หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
“ท่านอา...”“ท่านพ่อ…”บุรุษผู้นั้นมีไข้สูงและพูดเพ้อออกมา หลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้ารูปงามของเขาขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าในฝันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อหลิงอวี๋เห็นเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา นางก็ฉีกอาภรณ์ขาด ๆ ของเขามาทำเป็นผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา“อย่า… อย่าทำเช่นนี้กับข้า!”บุรุษผู้ที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกายผู้นั้นก็คือ เฉียวไป๋ที่ถูกท่านอาเฉียวพาลงมาจากภูเขาหิมะนั่นเองบนร่างกายของเฉียวไป๋มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกสับสน แต่หลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เฉียวไป๋ก็จำช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลได้เขานึกขึ้นได้ว่าตนกับท่านพ่อต่างก็สู้กัน ทั้งยังจำได้ด้วยว่าตนแทงเข้าไปที่ท้องของท่านพ่อเฉียวไป๋กังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็คว้าตัวท่านอาเฉียวไว้แล้วตะโกนออกมา “ท่านอา ข้า... ข้า... ข้าสังหารท่านพ่อใช่หรือไม่?”นี่มันเป็นการปิตุฆาต!เฉียวมองท่านอาเฉียวตาปริบ ๆ หวังว่าท่านอาเฉียวจะตอบปฏิเสธในคำถามของตนแต่ไหนเลยจะรู้ว่าท่านอาเฉียวจะมองเขา แล้วผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าหัวใจของเฉียวไป๋จมดิ่งลงไปทันที เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวไป๋ก็ซ่อนตัวจากท่านอาเฉียว และมิสนใจอาการบาดเจ็บของตนเลยแม้แต่น้อยเขารู้สึกโกรธเคืองตนเอง และคิดเพียงว่าตายไปเช่นนี้ก็จบแล้วต่อมาเขาได้พบกับคนของตระกูลจงเจิ้ง เฉียวไป๋อยากตายจึงไปยั่วยุพวกเขา ผลก็คือถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนมีบาดแผลทั่วทั้งตัวและในขณะที่เฉียวไป๋กำลังถูกดูถูกจนถึงขีดสุดนั้น เฉียวไป๋ก็ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา เขาจึงใช้แรงที่เหลืออยู่ของตนเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณ เขาจึงถูกส่งกลับมายังแดนเทพอีกทั้งช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาตกลงไปในแม่น้ำ และถูกสายน้ำพัดมาถึงแถว ๆ วัดเก่า จึงได้โชคดีพบกับหลิงอวี๋เข้า“ข้ามิได้สังหารท่านพ่อ! ท่านอาโกหกข้า! ท่านมิใช่พ่อของข้า... ท่านมิใช่!”การเพ้อกับฝันร้ายของเฉียวไป๋ทำให้หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง แต่นางจะมิถือว่าการเพ้อของคนที่เป็นไข้เป็นเรื่องจริงหรอกเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้วและอุณหภูมิของเฉียวไป๋ยังมิลดลง หลิงอวี๋จึงให้ยาเขาไปอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ป้อนยาทุก ๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดอุณหภูมิของเฉียวไป๋ก็ลดลงแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอกแล้วยื่นมือไปเช็ดเ
ป้าวซวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของคนสองคน เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋เริ่มทำอะไรแล้วนางก็รู้สึกเกรงใจที่จะนอนต่อและรีบลุกขึ้นมาช่วยเฉียวไป๋มองทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ แล้วตนก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยความทะเยอทะยานในอดีตของเขาดับสลายหายสิ้น ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมด ต่อไปตนควรจะทำอย่างไรดี!“น้องหญิง เราทำความสะอาดห้องข้าง ๆ แล้วให้เฉียวไป๋ไปอยู่ห้องนั้นกันเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่าถึงอย่างไรเฉียวไป๋ก็เป็นบุรุษ และตนกับป้าวซวนต่างก็เป็นสตรี อีกทั้งป้าวซวนก็ยังมิได้แต่งงาน หากอยู่ห้องเดียวกันแล้ววันข้างหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ป้าวซวนเองก็มิรู้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่วัดเก่านี้ไปอีกนานแค่ไหน จึงไปทำความสะอาดห้องกับหลิงอวี๋กระทั่งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว นางจะต้องไปที่โรงฮุ่ยเฉ่าเพื่อจะไปบ้านตระกูลเก๋อกับหมอเถาอีกหลิงอวี๋ก็มิแน่ใจว่าตนจะสามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้จริงหรือไม่ ดังนั้นก่อนไปจากจึงให้เงินสามตำลึงที่เหลือไว้กับป้าวซวน“น้องหญิง หากข้ามิกลับมาก่อนฟ้ามืด เจ้าก็มิต้องรอข้าแล้ว เพราะว่าอาจจะเกิดเรื่อง
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
พวกคนรับใช้หลายคนจึงพุ่งเข้าไปหาหมอเถากันอย่างดุร้าย หลิงอวี๋จึงรีบดึงหมอเถาไปไว้ด้านหลังของนาง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ“พ่อบ้านผิง อย่าได้รังแกกันมากเกินไปนักเลย! หมอเถาครุ่นคิดเรื่องอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนักหนา หากเขามีสูตรลับจริง ๆ เขาจะมินำออกมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่าหรือ?”“ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในกำมือของพวกท่าน ท่านลองคิดอย่างใจเขาใจเราดูเถิดว่า เขาจะคิดว่าสูตรลับสำคัญกว่าลูกชายของตนเองได้หรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าหลวงเก๋อยังกำหนดเวลากับหมอเถาไว้สิบวัน ซึ่งตอนนี้ยังมิถึงเวลา เหตุใดเขาจะหาคนมาช่วยชีวิตฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เล่า!”พ่อบ้านผิงจ้องมองหลิงอวี๋อย่างโหดร้าย แล้วก็เอ่ยขึ้นมาอย่างโกรธเคือง “สตรีเช่นเจ้าช่างคารมคมคายและหยิ่งยโสนัก จะมีความสามารถใดมารักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้กันเชียว!”“ไสหัวไปเสีย อย่ามาถ่วงเวลาพวกเราอยู่ที่นี่!”หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างมิรีบมิร้อน “พ่อบ้านผิง ข้าจะรักษาฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่นั้น ท่านยังมิได้ตรวจสอบก็ปฏิเสธข้าเสียแล้ว หรือว่าใจจริงแล้วท่านมิอยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาย จึงได้ขัดขวางทุกวิถีทางเช่นนี้?”สีหน้าของพ่อบ้านผิงเปลี่ยนไปทันที และเขาก็กำลั
ป้าวซวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยกันของคนสองคน เมื่อนางเห็นว่าหลิงอวี๋เริ่มทำอะไรแล้วนางก็รู้สึกเกรงใจที่จะนอนต่อและรีบลุกขึ้นมาช่วยเฉียวไป๋มองทั้งสองคนกำลังยุ่งกันอยู่ แล้วตนก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยความทะเยอทะยานในอดีตของเขาดับสลายหายสิ้น ในหัวของเขามืดแปดด้านไปหมด ต่อไปตนควรจะทำอย่างไรดี!“น้องหญิง เราทำความสะอาดห้องข้าง ๆ แล้วให้เฉียวไป๋ไปอยู่ห้องนั้นกันเถิด!”หลิงอวี๋คิดว่าถึงอย่างไรเฉียวไป๋ก็เป็นบุรุษ และตนกับป้าวซวนต่างก็เป็นสตรี อีกทั้งป้าวซวนก็ยังมิได้แต่งงาน หากอยู่ห้องเดียวกันแล้ววันข้างหน้าเรื่องนี้แพร่ออกไปก็จะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ป้าวซวนเองก็มิรู้ว่าจะต้องอาศัยอยู่ที่วัดเก่านี้ไปอีกนานแค่ไหน จึงไปทำความสะอาดห้องกับหลิงอวี๋กระทั่งทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลิงอวี๋ก็รีบกินอาหารกลางวันอย่างรวดเร็ว นางจะต้องไปที่โรงฮุ่ยเฉ่าเพื่อจะไปบ้านตระกูลเก๋อกับหมอเถาอีกหลิงอวี๋ก็มิแน่ใจว่าตนจะสามารถรักษาโรคประหลาดของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้จริงหรือไม่ ดังนั้นก่อนไปจากจึงให้เงินสามตำลึงที่เหลือไว้กับป้าวซวน“น้องหญิง หากข้ามิกลับมาก่อนฟ้ามืด เจ้าก็มิต้องรอข้าแล้ว เพราะว่าอาจจะเกิดเรื่อง
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เฉียวไป๋ก็ซ่อนตัวจากท่านอาเฉียว และมิสนใจอาการบาดเจ็บของตนเลยแม้แต่น้อยเขารู้สึกโกรธเคืองตนเอง และคิดเพียงว่าตายไปเช่นนี้ก็จบแล้วต่อมาเขาได้พบกับคนของตระกูลจงเจิ้ง เฉียวไป๋อยากตายจึงไปยั่วยุพวกเขา ผลก็คือถูกอีกฝ่ายทำร้ายจนมีบาดแผลทั่วทั้งตัวและในขณะที่เฉียวไป๋กำลังถูกดูถูกจนถึงขีดสุดนั้น เฉียวไป๋ก็ถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดขึ้นมา เขาจึงใช้แรงที่เหลืออยู่ของตนเปิดใช้งานลูกแก้ววิญญาณ เขาจึงถูกส่งกลับมายังแดนเทพอีกทั้งช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาตกลงไปในแม่น้ำ และถูกสายน้ำพัดมาถึงแถว ๆ วัดเก่า จึงได้โชคดีพบกับหลิงอวี๋เข้า“ข้ามิได้สังหารท่านพ่อ! ท่านอาโกหกข้า! ท่านมิใช่พ่อของข้า... ท่านมิใช่!”การเพ้อกับฝันร้ายของเฉียวไป๋ทำให้หลิงอวี๋ฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง แต่นางจะมิถือว่าการเพ้อของคนที่เป็นไข้เป็นเรื่องจริงหรอกเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสองชั่วยามแล้วและอุณหภูมิของเฉียวไป๋ยังมิลดลง หลิงอวี๋จึงให้ยาเขาไปอีกครั้งหนึ่งจากนั้นก็ป้อนยาทุก ๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งรุ่งสาง ในที่สุดอุณหภูมิของเฉียวไป๋ก็ลดลงแล้วหลิงอวี๋ถอนหายใจโล่งอกแล้วยื่นมือไปเช็ดเ
“ท่านอา...”“ท่านพ่อ…”บุรุษผู้นั้นมีไข้สูงและพูดเพ้อออกมา หลิงอวี๋เห็นว่าใบหน้ารูปงามของเขาขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าทางเจ็บปวด ราวกับว่าในฝันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเมื่อหลิงอวี๋เห็นเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากของเขา นางก็ฉีกอาภรณ์ขาด ๆ ของเขามาทำเป็นผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา“อย่า… อย่าทำเช่นนี้กับข้า!”บุรุษผู้ที่มีบาดแผลอยู่ทั่วร่างกายผู้นั้นก็คือ เฉียวไป๋ที่ถูกท่านอาเฉียวพาลงมาจากภูเขาหิมะนั่นเองบนร่างกายของเฉียวไป๋มีบาดแผลอยู่หลายแห่ง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกสับสน แต่หลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา เฉียวไป๋ก็จำช่วงเวลาที่ถูกขังอยู่ในค่ายกลได้เขานึกขึ้นได้ว่าตนกับท่านพ่อต่างก็สู้กัน ทั้งยังจำได้ด้วยว่าตนแทงเข้าไปที่ท้องของท่านพ่อเฉียวไป๋กังวลใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็คว้าตัวท่านอาเฉียวไว้แล้วตะโกนออกมา “ท่านอา ข้า... ข้า... ข้าสังหารท่านพ่อใช่หรือไม่?”นี่มันเป็นการปิตุฆาต!เฉียวมองท่านอาเฉียวตาปริบ ๆ หวังว่าท่านอาเฉียวจะตอบปฏิเสธในคำถามของตนแต่ไหนเลยจะรู้ว่าท่านอาเฉียวจะมองเขา แล้วผ่านไปสักพักเขาก็พยักหน้าหัวใจของเฉียวไป๋จมดิ่งลงไปทันที เขาถอยหลังไปสองสามก้าว
ท้องใหญ่เท่ากลองเลยหรือ?เมื่อหลิงอวี๋ฟังหมอเถาเล่าถึงอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อเสร็จแล้ว ในหัวของนางก็มีวิธีรักษาเกี่ยวกับโรคประเภทนี้หลายวิธีผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงแต่หากมิได้พบผู้ป่วย ก็มิสามารถยืนยันได้ว่าควรใช้วิธีไหนดี“หมอเถา วันพรุ่งท่านจะไปที่จวนข้าหลวงเก๋อเมื่อใดหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกมา“ก่อนยามเหม่า[footnoteRef:0]!” [0: ยามเหม่า คือ ช่วง 05.00 - 07.00 น.] หมอเถามองหลิงอวี๋อตาปริบ ๆ “แม่นาง เจ้ามีวิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้นี้หรือ?”หลิงอวี๋ยิ้มออกมา “ก็มีวิธีอยู่ ทว่าหากยังมิพบผู้ป่วยก็มิอาจตัดสินได้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่! หมอเถา วันพรุ่งตอนยามอู่[footnoteRef:1]ข้าจะมาหาท่าน แล้วไปที่ตระกูลเก๋อพร้อมกับท่าน!” [1: ยามอู่ คือ ช่วง 11.00 - 13.00 น.] เมื่อหมอเถาได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แม้ว่าจะมีความสงสัยอยู่ในใจว่า วัยรุ่นเช่นหลิงอวี๋นี้สามารถรักษาโรคของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อได้หรือไม่ แต่ตนก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว ลองดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย“แม่นาง เจ้าวางใจเถิด หากเจ้ามิอาจรักษาได้ ต่อให้ข้าต้องทุ่มทั้งชีวิต ข้าก็จ
หมอเถาถอนหายใจออกมา แล้วโบกมือ “มิต้องพูดแล้ว ไปเถิด ๆ! หากข้าผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ในภายหน้าโรงฮุ่ยเฉ่าก็คงจะได้เปิดขึ้นอีกครั้ง ถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะกลับมาก็ค่อยกลับมากันเถิด!”หลังจากนั้นมินาน ลูกจ้างหนุ่มหลายคนก็เดินหอบห่อผ้าเข้าไปกล่าวลาหมอเถาทีละคนทั้งน้ำตาและเดินออกมาหลิงอวี๋รีบเดินเข้าไป จากนั้นเสี่ยวซิ่งลูกจ้างหนุ่มที่ยังมิไปก็เห็นนางเข้าจึงเอ่ย “ฮูหยิน ร้านเราปิดแล้ว หากท่านอยากจะตรวจรักษาก็ไปที่ร้านอื่นเถิด!”“ข้าต้องการยา!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่เสี่ยวซิ่งกำลังจะพูดออกมา หมอเถาก็เอ่ย “เจ้าดูว่านางต้องการเครื่องยาสมุนไพรอันใด แล้วมอบให้นางไปเสียเถิด โรงฮุ่ยเฉ่าปิดแล้ว นางเป็นลูกค้ารายสุดท้าย ก็ถือได้ว่านางมีโชคชะตากับข้า!”เสี่ยวซิ่งจึงยื่นมือออกไป “ใบเทียบยาเล่า?”“ข้าไม่มีใบเทียบยา ข้าจะบอกให้เอง เจ้าแค่ใส่มาตามปริมาณที่ข้าบอกก็พอ!”หลิงอวี๋รีบบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการออกไป แล้วเสี่ยวซิ่งก็วางห่อผ้าลง จากนั้นก็ไปเปิดกล่องและตู้เพื่อช่วยหยิบยาให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นเหลืออยู่มิมาก และบางอันก็ถูกห่อเอาไว้แล้
“น้องหญิง มีคนกำลังมา!”หลิงอวี๋รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ป้าวซวนก็มิได้หลับเช่นกันจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “พี่หญิงเจียง จะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาตามหาเราหรือไม่?”สิ่งที่นางกลัวมากที่สุดคือการตกไปอยู่ในมือของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“น่าจะมิใช่!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเบาอย่างปลอบใจ จากนั้นนางก็ย่องไปที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงจันทร์มองไป ก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซเข้ามาในลานคนผู้นี้ดูเหมือนจะใช้แรงจนหมด จึงล้มลงกับพื้นอย่างเสียงดังโครม“พี่หญิงเจียง นั่นคือใครกัน?”ป้าวซวนก็ขยับเข้ามาข้าง ๆ หลิงอวี๋เช่นกัน แล้วนางก็มองออกไปอย่างอยากรู้อยากเห็น“อย่าพูด...”หลิงอวี๋เงียบลง จากนั้นทั้งสองคนก็โน้มตัวมองไปตรงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆแล้วก็เห็นเพียงว่าคนที่อยู่ตรงพื้นนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆหลิงอวี๋รออยู่อีกสักพักก็มิเห็นใครตามมา นางจึงพาป้าวซวนเดินออกมา“น้องหญิง เจ้าออกไปดูนอกวัดว่ามีคนอื่นหรือไม่ ส่วนข้าจะตรวจคนผู้นี้เสียหน่อย!”หลิงอวี๋สั่งออกไปแม้ว่าป้าวซวนจะกลัว แต่นางก็ยังคงฟังคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วเดินย่องออกไปหลิงอวี๋วิ่งเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ตรงพื้น จากนั้นก็อาศัยแสงจั
หม่าเปียวตอบตกลงทันที กระทั่งกินบะหมี่เสร็จแล้วเขาก็พาคนของตนกับกลุ่มพ่อค้าออกเดินทางไปหลิงอวี๋กับป้าวซวนเห็นว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพาผู้คุ้มกันทั้งสองออกไปตามหาพวกตนอีกครั้งแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงกินอาหารเช้าจนเสร็จอย่างใจเย็นแล้วเดินออกมา“น้องหญิง เราหาที่พักกันก่อนสักสองวันเถิด เช่นนี้แล้วข้าจะได้จัดเตรียมยาแก้พิษให้เจ้าได้ และอีกอย่างคือข้าจะได้ซ่อนตัวจากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ด้วย!”“หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิพบ นางก็คงจะไปที่เมืองหลวงแดนเทพ แล้วพวกเราค่อยออกเดินทางล่าช้าไปสักสองสามวัน ก็คงจะมิพบนางอีก!”หลิงอวี๋จับเศษเงินใต้แขนเสื้อ ของมีค่าทั้งหมดที่นางพกติดตัวมา ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแย่งชิงไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงเศษเงินมิกี่ตำลึงเท่านั้น นางยังต้องทำงานหาเงินอีก เมื่อเก็บรวบรวมค่าเดินทางได้แล้ว จึงจะสามารถเดินทางได้ป้าวซวนไม่มีของมีค่าอะไรติดตัวมาเลย และหากทั้งสองจะเดินทาง เมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีทางไปถึงเมืองหลวงแดนเทพได้แน่ตอนนี้ป้าวซวนทำได้เพียงติดตามหลิงอวี๋ไปเท่านั้น หลิงอวี๋ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นทั้งสองแสดงเป็นพี่น้องที่หนีภัยกันมาแล้วไปหาที่พักอาศัยแต่เมืองจงกวนนั้นใหญ่นัก
“เจ้ามิรู้หรือว่าที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด?”หลิงอวี๋ยิ้มปลอบใจแล้วเอ่ยออกมา “เรากลับไปที่โรงเตี๊ยม ก็จะดูได้ด้วยว่าเมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยหาพวกเรามิเจอแล้วนางจะทำอย่างไรต่อ! เจ้ามิต้องกังวล มากับข้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!”ภายใต้การชักชวนของหลิงอวี๋ ป้าวซวนจึงเดินตามหลิงอวี๋กลับไปอย่างจนใจทั้งสองคนเดินเข้าไปทางประตูหลัก แสร้งทำเป็นจะรีบเดินทางแล้วมากินอาหารเช้า และนั่งลงตรงที่นั่งริมหน้าต่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยที่อยู่เรือนด้านหลังพบแล้วว่าหลิงอวี๋กับป้าวซวนหายไป นางก็โกรธมากจนอยากจะทุบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทิ้งไปเสียแต่นางยังคงข่มความโกรธไว้ และขอความช่วยเหลือจากสำนักคุ้มภัยและกลุ่มพ่อค้าอย่างน่าสงสาร ให้พวกเขาช่วยตนตามหาจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแสร้งทำเป็นจิตใจดีต่อหน้าคนเหล่านี้ นางร้องไห้และบอกว่านางรับใช้ทั้งสองของตนนั้น จะต้องถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอนพวกพ่อค้าและคนจากสำนักคุ้มภัยล้วนได้รับตำรับยาแก้ท้องเสียนั้นไปแล้ว ดังนั้นเพื่อตอบแทนกันและกัน พวกเขาจึงระดมทุกคนให้ช่วยกันตามหา และบางคนก็บอกว่าจะไปรายงานทางการ และขอให้ทางการส่งคนมาช่วยตามหาด้วยหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็