เมื่อเดินส่งป้าสะใภ้ใหญ่ทั้งสอง หลิงอวี๋กำลังคิดพาหลิงซินไปกินข้าว เมื่อออกประตูก็เห็นเซียวหลินเทียนกับลู่หนานรอตนอยู่“พระชายา ตระกูลกวนส่งของกำนัลล้ำค่าชุดหนึ่งแก่ท่าน ของล้วนส่งไปตำหนักอ๋องอี้แล้ว นี่คือรายการของขอรับ!”ลู่หนานมอบรายการของกำนัลให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋รับมากวาดมองพลันเบิกตากว้างตะลึงงันทันทีรายการของกำนัลยาวเฟื้อย มีอัญมณี เครื่องยาสมุนไพรล้ำค่า อาภรณ์เครื่องนุ่งห่มและอื่น ๆ สุดท้ายยังมีตั๋วเงินหนึ่งแสนตระกูลกวนมากเงินทรงอำนาจเสียจริง!รายการของกำนัลบนมือหลิงอวี๋สั่นเทาพลางมองทางเซียวหลินเทียน“ทั้งหมดนี่ที่ส่งให้หม่อมฉันมิใช่แค่เพื่อขอรักษาใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“แน่นอนว่ามิใช่ทั้งหมด! แม้ว่าวันนี้คุณหนูใหญ่กวนพูดจาพล่อย ๆ ล่วงเกินเจ้า แต่ก็ล่วงเกินไทเฮาด้วยเช่นกัน!”“ของกำนัลเหล่านี้ อาจหวังเจ้าจะพูดแก้หน้าต่อหน้าไทเฮาแทนพวกเขาสักสองสามประโยค!”หลิงอวี๋เข้าใจเหตุผลนี้โดยไม่สงสัย นางไม่ค่อยรู้จักตระกูลกวน แต่จากสิ่งที่หลิงหว่านเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ นางก็กังวลอยู่บ้างด้วยความมั่งคั่งพอ ๆ แคว้นศัตรู นี่มิใช่เท่ากั
หลังรอโรงเหยียนปิดร้าน หมอเลี่ยวพลันเอ่ยต่อหลิงอวี๋หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“แม่นางหลิง การค้าดีมากล้นก็กลุ้มใจเหมือนกันหนา!”“การค้าดียังกลุ้มอีกหรือเจ้าคะ? หมอเลี่ยว ท่านยุ่งหัวมึนไปแล้วรึ? ร้านอื่นการค้าไม่ดีถึงกลุ้มใจสิเจ้าคะ!”หลี่ชุงพูดหยอกล้อหมอเลี่ยวถูมือยิ้มขมขื่น “วันนี้คนมาประจบอาจารย์ท่านมากหลาย ยาที่เรารับซื้อจวนขายเกลี้ยงแล้ว วันพรุ่งยังต้องเปิดร้านอีกจะเอาอันใดขายเล่า?”หลิงอวี๋ได้ยินว่าหมอเลี่ยวกลุ้มใจเรื่องนี้ก็หัวเราะกล่าวว่า“เรื่องเครื่องยาท่านมิต้องพะวง ข้าหารือกับเสี่ยวหาวแล้ว วันข้างหน้าเครื่องยาสมุนไพรโรงเหยียนหลิงก็จัดให้เขารับผิดชอบ! เขาจะส่งเครื่องยามาช้ากว่ากำหนด!”“เจ้าหมอนี่ ตอนนี้คลั่งไคล้อยู่กับการค้าสมุนไพรเสียแล้ว!”“ท่ามิเห็นหรือว่าวันนี้เขาก็มิได้มายกยอข้า? ก็ออกไปรับซื้อเครื่องยาให้ข้านั้นแล!”หมอเลี่ยวฟังแล้วก็วางใจ พยักหน้ากล่าวคำ“ได้ เครื่องยาสมุนไพรไม่มีปัญหา งั้นข้าก็วางใจแล้ว! แม่นางหลิงเจ้ายุ่งมาทั้งวันรีบกลับพักผ่อนเถิด!”“อืม หมอเลี่ยว พวกท่านเก็บกวาดให้เสร็จแล้วรีบพักผ่อนหน่อยหนา!”“หลี่ชุง ที่พักเจ้ากับครอบครัวเจ้าก็จัดการให้เร
ทั้งสามคุยกันเรื่อยเปื่อยบนรถม้า ทว่าผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่ถึงคฤหาสน์หลี่ว์เซียงหลิงอวี๋รู้สึกนิด ๆ ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องพลันถาม “หลิงซวน คฤหาสน์หลี่ว์เซียงมิได้อยู่ในเมืองรึ?”หลิงซวนผงะครู่หนึ่งพลางเอ่ย “อยู่ในเมืองด้านประตูใหญ่บูรพาเจ้าค่ะ!”“แต่พวกเราเดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้วหนา ไยยังไม่ถึงเล่า?”แม้หลิงอวี๋ยังไม่คุ้นเมืองหลวงทั้งหมด แต่ถ้าอยู่ประตูใหญ่บูรพาก็ควรถึงแล้ว“นี่เหมือนจะออกเมืองแล้ว!” หลิงซินออกข้างนอกน้อยมากเลยไม่แน่ใจมากนักหลิงซวนเปิดม่านรถออกมองไปข้างนอก ด้านนอกมืดสนิท ด้วยแสงจันทร์สว่างไสวจึงเห็นทุ่งนาไกลสุดลูกหูลูกตา“สารถี นี่เราจักไปที่ใดกัน?” หลิงซวนเอ่ยเรียกสารถีส่งยิ้มตอบว่า “เรียนพระชายา นายท่านของข้าพอเจ็บป่วยก็พักอยู่ในคฤหาสน์ชนบทตลอด อีกครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ไม่ได้คิดมาก พลางคุยกับหลิงซวนต่อผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามยังไม่ถึง รู้สึกว่าทางข้างหน้าขรุขระโคลงเคลงแม้หลิงอวี๋จะดูไม่กังวล แต่ก็รู้สึกทะแม่ง ๆนางเปิดม่านรถม้า พบว่ารถม้าขึ้นเขาแล้วภายใต้แสงจันทร์สว่างไสวจึงเห็นยอดเขาเลือนลางด้านข้างทันใดนั้นหลิงอวี๋ก
วันรุ่งขึ้นตำหนักอ๋องอี้จวนยามซื่อ(1) ถึงพบว่าหลิงอวี๋หายตัวไปตอนเก้าโมงเช้าผู้มาแจ้งข่าวเซียวหลินเทียนคือแม่นมลี่ นางตื่นเช้ามาพลันพบว่าหลิงอวี๋และอีกสองคนไม่อยู่เรือนบุหงาเริ่มแรกแม่นมลี่คิดว่าทั้งสามคนตื่นแต่เช้าไปโรงเหยียนหลิงแล้วแม่นมลีมิได้ใส่ใจนัก พลางทำอาหารเช้าให้หลิงเยวี่ยและคนรับใช้อีกสองคนโดยสั่งฉีฮู๋ ฉีเต๋อพาหลิงเยวี่ยไปทาน ส่วนตัวเองไปซื้อกับข้าวแม่นมลี่เพิ่งออกประตูก็บังเอิญเจอหลี่ชุงเข้า หลี่ชุงกล่าวร้อนรน“แม่นมลี่ อาจารย์ข้าอยู่หรือไม่? คนไข้หลายคนที่ลงทะเบียนนางไว้เมื่อเช้านี้กำลังรอนางตรวจอยู่เจ้าค่ะ!”“จนตอนนี้นางยังไม่ไปโรงเหยียนหลิงเลย หมอเลี่ยวให้ข้ามาถามดูว่าอาจารย์ข้าวันนี้มีธุระไม่อาจไปนั่งตรวจได้แล้วหรือไม่?”“คุณหนูข้ามิใช่ไปตั้งนานแล้วรึ?” แม่นมลี่เอ่ยประหลาดใจ“มิได้ไปเจ้าค่ะ!”หลี่ชุงพูดแปลกใจ “ตระกูลหลี่ว์ก็ส่งคนมาถามแล้วด้วยว่าอาจารย์รับปากกับพวกเขาจะไปตรวจฮูหยินใหญ่หลี่ว์เมื่อคืน ไยมิได้ไป!”“พ่อบ้านหลี่ว์ยังอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วย กล่าวว่าอาจารย์ข้าเลื่องชื่อแล้วจะไม่เห็นตระกูลหลี่ว์ในสายตารึ! พูดจาเชื่อถือมิได้!”แม่นมลี่เหงื่อเย็นตก
เซียวหลินเทียนไม่ไปข้างนอกแล้ว กล่าวต่อแม่นมลี่ว่า“เจ้ากลับเรือนบุหงาก่อน ดูแลหลิงเยวี่ยให้ดี ในสองวันนี้พวกเจ้าพักอยู่ตำหนักอ๋องอี้ไม่อนุญาตให้ออกข้างนอก!”“หลี่ชุง เจ้าไปบอกหมอเลี่ยวว่าพระชายาอ๋องอี้ป่วยหนัก ในสองวันนี้ก็ไม่ไปนั่งตรวจที่โรงเหยียนหลิง ให้เขาเชิญท่านหัวช่วยนั่งตรวจก่อนเสีย!”“จำไว้ว่าบอกความจริงหมอเลี่ยวกับท่านหัวได้ แต่เผยต่อสาธารณะมิได้!”หลี่ชุงเข้าใจความร้ายแรงของเหตุการณ์แล้ว พลางผงกศีรษะรู้ความ“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันจะทำตามคำสั่งท่านอ๋องแน่นอนเพคะ!”“เหวินซวง เจ้าเตรียมของกำนัลส่งไปคฤหาสน์หลี่ว์บอกว่าพระชายาติดไข้หวัดมิอาจไปรักษาได้ชั่วคราว ให้เจ้าส่งไปขออภัยเสีย”“รอหลังพระชายาหายแล้ว จะไปจวนรักษาฮูหยินใหญ่แน่นอน!”ชิวเหวินซวงพยักหน้า แม้ในใจหมายให้หลิงอวี๋ทำตระกูลหลี่ว์ขุ่นเคืองจะตายแต่พอนึกถึงว่าหลี่ว์เซียงดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติ ซึ่งตนอยากเป็นพระชายาอ๋องอี้ ดังนั้นผลประโยชน์ของเซียวหลินเทียนเลยมาก่อนการคบหาหลี่ว์เซียง นั่นก็เป็นผลประโยชน์ในอนาคตที่ต้องมี!แป๊บเดียวจ้าวซวนก็รุดมาแล้ว หลังได้ยินการวิเคราะห์ของเซียวหลินเทียน จ้าวก็ซวนพลันเ
แต่เดินมาครึ่งค่อนวันแล้วหลิงอวี๋ยังมิได้ออกป่าเลยนางยันไม่ไหวแล้ว พลางพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้หลิงอวี๋เสียเลือดไปมากและวิงเวียนศีรษะนางหยิบน้ำกลูโคสสองขวดจากมิติแล้วดื่ม ค่อยรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้นหน่อยครั้นมองป่าอันไม่มีที่สิ้นสุดข้างหน้า หลิงอวี๋ก็ไม่ใจร้อนหาทางแล้วนางคือคนป่วยบาดเจ็บสาหัส ทำได้แค่ดูแลร่างกายตัวเองไปก่อนนางหยิบพรมออกจากมิติ กะจะหลับก่อนสักตื่นค่อยว่ากันค่ำมืดเสียแล้วในที่สุดหลิงอวี๋ก็ออกจากป่าแล้ว นางทั้งหิวและเหนื่อย ก่อนจะเห็นแสงไฟบ้านคนจากไกล ๆหลิงอวี๋ฝืนยันเดินต่อ กระทั่งถึงบ้านหลังนั้น เนื่องด้วยแสงจันทร์ทำให้มองชัดว่าคือครอบครัวคนชีวิตลำบากยากแค้นกำแพงรั้วส่วนหนึ่งชำรุดทรุดลง ประตูใหญ่คือกระดานไม้หยาบ ๆ สองแผ่น“มีคนอยู่ไหม?”หลิงอวี๋เคาะประตูพลางกล่าวไร้เรี่ยวแรง “ข้ามาเยี่ยมญาติ ฟ้ามืดแล้วขอค้างสักคืน!”แสงไฟภายในบ้านดับลงทันที หลิงอวี๋เห็นแล้วใจก็สิ้นหวังนางเคาะประตู รักษาลมหายใจกล่าวว่า“ได้โปรดช่วยให้ข้าค้างสักคืน ข้าได้รับบาดเจ็บ… ข้าใกล้ยันไว้ไม่ไหวแล้ว… ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าด้วย!”ด้านในยังคงไร้ซึ่งเสียงและไร้การเคลื่อนไหวเช่
หลิงอวี๋ก็ไม่ได้พบอะไรมีค่าวางอยู่ในเรือน นางถูกแม่อาเป่าพยุงไปนั่งบนเตียงและยังได้กลิ่นเหม็นฉี่ด้วย“แม่นางน้อยหิวหรือยัง แม่อาเป่าเจ้ายกน้ำมาให้นางล้างหน่อย ข้าจักไปดูว่ายังมีอะไรทำให้นางกินบ้าง!”ท่านป้าเก็บชามเปล่าบนโต๊ะขณะเอ่ยหลิงอวี๋ตาเฉียบแหลมเห็นชามสี่ใบ แต่ในเรือยมีแค่สามคน!นางนึกถึงเสียงที่ตัวเองได้ยินเลือนรางแล้วขบคิดถึงชามสี่ใบนี้อีกที นั่นก็ยืนยันว่าก่อนหน้ามีสี่คนในบ้านจริง ๆเป็นตนมาแล้วรบกวนพวกเขา คนคนนั้นก็รีบเข้าเขาเร้นกายเสียแล้วเหตุในต้องหลบ?กำลังหลบหนีผู้ใดอยู่หรือ?ขณะหลิงอวี๋กำลังครุ่นคิด แม่อาเป่าก็ยกน้ำมาแล้ว นางเอ่ยค่อนข้างวุ่นใจว่า“ที่บ้านไม่มีน้ำแล้ว ไปหาบน้ำมืด ๆ ค่ำ ๆ ไม่ดีนัก เจ้าเอาไปล้างเถอะ!”หลิงอวี๋วุ่นตลอดวันทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่น นางเห็นอ่างไม้หยาบ ๆ และผ้าเช็ดหน้าที่พาดด้านบนเป็นเศษผ้าจากเสื้อผ้าหลิงอวี๋ก็ไม่กล้าเมินพลางยันกายลุกไปล้างพร้อมเอ่ยว่า“แม่อาเป่า ข้าแซ่อวี๋ เจ้าเรียกข้าแม่นางอวี๋เถิด!”เมื่อไม่ได้รู้แจ้งว่าตนถูกใครไล่ฆ่าอยู่ หลิงอวี๋เลยไม่กล้าเอ่ยถึงพระชายาอ๋องอี้กับแม่นางหลิงอีก จำต้องปั้นแต่งชื่อปลอมเสีย“
นางหมายซ่อน ทว่าไม่มีที่หลบในเรือนหลังนี้โดยสิ้นเชิง“เปิดประตู… เปิดประตู… ค้นหาทหารหนีทัพ!”หลิงอวี๋ยังไม่ได้ตอบโต้ พลันได้ยินเสียงดังปังและประตูด้านนอกถูกถีบอ้าเสียแล้วอาเป่าตกใจจนร้องไห้งอแงเสียงดัง“แม่อาเป่า เจ้าพาอาเป่าหนีไปผ่านกำแพงหลังเร็ว!”เสียงพูดท่านป้าจางยังไม่ทันจบ ชายหน้าเหี้ยมหลายคนก็พรวดพราดเข้ามาแล้วหลิงอวี๋ดูแล้วไฉนจะเป็นทหารประจำการอะไรล่ะ เป็นแค่พวกกุ๊ยไม่กี่คนเองหัวโจกหน้าตากิริยาถ่อยเหมือนกับชายฟันเหลืองร่างกายฉกรรจ์ จมูกอ้วนใหญ่ สวมแค่เสื้อม่อฮ่อมแขนกุดเผยแขนหยาบสากและดำคล้ำ บนหน้ายังมีแผลเป็นยาวสายหนึ่ง“ป้าจาง นี่ทำอะไรน่าอร่อยจัง? เรียกมาครึ่งค่อนวันแล้วก็ไม่เปิดประตู!”ชายมีแผลเป็นพลันเปิดปากแสดงอารมณ์ขุ่น“อู๋เอ้อร์โก่ว บ้านเราไฉนจะยังมีอะไรกินอีก นี่เพราะมีแขกเลยทำหมี่บัควีตให้นางอิ่มท้องไงล่ะ”ท่านป้าจางส่งยิ้มพลางชี้หลิงอวี๋อู๋เอ้อร์โก่วปรายมองหลิงอวี๋ แม้หลิงอวี๋เป็นแผลที่หน้า แต่ผิวพรรณละเอียดอ่อนหน้าตาสะสวย เดิมไม่เหมือนคนที่โตมาในเขตภูเขาข้นแค้นห่างไกลเลย“นางคือผู้ใด? ไยข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้ามีญาติเช่นนี้?”ท่านป้าส่งยิ้ม “แม่นาง
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ
ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้หลิงอวี๋ก็มิสะดวกจะรบกวนคนของคฤหาสน์อู๋ จึงรับปากว่ารอฟ้าสางแล้วจะทำไก่กังเปาให้หวงฝู่หมิงจูเห็นนางหิวมาก หลิงอวี๋จึงออกมาหาหานเหมย ให้นางพาตนไปที่ครัวเพื่อหาอะไรอย่างอื่นให้หวงฝู่หมิงจูกินก่อนหานเหมยรีบพาหลิงอวี๋ไปที่ครัว ในครัวยังคงวุ่นวาย กำลังทำอาหารให้พวกเผยอวี้หลิงอวี๋เห็นว่ามีกับข้าวทำไว้มากมายก็มิเกรงใจ เลือกกับข้าวที่หวงฝู่หมิงจูชอบตักไปให้หลายอย่าง ทั้งยังตักไปให้หวงฝู่หลินด้วยส่วนหนึ่งหานเหมยและเถาจื่อเห็นเข้ายิ่งใจคอมิดี ฮองเฮาคงมิได้ชอบหวงฝู่หลินเข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่?นางดูแลเอาใจใส่หวงฝู่หลินถึงเพียงนี้ แต่กับเซียวหลินเทียนกลับมิไถ่ถามแม้แต่น้อยหานเหมยช่วยหลิงอวี๋ยกสำรับอาหารไประหว่างทาง หานเหมยก็อดมิได้ที่จะกล่าว "คุณหนู ท่านไปดูฝ่าบาทหน่อยเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ยังมิฟื้นเลยตั้งแต่กลับมา!"หลิงอวี๋กล่าวอย่างเย็นชา "สิ่งที่ข้าควรทำก็ทำไปแล้ว เส้นชีพจรหัวใจเขาขาดสะบั้น ต่อให้ข้าไปเฝ้าเขา เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาทันทีได้!""กินยาตามเวลาก็พอแล้ว ค่อย ๆ พักฟื้นไป ประเดี๋ยวก็หายดีเอง!"หานเหมยถูกพูดขัดจนพูดมิออก พวกนางกำนัลที่มาทีหลังเหล่านี้ ก่
หวงฝู่หลินทั้งโกรธทั้งแค้นที่เสวี่ยเหมยยุยงให้ตนกับหมิงจูแตกแยกกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังคงกล่าวอย่างใจเย็น"หมิงจู พ่อเคยบอกเจ้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะมิแต่งภรรยาใหม่!""ยามที่เจ้าอยู่ในวังเทพ เจ้าก็เคยสนับสนุนให้พ่อแต่งกับอาอวี๋ พ่อก็เคยพูดกับเจ้าเช่นนี้! หมิงจู ชั่วชีวิตนี้พ่อไม่มีวันโกหกเจ้าเด็ดขาด!""ที่ภูเขาอนันต์ เดิมทีพ่อเจอเจ้าแล้ว แต่เสวี่ยเหมยวางยาพิษจื่อลู่กับเจ้า พิษจะกำเริบทุกวันในยามจื่อและยามอู่สองยาม หากกำเริบสามถึงสี่ครั้ง เจ้าก็จะถึงแก่ความตาย!""เป็นอาอวี๋ที่ใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปรุงโอสถแก้พิษให้เจ้า ทั้งยังช่วยพาเจ้าออกมาจากเงื้อมมือของผู้ที่ลักพาตัวเจ้าไป!""หมิงจู หากเจ้ามิเชื่อคำพูดของพ่อ จะให้ท่านอาปี้อธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดก็ได้ หรือว่าแม้แต่คำพูดของท่านอาปี้เจ้าก็มิเชื่อแล้ว?""พวกเราคือคนที่สนิทกับเจ้าที่สุด เจ้ากลับยอมเชื่อคนนอกมากกว่าที่จะเชื่อคนที่ใกล้ชิดกับเจ้ามากที่สุดอย่างนั้นหรือ?""อาอวี๋ ไปเรียกปี้ซงมาที!"หลิงอวี๋พยักหน้า เดินออกไปหานอวี้เฝ้าอยู่ข้างนอกตลอด เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋จะไปตามปี้ซง นางก็รีบช่วยไปตามให้รอจนปี้ซงมาถึงห
หวงฝู่หมิงจูเห็นหวงฝู่หลินแวบเดียว ดวงตาสีดำขลับงดงามก็พลันมีม่านน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา นางร้องเรียกออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุดว่า "ท่านพ่อ!"น้ำตาใส ๆ ไหลรินลงมาจากหางตาของนาง ทำเอาทั้งหวงฝู่หลินและหลิงอวี๋ต่างรู้สึกปวดใจเหมือนกัน"พ่ออยู่นี่!"ดวงตาของหวงฝู่หลินก็ชื้นขึ้นมาเช่นกัน เขากอดหมิงจูเข้ามาในอ้อมอกพลางกล่าวเสียงสะอื้น"เป็นพ่อที่มิดีเอง ถึงทำให้หมิงจูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายถึงเพียงนี้ เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า!"นับตั้งแต่หวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยพาตัวไป หวงฝู่หลินก็หวาดหวั่นใจอยู่ตลอด เกรงว่าตนจะมิได้พบหน้าธิดาสุดที่รักอีกแล้วเมื่อเห็นหวงฝู่หมิงจูถูกพิษจื่อลู่ทรมาน หวงฝู่หลินก็อยากจะรับความเจ็บปวดนั้นแทนเสียจริง ๆ ตอนนั้นเขาถึงกับสาบานว่า หากหมิงจูรอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ ต่อไปเขาจะต้องอยู่เคียงข้างลูกสาวให้ดี เฝ้ามองนางเติบโตอย่างปลอดภัยและสงบสุขสองพ่อลูกต่างก็ร้องไห้ออกมาหวงฝู่หมิงจูกอดหวงฝู่หลินแน่นพลางร้องไห้และกล่าวว่า "ท่านพ่อ หมิงจูคิดว่าจะมิได้เจอท่านพ่ออีกแล้ว หมิงจูกลัว... กลัวเหลือเกิน!""อย่ากลัวเลย ต่อไปพ่อจะมิจากเจ้าไปไหนอีกแล้ว!"หวงฝู่หลินลูบหลังหมิงจู
คนข้างนอกกำลังจัดแจงเรื่องการเดินทางของแต่ละคน หวงฝู่หลินฟังความเคลื่อนไหวแต่มิสนใจแม้แต่น้อย เขามองหลิงอวี๋ด้วยความคาดหวังและใจที่ร้อนรนระหว่างรอหลิงอวี๋ปรุงโอสถแก้พิษให้หมิงจูขณะที่หวงฝู่หลินกำลังร้อนใจดั่งไฟสุม หลิงอวี๋ก็พลันลืมตาขึ้น"ปรุงโอสถเสร็จแล้ว ป้อนให้หมิงจูเถอะ!"หลิงอวี๋ยื่นโอสถลูกกลอนสองเม็ด และตำรับยาแผ่นหนึ่งให้"พี่ใหญ่หวงฝู่ โอสถลูกกลอนนี้ใช้แก้พิษจื่อลู่ ส่วนตำรับยานี้ใช้รักษาอาการเลือดไหลมิหยุดของพวกท่าน รอให้มีเวลา ข้าจะเขียนตำรับอาหารบำบัดให้ท่าน พวกท่านใส่ใจเรื่องการกินการอยู่ให้ดี คราวหน้าหากเลือดออกก็จะระงับได้ง่ายขึ้น!"หลิงอวี๋เป็นฝ่ายยื่นตำรับยาให้ หวงฝู่หลินรับมาอย่างตื่นเต้น"ขอบคุณ!"หวงฝู่หลินป้อนยาแก้พิษเข้าปากหมิงจูไปพลาง กล่าวไปพลางว่า "หลิงอวี๋ ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวบุญธรรม ข้ามิปฏิเสธว่าก่อนหน้านี้ข้าเพียงทำเช่นนั้นเพื่อผูกมิตรกับเจ้า!""แต่ยามนี้ข้าขอกล่าวอย่างจริงใจว่า ข้าจะดูแลเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ไปชั่วชีวิต! ต่อไปเรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้า! วังเทพก็คือบ้านของเจ้า!"หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้าการยอมรับหวงฝู่หลินเป็นพี่ใหญ่ก็