“มีใครอยู่หรือไม่?”หลิงอวี๋เรียกอยู่สองสามครั้ง ถึงจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่แตกต่างกันของคนสองคนเดินมาไกล ๆเมื่อเข้ามาใกล้ หลิงอวี๋ก็เห็นสองคนที่มาได้ชัดเจนขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้คุมหญิงรูปร่างอ้วน ส่วนอีกคนจะผอมกว่าทั้งคู่อยู่ในวัยสี่สิบกว่าปี“ตะโกนอะไร?”หญิงอ้วนหรี่ตาที่เหมือนปลาทอง แล้วตะคอกด้วยความโกรธ“เข้าไปในห้องขังแล้วก็อยู่อย่างสงบ! ข้ามิสนใจว่าสถานะก่อนหน้านี้ของท่านจะเป็นเช่นไร อยู่ที่นี่ ท่านต้องฟังบ่าว!”คนที่เข้าไปในราชสำนักฝ่ายใน ปกติแล้วจะเป็นญาติของจักรพรรดิที่สูญเสียอำนาจ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้งดังนั้นผู้คุมเหล่านี้จะไม่สนใจพวกเขามากนักหลิงอวี๋มิสนใจท่าทีของหญิงอ้วน พลางเอ่ยอย่างใจเย็น“เราเข้ามาในนี้นานแล้ว เจ้าช่วยเติมน้ำให้เราหน่อยได้หรือไม่? อีกอย่าง ข้าอยากพบท่านอ๋องเฉิง รบกวนเจ้าไปบอกให้ข้าที!”หญิงอ้วนหัวเราะเยาะพลางตะคอก “ท่านอ๋องเฉิงทรงงานยุ่งมากอยู่แล้ว ท่านอยากจะพบพระองค์เมื่อใดก็พบได้เยี่ยงนั้นหรือ! อยู่ที่นี่อย่างสงบไปเถิด หากกล้าส่งเสียงดังอีก บ่าวจะไม่เกรงใจท่านแล้ว!”พูดจบ หญิงอ้วนก็หันหลังเดินจากไปป้าผอมมีท่า
ป้าหลี่เหลือบมองหลิงอวี๋แล้วรีบวิ่งไปพร้อมกับตะโกน“แม่นางเหยียน ข้าเห็นว่ามีนักโทษคนหนึ่งที่ยังไม่ฟื้น เกรงว่าหากนางตายไปแล้วเราจะอธิบายให้ท่านอ๋องเฉิงฟังมิได้ ก็เลยมาดู...”เสียงของป้าหลี่จางหายไปแล้ว แต่หลิงอวี๋ยังคงได้ยินแม่นางเหยียนดุด่าป้าหลี่อยู่เลยนางเองก็มิสนใจพวกนาง แล้วคุกเข่าลงข้างหลิงซวน พยุงหลิงซวนขึ้นมาป้อนน้ำให้นางหลิงซวนมีไข้อยู่จริง ๆ หลิงอวี๋ฉีดยาลดไข้กับยาปฏิชีวนะให้แล้ว แต่ร่างกายของนางยังคงร้อนมากหลิงอวี๋ป้อนน้ำให้นางไปครึ่งโหล จากนั้นหลิงซวนก็ลืมตาด้วยความงุนงงหลิงอวี๋เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของนางอย่างรู้สึกผิด แล้วช่วยจัดผมของนางด้วย“อาจารย์...”หลิงซวนโน้มตัวพิงไปในอ้อมแขนของหลิงอวี๋ ครั้นมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน นางก็ยิ้มแล้วเอ่ย “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเข้ามาในห้องขัง มิคิดเลยว่าห้องขังจะเป็นเช่นนี้!”“ข้าเป็นคนทำให้เจ้าเดือดร้อน ข้าขอโทษ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่นหลิงซวนเอ่ยอย่างโง่เขลา “หากมิใช่เพราะอาจารย์ ข้าก็คงตายไปนานแล้ว! ตอนนี้ข้ายังมีชีวิตอยู่ แค่ทนทุกข์เล็กน้อยชั่วคราว มิได้มีอะไรเลย!”“ข้าเชื่ออาจารย์ ท่านจะต้องมี
พระชายาเว่ยริมฝีปากสั่น จากนั้นนางก็กอดแม่นมเจี่ยแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก“แม่นม… เหตุใดชีวิตข้าจึงได้เศร้าถึงเพียงนี้!”“หากข้าให้กำเนิดใหม่ได้ ก็คงมีไปนานแล้ว… หากจ่างหนิงไม่อยู่แล้ว ข้าก็มิเหลืออะไรแล้ว…”“แม่นม… เหตุใดจึงได้โหดร้ายกับข้าเช่นนี้… เหตุใดจึงมิใช่คนอื่นที่ตาย… เหตุใดถึงเป็นจ่างหนิงของข้า!”พระชายาเว่ยร้องไห้จนเป็นลมไปหลายครั้ง แล้วในที่สุดก็สงบลงด้วยการปลอบโยนของแม่นมเจี่ยนางนั่งเหม่ออยู่เป็นเวลานาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กระทั่งฟ้ามืด นางจึงได้ล้างหน้าอย่างสงบ แล้วออกมาสั่งทุกคนให้เตรียมงานศพธงขาวถูกแขวนไว้ในตำหนักองค์ชายเว่ยนานแล้ว สามีของแม่นมเจี่ย พ่อบ้านผู้ดูแลตำหนักองค์ชายเว่ยเห็นพระชายาเว่ยสั่งเสร็จ ก็ตามเข้ามารายงาน“พระชายา ฮองเฮาได้ร้องขอให้องค์จักรพรรดิอนุญาตให้องค์ชายเว่ยกลับมาส่งท่านหญิง บ่าวได้ส่งคนไปแจ้งองค์ชายเว่ยแล้วขอรับ!”“แต่… แต่...”พ่อบ้านเจี่ยรู้สึกลำบากใจจนพูดต่อไม่ไหว“พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าพูดมาตามตรง มิจำเป็นต้องปิดบังให้พระองค์!” พระชายาเว่ยเอ่ยถามอย่างเย็นชาพ่อบ้านเจี่ยยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “องค์ชายเว่ยตรัสว่าเขาจะมาง
คืนนั้นเซียวหลินเทียนก็มิได้นอนหลับสักเท่าไหร่ เขาศึกษาสถานการณ์ในวังและหาศัตรูของเขากับหลิงอวี๋อย่างอดทนมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าลักพาตัวหลิงอวี๋และสังหารท่านหญิงจ่างหนิงในวัง!จ่างหนิงเป็นหลานสาวคนโปรดของฮองเฮาเว่ย เขาเชื่อว่าฮองเฮาเว่ยไม่มีทางส่งใครมาฆ่าหลานสาวของตนเพียงเพื่อใส่ร้ายหลิงอวี๋แน่!เช่นนั้นก็มีเพียงพระชายาเส้าเท่านั้น!เหตุใดพระชายาเส้าจึงอยากได้ตำราการแพทย์?เซียวหลินเทียนสับสนพอ ๆ กับหลิงอวี๋!แม้ว่าจะเพื่อโรงหุยชุนที่เปิดโดยหมอจางกับท่านลุง แต่พระชายาเส้าจำเป็นจะต้องเสี่ยงเช่นนี้เลยหรือ?เซียวหลินเทียนเรียกท่านจินต้ามาถามข้อสงสัยของตนท่านจินต้าใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วทันใดนั้นก็เอ่ย “ท่านอ๋อง ท่านยังจำโอสถหิรัณย์ทั้งแปดได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ว่ากันว่าตำราการแพทย์ของซือคงชวิ่นบันทึกวิธีการปรุงโอสถหิรัณย์ทั้งแปดไว้ โอสถหิรัณย์ทั้งแปดนี้สามารถเพิ่มพลังร่างกายได้! ทำความสะอาดเส้นเอ็นกับไขกระดูกได้ด้วย... หรือว่าพระชายาเส้าจะส่งคนมาลักพาตัวพระชายาเพื่อสิ่งนี้?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ข้ามิคิดว่าพระชายาเส้าจะเสี่ยงถึงเพียงนี้เพื่อของที่ยังมิเห็นจริงพว
เซียวหลินเทียนเอ่ยแล้วก็เริ่มกังวล เหตุไฉนจึงมิคิดเรื่องนี้ตอนที่ตรวจค้นตำหนักหย่งเหอ!เหล่าเอ้อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น ทนได้มินานก็ตายแล้วตงฮุ่ยกับตงจู๋สามารถปลอมตัวเป็นนางกำนัลได้ แต่เหล่าเอ้อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส กองทัพหลวงก็มิเห็นนาง นางจะออกจากตำหนักหย่งเหอได้เยี่ยงไร!นี่แสดงให้เห็นว่า ตอนนั้นเหล่าเอ้อร์อาจถูกซ่อนอยู่ใกล้ ๆ ตำหนักหย่งเหอฉินซานคิดตามเซียวหลินเทียนพลันขมวดคิ้วมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านอ๋อง ตามที่ท่านบอก ในเวลานี้เหล่าเอ้อร์ตายไปแล้ว! แต่หากเข้าไปค้นในตำหนักตอนนี้ เราอาจมิพบใครเลยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าอย่างกลุ้มใจ “วังใหญ่มากถึงเพียงนั้น มีตั้งหลากหลายวิธีที่จะซ่อนศพได้! ถึงเวลานั้นพวกนางก็บอกได้ว่ามิรู้ว่าเหตุใดนางกำนัลถึงหายตัวไป!”“ทั้งยังโยนความผิดไปที่หลิงอวี๋ได้ด้วยว่า นางไปเห็นการฆาตกรรมของหลิงอวี๋ จึงถูกหลิงอวี๋ฆ่าอำพรางไป!”ท่านจินต้าขมวดคิ้วพลางเอ่ย “แม้ว่าเราจะหามิพบ แต่นางกำนัลก็หายไปคนหนึ่ง การสืบทราบว่าเป็นนางกำนัลจากตำหนักไหนก็นับเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง เมื่อเห็นว่าคนในห้องล้วน
เรื่องที่ว่าหลิงอวี๋สังหารท่านหญิงจ่างหนิงในวังได้แพร่กระจายไปทั่วทุกแห่งหนในเวลาชั่วข้ามคืนป้าสะใภ้ใหญ่ออกไปจ่ายตลาด ครั้นได้ยินข่าวนี้เข้าก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบกลับบ้านทันทีหลิงหว่านกำลังทำความสะอาดในเรือนอยู่กับเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ป้าสะใภ้ใหญ่ก็พุ่งเข้ามาในบ้าน แล้วเอ่ยอย่างรีบร้อน“หว่านเอ๋อร์ เกิดเรื่องแล้ว! ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้พี่สาวของเจ้าเข้าวัง แล้วสังหารท่านหญิงจ่างหนิงในวัง ทั้งยังทำร้ายลูกชายของเฮ่อจู้รองผู้บัญชาการกองทัพหลวงจนบาดเจ็บอีกด้วย เจ้ารีบไปถามทีว่าเกิดอะไรขึ้น”“ข้าได้ยินคนพวกนั้นบอกว่าพี่สาวของเจ้าจะถูกพาตัวไปตัดหัวต่อหน้าทุกคนในวันมะรืนนี้!”“หา!”หลิงหว่านสะดุ้ง รีบโยนไม้กวาดออกไปแล้วเอ่ย “ข้าจะไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น! ข้ามิเชื่อว่าท่านพี่หลิงหลิงจะกล้าฆ่าใครได้! นี่ต้องเข้าใจอะไรผิดพลาดเป็นแน่!”หลิงหว่านไม่มีเวลาทำความสะอาดตัวเองแล้ว นางวิ่งไปที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างบ้าคลั่งในระยะไกล เผยอวี้กำลังคุ้มกันฮูหยินเผยกับน้องสาวกลับบ้าน เมื่อเขาเห็นหลิงหว่านวิ่งอยู่บนถนนโดยมิสนใจภาพลักษณ์เช่นนั้น เผยอวี้ก็ขมวดคิ้วสตรีผู้นี้ถึงอย่างไรก็เป็นสต
เผยเหลียนมิพอใจเล็กน้อย นางทำปากเบะพลางเอ่ย “ท่านพี่ อย่ายกย่องนางนักเลย! ข้ามิเชื่อ เหตุใดข้าจะสู้นางมิได้เล่า?”ฮูหยินเผยโปรดปรานเผยเหลียนเป็นอย่างมาก นางจ้างครูสอนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพที่มีชื่อเสียงมากมายมาสอนนางตั้งแต่ยังเป็นเด็กเผยเหลียนเองก็ฉลาดเช่นกัน นางสามารถเรียนดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์ และการวาดภาพได้ดี ทั้งยังแสดงออกมาได้ดีอีกด้วยเผยอวี้เองก็ชอบน้องสาวผู้นี้มาก นางมิได้เห็นแก่ตัวเหมือนเซียวทงกับฉินรั่วซือ เผยอวี้จึงเอ่ยกับนางอย่างใจเย็น เพื่อให้นางมิมองคนอื่นด้วยอคติ“หลิงหว่านรู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมาย นางออกไปครั้งนี้ ยังช่วยพระชายาอ๋องอี้ดูแลผู้ป่วยโรคระบาดอีกด้วย!”“ครั้งเมื่อข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็เป็นหลิงหว่านที่วิ่งไปขอความช่วยเหลือโดยมิคำนึงถึงอันตราย จึงได้ช่วยข้าขึ้นมาจากกับดักได้!”“อีกอย่าง ตอนนั้นข้าขยับตัวมิได้เลย แต่นางก็ยังดูแลข้า ให้ยาข้ากินทุกวันทั้งยังช่วยซักเสื้อผ้าให้ข้าด้วย!”“เหลียนเอ๋อร์ นางนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้าเช่นกัน! หากไม่มีนาง เจ้าก็ไม่มีพี่ชายแล้ว! เจ้าคิดว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่จะเอ่ยวาจารุนแรงถึงผู้มีพระคุณข
กระทั่งทั้งสองมาถึงตำหนักอ๋องอี้ พวกเขาก็พบกับอันเจ๋อที่ได้ยินข่าวแล้วเข้ามาสอบถามเช่นกันตรงหน้าประตูพวกเขาทั้งสามคนมิสนใจทักทายกัน แล้วเดินตรงเข้าไปหาเซียวหลินเทียนกระทั่งได้ฟังเซียวหลินเทียนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวังเมื่อวานนี้ หัวใจของเผยอวี้ก็จมดิ่งลงเขามิคาดคิดมาก่อนเลยจริง ๆ ว่าสิ่งที่เข้ามายั่วยุหลิงอวี๋ในครั้งนี้จะสะเทือนฟ้าดินเช่นนี้!ครั้งนี้เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ยกับรองผู้บัญชาการเฮ่อ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่ศักดิ์ของเซียวหลินเทียนก็อาจไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลย!หัวใจของอันเจ๋อก็หนักอึ้งเช่นกัน เวลาเพียงสามวันมันบีบคั้นมาก เซียวหลินเทียนจะพิสูจน์ว่าหลิงอวี๋เป็นผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร!“หลิงหว่าน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องนี้แล้ว เจ้าก็ไปที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนแล้วบอกท่านปู่ของเจ้าทีว่า ให้เขาวางใจ ข้ากับหลิงอวี๋จะต้องหาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน!”เซียวหลินเทียนไม่มีเวลาไปปลอบใจท่านอดีตเสนาบดี จึงเอ่ยกับหลิงหว่านหลิงหว่านพยักหน้า “ท่านอ๋องอย่าได้ทรงต้องกังวลเพคะ ทางด้านท่านปู่ให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเถิด!”“ท่านอ๋อง ขอท่านทรงพยายามช่วยท่านพี่หลิงหลิงอย่างเต็มที่ด้วยเถิ