ในขณะที่เหมียวหยางกำลังทรมานจากไข้สูงอยู่นั้น หลิงอวี๋ก็ใช้โอสถปฐมปราณบริสุทธิ์ที่นำโอสถเสริมพลังวิญญาณที่กลั่นได้ไปแลกมา บีบให้เข็มเงินออกมาอีกเล่มหนึ่งแล้วและเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่า การใช้โอสถขั้นถัดไปนั้นได้ผล แต่เช่นนี้ก็หมายความว่า หากจะบีบให้เข็มเงินเล่มต่อไปออกมา หลิงอวี๋จะต้องใช้โอสถเสริมระดับที่สูงกว่าอีกหนึ่งขั้นแต่ตอนนี้หลิงอวี๋และผู้รอบรู้มีเงินอยู่เพียงมิกี่พันตำลึงเท่านั้น มิสามารถซื้อโอสถเสริมใด ๆ ได้เลยอีกทั้งพลังของหลิงอวี๋ในตอนนี้ก็มิเพียงพอที่จะกลั่นโอสถปฐมปราณบริสุทธิ์ด้วย หากพึ่งเพียงการกลั่นโอสถเสริมพลังวิญญาณเท่านั้น ก็จะต้องใช้เวลาในการสะสมเงินอีกสักพักจึงจะสามารถซื้อโอสถเสริมได้แต่หลิงอวี๋กลับค่อนข้างกังวล ตระกูลเฉียวยังมิล้มเลิกรางวัลนำจับตน อีกทั้งตอนนี้ตนก็ไปยั่วยุหยางหงหนิงกับเหมียวหยางอีก นางมิได้มีเวลาพอที่จะเก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยเช่นนั้น“พี่ใหญ่ นอกจากการกลั่นยาแล้ว ยังมีช่องทางหาเงินแบบรวดเร็วอีกหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามผู้รอบรู้ผู้รอบรู้ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ในเมืองหลวงแดนเทพมีช่องทางหาเงินอยู่มากนัก เช่นเจ้าสามารถไปเก็บสมุนไพรก็ได
เมื่อหลิงอวี๋เห็นท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทีตอนนี้ตนเป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝาน เมื่อวานที่ไปยั่วยุวังเทียนซูกับหยางหงหนิงไว้ ก็หมายความว่าได้สร้างปัญหาให้กับเย่ซื่อฝานไปด้วยแล้วนี่ท่านผู้เฒ่าเย่มาบีบให้เย่ซื่อฝานขับไล่ตนออกจากสำนักหรือ?“ท่านผู้อาวุโส!”หลิงอวี๋โค้งคำนับด้วยความเคารพนบน้อมท่านผู้เฒ่าเย่ก็ยังคงมีท่าทียิ้มแย้ม ดังเช่นตอนที่เห็นนางครั้งแรก “เสี่ยวชี มาให้อาจารย์ของเจ้าสอนพิเศษให้อีกหรือ!”“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเขามีท่าทีเป็นมิตร นางก็มีความกล้าขึ้นมาก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกไป “ท่านผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโส เมื่อวานข้าไปก่อเรื่องไว้เจ้าค่ะ!”“ข้า… ข้าเป็นคนทำข้าจะรับผิดชอบเอง หากข้าทำให้ให้ท่านผู้อาวุโสและท่านอาจารย์เดือดร้อน เช่นนั้นข้าจะเป็นคนออกไปจากสำนักเองเจ้าค่ะ!”เย่ซื่อฝานมองไปทางท่านผู้เฒ่าเย่ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเหอะ ๆ ออกมา “ก่อเรื่องอะไรกัน? หากการชนะการประลองเรียกว่าก่อเรื่อง เช่นนั้นวัน ๆ เมืองหลวงแดนเทพก็คงจะมีคนก่อเรื่องอยู่ทั่วทุกที่แล้ว!”“เสี่ยวชี ข้าได้ยินเรื่องเมื่อวานมาแล้ว!
ท่านผู้เฒ่าเย่ได้ฟังคำพูดเด็ดขาดของหลิงอวี๋ก็ตกตะลึงเขามิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า สตรีที่ดูหน้าตาธรรมดาผู้นี้จะมีนิสัยที่เข้มแข็งเช่นนี้เย่ซื่อฝานเองก็เผยยิ้มออกมา เขามองศิษย์ผู้นี้มิผิดจริง ๆ“ท่านพ่อ เสี่ยวชีพูดถูก การหลบซ่อนมิใช่ทางออกขอรับ! หากท่านกังวลว่านางจะทำให้ตระกูลเย่เดือดร้อนไปด้วย เรามาหาทางประนีประนอมกันดีหรือไม่? ในสายตาของคนภายนอกข้าจะขับไล่นางออกจากสำนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วนางจะยังเป็นศิษย์ของข้าอยู่”ท่านผู้เฒ่าเย่จ้องมองเย่ซื่อฝาน แล้วดุด่าออกมา “เจ้าพูดเรื่องไร้สาระกระไรกัน ข้าเป็นคนประเภทที่กลัวปัญหาหรือไร?”“หากทำเช่นนี้แล้วเรื่องเผยแพร่ออกไป แล้วตระกูลเย่ของเราจะนับว่าเป็นอะไรเล่า?”“เสี่ยวชีเป็นสตรียังมิกลัวความตาย แล้วตระกูลเย่ของข้ามีบุรุษอยู่มากเช่นนี้จะขี้ขลาดกลัวปัญหาเช่นนั้นหรือ?”“เอาเถิด เสี่ยวชี เจ้าเรียนกับอาจารย์ของเจ้าให้สบายใจ ส่วนเรื่องภายนอกข้าจะดูแลให้เจ้าเอง แค่ช่วงนี้จะเข้าจะออกก็ระวังตัวหน่อยเป็นพอ!”ท่านผู้เฒ่าเย่กำลังจะก้าวเท้าเดินไป แต่เมื่อครุ่นคิดดูก็หันกลับมาแล้วเอ่ย “เสี่ยวชี ช่วงนี้หากมีเวลาก็ศึกษาวิชาพิษเพิ่มขึ้นสักหน่อย หากไป่
เซียวหลินเทียนกำลังอยู่ในภาวะมืดแปดด้านในการตามหาหลิงอวี๋ จึงรู้สึกมิสบายใจนัก เดิมทีเขามิได้สนใจเรื่องการสำรวจเหล่านี้ แต่คำพูดของเผยอวี้ก็ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไป“นายท่านอู่ ตำหนักปีกเงินได้ระดมทุกคนไปติดตามเบาะแสของท่านหญิงแล้ว แต่ก็ยังมิพบนางขอรับ!”“บางทีพวกเราอาจจะต้องเปลี่ยนแนวคิดดู ท่านหญิงมิได้นำเงินติดตัวมาเลย และนางที่พวกเรารู้จักก็มิใช่คนประเภทที่เจออุปสรรคแล้วจะถอยหนีด้วย!”“หากนางรู้ว่าตนถูกปิดผนึกไว้ นางจะต้องคิดหาวิธีปลดผนึกให้ตนเองเป็นแน่! และที่ภูเขาหมางหลิ่งก็มีเครื่องยาสมุนไพรอยู่เป็นมากหลายนัก หากท่านหญิงขาดแคลนเงิน จะต้องมิปล่อยโอกาสที่จะไปภูเขาหมางหลิ่ง เพื่อหาลู่ทางทางทำเงินอย่างแน่นอน!”ฉินซานจึงครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าน้อยรู้สึกว่าที่เผยอวี้พูดนั้นมีเหตุผลขอรับ เครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการพัฒนาพลังในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมีราคาแพงจนมิน่าเชื่อ ผู้บำเพ็ญตนมากมายล้วนไปที่ภูเขาหมางหลิ่งเพื่อหาโอกาสร่ำรวยมาซื้อโอสถกัน!”“ท่านหญิงทรงเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยาสมุนไพร หากนางขาดแคลนเงินซื้อโอสถ นี่ก็คือทางที่รวดเร็วที่สุดขอรับ!”เซียวหลินเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ
เย่หรงดูประกาศรางวัลเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ชี้ แล้วเอ่ยปากถามออกไป “เสี่ยวชี เจ้ามีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมิใช่หรือ?”“หากเจ้าสามารถรักษาโรคที่ท้องโตเท่ากลองได้ เช่นนั้นจะมิหาเงินได้ง่ายกว่าหรอกหรือ?”หลิงอวี๋สังเกตจากหางตาว่า คำพูดของเย่หรงไปทำให้สายลับพวกนั้นมองมาทันที นางจึงจ้องมองเย่หรงด้วยความโกรธแล้วเอ่ยออกมา“หากข้าสามารถรักษาได้ ยังจะต้องให้ท่านบอกข้าอีกรึ? ผู้ใดจะต้านทานเงินได้เล่า!”“คนเรามีค่าตรงที่มีสติรู้จักประมาณตน หากเป็นสิ่งที่มิควรจะเป็นความร่ำรวยของข้า ก็อย่าไปถ่วงเวลาในการรักษาของคนอื่น! ท่านรีบมาดูรางวัลเหล่านี้เข้าเถิด ท่านทำสิ่งใดได้บ้าง? ดูเสร็จแล้วเราไปซื้ออุปกรณ์เตรียมตัวขึ้นภูเขากันวันพรุ่งดีกว่า!”ก่อนหน้านี้เย่หรงมิเคยกังวลเรื่องเงิน เมื่อมองหมายจับค่าหัวที่มีอยู่หลากหลายเหล่านั้นก็รู้สึกเพียงแค่ตาลายไปหมด แต่เมื่อมองสุ่ม ๆ ไปครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นมา“ไปซื้ออุปกรณ์กันก่อนเถิด ถึงอย่างไรก็ต้องขึ้นไปบนภูเขาอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อเห็นเครื่องยาสมุนไพรก็เก็บมา กลับมาก็ขายได้ทั้งนั้น!”หลังจากหลิงอวี๋พอจะเข้าใจแล้ว นางจึงเรียกผู้รอบรู้และเย่หรงใ
หลิงอวี๋หลบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นนางก็เอ่ยกับบุรุษผู้นั้นอย่างเย็นชา “เห็นแก่ที่เจ้ามิได้ทำอะไรมิดีกับข้า แค่ทำไปตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นข้าก็จะเมตตาผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเจ้า!”“หากอยากจะรักษาดวงตาของเจ้า ก็รีบไปหาน้ำมาล้างสักสองสามครั้ง มิฉะนั้นหากตาบอดไปก็มิเกี่ยวกับข้านะ!”บุรุษที่อยู่ตรงข้ามผู้นั้นกำลังวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วแต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยอย่างใจเย็น “กลับไปบอกเหมียวหยางว่า อย่าได้หาใครมาตามข้าอีก หากเขามิขอโทษข้าต่อหน้าธารกำนัล และยอมรับว่าเขาเป็นคนทำลายเรือนของข้า ข้าก็จะมิให้ยาแก้พิษกับเขาเป็นอันขาด!”“เขาจะส่งคนมาจับข้าต่อก็ได้ แต่ครั้งหน้าข้าไม่มีทางเมตตาอีกแล้ว!”หลังจากพูดจบ หลิงอวี๋ก็เดินไปดวงตาของบุรุษผู้นั้นเจ็บปวดจนบวมขึ้นมาในทันที เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสหายตน เขาก็ตะโกนออกไป “รีบพาข้าไปหาน้ำเร็วเข้า ข้ามิอยากตาบอด...”บุรุษที่มาทีหลังเห็นจุดจบของสหายตนแล้วก็มิกล้าไปจับหลิงอวี๋อีก จึงช่วยประคองสหายของตนไปหาน้ำล้างหลิงอวี๋มิได้สังเกตเลยสักนิดว่า บนที่สูงมีบุรุษรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองภาพนี้อยู่ทั้งหมด เขาคือสายลับจากตำหนักปีกเงิน ท
เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่หรงเห็นด้วย จึงมิได้คัดค้านเช่นกันผู้รอบรู้ได้สืบเรื่องภูเขาหมางหลิ่งมาแล้ว มันอันตรายมากจริง ๆ พวกเขามาสำรวจที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นหากมีผู้ช่วยเพิ่มก็คงจะปลอดภัยกว่า“ศิษย์พี่หญิง ข้าได้ยินมาว่า เหมียวหยางมีตุ่มน้ำขึ้นตามตัวหนักมาก ส่วนอาจารย์ของเขาก็หมดหนทางจัดการกับพิษนั้นแล้วเช่นกัน ข้าว่ามิต้องถึงสิบวันเขาจะต้องมาขอร้องเจ้าอย่างแน่นอน!”เถาจื่อกับหลิงอวี๋เป็นสตรีเพียงสองคนในกลุ่ม ดังนั้นจึงเดินตามแล้วเดินไปพูดคุยกันไปเซียวหลินเทียนก็กำลังคุยกับเย่หรงอยู่เช่นกันเมื่อคืนนี้เซียวหลินเทียนได้รับข้อมูลของสิงอวี๋มาแล้วจากที่คนของสือหรงไปสืบมาจากหลาย ๆ ทาง ก็พบข้อมูลเกี่ยวกับสิงอวี๋มามิน้อยตัวอย่างเช่นสิงอวี๋กับสิงจั๋วมิใช่พี่น้องกัน!สิงจั๋วเป็นศิษย์ของตำหนักปีกเงินที่ถูกไล่ออกจากตำหนักไป เมื่อสือหรงมั่นใจเรื่องตัวตนของเขาแล้ว จึงมาบอกกับเซียวหลินเทียน“ก่อนหน้านี้เจ้าตำหนักคนก่อนมีศิษย์ที่เป็นเด็กกำพร้าอยู่หลายคนขอรับ เจ้าตำหนักรับเลี้ยงสิงจั๋วผู้นี้มาตั้งแต่เขาอายุได้หกเจ็ดขวบ จวบจนกระทั่งตอนที่เขาจากไปก็มิเคยมีครอบครัวมาตามหาเขาเลย!”“ข้าได้ไป
มีผู้บำเพ็ญตนที่ขึ้นไปหาสมบัติที่ภูเขาหมางหลิ่งอยู่มากมาย ในตอนแรกเริ่มนั้นเส้นทางที่ขึ้นภูเขายังคงเห็นผู้คนอยู่ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นต่างก็หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนเยอะ และเข้าไปในป่าทึบเพื่อหาเส้นทางใหม่ที่ตนจะไปตามหาสมบัติ“พวกเราเองก็ไปที่ที่คนน้อยกันเถิด หากอยากเจอสมบัติดี ๆ ยิ่งอยู่สถานที่ห่างไกลก็ยิ่งมีโอกาสเจอสมบัติมาก!”เย่หรงเอ่ยให้กำลังใจทุกคนเซียวหลินเทียนจึงมองไปทางหลิงอวี๋แล้วยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็เอ่ยออกมา “คนที่รู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรมากที่สุดในหมู่พวกเราก็คือคุณหนูสิง คุณหนูสิง เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะไปอย่างไรดี?”หลิงอวี๋นึกถึงเครื่องยาสมุนไพรในประกาศรางวัล แล้วก็เอ่ยขึ้นมา “จากการเจริญเติบโตของพวกเครื่องยาสมุนไพรราคาสูงที่ข้าตามหาอยู่นั้น มันชอบอากาศเย็นและชื้น พวกเราเดินลึกเข้าไปในป่ากันเถิด!”“ไปตามที่เจ้าว่าเลย!”เซียวหลินเทียนมีข้อสงสัยอยู่ในใจ ยิ่งเขามองสิงอวี๋ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่านางคล้ายกับหลิงอวี๋น้ำเสียงของเขาจึงมีความตามใจขึ้นมาโดยมิรู้ตัวแต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกถึงสิ่งนั้น นางรู้สึกเพียงว่าสายตาของพี่ชายศิษย์น้องหญิงที่มองตนนั้นดูใ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต