“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“หลิงผิง เจ้าติดตามคุณหนูของเจ้ามากว่าสิบปี สิ่งที่เจ้าเอ่ยน่าเชื่อถือที่สุด เจ้าบอกมาว่าหลิงอวี๋มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่?” ชิวเหวินซวงดึงหลิงผิงที่ตามมาข้างหลังตนเองออกมา หลิงผิงแสร้งทำเป็นไม่สบายใจนัก ก้าวไปข้างหน้าเอ่ยอย่างลังเล “กราบบังคมทูลฝ่าบาท บ่าวรับใช้ติดตามหลิงอวี๋ตั้งแต่เล็ก นางโง่เขลาเหมือนหมู หมากล้อม เขียนพู่กัน วาดภาพก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับทักษะทางการแพทย์ ท่านอ๋องทรงอย่าได้เชื่อคำพูดของนางเพคะ!” หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา นางรับใช้คนนี้ขายนางจนหมดสิ้นจริง ๆ ! ทว่าหลิงอวี๋จะไม่มีทางหวาดกลัว ตราบใดที่เธอช่วยเฮยจื่อได้ ใครจะจริงจังกับคำพูดของนางรับใช้! เซียวหลินเทียนจ้องมองยังหลิงอวี๋ เมื่อเห็นว่านางมิได้รู้สึกตื่นตระหนกใดที่ถูกเปิดเผยความลับออกมา ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา หญิงผู้นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง! ก่อนหน้านี้หากว่านางรับใช้กล้าพูดเรื่องลับหลังของเจ้านายเช่นนี้ นางจะต้องรีบร้องตะโกนอธิบายให้กับตนเอง! เซียวหลินเทียนไม่เอ่ยวาจาใด ชิวเฮ่ากลับทนไม่ได้จนร้องคำรามออกมา “คนชั้นต่ำ นางรับใช้ของเจ้าพูดความจริงออกมาแล้ว เจ้ายังจะกล้ามาหลอกท่านอ๋องของข้าอีกรึ?
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น
หวงฝู่หลินพูดถึงตรงนี้แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ปี้ซง เสวี่ยเหมยที่อยู่ข้างกายหมิงจูผู้นั้นมิอาจใช้งานได้แล้ว!”“ที่หลิงอวี๋หายตัวไปครานี้ จะต้องมีนางสมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยเป็นแน่! เจ้าให้คนของเจ้าจับตาดูนางไว้แล้วให้คนคุ้มกันหมิงจูไว้ให้ดี ๆ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรกับนางเป็นอันขาด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงพยักหน้าพร้อมกับแววตาที่ล้ำลึกหวงฝู่หลินมิได้อยู่ที่วังเทพเป็นเวลานาน เดิมทียังคิดว่าลิ่งหูหลินสามารถดูแลหมิงจูเป็นอย่างดีได้ แต่ในเมื่อลิ่งหูหลินคิดมิซื่อ เช่นนั้นทาสในวังเทพเหล่านี้ก็ต้องถูกนางซื้อตัวไว้แล้วเป็นแน่! คราวนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเซียวหลินเทียนคาดมิถึงเลยว่าเขามาถึงที่ภูเขาหิมะ แต่หลิงอวี๋กลับมิอยู่ที่วังเทพแล้วจะว่าไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็เกือบจะเฉียดกับหลิงอวี๋อยู่เหมือนกันที่ด้านนอกภูเขาหิมะ กลุ่มของเซียวหลินเทียนได้พบกับกลุ่มส่งเสบียงของวังเทพหลิงอวี๋ถูกป้อนยาสลบและทำให้กระดูกอ่อนแรงไปจึงนอนหมดสติอยู่บนรถม้ากลุ่มของเซียวหลินเทียนเห็นรถม้าที่ขนของสารพัดมาก็หาได้ใส่ใจไม่ ทั้งสองคนจึงคลาดกันไปเช่นนั้นกลุ่มของเซียวหลินเทียนเข้าไปในอาณาเขตของภูเขาหิมะแล้
ธารน้ำแข็งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยน้ำแข็งที่สะสมมาตลอดหลายพันปี บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกโซ่เหล็กขนาดเท่าแขนหลายเส้นมัดเอาไว้ และฝังอยู่ในน้ำแข็งที่สะสมอยู่นั้นฝูไห่หลับตาอยู่เหมือนยังมีชีวิต คล้ายกับคนที่กำลังหลับอยู่และสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!พ่อของหวงฝู่หลินบอกกับหวงฝู่หลินไว้ว่า “คนที่มีพลังล้ำลึกเช่นฝูไห่นี้ หากโอกาสเอื้ออำนวย แม้ว่าจะถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!”“ปู่ของเจ้ากับหลงอี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจึงมิได้สังหารเขาไปตรง ๆ แต่ใช้วิธีเช่นนี้กักขังเขาเอาไว้แทน!”“ตระกูลหวงฝู่ของเรารับผิดชอบในการปกป้องเขา เจ้ารู้ว่าเข้ามาอย่างไรก็พอแล้ว มิต้องไปสนใจเขามากเกินไป เพราะว่าใต้หล้านี้นอกจากหลงอี้กับปู่ของเจ้าจะยินยอม มิฉะนั้นใครก็ไม่มีทางจะคืนชีพเขาได้!”นี่เท่ากับว่าเป็นโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ในสุสานน้ำแข็งน่ะสิ!หวงฝู่หลินเห็นแล้วก็มิได้ใส่ใจ หากมิใช่เพราะท่านพ่อพาตนไป เขาก็หาทางเข้าไปมิเจออย่าว่าแต่ตลอดทางยังมีกลไกและกับดักมากมาย เพียงแค่มิระวังนิดเดียว ตัวเองก็อาจต้องตายอยู่ในธารน้ำแข็งเหล่านี้ก่อนหน้านี้หวงฝู่หลินมิ
ในขณะที่เสวี่ยเหมยกำลังระวังตัวอยู่เงียบ ๆ นั้น วังเทพก็ได้ต้อนรับแขกที่มิได้รับเชิญจากหลายทางคนเหล่านี้ก็คือเซียวหลินเทียน คนของตระกูลเฉียวและคนของตระกูลเก๋อทันทีที่คนสามกลุ่มนั้นเข้ามาในพื้นที่ของภูเขาหิมะ องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าหุบเขาก็ส่งนกพิราบมาส่งข่าวให้หวงฝู่หลินอย่างรวดเร็วหวงฝู่หลินเห็นแล้วก็ตะลึงเป็นเล็กน้อย ตระกูลหวงฝู่มิข้องเกี่ยวกับเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว คนเหล่านี้ดาหน้ามาพร้อมกันด้วยเรื่องอันใด?“ทำตามกฎเดิม มิต้องสนใจพวกเขา หากสามารถบุกเข้ามาถึงวังเทพได้ค่อยว่ากัน!”หวงฝู่หลินยิ้มอย่างดูถูกหลายร้อยปีมานี้ มีคนจำนวนนับมิถ้วนที่อยากจะบุกเข้ามาปล้นวังเทพแต่เข้ามาได้ก็กลับออกไปมิได้เขามิเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะสามารถบุกเข้ามาในวังเทพได้อย่างราบรื่นภายใต้การวางกับดักที่ซับซ้อนและค่ายกลจำนวนมากแต่ปี้ซงมิได้มองในแง่ดีเช่นหวงฝู่หลิน เขาดูข่าวที่ส่งมาอย่างละเอียดแล้วเอ่ย “ท่านเจ้าวัง กลุ่มที่มาสองกลุ่มคือตระกูลเก๋อกับตระกูลเฉียว นี่คือคนของทางแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิได้มีเรื่องสำคัญนักพวกเขาจะมาที่แดนเทพด้วยกันได้อย่างไร?”“ส่วนคนกลุ่มนี้มิใช่คนของแดนเทพ
หวงฝู่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดก็ตะโกนขึ้นมา “ปี้ซง!”ปี้ซงเดินเข้ามา“ส่งข่าวออกไปทันทีให้ป้าวเฉิงระดมคนทั้งหมดจับเป็นอาอวี๋!”ที่ตัวของอาอวี๋ยังมีตำรับยาที่หวงฝู่หลินต้องการอยู่ ก่อนที่จะได้ตำรับยานั้นมา หวงฝู่หลินต้องการให้อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ปี้ซงเป็นคนสนิทของหวงฝู่หลินจึงเข้าใจเจตนาของหวงฝู่หลินในทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงรีบใช้นกพิราบส่งข่าวหาป้าวเฉิงอย่างรวดเร็วท่านน้าหลินแอบภูมิใจ หัวหน้าเสิ่นรับเครื่องประดับเหล่านั้นที่ตนให้เขาไปแล้ว จะต้องสังหารหลิงอวี๋แล้วอย่างแน่นอนแม้ว่าปี้ซงจะตามหาหลิงอวี๋กลับมาได้ หลิงอวี๋ก็เป็นศพไปแล้ว ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามตำแหน่งของตนได้อีก“เสวี่ยเหมย เจ้านำศพปี้เอ๋อร์ไปฝังเถิด เด็กสาวผู้นี้เองก็เป็นคนที่น่าสงสารที่เจอคนมิดี!”ท่านน้าหลินแสร้งทอดถอนใจแล้วบอกหวงฝู่หมิงจูคือคนที่เสียใจที่สุดในจำนวนเหล่านี้ นางเชื่อใจอาอวี๋ถึงเพียงนั้น อาอวี๋หนีไปได้อย่างไร?หลักการที่ปกตินางสอนให้ตนในการเป็นคนนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดเลยหรือ?หวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่าตนถูกหักหลัง ในเวลาชั่วครู่นี้ นางได้รู้จักกับความเกลียดเป็นครั้งแรกแล้
กระทั่งหวงฝู่หมิงจูกลับมา เสวี่ยเหมยก็เอ่ยกับหวงฝู่หมิงจูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เจ้าวังน้อย อาอวี๋บอกว่านางปวดหัวเล็กน้อยเลยไปนอนก่อนเพคะ คืนนี้มิได้มาเล่านิทานให้ท่านฟังแล้ว คืนนี้บ่าวอยู่กับท่านนะเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูค่อนข้างมิพอใจ เสวี่ยเหมยจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “คนเราก็ป่วยกันได้นะเพคะ อาอวี๋ดูแลท่านมาตั้งหลายวันจะป่วยก็เป็นเรื่องปกตินัก ท่านต้องเข้าใจนาง ประเดี๋ยวนางพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งก็สามารถทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านได้แล้วเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูครุ่นคิดแล้วเอ่ยอย่างรู้ความ “เช่นนั้นก็ได้ ให้พี่อาอวี๋พักผ่อนให้หาย แล้วคืนวันพรุ่งค่อยมาเล่านิทานให้ข้าฟัง!”เสวี่ยเหมยเกลี้ยกล่อมหวงฝู่หมิงจูเสร็จแล้วก็ไปรับใช้หวงฝู่หมิงจู อาบน้ำให้แล้วพาเข้านอนปี้เอ๋อร์ย้ายเข้ามาก็มาอยู่ที่ห้องเดียวกับหลิงอวี๋ นางเองก็คิดว่าหลิงอวี๋ปวดหัวไปนอนแล้ว จึงรอให้เจ้าวังน้อยเข้านอนแล้วปี้เอ๋อร์จึงได้กลับห้องไปเสวี่ยเหมยก็ตามมามิใกล้มิไกล รอให้ปี้เอ๋อร์เข้าไปก่อนแล้วเสวี่ยเหมยก็ตามเข้าไป“พี่เสวี่ยเหมย...”ปี้เอ๋อร์เห็นว่าในห้องไม่มีคนอยู่ กำลังแปลกใจว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงหายไป แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอเสวี่
ในตอนเย็น หวงฝู่หลินก็มากินอาหารเย็นกับหวงฝู่หมิงจูหลิงอวี๋จึงทำอาหารเพิ่มเป็นสองที่ และสองพ่อลูกก็กินกันอย่างมีความสุขมากกระทั่งกินเสร็จแล้ว หวงฝู่หลินก็พาหวงฝู่หมิงจูไปเดินเล่นตามปกติหลิงอวี๋ก็พาปี้เอ๋อร์ไปทำความสะอาดห้องครัวแล้วนั่งลงพักผ่อน รอหวงฝู่หมิงจูกลับมาแล้วไปรับใช้อาบน้ำให้นางจากนั้นก็จะไปพักผ่อนได้เวลานี้เสวี่ยเหมยก็เดินเข้ามา มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยอย่างเหน็บแนม “อาอวี๋ ข้ายังมิได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังเลย! ต่อไปเจ้าก็เป็นหนึ่งในเจ้านายของวังเทพแล้ว เจ้าก็อย่าลืมช่วยเหลือข้าด้วย!”“พี่หญิงเสวี่ยเหมยพูดตลกแล้ว ข้าหรือจะมีโชคสามารถเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังได้ เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าวังน้อยยกย่องเท่านั้นเอง!”หลิงอวี๋ยังต้องอยู่ที่วังเทพอีกสามปี มิอยากทำให้เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองจึงเอ่ยยิ้ม ๆ ไป “พี่หญิงเสวี่ยเหมยดูแลข้าถึงเพียงนั้น หากมีอะไรดี ๆ ข้าย่อมมิลืมเจ้าอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นก็ดี!”เสวี่ยเหมยจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าจะมาบอกกับเจ้าว่า หัวหน้าเสิ่นจะลงเขา บอกว่าให้เจ้าไปตรวจดูสักหน่อย ดูว่าในรายการยังมีของอะไรขาดไปอีกหรือไม่”“การส
หวงฝู่หลินถามเองตอบเอง “พลังในตัวของนางน่าจะอยู่เหนือกว่าดินแดนที่ห้า แต่ว่าจุดตันเถียนของนางถูกคนผนึกพลังเอาไว้!”“นอกจากนี้ การรับรู้ทางจิตของนางก็ถูกผนึกไว้ด้วย นางมิรู้แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง!”ปี้ซงงุนงง “ท่านเจ้าวัง ผู้ใดกันที่ทำเรื่องเช่นนี้กับนาง?”หวงฝู่หลินยิ้มเยาะ “เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเช่น กระบี่เซวียนหยวนและหินฝูซี ทางด้านแดนเทพนั้นจึงมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง พวกนั้นคิดเอาเองว่าตระกูลใหญ่มีความชอบธรรมจะทำอะไรก็ได้เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้!”“อาอวี๋ผู้นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้ด้วย!”นี่ก็แสดงว่าหวงฝู่หลินรู้อยู่แล้วว่าการรับรู้ทางจิตของหลิงอวี๋ถูกผนึกไว้ แต่กลับมิได้เอ่ยถึงเหตุผลหลักนี้กับหลิงอวี๋เขาจะต้องรู้ตัวตนของหลิงอวี๋ให้แน่ชัด ดูว่านางเป็นมิตรหรือศัตรูแล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะบอกนางหรือไม่“ท่านเจ้าวัง เช่นนั้นบ่าวจะให้คนไปตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงบอก“อืม”แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะถอนตัวออกมาแล้วมิสนใจเรื่องของแดนเทพ แต่ก็มิได้หมายความว่าหวงฝู่หลินจะเป็นคนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรก็ได้หากใครกล้าคุกคามมาถึง
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข