หลิงอวี๋เห็นความสามารถนี้ของหมิ่นกู ในใจพูดได้เลยว่าได้ของล้ำค่ามาแล้ว จึงใช้งานหมิ่นกูมากขึ้นตอนนี้ตำหนักอ๋องอี้ว่างเปล่าไปแล้ว เหลืออยู่เพียงคนเฝ้ายามและคนรับใช้มิกี่คนที่คอยดูแลอยู่ส่วนสี่สาวงามที่ฮองเฮาเว่ยได้ประทานมาให้นั้นก็เหลืออยู่เพียงจื่อผิงกับเนี่ยนจือหลังจากพิธีราชาภิเษกของเซียวหลินเทียน หลิงอวี๋ก็ส่งคนไปรับพวกนางสองคนเข้ามาในวังหากทำตามความคิดของเซียวหลินเทียน เขาก็จะมิยอมให้พวกนางเข้าวังหลิงอวี๋เองก็มิยอมเช่นกัน แต่มาคิดดูอีกที หลิงอวี๋จึงเป็นฝ่ายไปบอกกับเซียวหลินเทียนเอง“ตอนนี้ท่านเป็นจักรพรรดิแล้ว หากในวังมีเพียงหม่อมฉันผู้เดียวก็คงจะมิเข้าท่าเช่นกัน ไปรับจื่อผิงกับเนี่ยนจือเข้าวังเถิดเพคะ!”จักรพรรดิองค์ใดบ้างที่ไม่มีภรรยาหลายคน แค่พวกนางสามคนนี้ยังมิพอด้วยซ้ำ!หลิงอวี๋เชื่อว่าต่อให้เซียวหลินเทียนมิต้องการ แต่ผ่านไปอีกหลายวันจากนี้ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นจะต้องโน้มน้าวให้เซียวหลินเทียนเลือกสนมเข้าวังเป็นแน่หลิงอวี๋มิสามารถจินตนาการได้เลยว่า ตนจะต้องปรนนิบัติบุรุษผู้เดียวร่วมกับสตรีจำนวนมากเหล่านั้น ตอนนี้นางมิพูดอะไร รอดูเซียวหลินเทียนว่าถึงเวลา
การไว้ทุกข์จักรพรรดิเพิ่งจะผ่านพ้นไป ดังนั้นบรรดาคุณหนูที่มาในวังจึงล้วนแต่งกายอย่างงดงามและสุภาพกัน หลิงอวี๋เองก็เช่นกัน นางสวมชุดกระโปรงสีขาวลายพระจันทร์ และด้านนอกก็คลุมด้วยเสื้อคลุมที่ทำมาจากขนสุนัขจิ้งจอกแม้ว่าอากาศจะหนาวมาก แต่พอทำงานยุ่ง ๆ ไปก็มิรู้สึกว่าหนาวเลยไท่เฟยเส้ากับไทฮองไทเฮากำลังช่วยต้อนรับสตรีบรรดาศักดิ์อยู่ เหล่าองค์หญิงที่รู้ความหลายคนก็มาช่วยเช่นกันเซียวทงตามติดไทฮองไทเฮา นางเป็นใบ้ไปแล้วมิสามารถพูดได้จึงยืนฟังอยู่ด้านข้างเงียบ ๆสตรีบรรดาศักดิ์บางคนยังมิรู้เรื่องที่เซียวทงเป็นใบ้ เมื่อเห็นว่าองค์หญิงที่เย่อหยิ่งในอดีตกลับเงียบสงบในวันนี้ก็ค่อนข้างแปลกใจวันนี้สตรีบรรดาศักดิ์เหล่านี้ล้วนพาบุตรีของตนมาด้วยแม้ว่าจะมิสามารถแต่งตัวอย่างสวยงามได้ แต่คุณหนูแต่ละคนก็ใส่ใจในการแต่งตัวกันหลังจากจักรพรรดิเซิ่งอู่ขึ้นครองบัลลังก์ ที่วังหลังก็มีเพียงแค่หลิงอวี๋กับกุ้ยเหรินอีกสองคน ดังนั้นขอเพียงพวกนางแสดงออกอย่างดีก็จะมีโอกาสได้กลายเป็นนางสนมของจักรพรรดิองค์ใหม่เหล่าคุณหนูและสตรีบรรดาศักดิ์เหล่านี้ห้อมล้อมกันอยู่ตรงหน้าไทฮองไทเฮากับไท่เฟยเส้าและต่างก็พยายามเอาใจท
ทางด้านเผยอวี้ หลังจากเขียนอักษรไปได้สองอันอย่างดูสนุกสนานแล้วก็ไปนั่งพักอยู่ด้านข้างหางตาของขันทีคนหนึ่งมองมาเห็นว่าที่บนโต๊ะของเขาไม่มีถ้วยชาจึงวิ่งมารินน้ำชาให้เขาอย่างเอาใจ ทั้งยังยกพวกขนมมาให้ด้วยเผยอวี้ยิ้มออกมา ขันทีน้อยผู้นี้ดูท่าทางมีไหวพริบ พอหยุดรินชาก็สังเกตสีหน้าท่าทางด้วยเขาจิบชาและกินของว่างเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าขุนนางกลุ่มหนึ่งมีท่าทีเอาอกเอาใจเซียวหลินเทียนก็รู้สึกเพียงว่าสนุกดีหลังจากดื่มชาไปสองถ้วย เผยอวี้ก็รู้สึกว่ามิค่อยสบาย ดูเหมือนว่าในโถงนี้จะมีคนมากเกินไปจึงค่อนข้างร้อนอบอ้าวเผยอวี้จึงลุกขึ้นออกไปข้างนอก“แม่ทัพเผย จะไปห้องน้ำหรือขอรับ? ทางนี้ขอรับ!”ขันทีน้อยที่รินน้ำชาให้เผยอวี้เมื่อครู่ก้าวเข้ามาอย่างเอาใจใส่พลางเอ่ยเผยอวี้ได้ยินเขาเอ่ยดังนั้นก็รู้ว่าอยากไปห้องน้ำสักหน่อยจึงให้ขันทีน้อยนำทางไปห้องน้ำหลังจากจัดการปัญหาทางร่างกายเสร็จแล้วก็ออกมา แต่เผยอวี้ก็ยังรู้สึกมิดีอยู่ ยิ่งเวียนหัวมากขึ้นอีก หรือว่าจะป่วย?“แม่ทัพเผย ท่านมิสบายหรือ? บ่าวพยุงท่านไปพักผ่อนสักครู่นะขอรับ!”ขันทีน้อยก้าวเข้ามาพยุงเขาอย่างกระตือรือร้นเผยอวี้รู้สึกว่าค่อนข้า
เผยอวี้นอนอยู่บนเก้าอี้อย่างสะลึมสะลือ เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกผลักออกแว่ว ๆ ก็คิดว่าลู่หนานมาแล้วจึงโวยวายออกไป“ลู่หนาน ข้าคิดว่าถูกคนวางอุบายใส่ข้าแล้ว! เจ้ารีบไปเอายาแก้จากพระชายาองค์รัชทายาทมาให้ข้าที!”ร่างกายของเผยอวี้ร้อนดั่งไฟ และคลื่นความร้อนก็ทำให้เขาแทบจะทนมิไหวแล้วต่อให้โง่แค่ไหนเขาก็รู้ว่าตนถูกวางอุบายใส่เผยอวี้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ลู่หนาน ตอนนี้มีเพียงลู่หนานเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือตนได้ มิเช่นนั้นหากตนขาดสติแล้วทำสิ่งใดไปจะมิใช่เพียงแค่ตนเองที่อับอาย แต่เซียวหลินเทียนก็จะมิสามารถพูดอะไรเพื่อตนได้ด้วยคนที่อยู่ตรงประตูมิตอบรับใด ๆ เผยอวี้ได้ยินเพียงเสียงตุบดังขึ้นมาราวกับว่ามีสิ่งของอะไรบางอย่างถูกโยนเข้ามา จากนั้นประตูก็ปิดไปอีกครั้ง“ลู่หนาน เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่? ข้าถูกคนวางอุบายใส่!”เผยอวี้ทั้งร้อนใจทั้งโกรธ มองเห็นอยู่ราง ๆ ว่ามีร่างคนอยู่ที่พื้น เขายันตัวลุกขึ้นพลางเอ่ยอย่างมิพอใจ “เจ้าพูดสิ!”“หากเจ้ายังมิช่วยไปตามคนมาให้ข้า ข้าจะต้องแย่แน่!”คนผู้นั้นก็ยังมิพูดจาอีก เผยอวี้จึงเดินโซเซเข้าไปหาแต่เขาเวียนหัวมากจึงควบคุมแรงได้มิดี เผยอวี้จึงเ
คนผู้นี้จะเป็นใครไปได้ นอกเสียจากไท่เฟยเส้าแล้วหลิงอวี๋ก็นึกถึงคนอื่นมิได้แล้ว!วันพรุ่งจะเป็นพิธีแต่งตั้งฮองเฮา หากวันนี้ปล่อยข่าวออกไปว่าตนกับเผยอวี้ลักลอบมีความสัมพันธ์กัน จะมิได้มีเพียงตนเองที่จะถูกลงโทษ แต่ท่านอดีตเสนาบดีเองก็จะแย่ไปด้วย!เผยอวี้เองก็เช่นกัน!การกระทำนี้ของไท่เฟยเส้าคิดจะทำลายตนจากการเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังของเซียวหลินเทียน!และไท่เฟยเส้าก็เกรงว่า แผนการจะล้มเหลวจึงสั่งให้คนสังหารเซียวทงด้วย การทำสองอย่างพร้อมกันเช่นนี้ ต่อให้พวกเขารอดพ้นให้เรื่องที่หนึ่งก็มิอาจรอดพ้นเรื่องที่สองได้!“เผยอวี้ ข้าจะอยู่ที่นี่มิได้!”ในตอนนี้หลิงอวี๋ไม่มีเวลาตรวจว่าเซียวทงตายได้อย่างไร นางรู้เพียงว่านางมิสามารถอยู่ที่ให้ถูกจับในที่เกิดเหตุได้“เจ้าออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง! ข้าจะถ่วงเวลาคนที่อยู่ด้านหน้าไว้เอง!”เผยอวี้ก็ครุ่นคิดและตัดสินใจในทันที“อืม เจ้ารับมือสถานการณ์ไปก่อน วางใจได้ ข้าไม่มีทางให้พวกเขาตัดสินโทษเจ้าแน่นอน!”หลิงอวี๋เอายาแก้จากในมิติออกมาส่งให้เผยอวี้ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็ตกหลุมพรางเช่นนี้ หลิงอวี๋แค่ดูสีหน้าของเผยอวี้ก็รู้แล้วว่าเขาก็ตกหลุมพรางในแบ
“เหตุใดพระชายาองค์รัชทายาทจึงไร้เหตุผลเช่นนี้เล่า นางรู้หนังสือและมีมารยาทดีแท้ ๆ มิน่าจะประหารเจ้าเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้กระมัง!”ไท่เฟยเส้ายิ้มพลางเอ่ย “ไทฮองไทเฮาให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ เจ้าอย่าได้กลัวเลย ให้พวกเราเข้าไปเถิด!”หลิวเจินลังเลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไทฮองไทเฮาเองก็อยู่ด้วยจึงโค้งคำนับแล้วหลีกทางให้ไทฮองไทเฮามองไท่เฟยเส้าโดยมิพูดอะไร นี่จะเล่นละครอะไรให้ตนกับพวกสตรีบรรดาศักดิ์ดูอีก?อย่าได้มุ่งเป้าไปยังหลิงอวี๋เชียวนะ!ไทฮองไทเฮากำลังคิดที่จะปกป้องหลิงอวี๋ แต่ข้างในกลับมีเสียงกรีดร้องดังออกมา จากนั้นนางกำนัลผู้หนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมา เมื่อเห็นว่ามีคนหมู่มากอยู่ก็ตกใจจนเข่าทรุดร้องไห้ออกมายกใหญ่“ไทฮองไทเฮา ไท่เฟย แย่แล้วเพคะ องค์… องค์หญิงหก… นางถูกแม่ทัพเผยกับพระชายาองค์รัชทายาทปลงพระชนม์แล้วเพคะ!”“ว่ากระไรนะ?”ไทฮองไทเฮาใจกระตุกไปทันที สีหน้าก็ซีดไปเลย เซียวทงตายแล้วหรือ?“จะเป็นไปได้อย่างไร!”ไท่เฟยเส้าเห็นว่าสถานการณ์เป็นตามแผนที่ตนวางไว้ก็ดีใจ แต่ภายนอกกลับดุด่าอย่างตื่นตระหนก “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด!”“องค์หญิงหกจะถูกแม่ทัพเผยกับพระชายาองค์รัชทายาส
“ด้านใน...”ไท่เฟยเส้าชี้ออกไปราวกับว่าเห็นเป็นเรื่องสกปรกที่มิอาจเอ่ยออกมาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากถึงเพียงนี้ได้ จึงหันไปเอ่ยกับฟางเอ๋อร์ “เจ้ารายงานองค์จักรพรรดิสิ!”ฟางเอ๋อร์คุกเข่าลงกับพื้นแล้วเล่าเรื่องที่บอกกับไท่เฟยเส้าและทุกคนเมื่อครู่ไปอีกรอบยังมิทันจะสิ้นเสียงนาง ขุนนางเหล่านั้นก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันทีพวกเขายังมิทันได้พูดอะไร อันเจ๋อก็ตะคอกออกมาอย่างร้อนใจเสียก่อน “พูดจาเหลวไหล! แม่ทัพเผยกับพระชายาองค์รัชทายาทมิใช่คนเช่นนี้ พวกเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!”ฉินซานเองก็สีหน้าเรียบเฉยไปเช่นกัน เขามิเชื่อว่าเผยอวี้กับหลิงอวี๋จะแอบนัดพบกันแต่ยังมิทันที่เขาจะได้พูดอะไร ใต้เท้าวางที่เป็นพวกของจ้าวฮุยก็ตะโกนขึ้นมา “แม่ทัพอัน เจ้าจะช่วยเขาพูดบิดเบือนความจริงไปเพราะว่าเจ้าเป็นสหายของเผยอวี้มิได้กระมัง!”“หญิงชายชู้ล้วนติดอยู่ข้างในกันทั้งคู่เช่นนี้จะผิดพลาดได้หรือ?”“ฝ่าบาท ให้คนไปคุมตัวพวกเขาออกมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กล้าทำเรื่องผิด ๆ ในวังเช่นนี้ ทั้งยังทรยศฝ่าบาทอีก นี่เป็นความผิดขั้นร้ายแรงมากแล้ว ยังจะกล้าสังหารคนอื่นเพื่อปิดปากอีก ความผิดนี้มิอาจให้อภัยได้เลย! ควรตัดสินประหา
ความเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้านั้นคนอื่นอาจจะมิได้สังเกต แต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นได้เขาจึงยิ่งมั่นใจเลยว่าเรื่องวุ่นวายในวันนี้หนีมิพ้นสองคนนี้อย่างแน่นอนความโกรธในใจของเซียวหลินเทียนก็ยิ่งพุ่งสู่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ตนเป็นอ๋องอี้ พวกคนเลวทั้งหลายเหล่านี้ก็เปลี่ยนสารพัดวิธีมาลอบสังหารและใส่ร้ายเขาและภรรยาตอนนี้ตนเป็นจักรพรรดิแล้ว พวกเขาก็ยังมิลดละ ยังคิดที่จะใช้วิธีที่มิอาจให้คนอื่นรับรู้ได้เหล่านี้มาจัดการพวกเขาอีกนี่เห็นว่าตนรังแกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?ได้เลย วันนี้เขาจะทำให้คนพวกนี้เห็นความร้ายกาจของตน!“ไท่เฟยเส้า ท่านแน่ใจหรือว่า คนที่อยู่ข้างในคือแม่ทัพเผยกับพระชายาองค์รัชทายาทจริง ๆ?”เซียวหลินเทียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา“ไท่เฟยเส้า คิดให้ดีแล้วค่อยตอบ มิเช่นนั้นท่านเองจะถูกลงโทษไปด้วยเช่นกัน! หากข้าตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าเป็นการใส่ร้ายจะมิปล่อยไปง่าย ๆ แน่!”ไท่เฟยเส้าขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่ามีหลุมพรางอยู่ในคำพูดของเซียวหลินเทียน เพราะว่านางเคยดูแลวังหลังมา นางรู้ว่าในทุกเรื่องจะต้องเหลือทางหนีทีไล่ให้ตนไท่เฟยเส้าจึงทำเป็นเอ่ยอย่างลังเล “ฝ่าบาท