“ข้าคือหลิงอวี๋!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพี่หรงเปิดเผยสถานะตนออกมา ก็มิได้ปิดบังและยอมรับตามตรง“ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีสตรีมีครรภ์ที่สูญหายไป!”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หลิงอวี๋จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของตนออกไปด้วยนางมองไปทางพี่หรงอย่างคาดหวัง ในใจก็หวังจริง ๆ ว่าคนผู้นี้จะเป็นหลิงหรง!แม้ว่าหลิงอวี๋จะสุขสบายอยู่ในยุคนี้ราวกับปลาได้น้ำ แต่นางก็ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ตนเป็นคนยุคปัจจุบันเพียงผู้เดียวและกำลังดิ้นรนอยู่ในโลกที่มิได้เป็นของตน แม้ว่าจะมีคนใกล้ชิดเช่นเซียวหลินเทียนกับเซียวเยวี่ยและคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็มิอาจลบล้างความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไปได้!เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ หลิงอวี๋ก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันมากมาย การปรากฏตัวของหลิงหรงเป็นการชดเชยความโดดเดี่ยวนี้!เย่หรงขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋ ดวงตาคู่นั้นยิ่งมองก็ยิ่งดูคุ้นเคย แต่เขาจำมิได้จริง ๆ ว่าตนเคยเจอคนผู้นี้มาก่อน!นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากแดนปีศาจมาที่ใต้หล้านี้ เขากล้ารับประกันเลยว่า เขามิเคยเห็นใบหน้านี้ในแดนปีศาจเช่นกัน“พี่หรง ท่านรู้จักนางหรือ?”หยางหงหนิงเอียงตัวมาปิดกั้นการมองของเย่หรงที่มองหลิงอว
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร
“อย่าตีท่านแม่ของข้า...” หลังจากที่เสี่ยวเมาล้มบนพื้น กระอักเลือดออกมาแล้วก็คลานเข้าไปหาหลิงอวี๋อย่างไม่ยินยอม ยังคิดที่จะใช้ร่างกายที่อ่อนแอของตนช่วยรับแส้ให้กับนางอีก หลิงอวี๋มองไปยังมุมปากของเสี่ยวเมาที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านขึ้นมา… ในความทรงจำนั้น หลิงอวี๋ใส่ใจเสี่ยวเมาน้อยนัก ทำให้เสี่ยวเมาที่คลอดมาแข็งแรงมาก กลับยิ่งเลี้ยงดูก็ยิ่งผอมบาง... “ท่านอ๋อง… นี่? โบยต่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” มือเฆี่ยนเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง “ลากลูกนอกสมรสนั่นออกไป โบยต่อ!” ชายหนุ่มสูงส่งราวกับเทพเจ้านั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นเสี่ยวเมากระอักเลือดออกมา ก็ยังคงดูเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์ดั่งเก่า “เสี่ยวเมา ไปเถอะ ปกตินางก็ไม่ได้ดูแลเจ้าดีนัก เจ้ายังสนใจว่านางจะเป็นตายไปเพื่อเหตุอันใด!” หญิงชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เมื่ออุ้มเสี่ยวเมาได้ก็ออกไป “อย่าตีท่านแม่… ปล่อยข้า!” เสี่ยวเมายังคงร้องตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก ไม่สนใจว่าตรงมุมปากของตนจะมีเลือดไหลออกมา ดิ้นรนอย่างแรงอยู่ในอ้อมแขนของหญิงชรา หญิงชรากอดเขาเอาไว้แน่น มือเฆี่ยนยังคงโบยแส้ลงไปบนกายของหลิงอวี๋ เสี่ยวเมาเองก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรง
“ตึกตึก… ตึก...” ไม่รู้ว่าสลบไปนานเท่าใด หลิงอวี๋ได้ยินเสียงนาฬิกาดังตึกตึกแว่ว ๆ จนลืมตาขึ้นมา... ทันใดนั้น ดวงตาของหลิงยวี่ก็สว่างขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องทดลองอิสระของตนที่วิทยาลัยแพทย์ หรือว่าตนจะเดินทางข้ามเวลากลับมาแล้ว? หลิงอวี๋ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขึ้นมา ทว่าเพียงเคลื่อนไหวร่างกายก็รู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างเจ็บปวด และยังมีเลือดสดไหลออกมา... เธอก้มหัวลงไปมองก็พบว่าร่องรอยบาดเจ็บของแส้ก็ถูกนำกลับมาด้วย! เธออดทนต่อความเจ็บปวดตามหากล่องยา แล้วฉีดยาบาดทะยักให้กับตนเอง ก่อนจะรีบจัดการบาดแผลอย่างรวดเร็ว มีรอยแส้มากมายอยู่ตรงหน้าอก แผ่นหลัง และบนใบหน้า ล้วนแต่ลึกลงสู่ผิวหนัง มองดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวและโหดร้าย ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกายอยู่ทางนี้นั้น ก็ก่นด่าสาปแช่งเซียวหลินเทียนไปพลาง สาปแช่งให้เขาไม่ได้ตายดี ขาดลูกหลานสืบสกุล... เมื่อคำด่า “ขาดลูก” สองคำนี้ออกมา ก็คิดถึงเสี่ยวเมาที่ปกป้องตนจนไม่อาจสาปแช่งต่อไปได้ เธอไม่ได้หวังให้เสี่ยวเมาตายไป! บาดแผลของหลิงอวี๋เพิ่งจะใส่ยาลงไป ขณะที่กำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังลอยมา เ
หลิงอวี๋คิดที่จะหยิบเครื่องมือและยาเพื่อไปช่วยรักษาเสี่ยวเมา ทว่าประตูห้องใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นในทันที นางรับใช้แม่นมที่อยู่ด้านนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ หลิงอวี๋จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงแต่สงบนิ่งรอคอยเวลา พ่อบ้านฟั่นด้านนอกนั้นถูกแม่นมลี่ถามไถ่จนรู้สึกรำคาญใจ จึงใช้เท้าเตะแม่นมลี่ แล้วเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาไร้ปรานี “ไสหัวไป สุนัขดี ๆ จะต้องไม่มาขวางทาง” เมื่อหลิงอวี๋มองออกไป ก็พบว่าแม่นมลี่ถูกผลักจนล้มลงบนพื้นอย่างแรง ดูเหมือนว่า แม่นมลี่เองก็คงจะถูกแส้หวดมาก่อน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง บนใบหน้ายังมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อย... “แม่นมลี่ เจ้าอย่ามามัวเสียเวลาอีกเลย รีบจัดการเก็บกวาดอยู่ในเรือนบุหงาเสียดี ๆ เถิด!” นางรับใช้ที่ดูหยิ่งยโสคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าของแม่นมลี่ เอ่ยออกมาอย่างได้ใจ “พ่อบ้านฟั่นได้เลื่อนขั้นให้ข้าเป็นนางรับใช้ใหญ่แล้ว ต่อไปทุกคนในเรือนบุหงาจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้า” “ท่านอ๋องทรงรับสั่งมาแล้วว่า หากพวกเจ้ายังจะไม่เชื่อฟัง ข้าก็มีอำนาจทีจะทุบตีพวกเจ้าจนตายได้!” “หลิงผิง เจ้าเป็นนางรับใช้ข้างกายของพระชายา สัญญาทาสยังอยู่ในมือของพระชายา เจ้าม
หลิงอวี๋ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนหลุมธรรมดา มีตะเกียงน้ำมันแสงสลัวแขวนอยู่บนกำแพงดินเก่า ๆ ส่วนเสี่ยวเมาที่นอนข้างกายเธอนั้น อาการบาดเจ็บก็สาหัสมากยิ่งขึ้น! หลิงอวี๋รู้สึกได้ว่าเจ็บปวดตรงหน้าอก นี่เป็นความรู้สึกของเสี่ยวเมาที่เธอรับรู้ได้! หลิงอวี๋คุ้นชินกับความรับรู้ที่เหนือธรรมชาติของตนเองได้แล้ว จึงได้คลานไปอย่างต้องการจะช่วยเสี่ยวเมาตรวจอาการอีกสักครั้ง ในเวลานี้ เธอได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันอยู่ด้านนอก น้ำเสียงดูเขินอาย “พี่หลิงหลาน พี่ช่วยไปขอร้องพี่หลิงผิง ให้นางช่วยตามหมอมาให้กับคุณชายน้อยและแม่นมลี่ทีเถิด! แม่นมลี่อายุมากแล้ว นางไม่มีทางทนได้!” หลิงหลานเอ่ยออกมาด้วยความโมโห “แม่นมลี่และข้าถูกเจ้าหมูโง่นั่นทำให้ลำบากแล้ว ต่างก็ถูกเฆี่ยนกันคนละสามสิบครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของข้าล้วนแต่เต็มไปด้วยบาดแผล! จะมีหมอที่ไหนมาดูพวกเรากัน! ท่านหมอที่มีชื่อในเมืองหลวงล้วนแต่ถูกท่านอ๋องเรียกไปทางด้านของเฮยจื่อหมดแล้ว!” “ข้าเพิ่งจะได้ยินมาว่า หมอเหล่านั้นเองก็มิอาจทำอะไรกับอาการบาดเจ็บของเฮยจื่อได้เลย คุณชายเฮยจื่อหากว่าไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเราทั้งหมดคงจะต้องถ
“ข้าไม่เชื่อว่าโลกกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีสักคนที่จะสามารถช่วยเหลือเฮยจื่อได้!” “ออกไปตามหามาให้ข้า! ของเพียงแค่ช่วยชีวิตเฮยจื่อเอาไว้ได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!” เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เมื่อมองเห็นลมหายใจของเฮยจื่อขาดช่วง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ มีท่านหมอหลายคนที่พากันถอดใจไปแล้ว ต่างก็หาคำอ้างเพื่อทูลลา เมื่อเห็นว่าท่านหมอพากันจากไป เซียวหลินเทียนเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้อีก ตบลงบนที่พักแขนของรถเข็นคำรามด้วยความกรุ่นโกรธขึ้นมา “กลุ่มคนเศษสวะ!” ลู่หนาน ทหารองค์รักษ์ที่มีใบหน้าเหลี่ยมคิ้วหนาดวงตาโตที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้น เขาติดตามเซียวหลินเทียนมาหลายปี ลักษณะนิสัยดูสงบนิ่ง จงรักภักดีต่อเซียวหลินเทียนอย่างมาก และได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนเป็นที่สุด เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา จึงทำได้เพียงฝืนตนกล้าเดินก้าวออกมา เอ่ยอย่างลำบากใจ “ท่านอ๋อง หมอที่มีชื่อในเมืองหลวงพวกเราต่างก็หากันมาแล้ว เฮยจื่อคราวนี้ เกรงว่าคงไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว...” “ท่านอ๋อง...ข้าจะไปจับตัวหญิงสาวคนนั้นมา ให้นางได้ชดใช้ชีวิตให้กับเฮยจื่อ!” ชิวเฮ่า
เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนจ้องมองที่ขวดยาของเธอ หลิงอวี๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การเปิดเผยในคราวนี้ นางใคร่ครวญมาอย่างดีแล้ว ขอเพียงแค่ทำให้เซียวหลินเทียนตกตะลึงก่อนเท่านั้น นางจึงจะมีโอกาสช่วยเฮยจื่อได้! ขณะที่หลิงหยูเงยหน้าขึ้นอย่างมั่นใจ ทันใดนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า ขวดยาถูกชิวเฮ่าแย่งไปแล้ว ชิวเฮ่าวิ่งกลับไปที่ด้านข้าง เซียวหลินเทียนเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก่อนจะส่งขวดยาให้อย่างภาคภูมิใจ "ท่านอ๋อง ข้าได้รับยาลับมาแล้ว รีบไปช่วยเฮยจื่อเถิดพ่ะย่ะค่ะ!" เซียวหลินเทียนยิ้มเย้ยหยันออกมา หยิบมันขึ้นมาและมอบให้กับหมอในตำหนัก ไป๋สือที่ติดตามเขามาหลายปี เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจะเข้าไปในห้อง หลิงอวี๋ก็กัดฟันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยาลับสามารถห้ามเลือดของเฮยจื่อได้เท่านั้น แต่ข้าได้ยินมาว่า ซี่โครงของเฮยจื่อหัก และเสียบเข้าไปในปอดของเขา ถ้าไม่ดึงซี่โครงออกมา เขาก็ยังคงตายไปอยู่ดี!” “หมอของพวกเจ้าจะช่วยได้หรือ? ถ้าไม่ ข้าจะรอเจ้ามาขอร้องข้า! เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะเจรจาเงื่อนไขด้วย!” “เฮยจื่อ เป็นเพราะเจ้าที่ทำร้ายเขา… เจ้ายังกล้าเจรจาข้อตกลงกับท่านอ๋องของพวกเรา
“ข้าคือหลิงอวี๋!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพี่หรงเปิดเผยสถานะตนออกมา ก็มิได้ปิดบังและยอมรับตามตรง“ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีสตรีมีครรภ์ที่สูญหายไป!”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หลิงอวี๋จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของตนออกไปด้วยนางมองไปทางพี่หรงอย่างคาดหวัง ในใจก็หวังจริง ๆ ว่าคนผู้นี้จะเป็นหลิงหรง!แม้ว่าหลิงอวี๋จะสุขสบายอยู่ในยุคนี้ราวกับปลาได้น้ำ แต่นางก็ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ตนเป็นคนยุคปัจจุบันเพียงผู้เดียวและกำลังดิ้นรนอยู่ในโลกที่มิได้เป็นของตน แม้ว่าจะมีคนใกล้ชิดเช่นเซียวหลินเทียนกับเซียวเยวี่ยและคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็มิอาจลบล้างความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไปได้!เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ หลิงอวี๋ก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันมากมาย การปรากฏตัวของหลิงหรงเป็นการชดเชยความโดดเดี่ยวนี้!เย่หรงขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋ ดวงตาคู่นั้นยิ่งมองก็ยิ่งดูคุ้นเคย แต่เขาจำมิได้จริง ๆ ว่าตนเคยเจอคนผู้นี้มาก่อน!นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากแดนปีศาจมาที่ใต้หล้านี้ เขากล้ารับประกันเลยว่า เขามิเคยเห็นใบหน้านี้ในแดนปีศาจเช่นกัน“พี่หรง ท่านรู้จักนางหรือ?”หยางหงหนิงเอียงตัวมาปิดกั้นการมองของเย่หรงที่มองหลิงอว
“คุณหนูมิได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่เรือนลั่วเฟิ่งด้านบน พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะพาพวกท่านไป!”หนานฮุ่ยวิ่งกลับไปบอกนางรับใช้อีกคนแล้ววิ่งออกมาตอนนี้หลิงอวี๋รู้แล้วว่า คนที่สี่ที่อยู่ข้างในนั้นคือคนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเฉียวเค่อก็มิได้ถามอะไร แล้วพาคนของตนตามหนานฮุ่ยขึ้นไปบนภูเขาเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพวกเขาไปไกลแล้ว นางก็ขยับไปอยู่ตรงหน้าพี่หรงอย่างทนมิไหวแล้วเอ่ยเบา ๆ “เสี่ยวหรง นี่พี่หลิงอวี๋เอง นายก็เจอเรื่องเหมือนกับพี่ใช่ไหม?”พี่หรงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างประหลาดใจแล้วจ้องมองหลิงอวี๋อย่างระมัดระวังหลิงอวี๋เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็รู้สึกหดหู่ในใจ หรือว่าตนคิดผิดไป คนผู้นี้มิใช่หลิงหรง!มิฉะนั้นแม้ว่าหลิงหรงจะมิรู้จักใบหน้านี้ของตน แต่ก็ไม่มีทางที่จะมิแยแสกับชื่อหลิงอวี๋!“พี่หรง เราควรตามพวกเขาไปหรือไม่? เฉียวเค่อผู้นั้นจะต้องเป็นพวก…”สตรีที่พูดก่อนหน้านี้วิ่งออกมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงต่ำแต่เมื่อพี่หรงก้าวออกไปจ้องมองนาง เสียงของนางก็หยุดชะงักไปหลังจากนั้น หลิงอวี๋ก็เดินตามออกมาจากที่ซ่อนเช่นกันหลิงอวี๋มองเห็นรูปลักษณ์ของสตรีที่พูดได้อย่างชัดเจนเห็นใบหน้ารูปไข่สี
ชั่วครู่หนึ่งหลิงอวี๋คิดจะล่าถอยไป แต่ที่ด้านหลังของนางล้วนเป็นพุ่มไม้ เป็นไปมิได้ที่นางจะล่าถอยโดยมิถูกพบบุรุษที่พุ่งเข้ามานั้นเร็วมาก เขาคือพี่หรงที่พูดจาสงบผู้นั้นทันทีที่เขาพุ่งมาถึงที่ที่หลิงอวี๋ซ่อนตัวอยู่ก็พบว่ามีคนซ่อนตัวอยู่แล้วหนึ่งคนพี่หรงยกฝ่ามือขึ้นทันที คิดจะโจมตีหลิงอวี๋ที่อยู่ในความมืดหลิงอวี๋รู้สึกถึงอันตรายอยู่ครู่หนึ่ง กำลังคิดจะลงมือโดยมิสนใจสิ่งใดแล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษผู้นั้นที่แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาใบหน้านั้นราวกับแกะสลัก หล่อเหลาไร้ที่ติริมฝีปากบางมีความดูถูกเหยียดหยามและเยือกเย็นอยู่เล็กน้อย ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์ และมีแสงสีเขียวเข้มประหลาดสะท้อนออกมาด้วย...เหตุผลหลักที่หลิงอวี๋มิลงมือก็เพราะว่า ใบหน้าของบุรุษผู้นี้เหมือนกับหลิงหรงลูกพี่ลูกน้องของตนในยุคปัจจุบันทุกประการนอกจากปู่แล้วหลิงหรงเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด เพียงแต่หลิงหรงอายุเพียงสิบห้าก็มาหายตัวไปมิพบตัวและมิพบศพเพราะไปปีนเขาแล้วเกิดอุบัติเหตุตกลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งตอนนั้นหลิงอวี๋ตามหาอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแต่ก็มิพบหลิงหรงต่อมาในเวลาว่างก็มักจะ
ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง พวกหลิงอวี๋ก็รีบไปที่ภูเขาสัตตะสมบัติที่ตั้งของศาลบูรพกษัตริย์ภูเขาสัตตะสมบัติแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านและอยู่กลางภูเขาเพราะเป็นสถานที่ที่เหล่าสนมมาบำเพ็ญเพียรกันในสมัยโบราณ จึงมีขนาดใหญ่มาก แบ่งออกเป็นลานเล็ก ๆ สิบกว่าแห่ง รวมแล้วมีอยู่หลายร้อยเรือนก่อนที่หลิงอวี๋จะมาที่นี่ นางได้พบภาพวาดการก่อสร้างศาลบูรพกษัตริย์ในตอนแรก และได้ศึกษารูปแบบของศาลบูรพกษัตริย์และภูเขาสัตตะสมบัติมาแล้วนาง ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็ได้ข้อสรุปมาอย่างหนึ่งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาศัยการปิดบังของเหล่าสนมที่ศาลบูรพกษัตริย์ทำการบำเพ็ญตนที่นี่ เช่นนั้นเพื่อมิให้พวกนางตกใจแล้วเปิดเผยเรื่องที่ตนนำคนมาบำเพ็ญตน ที่พักอาศัยของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงเลือกได้เพียงแค่เรือนที่อยู่ห่างไกลเท่านั้นลานเล็ก ๆ หลายแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไปที่ภูเขาด้านหลังน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเมื่อพวกหลิงอวี๋มาถึงตีนเขาก็แยกกันไปสามทาง แต่ละคนก็พาคนของตนไปสำรวจตามลานเล็ก ๆ เหล่านั้นหลิงอวี๋ออกมาคราวนี้พาเถาจื่อ หานเหมย สุ่ยหลิงและหานอวี้มาด้วย นางให้หานเหมยไปกับฉินซาน หานอวี้ไปกับเผยอวี้ ส่วนตนก็พาเถาจ
หลิงอวี๋สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “แม่นม จากที่ท่านบอก เช่นนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารคนไปมากมายถึงเพียงนี้ อาการบาดเจ็บภายในของนางก็ฟื้นตัวดีแล้วใช่หรือไม่?”“นางได้บรรลุดินแดนที่หกไปสู่ดินแดนที่เจ็ดแล้วด้วยหรือไม่?”แม่นมอูเม้มปาก “เรื่องนี้มิอาจบอกได้ บ่าวมิเข้าใจวิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายเหล่านั้น บางทีอาการบาดเจ็บภายในของนางอาจจะหายแล้ว! แล้วยังบรรลุดินแดนที่เจ็ดหรืออาจจะสูงกว่านั้นแล้วเพคะ!”“เหตุผลที่วิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายสามารถดึงดูดผู้บำเพ็ญตนให้ละทิ้งวิธีบำเพ็ญที่ถูกต้องไปได้ก็คือ มันสามารถทำให้พัฒนาการบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นจะมีคนเลือกใช้วิธีที่เสี่ยงต่อการเป็นปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร!”เหงื่อเย็นไหลออกมาที่หลังของหลิงอวี๋หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบรรลุเข้าสู่ดินแดนที่เจ็ดหรือแปดอย่างรวดเร็วดังเช่นที่แม่นมอูบอก เช่นนั้นนางกับแม่นมอูรวมถึงขันทีโม่ก็ล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!“ข้าจะไปสอบสวนดูก่อนสักหน่อยแล้วกัน!”ในสถานการณ์ที่ยังมิรู้แน่นี้ หลิงอวี๋มิกล้าให้แม่นมอูและคนอื่น ๆ ตกอยู่ในอันตรายไปกับตนได้นางเรียกเผยอวี้กับฉินซานมาแล้วเล่าเรื่องนี้ให้พวก
หลิงอวี๋ใช้เครื่องยาสมุนไพรที่ขันทีโม่ให้มาสกัดเป็นยาอายุวัฒนะอันล้ำค่าหลายเม็ด นางมิได้กินไปทั้งหมด เมื่อเห็นว่าขันทีโม่ได้รับบาดเจ็บเพราะหาเครื่องยาสมุนไพรให้ตน ก็ให้ยาแก่ขันทีโม่สองเม็ดเพื่อช่วยเขาฟื้นคืนพลังหลิงอวี๋ให้ยาสองเม็ดกับแม่นมอูด้วยเช่นกัน ครานี้แม่นมอูพลังอ่อนแอลงมากเพราะช่วยชีวิตนาง หลิงอวี๋รู้สึกขอบคุณนางมากยาอายุวัฒนะที่สกัดมาอย่างยากลำบากในครั้งนี้ แม้ว่าหลิงอวี๋จะเหลือมิมากนัก แต่โชคดีที่ขันทีโม่มิเพียงแต่หาเครื่องยาสมุนไพรมาให้นางเท่านั้น แต่ยังนำต้นกล้าสมุนไพรมาให้หลายต้นด้วยหลิงอวี๋ปลูกไว้ในมิติและรอให้เติบโตจนนำมาใช้ได้ ก็จะได้เครื่องยาสมุนไพรมากขึ้นอีกแต่เพียงมิกี่วันหลังจากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าอยู่อย่างสงบ ในหมู่บ้านใกล้เมืองหลวงก็เกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นเริ่มแรกคือมีบุรุษวัยกลางคนหายตัวไปอย่างไร้เหตุผล จากนั้นสตรีมีครรภ์หลายคนก็หายตัวไปอีกสิ่งนี้ทำให้คนในหมู่บ้านเหล่านั้นต่างก็ตื่นตระหนกกัน บางคนบอกว่ามีปีศาจภูเขากินคน และบางคนก็บอกว่าบนภูเขาใกล้เคียงนี้มีหมาป่าอยู่แม่ทัพเฉินรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของเมืองหลวง ขุนนางและผู้ใหญ่บ้านของที่ว
“สังหารเขา… สังหารเขา!”การกระทำที่น่ารังเกียจของพวกจ้าวฮุยกระตุ้นให้เกิดความมิพอใจ ทหารเหล่านั้นต่างกล่าวโทษจ้าวฮุยด้วยความโกรธเกรี้ยวจ้าวฮุยถูกก้อนหินกระแทกจนเลือดออกที่หัวเขามิเคยรู้สึกอับอายเยี่ยงนี้มาก่อนในชีวิตไม่มีข้อแก้ตัว และมิสามารถแก้ตัวได้ด้วยเขาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังลั่นแล้วตะโกนออกมาอย่างเต็มที่ “ฝ่าบาท แม้ว่ากระหม่อมจะมีความผิด แต่ก็ต้องไต่สวนให้ชัดเจนก่อนจึงจะตัดสินโทษได้พ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทจะให้คนเหล่านี้ใส่ร้ายและทุบตีกระหม่อมจนตายเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“หากจะให้กระหม่อมตายไปเช่นนี้ กระหม่อมมิอาจยอมได้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนประทับใจในความสามารถต่อต้านอย่างดื้อรั้นของจ้าวฮุยจริง ๆ ถูกกล่าวหาชี้ตัวเช่นนี้แล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าตนไม่มีความผิดเขาคิดว่าเมื่อถูกพาตัวกลับไปเมืองหลวงแล้ว เขาจะใช้อำนาจของตระกูลจ้าวพลิกสถานการณ์ได้หรือ?“คุมตัวพวกเขากลับเมืองหลวงก่อน!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเยาะเย้ย ในเมื่อจ้าวฮุยรู้สึกว่ายังมีความหวัง เช่นนั้นเขาจะให้จ้าวฮุยกอดความเพ้อฝันกลับเมืองหลวงแล้วกัน!ถึงเวลานั้น ให้ทุกคนในตระกูลจ้าวและทุกคนในใต้หล้าเห็นใบหน้าของจ้า
ในการประลองครานี้องค์ชายอิงพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และข้อเท้าข้างหนึ่งของเขาก็หักด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพขององค์ชายอิงรีบพาตัวจ้าวฮุยออกมาอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะได้ตัวองค์ชายอิงกลับมาเมื่อครู่จ้าวฮุยเห็นองค์ชายอิงถูกเซียวหลินเทียนโจมตีจนพ่ายแพ้ก็กังวลขึ้นมา คราวนี้เขาวางแผนไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ เขาจะยินดีได้อย่างไร!แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า แม้เขามิยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่มีแรงที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้!จ้าวฮุยรู้สึกท้อแท้อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสงบใจลงได้ ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ก็มีโอกาสเริ่มใหม่อีกครั้งเขาสัมผัสยาที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้มาในอ้อมแขน และรอระหว่างทางกลับจะหาโอกาสใช้มันกับเซียวหลินเทียน เช่นนี้ตนก็มินับว่าแพ้แล้วองค์ชายอิงถูกองครักษ์พยุงให้ลุกขึ้นยืน เขาเหลือบมองจ้าวฮุยอย่างเย็นชาก่อนจะหันไปหาเซียวหลินเทียนพลางเอ่ย“จักรพรรดิเซิ่งอู่ ข้าแพ้การประลอง ข้าจะรักษาสัญญาทำการคืนอัครเสนาบดีจ้าวและคนของเขากลับไปให้หมด!”“ปล่อยพวกเขาไป!”จ้าวฮุยเหลือบมององค์ชายอิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนแล้วเดินไปพร้อมกับคนของตนลู่หนานและพวกองครักษ์ยืนอยู่ข้างหลังเซียวหลินเทียน ท่าทางราวกับ
ในหัวองค์ชายอิงคิดอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ยินเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิอดทน “องค์ชายอิง ข้าเคารพเจ้าในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าอย่าได้แพ้แล้วมิยอมรับเลย!”องค์ชายอิงมิสามารถแยกแยะเจตนาที่แท้จริงของเซียวหลินเทียนได้ จึงตะโกนอย่างโหดร้าย “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”เซียวหลินเทียนยิ้ม แล้วยกง้าวมังกรเขียวขึ้นมาพลางตะโกน “องค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือยอมแพ้แล้ว!”“กี๊ก ๆ…”ขณะที่ทุกคนในฉินตะวันตกรู้สึกเสียดายที่เซียวหลินเทียนมิสามารถสังหารองค์ชายอิงได้ทันเวลา เสียงร้องของนกเหยี่ยวก็ดังมาจากท้องฟ้าทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปแล้วก็เห็นนกเหยี่ยวสีดำขนาดใหญ่ขององค์ชายอิงโฉบลงมาจากที่สูง แล้วพุ่งเข้าใส่เซียวหลินเทียนปีกของเฮยอิงพัดพาลมแรงไปทางเซียวหลินเทียน คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เซียวหลินเทียนตกลงจากหลังม้านกที่ดุร้ายเช่นนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย หากถูกมันฟาดเข้า เซียวหลินเทียนมิตกจากม้าก็ต้องถูกฟาดได้รับบาดเจ็บเซียวหลินเทียนไหนเลยจะถูกมันฟาดบาดเจ็บได้ เขาเหวี่ยงง้าวมังกรเขียวกระแทกพลังใส่เฮยอิงกระเด็นไปแต่เฮยอิงตัวนี้ทรงพลังมากจริง ๆ มันเอียวงตัว หมุนครึ่งวงกลมกลางอากาศ แล้วหันกลับไปโจมตีเซียวหลินเทียน