Share

บทที่ 378  

Author: ฉินอันอัน
ฉู่กั๋วกงกำลังรอคอยเสียงนี้อย่างยิ่งยวด ครั้นพ้นออกจากวังหลวงแล้ว ก็กวักมือเรียกคนสนิทเข้ามา จากนั้นก็ออกคำสั่งด้วยเสียงแผ่วเบา

ส่วนพระชายาหลิ่วในยามนี้กำลังมององค์หญิงใหญ่ด้วยความประหลาดใจ

นางเดินทางกลับมาพร้อมลู่หมิงอันโดยตลอด ย่อมรู้ดีว่าลู่หมิงอันไม่ได้มีอาการความจำเสื่อมอะไร

บัดนี้องค์ใหญ่กลับตรัสเช่นนี้…

ทันใดนั้นองค์หญิงใหญ่พลันหันไปส่งสายตาให้พระชายาหลิ่ว

อีกด้านหนึ่ง ชีหยวนได้พบกับลู่หมิงอันแล้ว

นางมีเซียวอวิ๋นถิงเป็นผู้รับประกัน อีกทั้งยังมีสิ่งยืนยันที่ได้รับมาจากองค์หญิงใหญ่ กอปรกับเป็นบุตรีของชีเจิ้น การจะได้รับความเชื่อใจจากลู่หมิงอันมิใช่เรื่องยาก

ได้ฟังคำพูดของนางจบ ลู่หมิงอันจึงถามขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน: “ดังนั้น ยามนี้เจ้าต้องการเอาข้าไปขายหรือ”

ในเมื่อจงใจแพร่งพรายข่าวออกไปว่าเขา ‘ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว’ ต่อจากนี้หากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นแล้วพวกลู่หมิงฮุยจะต้องหาทางสังหารเขาให้ได้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดภัยในอนาคตแน่

สำหรับจุดนี้ ชีหยวนยอมรับอย่างตรงไปตรงมา: “ต้องขออภัยท่านราชบุตรเขยด้วย เพียงแต่ ท่านต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปีเพียงนี้แล้ว ไม่อยาก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (4)
goodnovel comment avatar
August Nok
ขอเยอะๆหน่อยคร้า
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
กำลังมันส์ ตัดจบพอดี
goodnovel comment avatar
Sranya
น้อยนิดอ่านไม่สะใจเลย เริ่มเบื่อละ ถ้าจะงงบทขนาดนี้ เก็บไว้เถอะค่ะ ไม่ต้องเปิดให้อ่านหรอก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 379  

    ราชบุตรเขยลู่เดิมเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่ากลับมาต้องตายแน่ ๆ ถึงอย่างไรภายในใจเขาก็ทราบดี ลู่หมิงฮุยในยามนี้ดุจอาทิตย์กลางเวหา จวนฉู่กั๋วกงในยามนี้ก็รุ่งโรจน์ดุจอาทิตย์กลางเวหาเช่นกัน แม้ว่าเขาจะอาศัยที่หมู่บ้านภูเขาในเมืองเจียงซีอันห่างไกล แต่กระนั้นก็รู้ว่าเมืองหลวงในยามนี้คนที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดก็คือเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและอ๋องฉีผู้เป็นโอรสของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ชินอ๋องโดยทั่วไปปกครองเมืองศักดินา มีองครักษ์คุ้มครองสามหมื่นนายก็นับว่าสูงเทียมฟ้าแล้ว ทว่าอ๋องฉีหรือ? วัยเพียงไม่กี่ขวบปีก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง ได้รับเมืองศักดินาที่อุดมสมบูรณ์รุ่งเรือง อีกทั้งยังได้รับการเพิ่มกำลังองครักษ์จำนวนห้าหมื่นนายเป็นกรณีพิเศษด้วย ราชบุตรเขยลู่มิใช่สามัญชนคนธรรมดา และเป็นเพราะมีความรู้มาก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีว่าตนเองกลับมาคราวนี้จะต้องพบอุปสรรคแสนสาหัสแน่ ทว่าเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า การล้างแค้นจะเริ่มเปิดฉากในลักษณะเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นเพราะเขาห่างราชสำนักมานานเกินไปกระมัง จึงตามไม่ทันแนวทางจัดการปัญหาของหนุ่มสาวสมัยนี้แล้ว? ไฉนเซียวอวิ๋นถิงกับชีหยวนถึงได้คุยเรื่องฆ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 380  

    ผู้มาเยือนมีเจตนาร้าย ชีหยวนชักกระบี่อ่อนที่เอวออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าโรมรันกลางฝูงชนโดยไม่มีหยุดชะงัก ลู่หมิงอันนับว่าได้เห็นฝีมือการขี่ม้าของชีหยวนกับตาแล้ว นางสามารถเคลื่อนไหวบนหลังอาชา ทั้งกระโดด ฟัน และจามกระบี่ ท่วงท่าทุกอย่างล้วนคล่องแคล่วพลิ้วไหวราวสายน้ำ ราวกับเติบโตบนหลังอาชาอย่างไรอย่างนั้น ใครบางคนตัดสินใจเด็ดขาด จามมีดยาวใส่ชีหยวนอย่างไม่สนชีวิต ลู่หมิงอันทนไม่ไหวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ: “ระวัง!” หากมีดนี้จามลงไป เกรงว่าชีหยวนต้องเสียแขนข้างหนึ่งไปแน่ หากว่าจะหลบ ก็ต้องร่วงลงไป อาชาจำนวนมากเพียงนี้ คงได้เหยียบชีหยวนแบนอย่างแน่นอน ชีหยวนกลับเอนตัวลงไปอีกด้านหนึ่ง มุดใต้ท้องม้า ก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกฝั่ง และใช้กระบี่ฟันมือขวาของบุคคลผู้นั้นขาดในเสี้ยวพริบตา ..... ลู่หมิงอันตาเหลือกอ้าปากค้าง เซียวอวิ๋นถิงเคยเห็นกระบวนท่านี้มาก่อน แม้แต่คิ้วก็ไม่ขยับสักนิด เพียงแต่เร่งความเร็วในการสังหารคนให้ไวขึ้นอีกหน่อยเท่านั้น คนกลุ่มนี้นับรวมแล้วมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น ทั้งสามคนร่วมมือกันแล้ว ไม่นานนักพวกเขาก็คลี่คลายอุปสรรคตรงหน้าได้สำเร็จ ลู่หมิงอันอดมองไปทางชีหยวนไม

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 381

    มือของเขาเมื่อยล้าเต็มที บัดนี้เนื่องจากใช้แรงสังหารคนมากเกินไปทำให้มือเริ่มสั่นเล็กน้อย ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจากข้อมือถึงข้อศอกแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกสะใจมากเท่านี้มาก่อน!ใช่แล้ว!บุรุษอกสามศอกมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ก็ควรอิสระเสรีได้ปลดปล่อยเต็มที่เช่นนี้มีคนหมายจะสังหารเขา แล้วทำไมเขาจะฆ่าคนอื่นไม่ได้?!ทำไมเขายังจะต้องเป็นคนดีอยู่อีก?หากคนดีมีแต่จะถูกคนอื่นเหยียบย่ำ มีแต่จะต้องบ้านแตกสาแหรกขาด เช่นนั้นความยุติธรรมของโลกใบนี้อยู่ที่ใดเล่า?เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรเสียที่ไหนกัน!เขาเหมือนได้กลับไปเป็นชายหนุ่มผู้สู้สุดชีวิตในอดีต หันไปถามชีหยวนว่า “คนที่พวกนั้นสามารถส่งมาได้ ก็คงมีแค่นี้แล้ว”ดังนั้น ตอนนี้ลู่หมิงฮุยควรทำเช่นไร?ตระกูลลู่ ลู่หมิงฮุยอยู่ในห้องสือมาตลอดฮูหยินใหญ่ลู่เปิดประตูห้องหนังสือ ซักถามอย่างร้อนใจ “เป็นอย่างไรบ้าง? มีข่าวส่งกลับมาหรือยัง?”ไม่มีผู้ใดร้อนใจไปมากกว่านางอีกแล้วถ้าลู่หมิงอันกลับมาได้ เรื่องราวในครานั้นก็คงถูกเปิดโปงขึ้นมาหากองค์หญิงใหญ่ได้รู้ว่าคนที่ลงมือในตอนนั้นคือลู่หมิงฮุยและคนของเรือนใหญ่ เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตคนใ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 382

    ฮูหยินใหญ่ลู่ยังจะกลัวอะไรอีก?นางไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นอีกแล้วนางแค่นเสียงเย็นชาในลำคอแล้วเอ่ยวาจาเสียดแทงอย่างไม่ไว้หน้า “ตราบใดที่วันนี้พวกมันยังไม่ตาย พรุ่งนี้คนในวังจะต้องมารับตัวกลับไป! ถึงตอนนั้น ท่านคิดหรือว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่อง?!”เพราะโกรธจัด ฮูหยินใหญ่ลู่ถึงกับหน้าดำหน้าแดง “ไปให้จวนฉู่กั๋วกงหาทางออกสิ! ไม่ใช่เรื่องของพวกเราตระกูลเดียวเสียหน่อย พวกเขาคงไม่คิดว่าพวกเราเดือดร้อนแล้ว ส่วนพวกเขาจะอยู่อย่างสุขสบายได้หรอกกระมัง?!”ลู่หมิงฮุยไม่สนใจฮูหยินใหญ่ลู่เขารู้ดีว่าจวนฉู่กั๋วกงจะไม่ยื่นมือเข้ามาเพราะเมื่อครั้งนั้น คนลงมือมีเพียงตระกูลลู่จริง ๆหากตระกูลลู่กล้าลากจวนฉู่กั๋วกงมาเกี่ยวข้องด้วย จวนฉู่กั๋วกงคงทำให้ตระกูลลู่พบจุดจบที่เลวร้ายกว่าเดิมเปลวเทียนในห้องสั่นไหว ไส้เทียนแตกดังเปรี๊ยะลู่หมิงฮุยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาหยิบกระบี่ของตนขึ้นมา “ข้าจะไปเอง!”เขาพูดเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่ลู่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาจริง ๆ “ท่านจะไปทำอะไร?”เมื่อก่อนนางเคยเห็นฝีมือของลู่หมิงอันกับตาตัวเองมาแล้ว ตอนนี้เขายังเต็มไปด้วยความแค้นฝังลึก ลู่หมิงฮุยยังจะไปคนเดียวอีก?นางกังวลจน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 383

    ชีหยวนเป็นคนที่มีลักษณะพิเศษบางอย่างแตกต่างจากผู้อื่น คนอื่นมักให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์เป็นอย่างมากการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ มนุษย์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ เป็นธรรมดาผู้คนราวกับใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่ถูกกำหนดไว้ และดูเหมือนทุกคนจะเคยชินกับมันแต่ชีหยวนไม่เหมือนคนเหล่านั้น นางกระทำการต่าง ๆ โดยไม่ถูกพันธนาการด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆหากมีผู้ใดทำร้ายนาง นางย่อมต้องเอาคืนอย่างสาสมเหมือนอย่างที่นางกล่าวไว้ หากต้องรอให้ผู้อื่นมอบความยุติธรรมให้ แล้วต้องรอไปถึงเมื่อใดเล่า?ก่อนหน้านี้ ลู่หมิงอันไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวต่าง ๆ สามารถจัดการเช่นนี้ได้ สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ก็คือรอให้ฮ่องเต้สอบสวนคดีจนเสร็จสิ้น แล้วคืนความบริสุทธิ์ให้พวกเขาแต่บัดนี้ ชีหยวนได้เปิดเส้นทางใหม่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนสีหน้าของเขาค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น มือที่กำบังเหียนม้าบีบแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนจากนั้น เขาก็หันไปมองชีหยวนด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าจะไปฆ่ามัน!”ใช่แล้ว ที่ชีหยวนพูดนั้นมีเหตุผล ต่อให้เรื่องนี้ไปถึงฮ่องเต้หย่งชางแล้วอย่างไร? สุดท้ายก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาของสามเจ้ากรม และศาลเหล่านั้น

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 384

    เมื่อเห็นว่าราชบุตรเขยลู่ขมวดคิ้วด้วยความกังวล ชีหยวนก็เอ่ยถามขึ้นทันที “ว่าแต่ ฮูหยินฉู่กั๋วกง นางเป็นคนในเมืองหลวงใช่หรือไม่?”เซียวอวิ๋นถิงหันมามองนาง “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”ชีหยวนยักไหล่ “ได้ยินมา พ่อข้าบอกว่าระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวง พระชายาหลิ่วเคยพูดถึง บอกว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงเป็นสหายวัยเยาว์กับฉู่กั๋วกง สหายวัยเยาว์ย่อมต้องรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนเมืองหลวงเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”พูดจบนางก็หันไปมองราชบุตรเขยลู่ “ท่านราชบุตรเขยทราบภูมิหลังของนางหรือไม่เจ้าคะ?”ราชบุตรเขยลู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ข้ารู้มาบ้างจริง ๆ”ชีหยวนยิ้มบาง “เช่นนั้นก็ดีเลย เช่นนี้เราก็มีเรื่องให้จัดการแล้ว”ค่ำคืนล่วงเลยไป แต่จวนฉู่กั๋วกงยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงตะเกียงอาหารบนโต๊ะเย็นชืดลงไปหมดแล้ว แต่ละจานค่อย ๆ สูญเสียไอร้อนจนหมดสิ้น สาวใช้เดินเข้ามาด้วยท่าทางระมัดระวัง “ฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ควรรับประทานอาหารสักหน่อยนะเจ้าคะ...”แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วที่กำลังหงุดหงิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดปากของสาวใช้ จอกชาในมือก็ปาใส่ศีรษะของสาวใช้ทันที “เจ้าย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 385

    นางโกรธจัด เวลาพูดถึงพระชายาหลิ่วก็แทบจะกัดฟันกรอดสีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “นางแพศยานั่นนิสัยเสียมาแต่ไหนแต่ไร ตอนอยู่ต่อหน้าข้าแต่ละที เหยียดหยามข้าราวกับข้าไม่ใช่มนุษย์ นางกลับมาแล้ว แล้วหว่านชิวของเราทำอย่างไร?!”พอพูดถึงเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย ฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่วก็กังวลใจนางอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา “หว่านชิวของเรา จะไปสู้นางได้อย่างไร? ฮ่องเต้เป็นคนใจอ่อนและเห็นแก่ความหลังมากที่สุด ทุกปีคืนส่งท้ายปีเก่าจะต้องไปเซ่นไหว้นางก่อน ถึงจะยอมจัดงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่า”ตอนนี้พระชายาหลิ่วกลับมาแล้ว เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยคงถูกกดข่มแน่สำหรับเรื่องนี้ ฉู่กั๋วกงเองก็เป็นกังวลไม่น้อยเป็นเช่นนั้นจริง วันนี้พระชายาหลิ่วยังไม่เห็นแก่หน้าของเขาเลย พอเจอกันก็ฉีกหน้าแตกหักทันทีนางเด็กบ้านี่จะไปมีท่าทีที่ดีต่อเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยได้อย่างไร?อีกทั้งฮ่องเต้ยังรู้สึกผิดต่อนาง เกรงว่าหว่านชิวคงจะต้องลำบากอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พอคิดได้ดังนั้น เขาก็ลูบมือของฮูหยินผู้เฒ่าเบา ๆ “พอเถิด ๆ ในวังยังมีองค์หญิงเป่าหรงอยู่ นางฉลาดที่สุด ไม่มีทางปล่อยให้กุ้ยเฟยถูกเอาเปรียบแน่”ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์หญิงเป่าหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 386

    นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆแต่แล้วก็รีบกลั้นเสียงหัวเราะ พลางถอนหายใจ “เฮ้อ วิธีนี้โหดร้ายเกินไป”ทว่าจะให้โหดร้ายต่อตัวเอง หรือโหดร้ายต่อผู้อื่น ทางเลือกนี้ง่ายเสียจนแทบไม่ต้องลังเลนางเม้มริมฝีปาก ดวงตาวาววับไปด้วยความอาฆาตแต่เดิมไม่ได้อยากใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ทว่าใครใช้ให้พระชายาหลิ่วกลับมากันเล่า?ไม่กลับมาจะดีกว่าไม่ใช่หรือ?หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปทั้งชีวิต จนตายก็อย่ากลับมา อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุขแต่นางกลับมาแล้ว นี่ก็เป็นราคาที่นางต้องจ่าย!วังหลวงในขณะนี้ ฮ่องเต้หย่งชางทรงจัดให้นำตัวพระชายาหลิ่วไปพักที่ตำหนักกวงเฟิงจี้เยว่เป็นการชั่วคราว และพระองค์ยังเสด็จไปอยู่กับนาง คอยปลอบประโลมอารมณ์ของนางส่วนองค์หญิงใหญ่ถูกจัดให้ไปพักในตำหนักเดิมที่นางเคยพำนักเมื่อยังประทับในวังเมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว ฮ่องเต้หย่งชางจึงเอ่ยปลอบพระชายาหลิ่ว “เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย เราจะสืบให้ชัดเจน ไม่ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการไล่สังหารพวกเจ้าครั้งนี้ เมื่อเราสืบจนกระจ่างแล้ว จะทำให้พวกมันต้องชดใช้แน่นอน!”พระชายาหลิ่วได้แต่หัวเราะเยาะในใจกาลเวลาช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆมัน

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 498  

    สวีฮว่านเหงื่อเย็นไหลพลั่ก ตอนที่ได้ยินชีหยวนนับหนึ่ง สอง สาม ท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ร้องเสียงดังออกไป “ข้าให้เจ้าก็ได้! ข้าให้เจ้าก็ได้! สาส์นลับอยู่ใน…อยู่ในชั้นวางลับหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือของข้า!” ชีหยวนเปล่งเสียงอุทานออกมาหนึ่งคำ ก่อนจะเก็บกริชและปิ่นทองคำกลับมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อด้านหลังของเขาฉุดเขาขึ้นมา และผลักให้เขาเดินไปที่ชั้นหนังสือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้มว่า “เปิดมัน” สวีฮว่านลังเลเล็กน้อย ทันใดนั้นชีหยวนก็เตะข้อพับขาของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “เปิดออก!” สวีฮว่านดึงจี้หยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวของตนเองออกมาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะฝังมันเข้าไปในตำแหน่งที่เป็นช่องเว้าบนชั้นวางหนังสือ และหมุนมันหนึ่งรอบ ทันใดนั้นชั้นหนังสือก็เปิดออกอย่างช้า ๆ ทว่าเสี้ยวพริบตาเดียวนี้ สวีฮว่านรีบสะบัดตัวออกจากชีหยวนหวังว่าจะหลบหนี เขารู้ดี โดยปกติคนเราเมื่อตกอยู่ในเสี้ยวขณะที่ได้รับสิ่งของที่ตนเองต้องการมากเป็นอย่างยิ่ง ก็จะเผลอไผลไปได้ง่ายดายที่สุด เขาเฝ้ารอจังหวะนี้มาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดาย เขาเพิ่งจะกลิ้งตัวไปกับพื้น กลับเห็นชีหยวนใช้มือปัดลูกธนูที่พุ่งออกมาจากชั้นวางลับ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 497  

    สวีฮว่านรู้สึกอึดอัดกับแรงกดของกริชเล่มนั้น และไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลกระทบทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ารอยแผลที่ชีหยวนกรีดไปนั้นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สิ่งนี้ทำให้เขาหวาดกลัวถึงขีดสุดจริง ๆ คนย่อมมีจุดอ่อน ชื่อเสียงและความรู้สึกหวงแหนชีวิตก็คือจุดอ่อนของสวีฮว่าน เขาเอ่ยด้วยความร้อนรน “ข้าช่วยเจ้าได้! ข้าช่วยล้างมลทินให้ตระกูลของเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมให้ความร่วมมือ ความผิดนี้ ข้าสามารถโยนให้คนอื่นรับไว้ได้!” ใบหน้าของชีหยวนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่าความเยือกเย็นในดวงตากลับยิ่งลุ่มลึกขึ้นมา ปลายกริชที่นางกดเอาไว้บนลำคอของเขาขยับเล็กน้อย เพียงเสี้ยวพริบตาก็สร้างรอยแผลเลือดซิบเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งรอยให้เขาได้เรียบร้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มข้นขึ้น “จะผลักความผิดให้แม่ทัพขุนศึกท่านอื่นที่บัดนี้ยังคงสู้รบในสมรภูมิอย่างซื่อสัตย์ภักดี พร้อมยอมพลีชีพเพื่อชาติได้อย่างนั้นหรือ? หรือคิดจะโยนความผิดให้บรรดาบุตรชายของครอบครัวทหารที่ต้องเข้าสู่สมรภูมิรบตั้งแต่วัยเพียงสิบสองสิบสามเหล่านั้นกัน พวกเขายังไม่ทันได้เติบโตด้วยซ้ำ ก็ต้องมาตายภายใต้อุบายชั่วช้าสามานย์ของพวกเจ้า”

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 495  

    อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 494  

    “ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 493  

    ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 492  

    คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 491  

    และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 490

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status