แชร์

บทที่ 1953

ผู้เขียน: กานเฟย
ในขณะที่เหมียวหยางกำลังทรมานจากไข้สูงอยู่นั้น หลิงอวี๋ก็ใช้โอสถปฐมปราณบริสุทธิ์ที่นำโอสถเสริมพลังวิญญาณที่กลั่นได้ไปแลกมา บีบให้เข็มเงินออกมาอีกเล่มหนึ่งแล้ว

และเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่า การใช้โอสถขั้นถัดไปนั้นได้ผล แต่เช่นนี้ก็หมายความว่า หากจะบีบให้เข็มเงินเล่มต่อไปออกมา หลิงอวี๋จะต้องใช้โอสถเสริมระดับที่สูงกว่าอีกหนึ่งขั้น

แต่ตอนนี้หลิงอวี๋และผู้รอบรู้มีเงินอยู่เพียงมิกี่พันตำลึงเท่านั้น มิสามารถซื้อโอสถเสริมใด ๆ ได้เลย

อีกทั้งพลังของหลิงอวี๋ในตอนนี้ก็มิเพียงพอที่จะกลั่นโอสถปฐมปราณบริสุทธิ์ด้วย หากพึ่งเพียงการกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณเท่านั้น ก็จะต้องใช้เวลาในการสะสมเงินอีกสักพักจึงจะสามารถซื้อโอสถเสริมได้

แต่หลิงอวี๋กลับค่อนข้างกังวล ตระกูลเฉียวยังมิล้มเลิกรางวัลนำจับตน อีกทั้งตอนนี้ตนก็ไปยั่วยุหยางหงหนิงกับเหมียวหยางอีก นางมิได้มีเวลาพอที่จะเก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยเช่นนั้น

“พี่ใหญ่ นอกจากการกลั่นยาแล้ว ยังมีช่องทางหาเงินแบบรวดเร็วอีกหรือไม่?”

หลิงอวี๋เอ่ยถามผู้รอบรู้

ผู้รอบรู้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ในเมืองหลวงแดนเทพมีช่องทางหาเงินอยู่มากนัก เช่นเจ้าสามารถไปเก็บสมุนไพรก็ได
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1954

    เมื่อหลิงอวี๋เห็นท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีตอนนี้ตนเป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน เมื่อวานที่ไปยั่วยุวังเทียนซูกับหยางหงหนิงไว้ ก็หมายความว่าได้สร้างปัญหาให้กับเย่ซื่อฝานไปด้วยแล้วนี่ท่านผู้เฒ่าเย่มาบีบให้เย่ซื่อฝานขับไล่ตนออกจากสำนักหรือ?“ท่านผู้อาวุโส!”หลิงอวี๋โค้งคำนับด้วยความเคารพนบน้อมท่านผู้เฒ่าเย่ก็ยังคงมีท่าทียิ้มแย้ม ดังเช่นตอนที่เห็นนางครั้งแรก “เสี่ยวชี มาให้อาจารย์ของเจ้าสอนพิเศษให้อีกหรือ!”“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเขามีท่าทีเป็นมิตร นางก็มีความกล้าขึ้นมาก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกไป “ท่านผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโส เมื่อวานข้าไปก่อเรื่องไว้เจ้าค่ะ!”“ข้า… ข้าเป็นคนทำข้าจะรับผิดชอบเอง หากข้าทำให้ให้ท่านผู้อาวุโสและท่านอาจารย์เดือดร้อน เช่นนั้นข้าจะเป็นคนออกไปจากสำนักเองเจ้าค่ะ!”เย่ซื่อฝานมองไปทางท่านผู้เฒ่าเย่ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเหอะ ๆ ออกมา “ก่อเรื่องอะไรกัน? หากการชนะการประลองเรียกว่าก่อเรื่อง เช่นนั้นวัน ๆ เมืองหลวงแดนเทพก็คงจะมีคนก่อเรื่องอยู่ทั่วทุกที่แล้ว!”“เสี่ยวชี ข้าได้ยินเรื่องเมื่อวานมาแล้ว!

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1955

    ท่านผู้เฒ่าเย่ได้ฟังคำพูดเด็ดขาดของหลิงอวี๋ก็ตกตะลึงเขามิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า สตรีที่ดูหน้าตาธรรมดาผู้นี้จะมีนิสัยที่เข้มแข็งเช่นนี้เย่ซื่อฝานเองก็เผยยิ้มออกมา เขามองศิษย์ผู้นี้มิผิดจริง ๆ“ท่านพ่อ เสี่ยวชีพูดถูก การหลบซ่อนมิใช่ทางออกขอรับ! หากท่านกังวลว่านางจะทำให้ตระกูลเย่เดือดร้อนไปด้วย เรามาหาทางประนีประนอมกันดีหรือไม่? ในสายตาของคนภายนอกข้าจะขับไล่นางออกจากสำนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วนางจะยังเป็นศิษย์ของข้าอยู่”ท่านผู้เฒ่าเย่จ้องมองเย่ซื่อฝาน แล้วดุด่าออกมา “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระกระไรกัน ข้าเป็นคนประเภทที่กลัวปัญหาหรือไร?”“หากทำเช่นนี้แล้วเรื่องเผยแพร่ออกไป แล้วตระกูลเย่ของเราจะนับว่าเป็นอะไรเล่า?”“เสี่ยวชีเป็นสตรียังมิกลัวความตาย แล้วตระกูลเย่ของข้ามีบุรุษอยู่มากเช่นนี้จะขี้ขลาดกลัวปัญหาเช่นนั้นหรือ?”“เอาเถิด เสี่ยวชี เจ้าเรียนกับอาจารย์ของเจ้าให้สบายใจ ส่วนเรื่องภายนอกข้าจะดูแลให้เจ้าเอง แค่ช่วงนี้จะเข้าจะออกก็ระวังตัวหน่อยเป็นพอ!”ท่านผู้เฒ่าเย่กำลังจะก้าวเท้าเดินไป แต่เมื่อครุ่นคิดดูก็หันกลับมาแล้วเอ่ย “เสี่ยวชี ช่วงนี้หากมีเวลาก็ศึกษาวิชาพิษเพิ่มขึ้นสักหน่อย หากไป่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1956

    เซียวหลินเทียนกำลังอยู่ในภาวะมืดแปดด้านในการตามหาหลิงอวี๋ จึงรู้สึกมิสบายใจนัก เดิมทีเขามิได้สนใจเรื่องการสำรวจเหล่านี้ แต่คำพูดของเผยอวี้ก็ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไป“นายท่านอู่ ตำหนักปีกเงินได้ระดมทุกคนไปติดตามเบาะแสของท่านหญิงแล้ว แต่ก็ยังมิพบนางขอรับ!”“บางทีพวกเราอาจจะต้องเปลี่ยนแนวคิดดู ท่านหญิงมิได้นำเงินติดตัวมาเลย และนางที่พวกเรารู้จักก็มิใช่คนประเภทที่เจออุปสรรคแล้วจะถอยหนีด้วย!”“หากนางรู้ว่าตนถูกปิดผนึกไว้ นางจะต้องคิดหาวิธีปลดผนึกให้ตนเองเป็นแน่! และที่ภูเขาหมางหลิ่งก็มีเครื่องยาสมุนไพรอยู่เป็นมากหลายนัก หากท่านหญิงขาดแคลนเงิน จะต้องมิปล่อยโอกาสที่จะไปภูเขาหมางหลิ่ง เพื่อหาลู่ทางทางทำเงินอย่างแน่นอน!”ฉินซานจึงครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าน้อยรู้สึกว่าที่เผยอวี้พูดนั้นมีเหตุผลขอรับ เครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการพัฒนาพลังในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมีราคาแพงจนมิน่าเชื่อ ผู้บำเพ็ญตนมากมายล้วนไปที่ภูเขาหมางหลิ่งเพื่อหาโอกาสร่ำรวยมาซื้อโอสถกัน!”“ท่านหญิงทรงเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยาสมุนไพร หากนางขาดแคลนเงินซื้อโอสถ นี่ก็คือทางที่รวดเร็วที่สุดขอรับ!”เซียวหลินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1957

    เย่หรงดูประกาศรางวัลเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ชี้ แล้วเอ่ยปากถามออกไป “เสี่ยวชี เจ้ามีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมิใช่หรือ?”“หากเจ้าสามารถรักษาโรคที่ท้องโตเท่ากลองได้ เช่นนั้นจะมิหาเงินได้ง่ายกว่าหรอกหรือ?”หลิงอวี๋สังเกตจากหางตาว่า คำพูดของเย่หรงไปทำให้สายลับพวกนั้นมองมาทันที นางจึงจ้องมองเย่หรงด้วยความโกรธแล้วเอ่ยออกมา“หากข้าสามารถรักษาได้ ยังจะต้องให้ท่านบอกข้าอีกรึ? ผู้ใดจะต้านทานเงินได้เล่า!”“คนเรามีค่าตรงที่มีสติรู้จักประมาณตน หากเป็นสิ่งที่มิควรจะเป็นความร่ำรวยของข้า ก็อย่าไปถ่วงเวลาในการรักษาของคนอื่น! ท่านรีบมาดูรางวัลเหล่านี้เข้าเถิด ท่านทำสิ่งใดได้บ้าง? ดูเสร็จแล้วเราไปซื้ออุปกรณ์เตรียมตัวขึ้นภูเขากันวันพรุ่งดีกว่า!”ก่อนหน้านี้เย่หรงมิเคยกังวลเรื่องเงิน เมื่อมองหมายจับค่าหัวที่มีอยู่หลากหลายเหล่านั้นก็รู้สึกเพียงแค่ตาลายไปหมด แต่เมื่อมองสุ่ม ๆ ไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นมา“ไปซื้ออุปกรณ์กันก่อนเถิด ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นไปบนภูเขาอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อเห็นเครื่องยาสมุนไพรก็เก็บมา กลับมาก็ขายได้ทั้งนั้น!”หลังจากหลิงอวี๋พอจะเข้าใจแล้ว นางจึงเรียกผู้รอบรู้และเย่หรงใ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1958

    หลิงอวี๋หลบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นนางก็เอ่ยกับบุรุษผู้นั้นอย่างเย็นชา “เห็นแก่ที่เจ้ามิได้ทำอะไรมิดีกับข้า แค่ทำไปตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นข้าก็จะเมตตาผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเจ้า!”“หากอยากจะรักษาดวงตาของเจ้า ก็รีบไปหาน้ำมาล้างสักสองสามครั้ง มิฉะนั้นหากตาบอดไปก็มิเกี่ยวกับข้านะ!”บุรุษที่อยู่ตรงข้ามผู้นั้นกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วแต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยอย่างใจเย็น “กลับไปบอกเหมียวหยางว่า อย่าได้หาใครมาตามข้าอีก หากเขามิขอโทษข้าต่อหน้าธารกำนัล และยอมรับว่าเขาเป็นคนทำลายเรือนของข้า ข้าก็จะมิให้ยาแก้พิษกับเขาเป็นอันขาด!”“เขาจะส่งคนมาจับข้าต่อก็ได้ แต่ครั้งหน้าข้าไม่มีทางเมตตาอีกแล้ว!”หลังจากพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินไปดวงตาของบุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนบวมขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสหายตน เขาก็ตะโกนออกไป “รีบพาข้าไปหาน้ำเร็วเข้า ข้ามิอยากตาบอด...”บุรุษที่มาทีหลังเห็นจุดจบของสหายตนแล้วก็มิกล้าไปจับหลิงอวี๋อีก จึงช่วยประคองสหายของตนไปหาน้ำล้างหลิงอวี๋มิได้สังเกตเลยสักนิดว่า บนที่สูงมีบุรุษรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองภาพนี้อยู่ทั้งหมด เขาคือสายลับจากตำหนักปีกเงิน ท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1959

    เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่หรงเห็นด้วย จึงมิได้คัดค้านเช่นกันผู้รอบรู้ได้สืบเรื่องภูเขาหมางหลิ่งมาแล้ว มันอันตรายมากจริง ๆ พวกเขามาสำรวจที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นหากมีผู้ช่วยเพิ่มก็คงจะปลอดภัยกว่า“ศิษย์พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่า เหมียวหยางมีตุ่มน้ำขึ้นตามตัวหนักมาก ส่วนอาจารย์ของเขาก็หมดหนทางจัดการกับพิษนั้นแล้วเช่นกัน ข้าว่ามิต้องถึงสิบวันเขาจะต้องมาขอร้องเจ้าอย่างแน่นอน!”เถาจื่อกับหลิงอวี๋เป็นสตรีเพียงสองคนในกลุ่ม ดังนั้นจึงเดินตามแล้วเดินไปพูดคุยกันไปเซียวหลินเทียนก็กำลังคุยกับเย่หรงอยู่เช่นกันเมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนได้รับข้อมูลของสิงอวี๋มาแล้วจากที่คนของสือหรงไปสืบมาจากหลาย ๆ ทาง ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับสิงอวี๋มามิน้อยตัวอย่างเช่นสิงอวี๋กับสิงจั๋วมิใช่พี่น้องกัน!สิงจั๋วเป็นศิษย์ของตำหนักปีกเงินที่ถูกไล่ออกจากตำหนักไป เมื่อสือหรงมั่นใจเรื่องตัวตนของเขาแล้ว จึงมาบอกกับเซียวหลินเทียน“ก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักคนก่อนมีศิษย์ที่เป็นเด็กกำพร้าอยู่หลายคนขอรับ เจ้าตำหนักรับเลี้ยงสิงจั๋วผู้นี้มาตั้งแต่เขาอายุได้หกเจ็ดขวบ จวบจนกระทั่งตอนที่เขาจากไปก็มิเคยมีครอบครัวมาตามหาเขาเลย!”“ข้าได้ไป

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1960

    มีผู้บำเพ็ญตนที่ขึ้นไปหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งอยู่มากมาย ในตอนแรกเริ่มนั้นเส้นทางที่ขึ้นภูเขายังคงเห็นผู้คนอยู่ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นต่างก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะ และเข้าไปในป่าทึบเพื่อหาเส้นทางใหม่ที่ตนจะไปตามหาสมบัติ“พวกเราเองก็ไปที่ที่คนน้อยกันเถิด หากอยากเจอสมบัติดี ๆ ยิ่งอยู่สถานที่ห่างไกลก็ยิ่งมีโอกาสเจอสมบัติมาก!”เย่หรงเอ่ยให้กำลังใจทุกคนเซียวหลินเทียนจึงมองไปทางหลิงอวี๋แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “คนที่รู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมากที่สุดในหมู่พวกเราก็คือคุณหนูสิง คุณหนูสิง เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะไปอย่างไรดี?”หลิงอวี๋นึกถึงเครื่องยาสมุนไพรในประกาศรางวัล แล้วก็เอ่ยขึ้นมา “จากการเจริญเติบโตของพวกเครื่องยาสมุนไพรราคาสูงที่ข้าตามหาอยู่นั้น มันชอบอากาศเย็นและชื้น พวกเราเดินลึกเข้าไปในป่ากันเถิด!”“ไปตามที่เจ้าว่าเลย!”เซียวหลินเทียนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ยิ่งเขามองสิงอวี๋ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางคล้ายกับหลิงอวี๋น้ำเสียงของเขาจึงมีความตามใจขึ้นมาโดยมิรู้ตัวแต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกถึงสิ่งนั้น นางรู้สึกเพียงว่าสายตาของพี่ชายศิษย์น้องหญิงที่มองตนนั้นดูใ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1961

    ไม่! มิได้!จะทำให้เรื่องยุ่งเองมิได้!หลิงอวี๋สงบลงในทันที นางมั่นใจในการแปลงโฉมของตนหากคนผู้นี้มั่นใจว่าตนคือคนที่พวกเขาตามหา จะไม่มีทางพูดคำเหล่านี้มาหยั่งเชิงตนเป็นอันขาด!ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่ หากพวกเขาคิดจะลงมือก็คงจะทำไปนานแล้วเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้พวกเขาแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น ก็คล้ายกับการหยั่งเชิงของตระกูลเฉียวที่งานเลี้ยงชมบุปผาของหลงอิงขอเพียงนางมิทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมาเสียเอง พวกเขาก็จะไม่มีทางลงมือใด ๆ ในตอนนี้!“นายท่านอู่มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ข้าแต่งงานแล้วจริง ๆ แล้วก็เคยตั้งครรภ์ด้วย!”“แต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับสามีของข้า ข้าเสียใจมาก จนลูกมิได้อยู่กับข้าแล้ว...”หลิงอวี๋มองตรงเข้าไปในดวงตาของเซียวหลินเทียน แล้วเอ่ยด้วยท่าทีที่มิได้ถ่อมตนหรือยโสจนเกินไปรูปร่างของสตรีที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วนั้นแตกต่างจากสตรีที่ยังมิได้แต่งงานอย่างสิ้นเชิง หลิงอวี๋รู้ดีว่าการปฏิเสธนั้นรังแต่จะเป็นการพิสูจน์ว่าตนกังวลใจ สู้พูดออกมาอย่างเปิดเผยดีกว่าเซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋อยู่ตลอด เมื่อนางเห็นว่าตนพูดถึงลูกขึ้นมา มือของนางก็สั่นไปเล็กน้อยแต่นี่ก็มิสามารถพิสูจน์ได้ว่

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1966

    ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าตนมิได้โกหก เซียวหลินเทียนยกมือขึ้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นเพียงแสงสะท้อนจากคมกริชเย็นเยียบวาบผ่านตรงหน้า แล้วใบหน้าก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที...กระทั่งเซียวหลินเทียนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเยาะเย้ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าขึ้นมา แล้วหยดเลือดนับมิถ้วนไหลลงมาตามแก้ม“เซียวหลินเทียน ท่านทำอะไรกับหม่อมฉัน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกใบหน้าของนาง?หรือว่าตนจะถูกเซียวหลินเทียนกรีดหน้านับครั้งมิถ้วน เช่นเดียวกับที่ตนทำกับหลิงอวี๋?“ก็ดังที่เจ้าทำกับอาอวี๋… หากเจ้ามิยอมบอกความจริง ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดุร้าย “นี่เพิ่งเริ่มต้น หากเจ้ายังมิบอกความจริงอีก ข้าก็จะตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วป้อนให้เจ้ากินไปเสีย!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความเกลียดชังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเซียวหลินเทียน ก็รู้ว่าวันนี้ตนมิสามารถหนีจากการทรมานของเขาไปได้แล้ว!หรือว่าวันนี้ตนจะต้องตายอยู่บนภูเขารกร้างแห่งนี้จริง ๆ?ไม่!นางมิยอม!“หม่อม… หม่อมทำอะไรผิด?”จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เซียวหลินเทียน พวกท่านกำลังร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1965

    แต่มีหรือที่เซียวหลินเทียนจะหลงกลจ้าวหรุ่ยหรุ่ย เขาเข้าสนามรบตั้งแต่อายุยังน้อยมาก แล้วเขาจะมิเข้าใจวิธีการถามคำถามล่อศัตรูเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!“ดูป่าลึกแห่งนี้เถิด ข้างหน้าไม่มีหมู่บ้าน ข้างหลังก็ไม่มีร้านค้า คนที่ร่วมเดินทางมากับเจ้าก็ล้วนหนีไปกันหมดมิเหลือร่องรอยใด ๆ แล้ว!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้าคิดว่าข้าจับเจ้าได้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ง่าย ๆ รึ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างเหยียดหยาม“การให้ข้าซักถามเจ้า มิสู้เจ้าสารภาพมาเองว่าเจ้าทำอะไรกับฮองเฮาของข้าไปบ้าง?”“หากเจ้ายอมรับสารภาพดี ๆ มิแน่ว่าข้าอาจเมตตาให้เจ้าตายแบบศพครบถ้วนก็ได้!”หัวใจของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจมดิ่งลงน้ำเสียงนี้ของเซียวหลินเทียนแสดงให้เห็นว่า เขามิคิดที่จะปล่อยตนไปแล้ว!เช่นนั้นหากตนเอ่ยออกไปก็ต้องตาย มิเอ่ยออกไปก็ต้องตายเช่นกัน แล้วเหตุใดตนจะต้องทำให้เซียวหลินเทียนสมปรารถนาด้วยเล่า!ทันทีที่มุมปากของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยัน เซียวหลินเทียนก็เห็นแล้ว“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้ากำลังคิดว่าหากบอกก็ตาย มิบอกก็ตาย แล้วเหตุใดจะต้องบอกใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “หากเจ้ามีความคิดเช่นนี้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1964

    “เสือมาแล้ว!”ในตอนที่เซียวหลินเทียนเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยพร้อมด้วยคนที่กำลังวิ่งหนีเหล่านั้นมุ่งหน้ามา ที่มุมริมฝีปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีความหมายขึ้นมาทันทีก่อนหน้านี้ตนวางแผนให้หานอวี้ล่อลวงให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมา มิคาดคิดเลยว่าโอกาสจะเข้ามาหาถึงที่เช่นนี้เขามองหาทิศทางที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนี แล้วก็วิ่งเข้าไปหานางมิรู้ว่าหลิงอวี๋วิ่งหนีไปที่ใดแล้ว ดังนั้นเขาขอจัดการกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหานางแล้วกันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนกโดยมิมองทาง แม้ว่านางจะรู้ตัวแล้วว่าเซียวหลินเทียนตามตนมา แต่ก็มิได้ระวังตัว คิดเพียงว่าอีกฝ่ายก็คงหนีเสืออยู่เหมือนกันด้วยจำนวนของเสือนั้นมีจำกัด เมื่อคนที่วิ่งหนีแยกทางกันออกเป็นหลายทาง จึงทำให้ความสนใจของเสือถูกแยกออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวิ่งไปอีกสักพัก เมื่อนางมิได้ยินเสียงคำรามของเสือแล้ว นางจึงถอนหายใจโล่งอกไปได้นางพิงต้นไม้แล้วหายใจพลางหันกลับไปมองอย่างระมัดระวังบุรุษที่ตามตนมาเมื่อครู่ก็หายไปแล้วเช่นกัน เขาคงจะหนีไปทางอื่นแล้วจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองไปรอบ ๆ พยายามแยกแยะทิศทางที่จะออกไปจากป่าทึบนี้แต่รอบ ๆ ล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่ส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1963

    “น้องหญิง เหตุใดมิวิ่งไปเล่า? เสือตามมาแล้ว!”ผู้รอบรู้วิ่งไปก็มองด้านหลังอย่างระแวงไป เขาหันกลับมาเห็นหลิงอวี๋ยืนนิ่งค้างอยู่ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ไม่มีทางให้ไปแล้ว!”หลิงอวี๋ชี้ไปข้างหน้า แล้วจู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามา จึงตะโกนออกไป “พี่ชาย ข้ามีวิธีแล้ว! รีบตามข้ามาเร็วเข้า!”“ท่านเห็นเถาวัลย์หลาย ๆ เส้นที่อยู่ตรงขอบหน้าผาหรือไม่? พวกเราล่อเสือไปที่ขอบหน้าผาแล้วกระโดดลงไป จากนั้นก็คว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้กันเถิด!”“เถาวัลย์เหล่านั้นแข็งแรงมาก จะต้องรองรับน้ำหนักของพวกเราไว้ได้อย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋ยังพูดมิทันจบ เสือก็กระโจนเข้ามาแล้ว และลมที่มีกลิ่นคาวที่มันพามาด้วยก็ทำให้หลิงอวี๋อยากจะอาเจียนออกมาและในความตื่นตระหนกนั้น นางก็รีบกระโดดขึ้นแล้วพุ่งไปที่ขอบหน้าผาอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังห่างอยู่อีกหลายเมตรทีเดียว หลิงอวี๋ยังคงไปมิถึงที่ขอบหน้าผา แล้วเสือก็กระโจนเข้าใส่นาง มันอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วกัดไปที่คอของหลิงอวี๋“น้องหญิง!”เมื่อผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็กรีดร้องออกมา แล้วเหวี่ยงกระบี่ไปที่เสือ เมื่อเสือรู้สึกถึงอันตราย มันจึงเบี่ยงหัวหนีไป ทำให้กระบี่ของผู้รอบรู้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1962

    “หลีกไป! อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ!”ใบหน้าของเย่หรงมืดมนลง จากนั้นเขาก็ขยับนิ้วแล้วกระบี่ก็โผล่ออกมาจากฝักครึ่งหนึ่งเผยอวี้กับฉินซานเห็นท่ามิดี จึงล้อมเข้ามาด้วยกันเซียวหลินเทียนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลแน่ หรือว่าเขาจะพบสิ่งผิดปกติอะไร?“อู่เถา บอกให้พี่ชายของเจ้าหลีกทางไปเสีย อย่าบังคับให้ข้าลงมือ!”หลิงอวี๋ก็เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็เคยเห็นวิชาพิษของข้าไปแล้ว หากมิอยากตายอยู่ในป่าลึกแห่งนี้ ก็อย่ามายั่วยุข้า!”“พี่ใหญ่…”เถาจื่อมิรู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่เช่นนี้ นางจึงมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“อาอวี๋!”เซียวหลินเทียนกำลังคิดจะเรียกชื่อของหลิงอวี๋ และเปิดเผยตัวตนของตนออกมาแต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังมา ทั้งยังมีคนส่งเสียงร้องออกมาอีก “รีบหนีเร็วเข้า เสือโกรธแล้ว...”“โฮก… โฮก…”และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือดังมาหลายครั้ง ตามมาด้วยเสียงวุ่นวายที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“เสือมาแล้ว!”“โฮก...”พวกคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งเข้ามาทางนี้ พร้อมทั้งเสียงกรีดร้อง“ช่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1961

    ไม่! มิได้!จะทำให้เรื่องยุ่งเองมิได้!หลิงอวี๋สงบลงในทันที นางมั่นใจในการแปลงโฉมของตนหากคนผู้นี้มั่นใจว่าตนคือคนที่พวกเขาตามหา จะไม่มีทางพูดคำเหล่านี้มาหยั่งเชิงตนเป็นอันขาด!ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่ หากพวกเขาคิดจะลงมือก็คงจะทำไปนานแล้วเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้พวกเขาแค่รู้สึกสงสัยเท่านั้น ก็คล้ายกับการหยั่งเชิงของตระกูลเฉียวที่งานเลี้ยงชมบุปผาของหลงอิงขอเพียงนางมิทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมาเสียเอง พวกเขาก็จะไม่มีทางลงมือใด ๆ ในตอนนี้!“นายท่านอู่มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ข้าแต่งงานแล้วจริง ๆ แล้วก็เคยตั้งครรภ์ด้วย!”“แต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับสามีของข้า ข้าเสียใจมาก จนลูกมิได้อยู่กับข้าแล้ว...”หลิงอวี๋มองตรงเข้าไปในดวงตาของเซียวหลินเทียน แล้วเอ่ยด้วยท่าทีที่มิได้ถ่อมตนหรือยโสจนเกินไปรูปร่างของสตรีที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วนั้นแตกต่างจากสตรีที่ยังมิได้แต่งงานอย่างสิ้นเชิง หลิงอวี๋รู้ดีว่าการปฏิเสธนั้นรังแต่จะเป็นการพิสูจน์ว่าตนกังวลใจ สู้พูดออกมาอย่างเปิดเผยดีกว่าเซียวหลินเทียนจ้องมองหลิงอวี๋อยู่ตลอด เมื่อนางเห็นว่าตนพูดถึงลูกขึ้นมา มือของนางก็สั่นไปเล็กน้อยแต่นี่ก็มิสามารถพิสูจน์ได้ว่

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1960

    มีผู้บำเพ็ญตนที่ขึ้นไปหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งอยู่มากมาย ในตอนแรกเริ่มนั้นเส้นทางที่ขึ้นภูเขายังคงเห็นผู้คนอยู่ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นต่างก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะ และเข้าไปในป่าทึบเพื่อหาเส้นทางใหม่ที่ตนจะไปตามหาสมบัติ“พวกเราเองก็ไปที่ที่คนน้อยกันเถิด หากอยากเจอสมบัติดี ๆ ยิ่งอยู่สถานที่ห่างไกลก็ยิ่งมีโอกาสเจอสมบัติมาก!”เย่หรงเอ่ยให้กำลังใจทุกคนเซียวหลินเทียนจึงมองไปทางหลิงอวี๋แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “คนที่รู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมากที่สุดในหมู่พวกเราก็คือคุณหนูสิง คุณหนูสิง เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะไปอย่างไรดี?”หลิงอวี๋นึกถึงเครื่องยาสมุนไพรในประกาศรางวัล แล้วก็เอ่ยขึ้นมา “จากการเจริญเติบโตของพวกเครื่องยาสมุนไพรราคาสูงที่ข้าตามหาอยู่นั้น มันชอบอากาศเย็นและชื้น พวกเราเดินลึกเข้าไปในป่ากันเถิด!”“ไปตามที่เจ้าว่าเลย!”เซียวหลินเทียนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ยิ่งเขามองสิงอวี๋ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางคล้ายกับหลิงอวี๋น้ำเสียงของเขาจึงมีความตามใจขึ้นมาโดยมิรู้ตัวแต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกถึงสิ่งนั้น นางรู้สึกเพียงว่าสายตาของพี่ชายศิษย์น้องหญิงที่มองตนนั้นดูใ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1959

    เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่หรงเห็นด้วย จึงมิได้คัดค้านเช่นกันผู้รอบรู้ได้สืบเรื่องภูเขาหมางหลิ่งมาแล้ว มันอันตรายมากจริง ๆ พวกเขามาสำรวจที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นหากมีผู้ช่วยเพิ่มก็คงจะปลอดภัยกว่า“ศิษย์พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่า เหมียวหยางมีตุ่มน้ำขึ้นตามตัวหนักมาก ส่วนอาจารย์ของเขาก็หมดหนทางจัดการกับพิษนั้นแล้วเช่นกัน ข้าว่ามิต้องถึงสิบวันเขาจะต้องมาขอร้องเจ้าอย่างแน่นอน!”เถาจื่อกับหลิงอวี๋เป็นสตรีเพียงสองคนในกลุ่ม ดังนั้นจึงเดินตามแล้วเดินไปพูดคุยกันไปเซียวหลินเทียนก็กำลังคุยกับเย่หรงอยู่เช่นกันเมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนได้รับข้อมูลของสิงอวี๋มาแล้วจากที่คนของสือหรงไปสืบมาจากหลาย ๆ ทาง ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับสิงอวี๋มามิน้อยตัวอย่างเช่นสิงอวี๋กับสิงจั๋วมิใช่พี่น้องกัน!สิงจั๋วเป็นศิษย์ของตำหนักปีกเงินที่ถูกไล่ออกจากตำหนักไป เมื่อสือหรงมั่นใจเรื่องตัวตนของเขาแล้ว จึงมาบอกกับเซียวหลินเทียน“ก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักคนก่อนมีศิษย์ที่เป็นเด็กกำพร้าอยู่หลายคนขอรับ เจ้าตำหนักรับเลี้ยงสิงจั๋วผู้นี้มาตั้งแต่เขาอายุได้หกเจ็ดขวบ จวบจนกระทั่งตอนที่เขาจากไปก็มิเคยมีครอบครัวมาตามหาเขาเลย!”“ข้าได้ไป

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1958

    หลิงอวี๋หลบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นนางก็เอ่ยกับบุรุษผู้นั้นอย่างเย็นชา “เห็นแก่ที่เจ้ามิได้ทำอะไรมิดีกับข้า แค่ทำไปตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นข้าก็จะเมตตาผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเจ้า!”“หากอยากจะรักษาดวงตาของเจ้า ก็รีบไปหาน้ำมาล้างสักสองสามครั้ง มิฉะนั้นหากตาบอดไปก็มิเกี่ยวกับข้านะ!”บุรุษที่อยู่ตรงข้ามผู้นั้นกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วแต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยอย่างใจเย็น “กลับไปบอกเหมียวหยางว่า อย่าได้หาใครมาตามข้าอีก หากเขามิขอโทษข้าต่อหน้าธารกำนัล และยอมรับว่าเขาเป็นคนทำลายเรือนของข้า ข้าก็จะมิให้ยาแก้พิษกับเขาเป็นอันขาด!”“เขาจะส่งคนมาจับข้าต่อก็ได้ แต่ครั้งหน้าข้าไม่มีทางเมตตาอีกแล้ว!”หลังจากพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินไปดวงตาของบุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนบวมขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสหายตน เขาก็ตะโกนออกไป “รีบพาข้าไปหาน้ำเร็วเข้า ข้ามิอยากตาบอด...”บุรุษที่มาทีหลังเห็นจุดจบของสหายตนแล้วก็มิกล้าไปจับหลิงอวี๋อีก จึงช่วยประคองสหายของตนไปหาน้ำล้างหลิงอวี๋มิได้สังเกตเลยสักนิดว่า บนที่สูงมีบุรุษรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองภาพนี้อยู่ทั้งหมด เขาคือสายลับจากตำหนักปีกเงิน ท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status