“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
หลิงอวี๋รู้ว่าเรื่องที่หวงฝู่หลินบอกจะรับตนเป็นนางสาวบุญธรรมนั้นถือเป็นจริงมิได้ นี่เป็นเพียงข้ออ้างที่หวงฝู่หลินทำเพื่อปลอบใจหวงฝู่หมิงจูเท่านั้นหลิงอวี๋ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย จากนั้นก็พยักหน้าแบบฝืน ๆหากมิรับปากก็ตาย!นางรู้ว่าวันนี้คงจะไปมิได้แล้ว เช่นนั้นก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน!หวงฝู่หมิงจูหยุดร้องไห้แล้วยิ้ม ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของหวงฝู่หลินแล้วจูงมือของหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างเป็นมิตร “พี่อาอวี๋ เช่นนั้นต่อไปข้าต้องเรียกเจ้าว่าท่านอาอาอวี๋ใช่หรือไม่?”“ท่านพ่อ ท่านรับน้องสาวมาแล้ว มิให้ของกำนัลท่านอาหรือเพคะ?”หวงฝู่หมิงจูเอียงหัวช่วยหลิงอวี๋ขอของกำนัลจากหวงฝู่หลิน“มิต้องเพคะ ๆ...”หลิงอวี๋รีบพูดด้วยความลนลาน นางหรือจะกล้าเอาของกำนัลจากเจ้าวังผู้ดุร้ายราวกับปีศาจที่แค่สายตาก็สามารถสังหารคนได้ผู้นี้!แต่หวงฝู่หลินกลับมองมาด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง เขาควักเอาสร้อยข้อมือหินโมราสีแดงออกมาสองเส้นสร้อยข้อมือเส้นใหญ่หนึ่งเส้นและเล็กหนึ่งเส้น โมรานั้นมีสีแดงสดมาก มองแล้วดูมูลค่าสูงทีเดียวท่านน้าหลินเห็นเช่นนั้นแล้วก็ตะลึง เมื่อเห็นว่าหวงฝู่หลินส่งสร้อยข้อมือเส้นใหญ่ให
เกี๊ยววางอยู่นานจนเย็นแล้ว หลิงอวี๋จึงยกกลับไปอุ่นร้อนแล้วยกออกมาใหม่หวงฝู่หมิงจูตักสองสามชิ้นให้หวงฝู่หลินด้วยตนเอง หวงฝู่หลินที่เลือกกินเมื่อชิมแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดีความเป็นศัตรูที่เขามีต่อหลิงอวี๋ลดน้อยลง กระทั่งกินเสร็จแล้วพาหวงฝู่หมิงจูออกไปเดินเล่นกลับมา หวงฝู่หลินก็ให้หลิงอวี๋อยู่ก่อนตามลำพัง ในใจของหลิงอวี๋คิดไปมากมาย เจ้าวังผู้นี้วางแผนจะเอาคืนในภายหลังหรืออย่างไร?นางมองหวงฝู่หลินแล้วยื่นมือไปถอดสร้อยข้อมือโมราออกส่งคืนไปพลางเอ่ย“ท่านเจ้าวัง บ่าวรู้ว่าท่านรับบ่าวเป็นน้องสาวบุญธรรมนั้นเป็นการพูดให้เจ้าวังน้อยฟังเฉย ๆ อาอวี๋มิกล้าหวังสูง มิได้ถือเป็นจริงเพคะ!”“สร้อยข้อมือนี้ขอคืนให้ท่าน อาอวี๋มีเพียงเรื่องเดียวที่อยากขอร้อง หากวันใดที่เจ้าวังน้อยทำใจยอมรับได้ที่อาอวี๋จะต้องจากไป ก็ขอให้ท่านเจ้าวังปล่อยให้อาอวี๋ลงจากภูเขาไปด้วยเถิดเพคะ!”สตรีผู้นี้รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร!เมื่อหวงฝู่หลินได้ยินคำพูดนี้ก็ลดความระวังที่มีต่อหลิงอวี๋ลงเล็กน้อยเขามองสร้อยข้อมือแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ของที่ข้ามอบให้แล้วข้ามิรับคืน!”“คำขอของเจ้าข้าตกลง ส่วนสร้อยข้อมือนี้ถือว่าเป็นการขอบคุ
ประโยคเดียวของหลิงอวี๋ทำเอาหวงฝู่หลินชะงักจนพูดมิออกไปเลยเขามองหลิงอวี๋อย่างแปลกใจเมื่อพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋โดยละเอียดแล้ว มันเต็มไปด้วยปรัชญาและความหมายที่ลึกซึ้ง!คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มิเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่านางถูกขังอยู่ในวังเทพนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ทองกองเท่าภูเขาแต่ก็มิได้มีความสุขทั้งยังอาศัยเรื่องนี้บอกกับหวงฝู่หลินเป็นนัย ๆ ด้วยว่า… นี่คือเครื่องรางปกป้องชีวิตของนาง!นอกเสียจากว่า หวงฝู่หลินจะรับปากว่าจะปล่อยนางลงจากภูเขาไป มิเช่นนั้นให้ตายนางก็ไม่มีทางส่งตำรับยาให้!ตอนนี้หวงฝู่หลินเชื่อแล้วว่าหลิงอวี๋มิได้หวั่นไหวกับของล้ำค่าจริง ๆ!สตรีผู้นี้ฉลาดเกินไป นางมองเห็นข้อเสียเปรียบของนางได้อย่างชัดเจน และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อตนแม้ว่าหวงฝู่หลินจะเติบโตอยู่ในวังเทพมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะว่ามิสบายจึงต้องลงเขาไปหายาหาหมออยู่บ่อย ๆใต้หล้านี้เขาจึงเคยได้ติดต่อกับสตรีอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดามิได้โดดเด่น และดูเรียบ ๆ มิได้มีอะไรแปลกใหม่ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสตรีที่ฉลาดเช่นหลิงอวี๋หวงฝู่หลินเก็บความดูถูกที่มีต่อหลิงอวี๋ไป แล
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข
หวงฝู่หลินถามเองตอบเอง “พลังในตัวของนางน่าจะอยู่เหนือกว่าดินแดนที่ห้า แต่ว่าจุดตันเถียนของนางถูกคนผนึกพลังเอาไว้!”“นอกจากนี้ การรับรู้ทางจิตของนางก็ถูกผนึกไว้ด้วย นางมิรู้แม้แต่ตัวตนที่แท้จริงของตนเอง!”ปี้ซงงุนงง “ท่านเจ้าวัง ผู้ใดกันที่ทำเรื่องเช่นนี้กับนาง?”หวงฝู่หลินยิ้มเยาะ “เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเช่น กระบี่เซวียนหยวนและหินฝูซี ทางด้านแดนเทพนั้นจึงมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง พวกนั้นคิดเอาเองว่าตระกูลใหญ่มีความชอบธรรมจะทำอะไรก็ได้เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นนี้!”“อาอวี๋ผู้นี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้ด้วย!”นี่ก็แสดงว่าหวงฝู่หลินรู้อยู่แล้วว่าการรับรู้ทางจิตของหลิงอวี๋ถูกผนึกไว้ แต่กลับมิได้เอ่ยถึงเหตุผลหลักนี้กับหลิงอวี๋เขาจะต้องรู้ตัวตนของหลิงอวี๋ให้แน่ชัด ดูว่านางเป็นมิตรหรือศัตรูแล้วจึงจะตัดสินใจว่าจะบอกนางหรือไม่“ท่านเจ้าวัง เช่นนั้นบ่าวจะให้คนไปตรวจสอบพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงบอก“อืม”แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะถอนตัวออกมาแล้วมิสนใจเรื่องของแดนเทพ แต่ก็มิได้หมายความว่าหวงฝู่หลินจะเป็นคนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรก็ได้หากใครกล้าคุกคามมาถึง
ในตอนเย็น หวงฝู่หลินก็มากินอาหารเย็นกับหวงฝู่หมิงจูหลิงอวี๋จึงทำอาหารเพิ่มเป็นสองที่ และสองพ่อลูกก็กินกันอย่างมีความสุขมากกระทั่งกินเสร็จแล้ว หวงฝู่หลินก็พาหวงฝู่หมิงจูไปเดินเล่นตามปกติหลิงอวี๋ก็พาปี้เอ๋อร์ไปทำความสะอาดห้องครัวแล้วนั่งลงพักผ่อน รอหวงฝู่หมิงจูกลับมาแล้วไปรับใช้อาบน้ำให้นางจากนั้นก็จะไปพักผ่อนได้เวลานี้เสวี่ยเหมยก็เดินเข้ามา มองหลิงอวี๋แล้วเอ่ยอย่างเหน็บแนม “อาอวี๋ ข้ายังมิได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้กลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังเลย! ต่อไปเจ้าก็เป็นหนึ่งในเจ้านายของวังเทพแล้ว เจ้าก็อย่าลืมช่วยเหลือข้าด้วย!”“พี่หญิงเสวี่ยเหมยพูดตลกแล้ว ข้าหรือจะมีโชคสามารถเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าวังได้ เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าวังน้อยยกย่องเท่านั้นเอง!”หลิงอวี๋ยังต้องอยู่ที่วังเทพอีกสามปี มิอยากทำให้เสวี่ยเหมยขุ่นเคืองจึงเอ่ยยิ้ม ๆ ไป “พี่หญิงเสวี่ยเหมยดูแลข้าถึงเพียงนั้น หากมีอะไรดี ๆ ข้าย่อมมิลืมเจ้าอยู่แล้ว!”“เช่นนั้นก็ดี!”เสวี่ยเหมยจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าจะมาบอกกับเจ้าว่า หัวหน้าเสิ่นจะลงเขา บอกว่าให้เจ้าไปตรวจดูสักหน่อย ดูว่าในรายการยังมีของอะไรขาดไปอีกหรือไม่”“การส
กระทั่งหวงฝู่หมิงจูกลับมา เสวี่ยเหมยก็เอ่ยกับหวงฝู่หมิงจูด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “เจ้าวังน้อย อาอวี๋บอกว่านางปวดหัวเล็กน้อยเลยไปนอนก่อนเพคะ คืนนี้มิได้มาเล่านิทานให้ท่านฟังแล้ว คืนนี้บ่าวอยู่กับท่านนะเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูค่อนข้างมิพอใจ เสวี่ยเหมยจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน “คนเราก็ป่วยกันได้นะเพคะ อาอวี๋ดูแลท่านมาตั้งหลายวันจะป่วยก็เป็นเรื่องปกตินัก ท่านต้องเข้าใจนาง ประเดี๋ยวนางพักผ่อนแล้ว วันพรุ่งก็สามารถทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านได้แล้วเพคะ!”หวงฝู่หมิงจูครุ่นคิดแล้วเอ่ยอย่างรู้ความ “เช่นนั้นก็ได้ ให้พี่อาอวี๋พักผ่อนให้หาย แล้วคืนวันพรุ่งค่อยมาเล่านิทานให้ข้าฟัง!”เสวี่ยเหมยเกลี้ยกล่อมหวงฝู่หมิงจูเสร็จแล้วก็ไปรับใช้หวงฝู่หมิงจู อาบน้ำให้แล้วพาเข้านอนปี้เอ๋อร์ย้ายเข้ามาก็มาอยู่ที่ห้องเดียวกับหลิงอวี๋ นางเองก็คิดว่าหลิงอวี๋ปวดหัวไปนอนแล้ว จึงรอให้เจ้าวังน้อยเข้านอนแล้วปี้เอ๋อร์จึงได้กลับห้องไปเสวี่ยเหมยก็ตามมามิใกล้มิไกล รอให้ปี้เอ๋อร์เข้าไปก่อนแล้วเสวี่ยเหมยก็ตามเข้าไป“พี่เสวี่ยเหมย...”ปี้เอ๋อร์เห็นว่าในห้องไม่มีคนอยู่ กำลังแปลกใจว่าเหตุใดหลิงอวี๋จึงหายไป แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอเสวี่
“เย่หรง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอ้างว่าเคยจับตัวหลิงอวี๋ได้มิใช่หรือ? เหตุใดนางมิสังหารหลิงอวี๋แล้วชิงหยกหล้าสุขาวดีไปเล่า?”หลิงอวี๋ถามคำถามที่ตนคิดมิตกออกไปเย่หรงจึงหัวเราะเยาะออกมา “ข้ารู้เหตุผลในเรื่องนี้!”“ข้าได้ยินมาว่า หยกหล้าสุขาวดีเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่มีวิญญาณ ต้องใช้ยาสลายเลือดเนื้อของผู้ครอบครองในขณะที่คนผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จึงจะนำมันไปได้ มิเช่นนั้นหยกหล้าสุขาวดีจะตายไปพร้อมกับความตายของผู้ครอบครอง!”“เครื่องยาสมุนไพรที่พิเศษนี้ก็มีเพียงที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเมื่อขุดเครื่องยาสมุนไพรนี้ออกมาแล้วจะต้องใช้ภายในครึ่งชั่วยาม มิเช่นนั้นก็จะเฉาตายไป!”“ดังนั้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงทำได้เพียงต้องพาหลิงอวี๋กลับมาที่เมืองหลวงแดนเทพ และเข้าสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรนั้น จึงจะสามารถนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาจากตัวหลิงอวี๋ได้!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ขนลุกซู่ เข้าใจเหตุผลแล้วว่าเหตุใดจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงมิสังหารตน!จริงสิ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่เซียวหลินเทียนมิสังหารนางเช่นกัน?เขาเองก็อยากได้หยกหล้าสุขาวดีที่ตัวนางด้วยใช่หรือไม่?แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หลิงอวี๋ก็รู้ส
เย่หรงแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ภรรยาของแม่ทัพเฉิงมีเนื้องอกในสมอง สองปีมานี้นางกินยาไปมิน้อยแต่ก็มิดีขึ้น!”“ได้ยินว่าอาการป่วยของฮูหยินเฉิงแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่คนรอบตัวนางก็จำมิได้แล้ว...”“ใต้หล้านี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถรักษาโรคนี้ได้!”“แม่ทัพเฉิงกับภรรยาของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก หากข้าสามารถหาคนผู้นี้ แล้วช่วยภรรยาของแม่ทัพเฉิงให้หายจากโรคนี้ได้ แม่ทัพเฉิงก็จะเป็นสายลับที่ดีที่สุด!”หลิงอวี๋กลอกตาใส่เย่หรง “สรุปแล้วเป็นผู้ใดกันที่สามารถรักษาโรคเช่นนี้ได้? เหตุใดท่านทำราวกับเป็นนักเล่าเรื่อง เอาแต่ทำให้รอฟังอยู่นั่น!”เย่หรงมองหลิงอวี๋ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เจ้ารู้จักสตรีคนหนึ่งที่ตระกูลเฉียวเสนอรางวัลค่าหัวหรือไม่?”“หลิงอวี๋! นางคือคนเดียวในใต้หล้าที่สามารถรักษาโรคของฮูหยินเฉิงได้!”หลิงอวี๋!หลิงอวี๋ตะลึงไปทันที ที่แท้คนที่เย่หรงพูดถึงก็คือตน!“หลิงอวี๋มีทักษะการแพทย์ยอดเยี่ยม นางผ่าท้องมารดาของข้าหลวงเก๋อรักษาโรคประหลาดท้องโตของนางจนหายได้!”“มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้นที่จะสามารถทำการผ่าตัดเนื้องอกในสมองของฮูหยินเฉิงได้!”เย่หรงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ย “แต่ขนาดต
หลิงอวี๋มองไปทางเย่หรงอย่างสงสัย “สระเก้ามังกรมีรายละเอียดอะไรหรือ?”เย่หรงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าลองคิดดู หากเป็นเพียงการคุมขังนักโทษจำนวนหนึ่ง จำเป็นต้องส่งแม่ทัพเฉิงที่สำคัญเช่นนี้ไปด้วยหรือ?”“ราชวงศ์มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปที่ภูเขาด้านหลัง ก็เพื่อจะปิดบังความลับเอาไว้!”“ในสระมังกรที่ภูเขาด้านหลังมีสัตว์เทพอยู่… และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นมังกรฟ้าที่เป็นพาหนะของหลงอี้ในตอนนั้น!”“ข้าไปสืบจากคนมามากมาย แต่คนที่รู้เรื่องราวภายในมีอยู่น้อยนัก นี่คือสิ่งที่ข้าอนุมานได้จากเบาะแสบางส่วน!”เย่หรงยิ่งพูดก็ยิ่งสนุก “ข้าถึงขนาดสงสัยว่าแผ่นดินไหวเมื่อสองร้อยปีก่อนมิใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากมังกรฟ้าต่างหาก!”“ก่อนหน้านี้สระเก้ามังกรก็มีเครื่องยาสมุนไพรอยู่มากเช่นกัน และราชวงศ์ก็มิได้ห้ามให้ผู้บำเพ็ญตนไปเก็บสมุนไพร แต่นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นั้น ราชวงศ์ก็มิอนุญาตให้ใครไปเก็บสมุนไพรที่ภูเขาด้านหลังของสระเก้ามังกรมาเป็นเวลาเกือบสองร้อยปีแล้ว!”“ข้าไปถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขามา ผู้สูงอายุคนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาบอกว่า เมื่อนานมาแล้วจะได้ยินเสียงร้องประหลาดอยู่เป็นบางครั้ง
ขณะที่เย่ซื่อฝานกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้ววิ่งไปหาที่โต๊ะตำรา จากนั้นก็หยิบจดหมายเชิญส่งให้หลิงอวี๋“วันนี้อย่าเพิ่งไปที่หอธุวดารา ช่วงปลายเดือนนี้พวกเขาจะจัดงานประมูลพิเศษขึ้นมา ถึงเวลานั้นจะมีคนรวยมากหลายไปเข้าร่วมงานประมูลนี้!”“หอธุวดาราส่งจดหมายเชิญมาให้ข้าสองสามฉบับ ถึงเวลานั้นพวกเราไปด้วยกัน จะได้ช่วยเจ้าขายให้ได้ราคาดี”“เจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋รับจดหมายเชิญมาแล้วขอลากลับก่อนเมื่อนางมาถึงที่ประตูก็พบกับเย่หรงที่กลับมาพอดีเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเขาปลอดภัยดี จึงเอ่ยออกไป “ข้ากังวลว่าท่านจะมิได้กลับมาอย่างปลอดภัย ท่านมิเป็นอะไรก็ดีแล้ว!”เย่หรงยิ้มอย่างเก้อเขิน “ตอนนั้นเสือไล่ตามพวกเราจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง กระทั่งเสือหายไป ข้าก็กลับไปหาพวกเจ้า แต่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว!”“หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ข้าจึงได้ออกไปก่อน!”“เฮ้อ หากข้ามิออกไปก่อนก็คงดี จะได้เห็นเสือปีกกาฬ!”เย่หรงมิได้บอกหลิงอวี๋ว่า เขาได้ยินจ้าวหรุ่ยหรุ่ยรวบรวมกำลังคนเพื่อจับตัวเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เขาต้องการให้หลิงอวี๋ช่วยอยู่พอดี จึงตามหาหลิงอวี๋ไปทั่ว“เจ้าพบสมบัติอะไร
หลังจากคุยเรื่องไป่หลี่ไห่จบแล้ว หลิงอวี๋ก็หยิบเครื่องยาสมุนไพรบางส่วนที่ตนมิรู้จักออกมาแล้วเอ่ย “ท่านอาจารย์ นี่คือเครื่องยาสมุนไพรที่ข้าเก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่ง ท่านช่วยข้าดูทีว่าคืออะไร?”เย่ซื่อฝานเห็นดังนั้นก็สนใจขึ้นมาทันที แล้วอธิบายให้หลิงอวี๋ฟังทีละอย่างสุดท้ายเย่ซื่อฝานก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าสามารถซื้อเครื่องยาสมุนไพรที่เจ้านำมาเหล่านี้ในราคาตลาดได้ แต่นอกจากพวกนี้แล้วหอโอสถซ่างกู่ของเรามิต้องการ หากเจ้าอยากจะขายในราคาดี ให้ไปที่ตลาดเครื่องยาสมุนไพร...”“เดี๋ยวนะ นี่คืออะไร?”เย่ซื่อฝานดูไปก็คัดแยกเครื่องยาสมุนไพรไปด้วย และเมื่อเขาเห็นเครื่องยาสมุนไพรที่ดูคล้ายโสมแต่ก็มิคล้าย เขาก็หยิบขึ้นมาดูอย่างละเอียด“ท่านอาจารย์ ข้าเองก็มิแน่ใจเช่นกันว่าสิ่งนี้คืออะไร!”หลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานพิจารณาเครื่องยาสมุนไพรที่ดูแปลกประหลาดนี้จึงเอ่ยขึ้นมา“ข้าได้กลิ่นโสม แต่กลับดูมีพิษ!”ในตอนที่เย่ซื่อฝานคัดแยกเครื่องยาสมุนไพร เขาจะสวมถุงมือพิเศษไว้ เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ เขาก็พยักหน้า “ความรู้สึกของเจ้ามิผิด เครื่องยาสมุนไพรนี้มีพิษจริง ๆ!”“เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจำได้ว่าในตำราโบราณเคย
หลิงอวี๋จัดการเครื่องยาสมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขาหมางหลิ่งครั้งนี้ วางแผนว่าจะนำไปขายบางส่วนก่อนจากนั้นค่อยไปซื้อโอสถกลับมานางนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานนางและเย่หรงแยกทางกันที่ภูเขาหมางหลิ่งเพื่อหนีเสือ หลังจากนั้นก็มิได้เจอเย่หรงอีก มิรู้ว่าเขากลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่หลิงอวี๋จึงไปที่บ้านตระกูลเย่ก่อนเมื่อมาถึงบ้านตระกูลเย่ นางก็ถามคนเฝ้ายามว่าเย่หรงกลับมาแล้วหรือไม่คนเฝ้ายามยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “กลับมาแล้วขอรับ แต่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว บอกว่าจะไปหาสหาย! จริงสิ แม่นางสิง เขาบอกว่าหากท่านมา ให้ท่านรอเขากลับมาด้วย!”“ได้ ข้าจะไปที่ห้องปรุงโอสถของอาจารย์ข้าก่อนก็แล้วกัน!”หลิงอวี๋ได้รู้ว่าเย่หรงมิเป็นอะไรก็สบายใจแล้วนางมาที่ห้องปรุงโอสถของเย่ซื่อฝาน เย่ซื่อฝานกำลังกลั่นโอสถอยู่ เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มา เขาก็เอ่ยถามออกไป “เมื่อวานพวกเจ้าพบเสือปีกกาฬหรือ?”“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ก็รู้ด้วยหรือ?”หลิงอวี๋ทอดถอนใจที่ข่าวกระจายเร็วเกินไป แม้แต่คนที่มิออกจากบ้านเช่นเย่ซื่อฝานก็ยังรู้เรื่อง!“ท่านผู้อาวุโสของเจ้าถูกผู้นำตระกูลเก๋อ ตระกูลเฉียวและตระกูลจงเจิ้งเชิญไปตั้งแต่เช้าเพื่อหารือเรื่องการจับเ
สีหน้าของหลงอิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก นางมิอาจปฏิเสธได้เพราะสิ่งที่หลิงอวี๋พูดมานั้นเป็นความจริง หากเป็นนาง ใครกล้ามาทำลายบ้านของนาง นางก็จะมิยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่!และท่าทางมิยี่หระต่อความตายของหลิงอวี๋ ก็ทำให้หลงอิงมองเห็นความมุ่งมั่นของนางหากคิดจะใช้วิธีการข่มขู่ให้หลิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้นั้นคงเป็นไปมิได้แน่!ทว่าหากปล่อยให้เหมียวหยางถูกพิษจนตาย เช่นนี้ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าวิชาพิษของหอโอสถไป๋เป่าด้อยกว่าสิงอวี๋!แต่หากให้เหมียวหยางยอมรับต่อหน้าธารกำนัลว่าเขาทำลายเรือนของหลิงอวี๋ ก็จะทำให้ไป่หลี่ไห่และหอโอสถไป๋เป่าอับอายขายหน้าเช่นกันฝีมือมิสู้เขาแต่คิดจะไปแก้แค้นเขา จะทางไหนก็ล้วนอับอายทั้งนั้น!ไป่หลี่ไห่รู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้จึงได้ส่งหลงอิงไป เขาอยากจะอาศัยการข่มขู่ของตระกูลหลง และความสัมพันธ์ส่วนตัวของหลงอิงกับสิงอวี๋ ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งมาบีบให้สิงอวี๋มอบยาแก้พิษให้ตอนนี้หากไม้อ่อนใช้กับหลิงอวี๋มิได้ผล ภารกิจของหลงอิงก็มิสามารถสำเร็จได้“เสี่ยวอวี๋ เช่นนั้นถอยกันคนละก้าวดีหรือไม่ ข้าจะให้เหมียวหยางชดเชยเงินสร้างเรือนใหม่ให้เจ้า เจ้าก็มิต้องให้เขาขอโทษต
วันรุ่งขึ้น ขณะที่หลิงอวี๋กับผู้รอบรู้กำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นมาหลิงอวี๋กับผู้รอบรู้มองหน้ากันแล้วระวังตัวขึ้นมาทันที“ผู้ใด?”ผู้รอบรู้เอ่ยถามเสียงดัง“สิงอวี๋ ข้าเอง หลงอิง!”เสียงของหลงอิงเอ่ยขึ้นมาผู้รอบรู้จึงมองหลิงอวี๋แล้วหลิงอวี๋ก็นึกเรื่องที่ตนวางยาพิษเหมียวหยางขึ้นมาได้เหมียวหยางถูกพิษกำเริบขึ้นมาแล้ว ตอนนี้หลงอิงก็นับว่าเป็นศิษย์น้องหญิงของเหมียวหยาง นางคงมาขอยาแก้พิษให้เหมียวหยางกระมัง?“พี่ใหญ่ เปิดประตูเถิด!”เมื่อผู้รอบรู้ได้รับอนุญาตจากหลิงอวี๋แล้วก็เปิดประตูออกหลงอิงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม นางพานางรับใช้มาด้วยหนึ่งคนผู้รอบรู้โบกมือให้หลิงอวี๋อยู่ด้านหลังหลงอิง เป็นการบอกหลิงอวี๋ว่าข้างนอกไม่มีใครแล้ว“สิงอวี๋ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไปที่ภูเขาหมางหลิ่งมา พบสมบัติอะไรหรือไม่?”หลงอิงมีท่าทางอยากรู้อยากเห็น “ข้าได้ยินมาด้วยว่ามีเสือปีกกาฬสัตว์อสูรพันปีปรากฏตัวที่ภูเขาหมางหลิ่ง เป็นความจริงหรือ?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่านางมิได้เอ่ยถึงเรื่องเหมียวหยาง นางก็มิได้เอ่ยถึงเช่นกัน จากนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ยออกมา “เป็นความจริง มันกัดคนตายไปมา
“สตรีที่กล่าวหาว่าเจ้าช่วยเซียวหลินเทียนที่ภูเขาหมางหลิ่งวันนี้นั่นน่ะหรือ?”ผู้รอบรู้นึกขึ้นมาได้ ว่ากันว่าใบหน้าของสตรีผู้นั้นก็ถูกเซียวหลินเทียนกรีดเช่นกัน จึงคลุมผ้าคลุมไว้“พี่ใหญ่ เป็นนาง! ข้าลืมเรื่องราวในอดีตไป ตอนที่ข้ารู้สึกตัวนางบอกว่าข้าเป็นนางรับใช้ของนาง ข้ายังเชื่อคิดว่าเป็นความจริง!”เมื่อหลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำกับตน ก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด“ข้านึกมิออกว่าตนเองเป็นใคร แต่บางครั้งในหัวของข้าก็จะมีบางช่วงบางตอนแวบเข้ามา… หลังจากที่หน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเซียวหลินเทียนถูกทำลายไป แล้วข้าก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน เขาก็คือคนที่ปรากฏขึ้นมาในภาพที่ข้าเห็น!”“พี่ใหญ่ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกข้าว่า เซียวหลินเทียนเตะลูกชายของข้าจนตาย ข้าเห็นลูกชายของข้าในภาพเหล่านั้น ทั้งยังเห็นว่าเซียวหลินเทียนให้คนเฆี่ยนตีข้าด้วย!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า ที่เซียวหลินเทียนไล่ล่าข้าก็เพราะว่าข้าสังหารสตรีที่เขารักที่สุดไป! แต่ข้ามิรู้เรื่องเหล่านี้เลย ข้านึกอะไรมิออกทั้งนั้น!”“พี่ใหญ่ ข้ามิเชื่อคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่ดูจากการแสดงออกของเซียวหลินเทียนในวันนี้แล้ว ก