หลังจากที่ทั้งสองบรรลุข้อตกลงกันแล้ว หลิงอวี๋ก็ให้คนไปเชิญขันทีโม่กับแม่นมอูมา แล้วแนะนำให้พวกเขารู้จักกับเย่หรงขันทีโม่มิอยากจะเชื่อเลยว่าหลิงอวี๋จะชักชวนลูกชายผู้มิสนใจสิ่งใดของตระกูลเย่ผู้นี้ได้ เขามีข้อสงสัยและกังวลว่าเย่หรงแสร้งทำเป็นยินดีแล้วจงใจหลอกลวงหลิงอวี๋นับตั้งแต่ที่แม่นมอูถูกหลงหมิงหลอก นางก็มิชอบบุรุษหน้าตาหล่อเหล่าเช่นนี้นัก จึงเอ่ยมิกี่คำพอเป็นพิธีแล้วก็ออกไปท่าทีของขันทีโม่กับแม่นมอูที่มีต่อเย่หรงทำให้หลิงอวี๋รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เย่หรงมิสนใจ เขาได้พบกับการจ้องมองอย่างเย็นชาจากตระกูลเย่มามากพอแล้ว เขาเคยชินกับมันแล้ว“พี่หรง เจ้าไม่มีปัญหาที่จะจัดการกับเฉียวเค่อใช่หรือไม่?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างกังวลเย่หรงส่งเสียงเย็นชา “พลังของนายน้อยตระกูลเฉียวนั้นยังมิสู้ข้าเลย เขาอาศัยว่าเกิดมาในตระกูลดีจึงได้เป็นนายน้อย หากมาเปลี่ยนสถานะกับข้า คาดว่าเขาคงมิสามารถมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงอายุเท่านี้หรอก!”หลิงอวี๋ฟังดูจากคำพูดของเย่หรงก็รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ในตระกูลเย่อย่างมิดีนัก แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาถามเกี่ยวกับอดีตของเขา ทำได้เพียงค่อยถามในภายหลังเท่านั้น“เช่นนั้นเฉียวเค่อกั
หากจ้าวฮุยถูกพาตัวกลับเมืองหลวงจะหมายความว่าอย่างไร?คนตระกูลจ้าวต่างก็รู้ดีว่าหากจ้าวฮุยถูกนำตัวกลับมา ตระกูลจ้าวก็จะต้องจบลงจ้าวฮุยเป็นผู้นำตระกูลจ้าว ภายใต้การคุ้มครองของจ้าวฮุยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตระกูลจ้าวได้ทำสิ่งน่าอับอายไว้มากมายหากเซียวหลินเทียนจัดให้มีการสอบสวนอย่างละเอียด ตระกูลจ้าวก็มิสามารถต้านทานการสอบสวนได้เมื่อถึงเวลานั้นการยึดบ้านและกวาดล้างจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้!ทันทีที่คนตระกูลจ้าวได้รับข่าว ไหนเลยจะนิ่งเฉยอยู่ได้ ต่างก็รีบไปหาไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเพื่อหารือ อยากจะอาศัยตอนที่เซียวหลินเทียนยังมิกลับมารีบจัดการหลิงอวี๋แล้วเข้าวังไปก่อนวันนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย นางกำลังเตรียมเครื่องยาสมุนไพรอยู่ในห้องกลั่นโอสถ เตรียมไว้เมื่อคนส่งยามาถึงก็จะกลั่นยาอายุวัฒนะทันที และจะเลื่อนขั้นไปดินแดนที่เจ็ดตระกูลจ้าวขอเข้าพบ นางก็ให้หนานฮุ่ยไปไล่อย่างรำคาญแต่ครานี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลจ้าว ลุงรองและจ้าวเฉียงฮั๋วลูกพี่ลูกน้องของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยท่าทีของทั้งสองคนแข็งกร้าวนัก มิใช่คนที่คนรับใช้คนหนึ่งเช่นหนานฮุ่ยจะไล่ไปได้“จ้าวหรุ่ยหร
“เจ้าอยากเป็นจักรพรรดิหรือ?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองปราดเดียวก็เห็นความคิดของจ้าวเฉียงฮั๋วได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นางจึงยิ้มเยาะเย้ยจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าการเป็นจักรพรรดิง่ายเหมือนกับที่เขาทำการค้าหรืออย่างไร?หากเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็สามารถเป็นจักรพรรดิได้หมดแล้ว!“มีอะไรมิได้!”จ้าวเฉียงฮั๋วเอ่ยอย่างแข็งกร้าว “ข้าแข็งแกร่งกว่าองค์ชายคังผู้ขี้ขลาดของเจ้าเป็นร้อยเท่า เขาเป็นจักรพรรดิได้ เหตุใดข้าจะเป็นมิได้!”“จ้าวหรุ่ยหรุ่ย คนที่มีไหวพริบก็จะส่งมอบป้ายกับรายชื่อมาให้เอง เห็นแก่ที่เราคือคนตระกูลเดียวกัน ข้าเป็นจักรพรรดิแล้ว เจ้าก็ยังคงเป็นพระชายาคัง!”เขากวาดสายตามองคนที่ตนพามาด้วยเพื่อเป็นการเตือนจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าอย่าบังคับให้ตนลงมือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหลือบมองผู้ติดตามรูปร่างกำยำเหล่านั้นอย่างดูถูกจ้าวเฉียงฮั๋วคิดว่าจะอาศัยคนเหล่านี้มาจัดการตนได้หรือ เขาประเมินตนต่ำไปหรือไม่?จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับอารมณ์ของตนไว้ พลางเอ่ยอย่างอดทน “จ้าวเฉียงฮั๋ว การเป็นจักรพรรดิมิง่ายอย่างที่เจ้าคิด แม้ว่าข้าจะให้รายชื่อกับเจ้าไป แต่ก็เป็นไปมิได้ที่เจ้าจะให้พวกเขาเชื่อฟังเจ้า!”“เจ้าให้เวลาข้าอีกคืนเดียว!
เดิมทีจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้หาแพะรับบาปไว้แล้ว และมิกังวลว่าเรื่องนี้จะโยงมาถึงตนแต่จ้าวฮุยถูกเซียวหลินเทียนพาตัวกลับเมืองหลวง เช่นนั้นแม้ว่าตนจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจน แต่สุดท้ายแล้วก็หลีกเลี่ยงมิได้ที่จะถูกจ้าวฮุยทำให้เดือดร้อนหรืออาจเป็นเรื่องดีกับตนที่หลิงอวี๋มาถึงประตูเองเช่นนี้!จ้าวเฉียงฮั๋วให้ตนบุกเข้าวังมิใช่หรือ? สังหารหลิงอวี๋ตอนนี้และรีบบุกเข้าวังก็มีผลเช่นเดียวกัน!“จ้าวเฉียงฮั๋ว ได้ยินหรือไม่ หลิงอวี๋มาถึงหน้าประตูเองแล้ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเอ่ยทันที “รีบพาคนของเจ้าตามข้าไป วันนี้เราจะสังหารหลิงอวี๋กัน!”“หนานฮุ่ย เจ้าไปเรียกเฉียวเค่อมาประเดี๋ยวนี้ แล้วให้เขาร่วมมือกับข้าจัดการหลิงอวี๋!”จ้าวเฉียงฮั๋วตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความยากลำบาก เขามองออกว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การจะเอาป้ายตระกูลจ้าวทำได้เพียงเอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการร่วมมือกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงอวี๋ เช่นนี้จึงจะปกป้องตระกูลจ้าวได้“สุ่ยเหอ เจ้าพาคนไปเฝ้าห้องกลั่นโอสถไว้ อย่าให้ใครบุกรุกเข้าไปเป็นอันขาด!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสั่งนางรับใช้อีกคนกระทั่งจัดการเสร็จส
เผยอวี้ได้ประโยชน์จากกองพยัคฆ์เหินหาวได้ชุดลายพรางมาด้วย เขาใส่แล้วรู้สึกว่าตนมีพลังขึ้นมา แล้วก็รู้สึกอิจฉาอิ้งเฉิงขึ้นมาทันทีที่ได้เป็นผู้นำกองกำลังชั้นยอดเช่นนี้อิ้งเฉิงมองออกถึงความมิพอใจของเขาจึงยิ้มพลางเอ่ย “ฮองเฮาได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ข้าเป็นผู้นำค่ายกองทหารเสือก็เพียงพอแล้ว กองพยัคฆ์เหินหาวนี้ข้าแค่มาดูแลเพียงชั่วคราวเท่านั้น!”“แม่ทัพเผย หากเจ้าอยากเป็นผู้นำกองพยัคฆ์เหินหาว เช่นนั้นต่อไปก็มาเข้าร่วมการฝึกเถิด ขอเพียงเจ้าเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน เช่นนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการก็จะเป็นของเจ้า!”เผยอวี้สนใจขึ้นมาทันที จึงซักถามอิ้งเฉิงว่ามีรายการอะไรบ้างกระทั่งรู้ว่ากองพยัคฆ์เหินหาวต้องเรียนรู้มากมาย เผยอวี้ก็มิได้ตกใจจนล่าถอย แต่กลับยิ่งสนใจมากขึ้นอีกเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า กองกำลังชั้นยอดจำเป็นต้องเรียนรู้มากมายถึงเพียงนี้ นี่มิใช่สิ่งที่หลิงอวี๋พูดมาเปล่า ๆ แต่ล้วนเป็นทักษะที่แท้จริงทั้งนั้นหากเชี่ยวชาญทักษะเหล่านี้ กองกำลังนี้ก็จะเป็นกองกำลังชั้นยอดในสี่แคว้นแผ่นดินใหญ่ผู้ที่สามารถเป็นผู้บัญชาการของกองกำลังชั้นยอดนี้ได้จึงจะคู่ควรกับการเป็นแม่ทัพใหญ่อย่างแท้จ
เรือนจำราชสำนักฝ่ายในที่ทั้งมืดมนและชื้นแฉะ ห้องขังมืดมิดมิเคยมีแสงแดดเล็ดลอดเข้ามาองค์ชายคังนอนมิหลับมาหลายคืน ผ่ายผอมลงไปสิบกว่าจินทุกครั้งที่หลับตาลง เขาจะได้ยินเสียงคนตะโกนขอชีวิตอยู่ข้างหูเดิมทีเขาคิดว่ามีคนแกล้งหลอกให้หวาดกลัว แต่รอบ ๆ กลับไม่มีใครเลยบางครั้งเขายังเห็นแม้กระทั่งเงาผีล่องลอยไปมา เมื่อเรียกทหารยาม ทหารยามก็บอกว่ามิเห็นอะไรทั้งยังเยาะเย้ยว่าเขาน่าจะเห็นผีเข้าแล้ว!หลังจากหลายคืนที่ถูกหลอกหลอนเช่นนี้ นานเข้าจิตใจขององค์ชายคังก็รับมิไหว บางครั้งก็สติฟั่นเฟือน บางครั้งก็ปกติยามสติฟั่นเฟือนก็เอาหัวโขกกำแพง เวลาปกติก็ด่ากราดกระทบหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนในคุกที่จริงแล้วมีคนแกล้งหลอกหลอนองค์ชายคังจริง ๆและคนที่แกล้งหลอกหลอนนั้นก็คือทหารที่แม่ทัพสือส่งมา พวกเขาคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ขนส่งเบี้ยหวัดทหารในเวลานั้นแม่ทัพสือเองก็เกลียดชังองค์ชายคังที่ฆ่าน้องชายของตนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้แม่ทัพสือฝันร้ายถึงน้องชายที่ตายอย่างน่าอนาถมาตลอดหลายปีส่วนผู้รอดชีวิตเหล่านั้นแม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็หมดอนาคตเพราะเรื่องเบี้ยหวัดทหารหาย และยังต้องแบกรับภาระทาง
“องค์หญิงใหญ่ เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ตั๊กแตนจับจิ้งหรีด นกเหยี่ยวรอจับตั๊กแตนหรือไม่?”หลิงอวี๋หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะโง่ ไม่มีการเตรียมตัวอะไรเลย แล้วขึ้นเขามาตาย?”“ลองหันไปดูข้างหลังสิ ข้างหลังท่านมีอะไรบ้าง?”องค์หญิงใหญ่หันหลังไปโดยสัญชาตญาณ ก็เห็นกองทัพหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ พวกเขาสวมเครื่องแต่งกายแปลก ๆ แต่ธนูที่ถืออยู่ล้วนเล็งมาที่พวกนาง“วางอาวุธลง มิเช่นนั้นจะฆ่ามิเลี้ยง”เผยอวี้นำหน้า ทหารตะโกนพร้อมกัน เสียงดังกังวานมาจากทุกทิศทุกทาง ดูเหมือนว่ามิใช่เสียงของคนหลายสิบคน แต่เป็นเสียงของคนหลายร้อยคน“พวกเจ้าถูกล้อมแล้ว! วางอาวุธลง ฮองเฮาของเราทรงเห็นว่าพวกเจ้าถูกผู้อื่นหลอกใช้ จึงจะเมตตามิลงโทษ หากยังดื้อดึงก็มีแต่รนหาที่ตาย!” อิ้งเฉิงตะโกนเสียงดังเหล่ามือสังหารมองหน้ากันและต่างพากันลังเล เพื่อเงินมิกี่ร้อยตำลึงแลกกับชีวิต คุ้มค่าหรือ? แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะสัญญาว่า หากสำเร็จจะให้พวกเขาเลื่อนตำแหน่ง ทว่าหากตายไปแล้วสัญญาเหล่านั้นก็ไร้ค่า!“เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว องค์ชายคังทำให้ทหารหลายพันนายตายโดยไร้ซึ่งความผิด คนโหดร้ายเช่นนี้ พวกเจ้ายังอย
ไท่เฟยเส้ามิพูดถึงหวางซือก็ยังดี แต่เมื่อเอ่ยถึงหวางซือ ความเกลียดชังในดวงตาของหลิงอวี๋ก็พลุ่งพล่านออกมา“เป็นเจ้านั่นเองที่สั่งหวางซือให้วางยาท่านแม่ของข้า!”“เจ้าต้องการตำราแพทย์ซือคงชวิ่น จึงค่อย ๆ หยั่งเชิงท่านแม่ สุดท้ายก็สั่งหวางซือให้วางยาท่านแม่อย่างโหดเหี้ยม!”ตอนที่หวางซือตาย แม้จะมิได้กล่าวหาไท่เฟยเส้า แต่หลิงอวี๋รู้ดีว่า ไท่เฟยเส้าคือฆาตกรตัวจริงที่ทำให้หลานฮุ่ยจวนตาย!“ข้านี่แหละสั่ง แล้วอย่างไร? ข้ายอมรับ!”ไท่เฟยเส้าจ้องหลิงอวี๋ด้วยความแค้น “เจ้าเป็นเพียงบุตรนอกสมรส คนชั่วไร้หัวนอนปลายเท้า มิคู่ควรที่จะเป็นฮองเฮา!”“เจ้ากับแม่ของเจ้าต่างก็เป็นคนชั่ว!”“นางสารเลว อยากให้ข้ายอมจำนนงั้นรึ เลิกฝันเสียเถอะ! แม้ตัวตายข้าก็จะลากเจ้าไปด้วย!”พูดจบ ไท่เฟยเส้าก็กระโจนเข้าใส่หลิงอวี๋ นางหยิบผงยาที่ซ่อนไว้ออกมา ผงยานี้เป็นของที่เจ้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้มาเพียงแค่สัมผัสถูกผิวหนังเล็กน้อย ผิวหนังก็จะเน่าเปื่อย พิษจะเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว มิถึงห้านาทีคนก็จะตาย“ไปลงนรกซะ!”ไท่เฟยเส้าหัวเราะเยาะเย้ย แล้วโยนถุงยาใส่หลิงอวี๋ ระยะใกล้เพียงนี้หลิงอวี๋ต้องหนีมิพ้นแน่!หลิงอวี๋เห็น
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต