู้จักพระชายาในวังมากนัก“นางเป็นแม่ขององค์หญิงเจ็ด และยังมีองค์ชายอีกคนหนึ่งที่เป็นลูกแท้ ๆ ของนาง ปีนี้เขาอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น พระชายาซิ่นไม่มีทางสร้างศัตรูกับเราเพียงเพื่อองค์ชายที่อายุน้อยเช่นนี้แน่!”เซียวหลินเทียนเล่าเรื่องตงฮุ่ยกับตงจู๋ให้หลิงอวี๋ฟัง รวมถึงความสงสัยของเขาเกี่ยวกับพระชายาเส้าด้วยหลิงอวี๋ฟังแล้วก็หัวเราะเยาะ “หม่อมฉันก็คิดว่าผู้บงการอยู่เบื้องหลังคือพระชายาเส้าเช่นกัน! วิธีการของนางฉลาดมาก คนที่นางใช้ล้วนเป็นคนที่นางให้แทรกซึมอยู่ในตำหนักของผู้อื่น! หากถูกเปิดโปงก็จะไม่มีใครสงสัยนาง!”หลิงอวี๋บอกทุกอย่างที่นางคิดให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเซียวหลินเทียนฟังที่หลิงอวี๋บอกว่า คนลึกลับมิได้ฆ่าเฮ่ออัน อาจจะอยากดูว่า
หลิงอวี๋คิดว่าท่านจินต้ามีความรู้มากมาย ดังนั้นนางจึงเขียนคำสองสามคำนั้นลงบนพื้นให้ท่านจินต้าดูท่านจินต้าดูแล้วก็เอ่ย “นี่น่าจะเป็นตัวอักษรของเยวี่ยใต้เมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว อักษรเช่นนี้เลิกใช้ไปแล้วและเขียนยากเกินไป”“เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วหลังจากที่จักรพรรดิมู่หรงเกาจู่แห่งเยวี่ยใต้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ได้ระดมนักวิชาการมาพัฒนาอักษร พยายามที่จะรวมเข้ากับสี่แคว้นเพื่อให้สะดวกทางการค้าระหว่างแคว้น!”“ภายใต้อิทธิพลของพระองค์ ตอนนี้ทั้งสี่แคว้นจึงมีอักษรกับภาษาที่คล้ายคลึงกันมากแล้ว!”หลิงอวี๋รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย หรือว่าท่านจินต้าเองก็มิเข้าใจคำเหล่านี้เช่นกัน?เช่นนั้นตนจะหาทางช่วยเฮ่ออันได้เยี่ยงไรเล่า?ท่านจินต้าเห็นท่าทางลำบากใจของหลิงอวี๋ จึงยิ้มแล้วเอ่ย “พระชายามิต้องกังวล อย่าคิดว่าอักษรมันซับซ้อน อักษรเหล่านี้ก็มีกฎเกณฑ์ของมัน หากอนุมานตามอักษรปัจจุบันของเรา แม้ว่าจะเข้าใจได้มิหมด แต่ก็พอจะเข้าใจความหมายทั่วไปได้!”หลิงอวี๋คิดอยู่พักหนึ่งแล้วใช้วิธีที่ท่านจินต้าสอนมาลองอนุมานดู มันก็เหมือนกับอักษรจีนตัวเต็มกับตัวย่อในยุคปัจจุบัน มีบางตัวที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แต่บางตั
เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของหลิงอวี๋ ท่านจินต้าก็มีแรงใจขึ้นมา แล้วเอ่ยต่อ“ข้าก็ได้ยินมาจากคำบอกเล่าเช่นกัน มิรู้รายละเอียดมากนัก... ว่ากันว่ายิ่งพลังวิญญาณของพวกเขายิ่งฝึกจนอยู่ขั้นสูงเท่าไร ความสามารถก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น สามารถควบคุมอากาศให้เป็นดาบได้ ควบแน่นน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้ ทั้งยังผนึกวิญญาณได้ด้วย! ใช้สัตว์เทพมาใช้ประโยชน์ส่วนตัวได้อีก!”เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ตะลึง เขากับท่านจินต้ามิเคยคุยกันถึงตำนานเหล่านี้เลย เขามืรู้จริง ๆ ว่ามีชนเผ่าที่มีวรยุทธที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่ในใต้หล้าด้วย“ท่านจินต้า เช่นนั้นตามที่ท่านบอก หากเราเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ วรยุทธของข้าก็อ่อนแอมากสำหรับพวกเขาใช่หรือไม่?”ท่านจินต้าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “หากตำนานเป็นเรื่องจริง วรยุทธของท่านอ๋องก็อ่อนแอสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวพลางเอ่ย “ข่าวลือทั้งหมดมันเกินจริงไป! ข้ามิเชื่อว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ในใต้หล้า!”แต่หลิงอวี๋กลับมิได้มองในแง่เดียวกับเซียวหลินเทียน ตัวนางเองเป็นคนที่ข้ามมิติมา ทั