“ท่าน… ท่าน…”เมื่อท่านผู้เฒ่าเย่เห็นใบหน้านั้น เขาก็ตัวสั่นอย่างตื่นเต้น แล้วชี้ไปที่ท่านซ่งอย่างพูดอะไรมิออกเมื่อเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงเห็นใบหน้านั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน“เย่ซงเฉิง!”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูตะโกนขึ้นมาเป็นคนแรก “ท่าน… ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ?”สามีภรรยาตระกูลเจียวก็จำใบหน้านั้นได้เช่นกันคนในเมืองหลวงแดนเทพที่มีอายุยี่สิบห้าปีขึ้นไป มีใครบ้างที่มิรู้จักใบหน้านี้เมื่อยี่สิบปีก่อนเย่ซงเฉิงเป็นตำนานของเมืองหลวงแดนเทพ เป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อมหาเทพหลง และเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลเย่นามของเขาคือหมุดหมายสำคัญแห่งแวดวงปรุงโอสถ และจวบจนถึงวันนี้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถบรรลุความสำเร็จถึงขั้นเขาได้!“พี่ใหญ่!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ ซึ่งมิต่างอะไรจากยามที่เย่ซงเฉิงจากไปเมื่อยี่สิบปีก่อนยี่สิบปีผ่านไป ตนเผยให้เห็นความแก่ชราลงไปแล้ว แต่เย่ซงเฉิงยังคงเหมือนดังเช่นยามนั้น นอกจากผอมลงแล้วก็มิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก!“ท่านลุงใหญ่…”พี่น้องเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงก็ตะโกนออกมาเช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็คุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียงกันเย่ซื่อเจียงตื
เมื่อแม่ทัพเฉิงไปแล้ว ฮูหยินเฉียวก็สูญเสียที่พึ่งสำคัญไป กอปรกับที่ก่อนหน้านี้นางทำให้ธารกำนัลโกรธแค้น และเย่ซงเฉิงก็กลับมาแล้ว หากนางสร้างความวุ่นวายขึ้นอีกก็คงมิได้ผลประโยชน์อะไรเช่นกัน สุดท้ายนางจึงพาคนตระกูลเฉียวกลับไปอย่างขุ่นเคืองหลงเพ่ยเพ่ยมองฮูหยินเฉียวออกไปอย่างเย็นชา นางจดจำความแค้นที่วันนี้ฮูหยินเฉียวจับตัวสิงจั๋วจนทำให้ตนต้องเสียความเชื่อมั่นจากสิงอวี๋ไว้แล้ว นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้แน่เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นว่าฮูหยินเฉียวออกไปแล้วและบุคคลในตำนานเช่นเย่ซงเฉิงยังปรากฏตัวขึ้นมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นหลิงอวี๋ก็ยิ่งมีคนสนับสนุนมากขึ้น นางก็รู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง หรือจะต้องปล่อยให้หลิงอวี๋รอดไปได้เช่นนี้?นางขยับเข้าไปข้าง ๆ เฟิงหลานแล้วเอ่ยออกไปอย่างน่าสงสาร “ท่านอาจารย์ หรือว่าจะจบไปเช่นนี้? ข้าสามารถยืนยันได้ว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋นะเจ้าคะ!”เฟิงหลานเหลือบมองนาง แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “มิต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ค่อยคุยกันทีหลัง!”เฟิงหลานและเจียวหัวมีแผนของตนอยู่แล้ว ในสายตาของพวกเขา การบังคับให้สิงอวี๋ยอมรับตัวตนด้วยตัวนางเองนั้นเป็นสิ่งที่มิจำเป็นสักนิดมิว่านา
ภายใต้สายตาที่มองเห็นทุกสิ่งอย่างทะลุปรุโปร่งนั้น หลิงอวี๋รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็ล้วนไร้ประโยชน์เย่ซงเฉิงเป็นปรมาจารย์ ขอเพียงเขาต้องการจะทำ เขาก็สามารถปรุงน้ำยามาล้างการแปลงโฉมของตนออกได้!หลิงอวี๋ครุ่นคิด แล้วยิ้มออกมาทันที “ที่แท้ปรมาจารย์เย่ก็เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นกัน!”ทุกคนต่างจับจ้องหยกหล้าสุขาวดีบนตัวของตน เย่ซงเฉิงเองก็จับจ้องอยู่เช่นกัน หลิงอวี๋มิได้พูดออกมาให้ชัด แค่ใช้วิธีเช่นนี้หยั่งเชิงจุดประสงค์ของเย่ซงเฉิงเท่านั้นเย่ซงเฉิงยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับตนเอง “ในสมองของเจ้ายังมีเข็มเงินอยู่สี่เล่ม และเข็มเงินเหล่านี้ก็ปิดผนึกความทรงจำของเจ้าเอาไว้!”“ข้าจะปลดเข็มเงินออกจากตันเถียนของเจ้าให้ มันจะเจ็บปวดมาก เจ้าอดทนสักหน่อยนะ!”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะปฏิเสธ เย่ซงเฉิงก็ยกมือขึ้นทันที แล้วร่างกายของหลิงอวี๋ก็ลอยจากพื้นไปอยู่กลางอากาศนางมองเย่ซงเฉิงอย่างประหลาดใจ อยากจะดิ้นรน แต่แขนขาก็คล้ายกับว่ามีตาข่ายที่มองมิเห็นควบคุมอยู่ แม้แต่การขยับนิ้วก็ยังทำมิได้“ผ่อนคลาย! แม่หนู หากข้าคิดจะทำร้ายเจ้า เจ้าก็หนีมิพ้นหรอก!”เสียงของเย่ซงเฉิงเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล และมือทั้งสองของเขาก็
“แม่หนู เจ้าว่าเมื่อเห็นโศกนาฏกรรมเหล่านี้แล้ว ชื่อเสียงและผลประโยชน์ยังสำคัญอยู่หรือไม่?”เย่ซงเฉิงมองหลิงอวี๋อย่างแน่วแน่หัวใจของหลิงอวี๋รู้สึกหนักอึ้ง ภาพเหล่านั้นราวกับว่ายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ทำให้ใจของนางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเหตุใดเย่ซงเฉิงจึงให้ตนเห็นภาพที่น่าสลดเหล่านี้กัน?“เมื่อเทียบกับการแก้แค้นของธรรมชาติแล้ว ความแค้นระหว่างคนกับคนก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”เย่ซงเฉิงเอ่ยด้วยเสียงขรึม “หลิงอวี๋ ใต้หล้านี้ไม่มีผู้กอบกู้ที่แน่นอนหรอกนะ แม้ว่าหลงอี้จะยังมีชีวิตอยู่ เขาก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงหายนะครั้งนี้ได้เช่นกัน!”“หมอหนึ่งคนมีเพียงแค่สองมือ คนที่สามารถช่วยได้สุดท้ายแล้วก็จะมีจำกัด!”“ส่วนเจ้า เกิดมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม หยกหล้าสุขาวดีเลือกเจ้าแล้ว ก็คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าควรใช้ความสามารถของตัวเจ้าเองเพื่อพยายามหยุดยั้งการเกิดโศกนาฏกรรม และช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ!”หลิงอวี๋มองเย่ซงเฉิงอย่างตกตะลึง นางมีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ใต้หล้าที่รกร้างและเสื่อมโทรมในแดนภาพลวงตานั้น มีราษฎรที่ไร้ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมากเช่นนั้น นางจะมีความส
เซียวหลินเทียนเฝ้าดูอยู่บนหลังคา แต่ในห้องมิได้มีเสียงใดทั้งนั้น เมื่อมิได้ยินเสียงในห้องจึงทำให้เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมาหลิงอวี๋คงมิถูกเย่ซงเฉิงทำร้ายใช่หรือไม่?เขายกกระเบื้องขึ้น เพราะอยากจะมองลงไป แต่ด้านล่างนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด มองมิเห็นสิ่งใดทั้งนั้นในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังคิดว่าจะพุ่งลงไปโดยมิสนใจอะไรทั้งนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเย่ซงเฉิงเปิดประตูออกมาเซียวหลินเทียนมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าแสงสีขาวนั้นสลายไปแล้ว และหลิงอวี๋ก็ยืนอยู่ภายในห้องนางมิได้เป็นอะไร!เซียวหลินเทียนถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ยังมิทันที่เขาจะดันตัวออก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลิงอวี๋เสียก่อน “ลงมา!”เอ่อ ถูกจับได้เสียแล้ว!เซียวหลินเทียนครุ่นคิดแล้วก็กระโดดลงมาจากหลังคาเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาอย่างชัดเจนว่าเป็นเซียวหลินเทียน นางก็ตะลึงไปเล็กน้อยเซียวหลินเทียนมิรอให้หลิงอวี๋เอ่ยปาก เขาก็เอ่ยออกมาก่อนด้วยเสียงทุ้ม “ข้ามิได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้านะ! แม้ว่าที่ตัวเจ้าจะมีหยกหล้าสุขาวดี ข้าก็จะไม่มีทางทำอะไรเจ้าแน่!”“อาอวี๋ ข้ายอมตายเสียดีกว่าที่จะทำร้ายเจ้า!”“ข้ารู้ว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำ
“น้องหญิง!”หลิงอวี๋แทบจะหลุดปากเรียกออกมาแต่จากนั้นนางก็รู้สึกระแวงขึ้นมา ตัวตนของนางมิได้เปิดเผยกับภายนอก แล้วน้องสาวตามหานางเจอได้อย่างไรกัน?ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ทำการแปลงโฉมแล้วด้วย มิได้เป็นแบบก่อนหน้านี้ แล้วเหตุใดเสี่ยวอวี้มาถึงได้ก็เรียกตนว่าพี่หญิงเลยเล่า?หรือว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงมิยอมแพ้ และเมื่อแผนแรกล้มเหลวก็มีแผนใหม่ขึ้นมาอีก และคิดจะใช้เสี่ยวอวี้มาพิสูจน์ตัวตนของตน?มิแน่ว่าเวลานี้พวกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาจจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดและสังเกตปฏิกิริยาของนางอยู่ก็เป็นได้ขอเพียงตนยอมรับ มิเพียงแต่ตนจะตกอยู่ในอันตราย แต่เสี่ยวอวี้ก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน!“เสี่ยวอวี้ พี่หญิงอะไร? แม่นาง เจ้าจำคนผิดหรือไม่? ข้ามิรู้จักเจ้า!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่หานเหมยตะลึงไป นางคิดว่าหากตนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแล้ว หลิงอวี๋จะจำตนได้ ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะปฏิเสธเสียแล้ว“ข้าเข้าไปคุยได้หรือไม่?”หานเหมยกังวลว่าข้างนอกจะมีสายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและตระกูลเฉียวอยู่ หากอยู่ข้างนอกนาน ๆ จะทำให้คนสงสัย นางจึงกระซิบ “พวกเราเข้าไปคุยกันให้ละเอียดเถิด!”หลิงอวี๋มีหรือจะหลงกล วัน
นายน้อย? ท่านอดีตเสนาบดี? แม่นมลี่?หลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างงุนงง ชื่อเหล่านี้ฟังดูคุ้นหู ราวกับว่าอยู่อีกโลกหนึ่ง...“นายน้อยคือผู้ใด?”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป“เยวี่ยเยวี่ย พระโอรสของท่านเพคะ!”หานเหมยเอ่ยออกไปอย่างกระตือรือร้นว่า หลิงเยวี่ยฉลาดและรู้ความอย่างไรบ้าง...แต่นางเพิ่งจะพูดไปได้มิกี่ประโยค ก็ถูกหลิงอวี๋ขัดขึ้นมาก่อน “ลูกชายของข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ?”เป็นไปได้อย่างไร!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่าลูกชายของนางถูกเซียวหลินเทียนเตะจนซี่โครงสองซี่ และตายไปแล้ว“ยังมีชีวิตอยู่เพคะ!”หานเหมยนึกถึงคำพูดของเซียวหลินเทียนขึ้นมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะต้องพูดสิ่งมิดีกับหลิงอวี๋ไปมิน้อยเพื่อสร้างความขัดแย้งอย่างแน่นอน หรือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะบอกฮองเฮาว่านายน้อยตายไปแล้ว?“ฮองเฮา เช่นนั้นท่านบอกบ่าวดีหรือไม่เพคะว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดอะไรกับท่านบ้าง บ่าวจะอธิบายให้ท่านฟังทีละเรื่องเพคะ!”หานเหมยมิรู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน จึงจะอธิบายให้หลิงอวี๋ฟังได้ชัดเจน ดังนั้นนางจึงเอ่ยออกไปเช่นนี้“เริ่มจากลูกชายของข้าก่อน เซียวหลินเทียนได้เตะจนซี่โครงของเขาหักหรือไม่?”หลิงอวี๋กัดฟันและเอ่ยถามออก
หลิงอวี๋คิดไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น ยังมิทันที่นางจะตื่น ก็ได้ยินเย่หรงเรียกอยู่ข้างนอกแล้ว “เสี่ยวชี! เสี่ยวชี!”“คุณชายเย่ คุณหนูของข้ายังมิตื่น ขอท่านอย่ารบกวนนางเลยเจ้าค่ะ ให้นางนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด!”หานเหมยเปิดประตู แล้วให้เย่หรงเข้ามาหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาแล้วจึงรีบลุกขึ้น เมื่อหานเหมยได้ยินเสียงจึงนำน้ำมาให้นางหลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างเงียบ ๆ มิว่าสตรีผู้นี้จะเป็นคนที่เซียวหลินเทียนส่งมาคอยจับตามองนางหรือไม่ ขอเพียงนางมิทำร้ายตน ตนก็จะมิทำให้นางลำบากหากนางอยากจะอยู่ก็ให้นางอยู่ไปเถิด!“บ่าวเปลี่ยนยาให้พี่สิงแล้ว เขาดูดีขึ้นมากทีเดียวเจ้าค่ะ!” หานเหมยเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้กาลเทศะ“อืม ขอบคุณ!”หลิงอวี๋รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกไป“เสี่ยวชี เจ้า… เจ้าคือหลิงอวี๋จริง ๆ หรือ?”เย่หรงเห็นหานเหมยเดินออกไปแล้ว เขาจึงจ้องหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกมา“หากใช่แล้วอย่างไร หากมิใช่แล้วอย่างไร?”หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมาเย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบ “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและคนอื่น ๆ ที่อยากจะพบเจ้าเพื่อหยกหล้าสุขาวดีของเจ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต