แต่ตอนนี้สิงอวี๋เช็ดแล้ว ตนก็เช็ดแล้วเช่นกัน แต่ใบหน้าของสิงอวี๋ก็ไม่มีร่องรอยของการแปลงโฉม น้ำยาสาดเข้าใบหน้านางจนเปียกเช่นนั้น แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสบสายตากับฮูหยินเฉียวอย่างผิดหวังฮูหยินเฉียวพยักหน้าอย่างยากจะสังเกตเห็น แล้วใช้มือเป็นสัญญาณให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับอารมณ์ไว้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็พยักหน้าตอบรับ พวกนางยังเตรียมแผนสำรองไว้ด้วย วันนี้จะใช้โอกาสนี้เปิดเผยตัวหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนให้ได้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเชื่อว่า หากหลิงอวี๋อยู่ที่นี่ เซียวหลินเทียนก็จะอยู่ที่นี่เช่นกันหากหลิงอวี๋มีปัญหา เซียวหลินเทียนจะต้องรีบกระโดดออกมาโดยมิลังเลอย่างแน่นอนเซียวหลินเทียนมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยสายตาเย็นชาเมื่อครู่ตอนที่คนรับใช้สาดน้ำใส่หลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาแล้ว ขอเพียงหลิงอวี๋ถูกเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา เขาจะไม่มีทางยอมให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวมีโอกาสจับตัวหลิงอวี๋ไปแน่การประลองในวันนี้ เขาได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวจะมิปล่อยหลิงอวี๋ไปแน่ ดังนั้นเซียวหลินเทียนจึงได้เตรียมการรับมือไว้หลายอย่างแล้วเผยอวี้
เดิมทีตงเปิ่นมิอยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว แต่เขากังวลว่า หากตนถอนตัวออกไปจะทำให้พวกของตาเฒ่าประหลาดเทียนซูรังแกศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝานผู้นี้ได้สะดวกขึ้น เขาจึงจ้องไป่หลี่ไห่ด้วยความโกรธ แล้วเอ่ยด้วยเสียงขรึม “แลกเปลี่ยนยาพิษ!”ไป่หลี่ไห่หยิบกล่องหนึ่งออกมาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋ด้วยรอยยิ้ม“สิงอวี๋ ข้ายังยืนยันคำเดิม ขอเพียงเจ้ายอมแพ้เสียตอนนี้ การประลองนี้ก็จะมิดำเนินต่อ!”“มิเช่นนั้น หากมีผลข้างเคียงใดหลงเหลือไว้ เจ้าจะมาเสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ก็หยิบกล่องของตนออกมาเช่นกัน แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่อย่างเย็นชา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ ข้าก็จะขอพูดคำเดียวกันกับท่าน ขอเพียงท่านยอมแพ้ การประลองก็จะมิต้องดำเนินต่อ! มิเช่นนั้นคนที่ต้องเสียหน้าก็คือท่าน!”ไป่หลี่ไห่จะยอมแพ้ได้อย่างไร เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตนเรื่องที่เหมียวหยางถูกวางยาพิษนั้นทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย หากเขามิสามารถเอาชนะสิงอวี๋ได้ ต่อไปยาแก้พิษของหอโอสถไป๋เป่าก็จะขายมิออกเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จะทำให้ตนสูญเสียความโปรดปรานต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลและมหาเทพไปด้วยดังนั้น เขาจะแพ้มิไ
ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นสิงอวี๋เหม่ออยู่ที่ตู้ยาก็ยิ้มเยาะออกมา แล้วก็อดมิได้ที่จะพูดเยาะเย้ยออกไป“สาวน้อย มิได้มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่รู้หลักการผสมเครื่องยาสมุนไพรหรอกนะ ดูเอาเถิด การใช้วิธีของเจ้ามาตอบกลับเจ้ามันมิได้รู้สึกดีเลยใช่หรือไม่!”หลิงอวี๋มีอาการปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็ยิ้มเหยียดกับการเยาะเย้ยของตาเฒ่าประหลาดเทียนซู“เจ้าวังฉู่ หยางหงหนิงบอกวิธีนี้กับท่านกระมัง! ท่านบอกว่าข้าสามารถใช้วิธีนี้จัดการกับนางได้ แล้วข้าจะคาดมิถึงหรือว่าพวกท่านจะใช้มาจัดการกับข้าได้?”“เจ้าวังฉู่ วันนี้ข้าจะทำให้พวกท่านรู้ว่าอะไรคือเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”หลิงอวี๋พูดไปก็รีบหยิบผงยาหลายชนิดออกมาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่ลงในเครื่องกลั่นง่าย ๆ ที่นางเพิ่งทำขึ้นเมื่อครู่ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมองขวดยาที่ถูกสิงอวี๋เผาอยู่บนไฟด้วยความประหลาดใจ ยาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงมาจากปากขวด และรวมเข้าด้วยกันในถ้วยยาด้านล่าง“นี่มันหมายความว่าอะไร?”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมิเคยเห็นวิธีการปรุงยาเช่นนี้มาก่อน จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้เจ้าสำนักศึกษาจินมองเขาอย่างหมดค
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นสิงอวี๋เหม่ออยู่ที่ตู้ยาก็ยิ้มเยาะออกมา แล้วก็อดมิได้ที่จะพูดเยาะเย้ยออกไป“สาวน้อย มิได้มีเพียงเจ้าผู้เดียวที่รู้หลักการผสมเครื่องยาสมุนไพรหรอกนะ ดูเอาเถิด การใช้วิธีของเจ้ามาตอบกลับเจ้ามันมิได้รู้สึกดีเลยใช่หรือไม่!”หลิงอวี๋มีอาการปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็ยิ้มเหยียดกับการเยาะเย้ยของตาเฒ่าประหลาดเทียนซู“เจ้าวังฉู่ หยางหงหนิงบอกวิธีนี้กับท่านกระมัง! ท่านบอกว่าข้าสามารถใช้วิธีนี้จัดการกับนางได้ แล้วข้าจะคาดมิถึงหรือว่าพวกท่านจะใช้มาจัดการกับข้าได้?”“เจ้าวังฉู่ วันนี้ข้าจะทำให้พวกท่านรู้ว่าอะไรคือเหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า!”หลิงอวี๋พูดไปก็รีบหยิบผงยาหลายชนิดออกมาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่ลงในเครื่องกลั่นง่าย ๆ ที่นางเพิ่งทำขึ้นเมื่อครู่ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมองขวดยาที่ถูกสิงอวี๋เผาอยู่บนไฟด้วยความประหลาดใจ ยาหยดแล้วหยดเล่าหยดลงมาจากปากขวด และรวมเข้าด้วยกันในถ้วยยาด้านล่าง“นี่มันหมายความว่าอะไร?”ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูมิเคยเห็นวิธีการปรุงยาเช่นนี้มาก่อน จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้เจ้าสำนักศึกษาจินมองเขาอย่างหมดค
เดิมทีตงเปิ่นมิอยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว แต่เขากังวลว่า หากตนถอนตัวออกไปจะทำให้พวกของตาเฒ่าประหลาดเทียนซูรังแกศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝานผู้นี้ได้สะดวกขึ้น เขาจึงจ้องไป่หลี่ไห่ด้วยความโกรธ แล้วเอ่ยด้วยเสียงขรึม “แลกเปลี่ยนยาพิษ!”ไป่หลี่ไห่หยิบกล่องหนึ่งออกมาแล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋ด้วยรอยยิ้ม“สิงอวี๋ ข้ายังยืนยันคำเดิม ขอเพียงเจ้ายอมแพ้เสียตอนนี้ การประลองนี้ก็จะมิดำเนินต่อ!”“มิเช่นนั้น หากมีผลข้างเคียงใดหลงเหลือไว้ เจ้าจะมาเสียใจภายหลังก็สายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ก็หยิบกล่องของตนออกมาเช่นกัน แล้วมองไปทางไป่หลี่ไห่อย่างเย็นชา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ ข้าก็จะขอพูดคำเดียวกันกับท่าน ขอเพียงท่านยอมแพ้ การประลองก็จะมิต้องดำเนินต่อ! มิเช่นนั้นคนที่ต้องเสียหน้าก็คือท่าน!”ไป่หลี่ไห่จะยอมแพ้ได้อย่างไร เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตนเรื่องที่เหมียวหยางถูกวางยาพิษนั้นทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย หากเขามิสามารถเอาชนะสิงอวี๋ได้ ต่อไปยาแก้พิษของหอโอสถไป๋เป่าก็จะขายมิออกเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ จะทำให้ตนสูญเสียความโปรดปรานต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลและมหาเทพไปด้วยดังนั้น เขาจะแพ้มิไ
แต่ตอนนี้สิงอวี๋เช็ดแล้ว ตนก็เช็ดแล้วเช่นกัน แต่ใบหน้าของสิงอวี๋ก็ไม่มีร่องรอยของการแปลงโฉม น้ำยาสาดเข้าใบหน้านางจนเปียกเช่นนั้น แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสบสายตากับฮูหยินเฉียวอย่างผิดหวังฮูหยินเฉียวพยักหน้าอย่างยากจะสังเกตเห็น แล้วใช้มือเป็นสัญญาณให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับอารมณ์ไว้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็พยักหน้าตอบรับ พวกนางยังเตรียมแผนสำรองไว้ด้วย วันนี้จะใช้โอกาสนี้เปิดเผยตัวหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนให้ได้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเชื่อว่า หากหลิงอวี๋อยู่ที่นี่ เซียวหลินเทียนก็จะอยู่ที่นี่เช่นกันหากหลิงอวี๋มีปัญหา เซียวหลินเทียนจะต้องรีบกระโดดออกมาโดยมิลังเลอย่างแน่นอนเซียวหลินเทียนมองจ้าวหรุ่ยหรุ่ยด้วยสายตาเย็นชาเมื่อครู่ตอนที่คนรับใช้สาดน้ำใส่หลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมาแล้ว ขอเพียงหลิงอวี๋ถูกเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา เขาจะไม่มีทางยอมให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวมีโอกาสจับตัวหลิงอวี๋ไปแน่การประลองในวันนี้ เขาได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวจะมิปล่อยหลิงอวี๋ไปแน่ ดังนั้นเซียวหลินเทียนจึงได้เตรียมการรับมือไว้หลายอย่างแล้วเผยอวี้
อีกทั้งเมื่อมองฮูหยินเหมียวที่ยังคงเช็ดน้ำตาเป็นระยะ ๆ พร้อมแสร้งทำเป็นน่าสงสาร เซียวหลินเทียนก็รู้สึกขึ้นมาในทันทีว่าการตัดสินใจปล้นตระกูลเหมียวของตนนั้นช่างฉลาดยิ่งนัก!เมื่อสูญเสียเงินเหล่านี้ไปแล้ว ไป่หลี่ไห่จะยังคงสนับสนุนตระกูลเหมียวต่อดังเช่นที่สัญญาไว้หรือ?เมื่อถึงเวลานั้นสุนัขก็จะกัดกันเอง จากนั้นก็จะมีเรื่องสนุกให้ได้ชมกันเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาสองชั่วยามแล้ว บรรดาคนที่ออกไปเดินเล่นก็ทยอยกันกลับมา และมองห้องปรุงโอสถทั้งสองห้องอย่างคาดหวังเจ้าสำนักศึกษาจินและท่านซ่งก็กลับมาแล้วเช่นกัน เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างก็มองหน้ากัน หวังว่าการคาดเดาของตนจะถูกต้อง“แกร๊ง… แกร๊ง...”หลังจากที่เสียงระฆังดังขึ้น หลิงอวี๋และไป่หลี่ไห่ต่างก็เดินออกมาจากห้องปรุงโอสถพร้อมด้วยท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม“ไป่หลี่ไห่ สิงอวี๋ มาแลกเปลี่ยนยาพิษกัน!”ต่งเฉิงและตาเฒ่าประหลาดเทียนซูพร้อมทั้งคนอื่น ๆ ล้วนอยากรู้ว่าสิงอวี๋จะสามารถปรุงยาพิษที่มีพิษหลายสิบชนิดอยู่ในนั้นได้หรือไม่ ดังนั้นจึงได้เสนอเรื่องนี้กับต่งเฉิงเป็นการส่วนตัวก่อนที่จะกินยาพิษเข้าไป ให้ตรวจสอบดูสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยของ
ในเวลานี้ เย่หรงผู้มิเอาไหนที่เย่ซื่อเจียงเกลียดชังก็กำลังเตรียมตัวอยู่กับเผยอวี้และฉินซานเพื่อเตรียมที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลเหมียวแล้วหลอกเอาเงินที่พวกเขาจะให้ไป่หลี่ไห่ไปถึงแม้ว่าเผยอวี้และฉินซานจะมีประสบการณ์ในการรบมามากมาย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ จึงค่อนข้างกังวลเย่หรงแต่งตัวเป็นพ่อบ้านของไป่หลี่ไห่ และดูคล้ายกับตัวจริงมากเขาจึงเอ่ยปลอบใจทั้งสองคน “อย่าได้กังวลไปเลย รอหลังจากหลอกเอาเงินออกมาและเปลี่ยนรถม้าไปแล้ว จากนั้นพวกเราจะรีบไปที่สำนักศึกษาชิงหลง เช่นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวพวกเราแล้ว!”“พวกเจ้าทั้งสองมิต้องพูดอะไร แค่ฟังข้าก็พอ!”เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่หรงก็นำทุกคนมุ่งไปที่บ้านตระกูลเหมียวเผยอวี้ให้ลู่หนานไปสืบข้อมูลมาแล้วว่า สามีภรรยาตระกูลเหมียวพาเหมียวหยางไปที่สำนักศึกษาชิงหลงแล้ว จึงรู้สึกสบายใจมากขึ้นพวกเขาจึงเดินทางมาที่บ้านตระกูลเหมียวอย่างสบาย ๆ เย่หรงก็อาศัยใบหน้าของพ่อบ้านไป่หลี่ไห่พาทุกคนเข้าไปได้อย่างราบรื่นเมื่อพ่อบ้านเหมียวได้ยินข่าวก็ออกมาต้อนรับ แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “ท่านพ่อบ้านใหญ่ ตกลงกันไว้ว่าต
ท่านผู้เฒ่าเย่เข้าใจทันทีแล้วมองไปทางห้องปรุงโอสถอย่างครุ่นคิดนี่คือหลักการเข้าใจลึกซึ้งถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เย่ซื่อฝานบอกไว้กระมัง!ไป่หลี่ไห่เชื่อมั่นว่าตนเป็นปรมาจารย์และรู้มากกว่าสิงอวี๋ แต่จากตัวอย่างของหยางหงหนิงแล้ว เขาก็ยังป้องกันมิให้หลิงอวี๋เปลี่ยนยาแก้พิษของเขาให้กลายเป็นยาพิษได้ด้วยการที่มีสิ่งที่ต้องป้องกันมากเกินไป นั่นก็คือข้อจำกัด...ขอเพียงหลิงอวี๋เข้าใจลักษณะนิสัยของไป่หลี่ไห่ นางก็จะสามารถใช้จุดแข็งของตนวางกับดักไป่หลี่ไห่ซ้ำ ๆ ได้แล้ว...เหอะ ๆ!ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มออกมา และมีความคิดอยากจะผูกมิตรกับพ่อแม่และปู่ของหลิงอวี๋เสียหน่อยครอบครัวแบบใดกัน จึงสามารถเลี้ยงเด็กสาวมาได้ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้?“ซื่อเจียง หากครานี้เสี่ยวชีสามารถเอาชนะได้ ข้าจะตัดสินใจพูดกับนางให้นางมาเป็นภรรยาของเย่หรง!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองไปทางเย่ซื่อเจียงเขาเป็นพ่อของเย่หรง และเรื่องการแต่งงานก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเย่ซื่อเจียงด้วยเย่ซื่อเจียงตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามิให้ความสำคัญกับลูกนอกสมรสที่มิเอาไหนผู้นี้มาโดยตลอด และมิสนิทกับเย่หรงด้วย เขาจึงเอ่ยออกไปโดยสัญชาตญาณ“หากเ
กฎการประลองที่ต่งเฉิงประกาศมานั้นที่จริงแล้วยังมีช่องโหว่อยู่ แต่โดยทั่วไปก็มีความยุติธรรม ท่านผู้เฒ่าเย่และเย่ซื่อฝานจึงมิได้เสนอแนะใด ๆห้องปรุงโอสถทั้งสองห้องเป็นห้องที่จัดเตรียมขึ้นมาชั่วคราวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหอปรุงโอสถ หลังจากที่ระฆังการประลองดังขึ้น หลิงอวี๋และไป่หลี่ไห่ต่างก็เดินเข้าไปในห้องปรุงโอสถคนละห้องในห้องเป็นเช่นเดียวกับห้องปรุงโอสถอื่น ๆ ตรงผนังก็เต็มไปด้วยตู้ยา และหน้าต่างก็ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันมิให้มีคนแอบดูหลิงอวี๋ดูเครื่องยาสมุนไพรทั้งหมดก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ออกแบบยาพิษของตนในใจก่อนที่จะเริ่มปรุงเนื่องจากเวลาในการปรุงคือสองชั่วยาม บรรดาคนที่มาดูบางส่วนจึงรอมิไหวแล้วเดินไปเดินมารอบ ๆ บางส่วนก็มาหาเจ้าสำนักศึกษาจินเพราะอยากได้คำชี้แนะแต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับลากท่านซ่งสหายของเขาไปหาห้องจิบชาเดิมทีท่านผู้เฒ่าเย่อยากจะพูดกับเจ้าสำนักศึกษาจินสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้เขาจึงมิเข้าไปรบกวนเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงออกไปเดินกับท่านผู้เฒ่าเย่ เมื่อเดินออกจากกลุ่มคนมาเย่ซื่อเจียงก็เอ่ยถามไปตามตรง “ท่านพ่อ ท่านซ่งผู้นั้นคือใครหรือขอรับ?”นี่ก็คือสิ
ไป่หลี่ไห่ตะลึง สายตาของเขามองไปทางตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวโดยมิรู้ตัวคนที่เข้าใจเรื่องเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้ว่า เครื่องยาสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นพิษ แต่พิษกับพิษเจอกันก็ออกฤทธิ์ต้านกันได้แม้ว่าพวกเขาจะสามารถผสมพิษหลายชนิดเข้าด้วยกันได้ แต่สูงที่สุดก็คือสิบชนิด เป็นไปมิได้ที่ยาพิษหนึ่งตำรับจะมีพิษหลายสิบชนิดอยู่ด้วยกัน!สิงอวี๋ สตรีที่เพิ่งมาใหม่ผู้นี้ นางสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?“นางกำลังพูดโอ้อวดอยู่กระมัง! จะมีพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”มีคนอดมิได้ที่จะตะโกนขึ้นมา“ต้องเป็นการขู่ให้กลัวแน่ ๆ! อยากจะชนะครั้งหนึ่งเพราะโชคช่วยจึงได้บอกว่าจะยอมประลองเพียงแค่รอบเดียว!”“ประลองสามรอบสิ สิงอวี๋ หากเจ้าสามารถชนะได้ทั้งสามรอบ พวกเราจึงจะยอมรับ!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองพวกที่สนับสนุนไป่หลี่ไห่ในการประลองสามรอบ แล้วเอ่ยกับเจ้าสำนักศึกษาจินอย่างเย็นชา“เหล่าจิน ข้าคิดว่าที่สิงอวี๋พูดมาก็มีเหตุผล เรื่องที่สามารถทำได้ในรอบเดียวเหตุใดต้องทำถึงสามรอบด้วยเล่า! แค่รอบเดียวก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้วมิใช่หรือ!”เจ้าสำนักศึกษาจินพยักหน้า “คำพู
หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างเยาะเย้ย “นี่ยังมิทันได้เริ่มการประลอง แต่ละคนก็โจมตีข้าราวกับกลัวว่าข้าจะชนะเสียแล้ว โจมตีข้าก็มิเป็นไรหรอก แต่ยังจะโจมตีอาจารย์ของข้าอีก!”“ไยเล่า จากความคิดสกปรกของพวกเจ้า ขอเพียงแค่รับศิษย์ที่เป็นสตรีก็คือมีเจตนามิดีแล้วรึ เช่นนั้นปรมาจารย์ไป่หลี่ ศิษย์ที่ท่านรับมีมากกว่าอาจารย์ของข้าสองเท่ากระมังเจ้าคะ!”“ศิษย์ที่เป็นสตรีก็มีมากกว่าอาจารย์ของข้า หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกท่านมิปกติกันหนอ? บางทีศิษย์ของท่านอาจจะเห็นท่านทำเรื่องเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้ความคิดสกปรกเช่นนี้ไปตัดสินผู้อื่น!”ไป่หลี่ไห่โกรธจนตัวสั่น แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้าพูดไร้สาระอะไร! หากกล้าใส่ร้ายข้าอีก ข้าจะมิปล่อยเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะออกมา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ร้อนใจเสียแล้วหรือเจ้าคะ ท่านเป็นแบบอย่างของอาจารย์ ศิษย์ของท่านใส่ร้ายอาจารย์ของข้า ท่านมิเห็นจะห้ามปราม!”“แล้วเหตุใดเล่า ข้าเพียงเปรียบเทียบท่านก็ร้อนใจแล้วหรือ? หรือว่าข้าพูดถูกจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงอับอายจนโกรธ?”“ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว มิรู้หลักการที่ว่า ตนมิชอบสิ่งใดก็จงอย่าทำกับผู้อื่นหรือ?”หลง