มิเพียงแต่หลิงอวี๋ที่กลุ้ม ท่านอดีตเสนาบดีเองก็โกรธมาก หลิงเสียงกังยังมิทันจะเดินลงพื้นได้ ท่านอดีตเสนาบดีก็ได้ยินเขาบอกว่าจะตามนางซุนไปที่บ้านเกิด จึงพุ่งเข้าไปด่าหลิงเสียงกังที่เตียงผู้ป่วย“หลิงเสียงกัง นางซุนทำเรื่องเลวร้ายเอง นางรนหาที่ตายข้าก็ปล่อยนางไปแล้ว แต่เหตุใดเจ้าต้องตามนางไปด้วย?”“ข้าดูแลเจ้ามา ลำบากลำบนสอนสั่งเจ้ามา มิใช่เพื่อให้เจ้าทำให้เสียเปล่าเองเช่นนี้!”หลิงเสียงกังมองท่านอดีตเสนาบดีที่แก่ลงไปมากอย่างขมขื่น พลางเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษขอรับท่านพ่อ ลูกทำให้ท่านผิดหวัง!”“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า เจ้ามันอกตัญญูมิรู้คุณ...”ท่านอดีตเสนาบดีเอ่ยอย่างปวดใจ “เจ้าอายุยังน้อย วรยุทธ์ในกายยังสามารถทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้ เจ้าไปเช่นนี้จะมิใช่การชดใช้ แต่เป็นการหลบหนี!”“ตอนนั้นเหตุใดเจ้าถึงถูกถอดออกจากตำแหน่ง? ก่อนหน้ามิสามารถพูดให้ชัดเจนได้ ตอนนี้หลิงอวี๋ก็เป็นฮองเฮาแล้ว ขอเพียงเจ้าอยากพลิกคดี นางจะมิช่วยเหลือเจ้าหรือ?”“ตระกูลหลิงของเรามิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้ เจ้ามิคิดเพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องนึกถึงฮองเฮากับหลิงเสี่ยงบ้าง!”หลิงหว่านยืนอยู่ข้างเตียงเงียบ ๆ นางมิ
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลงไปกับการโกนหัวของนางซุนแล้ว!นางซุนใช้วิธีเด็ดขาดนี้มาตัดการแต่งงานครึ่งชีวิตของตนกับหลิงเสียงกังแล้วทิ้งหลิงหว่านกับหลิงเสียงกังไว้และสุดท้ายนางก็มิอาจต้านทานการเกลี้ยกล่อมของหลิงหว่านได้ จึงเลือกที่จะเป็นแม่ชีอยู่ที่อารามเล็ก ๆ ซึ่งห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้‘พิธีศพ’ ของนางซุน หลิงอวี๋ก็ออกจากวังมาร่วมงานด้วยในฐานะหลานสาวสำหรับการช่วยครั้งสุดท้ายของนางซุนที่มีต่อหลิงเสียงกังกับหลิงหว่าน ทำให้ความโกรธที่หลิงอวี๋มีต่อนางหายไปสำหรับนางซุน บทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าสบายใจเช่นกันแต่สำหรับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ หลิงเสียงกังกับหลิงหว่านล้วนมีเส้นทางยาวไกลที่ตนต้องเดินไป...หลิงเสียงกังสามารถลงมาเดินได้แล้ว จึงมาร่วมงานศพนางซุนโดยมีหลิงหว่านประคองมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้น เขาก็คุกเข่าให้หลิงอวี๋“ฮองเฮา เรื่องต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เป็นหลิงเสียงกังเองที่ผิด กระหม่อมเป็นหนี้นางซุนและทุกคน!”“กระหม่อมสมควรตาย แต่กระหม่อมตายมิได้ กระหม่อมต้องแสวงหาความยุติธรรมเพื่อชื่อเสียงของตนและแสวงหาความยุติธรรมให้แก่เหล่าทหารที่ติดตามกระหม่อมและต้องตายไปอย่างอยุติธรรม!”หล
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”