“ผู้ร่วมแข่งขันคนต่อไปคือคุณหนูลั่ว…”เมื่อลั่วอวี้จูเห็นจ้าวเจินเจินดีดพิณได้ดีมากในใจก็แอบรู้สึกหมดหวังได้คว้าชัยนางเพียงคาดหวังว่าตนจะแสดงได้ดีกว่าหลี่ว์ฟางฟาง ซ่งเสี่ยวเจินและคนอื่น ๆ ก็พอแล้วถึงแพ้ให้จ้าวเจินเจินก็ไม่ขายหน้า!แม้ตนจะได้อันดับสองก็ยังคงเปล่งประกายอยู่ดี!ลั่วอวี้จูกอดความหวังนี้ไว้พลางนั่งลงแต่ไม่รู้ไฉนจึงเครียดนัก ทั้งยังถูกอิทธิพลอันโดดเด่นของจ้าวเจินเจินเข้าไป นางจึงดีดพลาดหลายเสียงตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อบรรเลงเพลงจบ ใบหน้าลั่วอวี้จูก็แดงไปหมด ทั้งโกรธและร้อนใจ นี่ไม่ใช่ระดับของตนในเวลาปกติแน่นอน!ครั้งนี้นางเล่นได้แย่มากทีเดียว นางจักต้องเป็นคนสุดท้ายจริงหรือ?!มิถูกมิถูก!แม้นางจะดีดได้ไม่ดี แต่ก็คงไม่แย่ไปกว่าหลิงอวี๋ผู้โง่เขลาคนนั้นหรอก!อย่างไรเสียนอกจากวิชาแพทย์แล้ว หลิงอวี๋ก็เป็นคนโง่ที่ไม่รู้ด้านดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพอะไรเลย!พอคิดว่าตนจะไม่ใช่คนอยู่รั้งท้าย อารมณ์ของลั่วอวี้จูก็สดใสขึ้นหลายส่วนนางแทบทนรอที่จะดูฉากหลิงอวี๋ขายหน้าไม่ไหวแล้ว!ขณะคิดเรื่องนี้อยู่ แม่นางชางก็ประกาศต่อคนที่อยู่ข้างล่างเวที“ผู้ร่วมแข่งขันคนสุดท้
ฉับพลันนั้นฝูงชนต่างมองหน้ากัน ส่วนจ้าวเจินเจินกับแม่นางชางก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกนางจัดว่าเป็นสาวงามที่เล่นพิณในหมู่สตรีแห่งฉินตะวันตกเชียวนะ!แต่ไม่มีใครในพวกนางมีความสามารถดีดพิณสองคันพร้อมกันได้แม่นางชางกล่าวไม่พอใจ “พระชายาอ๋องอี้ นี่คือการประลอง มิใช่ให้เจ้ามาก่อกวน!”หลิงอวี๋มองทางแม่นางชางอีกครั้งการจ้องมองที่ไร้กังวลของหลิงอวี๋ทำให้แม่นางชางรู้สึกประหม่า พลางหลบสายตาหลิงอวี๋โดยสัญชาตญาณสายตาของพระชายาอ๋องอี้ผู้นี้ราวกับมองทะลุปรุโปร่งทุกสิ่งเสียอย่างนั้น!เป็นไปไม่ได้ แดนดินแห่งนี้ นอกจากตนแล้วจะมีผู้ใดแยกความต่างเล็ก ๆ ของเสียงพิณออกได้อีกเล่า?หลิงอวี๋มองผู้ตัดสินอีกสามคนก็พลันเห็นหลวงจีนอวี๋ขยิบตาให้ตนอย่างซุกซนหลวงจีนอวี๋อายุหกสิบกว่าปีแล้ว มีเกศาขาวทั่วศีรษะ แต่ดวงตากลับมีชีวิตชีวายิ่ง“การดีดพิณสองคันพร้อมกัน ข้ายังมิเคยเห็นมาก่อน แม้เป็นการก่อกวนก็ดียิ่ง ไม่ว่าทำเป็นจริงหรือไม่ก็ช่าง แม่นางชาง เจ้าให้พระชายาอ๋องอี้ลองดูหน่อยเถิด!”หลังจากที่หลวงจีนอวี๋เอื้อนเอ่ย หลวงจีนซุนก็มองหลิงอวี๋อย่างใคร่รู้เช่นกันจึงพยักหน้าเห็นด้วยแม่นางชางจนปัญญาจึงสั่งนางกำนัลจัดว
แม้ว่าทุกคนจะนั่งใต้แสงตะวัน แต่ได้รับผลกระทบจากเสียงพิณหลิงอวี๋จนทำให้บางคนรู้สึกถึงความหนาว พลางมองนภาโดยสัญชาตญาณ นี่ฝนจะตกหรือ?เสียงพิณตราตรึงในอารมณ์ของฝูงชน คล้ายดั่งพวกเขารับรู้ถึงลมที่กำลังหมุนวน จากไกลสู่ใกล้ จากช้าสู่เร็ว…ลมแรงทวีโหมหนักขึ้นเรื่อย ๆ พัดจนเปลี่ยนสีนภาเป็นมืดสลัว ต้นไม้ใหญ่ถูกขุดรากถอนโคน หลังคาหญ้าถูกพัดกระพือ พัดพากรวดทรายปลิวว่อนทุกแห่งหน…เนื่องเปลี่ยนการบรรเลงหลายครา บรรยากาศจึงค่อย ๆ มาถึงจุดสูงสุด!ท่ามกลางพายุ ราษฎร ทหารต่างกอบกู้ทรัพย์สมบัติกันสุดชีวิต โดยการต่อสู้กับพายุไต้ฝุ่น…ความเด็ดเดี่ยว ความกล้าหาญ และความไม่ย่อท้อ แรงกรีดเต็มขั้นกำลังสั่นสะเทือนบนสายพิณทั้งสอง!ไม่มีผู้ใดสนใจการไล่นิ้วของหลิงอวี๋ มีเพียงไม่กี่คนที่สังเกตว่ามือทั้งสองข้างของหลิงอวี๋กำลังไล่ไปมาบนสายพิณทั้งสองทุกคนถูกเสียงพิณพาเข้าท่ามกลางพายุพลางต่อสู้กับลมฝนอย่างสุดชีวี…นอกจากแม่นางชางกับจ้าวเจินเจินก็ไม่มีใครสังเกตได้ว่าคล้ายมีสายพิณขาดเสียแล้ว…ฝนตกห่าใหญ่ และเสียงกระโชกอันบ้าคลั่งของพายุไต้ฝุ่นกลบเสียงเล็ก ๆ นั้น…แต่ละคนต่างแข่งกับเวลารีบระดมกำลังช่วยให้พ้นภั
การให้ท้ายที่โจ้งแจ้งเช่นนี้ทำให้มีคนข้างล่างเวทีมิน้อยโกรธขึ้นทันที อันเจ๋อเองก็อดพูดเหน็บแนมมิได้“แม่นางชางกำลังเย้ยว่าเรามิเข้าใจพิณหรือ? สายพิณขาดเราล้วนสังเกตมิพบ ซึ่งนั่นพิสูจน์ได้ว่าทักษะพิณของพระชายาอ๋องอี้เลิศล้ำยิ่ง สามารถแปลงเหตุร้ายเป็นเหตุดีได้ เดิมทีสิ่งนี้มิเกี่ยวกับความผิดพลาดด้วยซ้ำ!”แม้ก่อนหน้าเผยอวี้จะรู้สึกว่าหลิงอวี๋ไม่คู่ควรกับเซียวหลินเทียน แต่บทเพลงนี้ของหลิงอวี๋ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเดือดเลือดพล่านครั้นอยู่บนสนามรบถึงแม้เขาไม่แตกฉานการดีดพิณ แต่ก็ฟังรู้ว่าทักษะพิณของหลิงอวี๋เหนือกว่าจ้าวเจินเจินหลายชั้นนักขณะที่เผยอวี้กำลังจะพูดช่วยหลิงอวี๋ เซียวทงพลันพูดแทรกขึ้นมาทันควัน“กระไรนะ? หลิงอวี๋ เจ้าทำสายพิณขาดรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ากู่ฉินอี้หยางล้ำค่ามากเพียงใด?”“นั่นเป็นของที่มีเงินก็ซื้อไม่ได้ เจ้าชดใช้ไหวรึ?”หลิงอวี๋ยกยิ้มหยัน นางไม่สนใจคำพูดขององค์หญิงหก แต่กลับเลิกคิ้วต่อแม่นางชางเสียแทน“แม่นางชาง ท่านมิได้มาตรวจดูด้วยซ้ำ ท่านมั่นใจได้เช่นไรว่าสายพิณขาดเล่า?”แม่นางชางพูดอย่างมั่นใจสุดขีดว่า “ขาดแน่นอน! ทุกคนรู้ดีว่าสองหูข้าฟังจุดผิดของดนตรีออก
แต่ตอนที่พระชายาอ๋องอี้กำลังดีดพิณ นางกลับไม่เตือน นี่คงเจตนาทำให้พระชายาอ๋องอี้แพ้…ถึงขั้นหมายทำลายมือของพระชายาอ๋องอี้ด้วย!อีกทั้งอาจเป็นแม่นางชางที่จงใจทำลายพิณ และรอใส่ร้ายหลิงอวี๋…เบื้องลึกเบื้องหลังอันน่าพิศวงนี้ทึกทักขึ้นเองโดยเซียวหลินเทียน!เมื่อเขานึกถึงตรงนี้ ดวงตาก็มืดลงฉับพลัน นอกจากจ้าวเจินเจินกับองค์หญิงหกแล้วจะมีผู้ใดอีกที่ติดสินบนสั่งให้แม่นางชางกระทำเรื่องเช่นนี้ได้อีกเล่า?แม่นางชาง!เซียวหลินเทียนหรี่ตาลงเยาะหยัน ผู้ใดจะรังแกคนของตำหนักอ๋องอี้ก็ได้อย่างนั้นหรือ?เซียวหลินเทียนตวาดถามเสียงเฉียบขาด “ผู้ดูแลชาง เจ้าจงอธิบายให้ข้าและทุกคนซะ เกิดอันใดขึ้นกับสายพิณคันนี้กันแน่?”“เจ้ารู้นานแล้วหรือว่าสายพิณขาด? หรือเจ้าฟังผิดไป?”สีหน้าแม่นางชางเผยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง คำถามสองข้อนี้ของท่านอ๋องอี้ช่างตอบยากนัก!หากยอมรับว่าตนรู้นานแล้วว่าสายพิณจะขาด นั่นมิใช่การยอมรับว่าตนวางหมากบนพิณหรือไร?แต่หากยอมรับว่าตนฟังผิดไป เช่นนั้นชื่อเสียงของตนก็จบเห่โดยสิ้นเชิง!เดิมทีแม่นางชางมิอยากตอบสองคำถามนี้ ก่อนจะมององค์หญิงหกขอความช่วยเหลือเซียวทงช่วยพูดทันควัน “เสด็จ
เมื่อแม่นางชางเห็นว่าหลิงอวี๋มิแสดงปฏิกิริยาใด ๆ อีกทั้งเห็นฝูงชนข้างล่างเวทีกำลังมองตนก็รู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีนางพูดเสียงดังด้วยใจอันเด็ดเดี่ยวว่า “ขออภัย พระชายาอ๋องอี้ ข้าหูตึงฟังพลาดไป ข้าเข้าใจผิดว่าเจ้าทำสายพิณขาดจึงพูดผิดไป ข้าขออภัยอย่างสุดซึ้ง”เมื่อคนข้างล่างเวที หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนได้ยินเสียงอันดังก้องนี้ต่างก็พึงพอใจหลิงอวี๋คลี่ยิ้มน้อย ๆ พลางพูดต่อแม่นางชางอย่างมีนัยลึกซึ้ง“แม่นางชางครั้งหน้าต้องระวังด้วย เพราะปากคือดาบสองคมสามารถประจบคนได้ก็ฆ่าคนได้เหมือนกัน…หูเฉียบไวของท่านเป็นความสามารถที่ฟ้าทรงประทาน หากใช้ให้ดีก็ถือโชคลาภของท่าน แต่หากใช้ไม่ดีจะถือเป็นโชคร้ายของท่าน!”แม่นางชางถูกหลิงอวี๋สั่งสอนต่อหน้าธารกำนัลจนทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและภายในจิตใจล้วนสูญสิ้น ทว่านางทำได้เพียงกล่าวอย่างนบน้อมรู้สึกผิด“พระชายาอ๋องอี้พูดถูกต้อง ข้าได้รับบทเรียนแล้ว!”ก่อนหน้านี้เผยอวี้มิเข้าใจความซับซ้อนภายใน จนกระทั่งแม่นางชางถูกบีบให้ยอมรับว่าตนฟังผิดไปถึงจะกระจ่างว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นครั้นเผยอวี้มองแม่นางชางยอมรับผิดก็ยิ้มหยันกล่าวคำ“ตัดสินบ้าบอกระไรกัน พิณ
ด้วยวาจาเช่นนี้ของฉินรั่วซือ เซียวทงมีปฏิกิริยากลับทันทีพลางตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน“พี่สะใภ้สี่ เสด็จพี่สี่ ข้ามิได้บอกว่ามิให้พวกท่านลงคะแนน อย่างนั้นมาลงคะแนนตัดสินว่าผู้ใดชนะกันเถิด!”นางส่งสายตาปลอบใจให้จ้าวเจินเจินจ้าวเจินเจินก็คิดว่าในด้านอื่นของหลิงอวี๋ต้องปล่อยไก่เป็นแน่ ฉะนั้นจึงกล่าวเห็นด้วยอย่างใจกว้าง“องค์หญิงหก ท่านอ๋องอี้ตรัสถูกต้อง กฎมีไว้เพื่อปฏิบัติตาม เรามาลงคะแนนตัดสินกันเถิดเพคะ!”บรรดานางกำนัลส่งมอบคะแนนของกลุ่มผู้ตัดสินและปรมาจารย์ทั้งสี่เซียวทงกำลังคิดวางอุบายบางอย่างทำให้หลิงอวี๋ตกสู่ที่สุดท้าย ไฉนเลยจะรู้ว่าเพราะคำพูดของเซียวหลินเทียนประโยคเดียวทำให้นางไม่มีโอกาสนี้เลย“แม่ทัพฉิน งานชมบุปผาไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมากนัก ท่านสละเวลาช่วยทุกคนอ่านคะแนนด้วยเถิด แม่ทัพฉินเป็นคนยุติธรรม ข้าเชื่อว่าทุกคนจะมิเห็นต่าง!”ท่านอ๋องเฉิงพูดคล้อยถามอย่างยิ้มแย้ม “ข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของอ๋องอี้!”ท่านอ๋องเฉิงมองเหตุการณ์สายพิณขาดกับหลิงหว่านออกมานานแล้ว องค์หญิงหกคงตั้งใจเจาะจงมุ่งเป้ายังหลิงอวี๋ในวันนี้แน่!เขามิอาจตำหนิองค์หญิงหกต่อหน้าธารกำนัลได้ จึงได้แต่ช่วยหลิงอว
ลั่วอวี้จูดื่มสุราลงโทษไปสามแก้ว แม้ว่าจะไม่ได้เมา แต่ก็หน้าแดงก่ำแล้วนางเห็นว่าจูเหวินเยาะเย้ยหลิงอวี๋ ก็ช่วยพูดด้วย“จูเหวินพูดถูก พระชายาอ๋องอี้ พระชายาสละสิทธิ์ไปเถิด! ดื่มสุราลงโทษสามแก้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย... ไม่เข้าใจก็อย่าแสร้งทำเป็นเข้าใจ… มันทำให้ทุกคนเสียเวลา!”สำหรับคำยั่วยุของลั่วอวี้จูกับจูเหวินนั้น หลิงอวี๋ได้แต่ยิ้มจาง ๆ ไป“คุณหนูลั่ว แทนที่จะเป็นห่วงข้า เจ้าเป็นห่วงตัวเจ้าเองก่อนเถิด! หากครั้งนี้เจ้ายังอยู่ลำดับสุดท้ายอีก เจ้าคงต้องเต้นให้ทุกคนชมแล้ว!”“ส่วนคุณหนูจู เจ้าก็ดูคุณหนูลั่วสิ นางเป็นบทเรียนสำหรับเจ้าเลยนะ!”เพื่อแสดงให้เห็นว่านางกับหลิงอวี๋มิได้เป็นพวกเดียวกัน พอหลิงเยี่ยนเห็นทั้งสองถูกหลิงอวี๋เยาะเย้ยเข้า จึงช่วยพูด“ท่านพี่ พวกนางเห็นแก่ท่านพี่นะ กลัวว่าท่านพี่เล่นหมากล้อมมิเป็นแล้วจะถูกหัวเราะเยาะจึงได้เตือน! เหตุใดท่านพี่ถึงไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วเล่า!”พวกอันซินมองลงไป ต่างก็รู้สึกอายแทนหลิงเยี่ยนพี่น้องในบ้านเดียวกันแท้ ๆ พอมาข้างนอกไม่ช่วยเหลือพี่สาวตนเอง กลับไปร่วมกับคนนอกมาโจมตีพี่สาวของตนเองคุณหนูรองหลิงผู้นี้ช่างโง่เขลาจริง ๆ!เมื่