ฮ่องเต้หย่งชางได้ยินดังนั้น ก็ถึงกับดีพระทัยจนแทบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พระองค์รู้สึกผิดต่อองค์หญิงใหญ่มาโดยตลอด และแทบไม่มีหน้าไปพบหน้านางแต่บัดนี้ ลู่หมิงอันกลับมาแล้ว อย่างน้อยพระองค์ก็สามารถให้คำอธิบายต่อองค์หญิงใหญ่ได้เสียทีด้วยความปลาบปลื้ม พระองค์จึงเปล่งเสียงเรียกให้ชีเจิ้นเข้ามาก่อนจะตบไหล่พระชายาหลิ่วเบาๆ “หว่านหยิน ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็ไปพักผ่อนให้ดีก่อนเถอะ ข้าจะเรียกท่านฉู่กั๋วกงและฮูหยินฉู่กั๋วกงเข้าวังมาเยี่ยมเจ้า”แต่พระชายาหลิ่วกลับสะบัดพระหัตถ์ออกทันทีนางหรี่ตาลงอย่างเย็นชา มองฮ่องเต้หย่งชางแล้วถามว่า “ฝ่าบาทคงทราบดีว่าท่านแม่ของหม่อมฉันสิ้นไปแล้วตั้งแต่ยังอยู่ที่เมืองศักดินา ในโลกนี้จะมีฮูหยินฉู่กั๋วกงคนที่สองมาจากไหนกัน?”……ฮ่องเต้หย่งชางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฮูหยินฉู่กั๋วกงคนปัจจุบันเป็นภรรยาที่แต่งใหม่พระองค์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเสียงเบา “เป็นภรรยาใหม่ของฉู่กั๋วกง แต่นางเป็นคนอ่อนโยนและรู้ความยิ่งนัก ยังเลี้ยงดูน้องชายและน้องสาวของเจ้าเสมือนลูกแท้ๆ ของนางเอง…...”พระชายาหลิ่วแค่นหัวเราะออกมา รู้สึกขบขันยิ่งกว่าเดิ
ชีเจิ้นตอบรับทันทีทางด้านตระกูลชีรออยู่นานแล้ว เขารู้ว่าชีหยวนต้องรอข่าวจากเขาอยู่แน่ ดังนั้นเขาจึงรีบเร่งเดินทางกลับตระกูลชีโดยไม่หยุดพักเมื่อถึงจวน ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็รออยู่แล้ว และพาเขาไปยังหอหมิงเยว่ระหว่างทาง ท่านโหวผู้เฒ่าก็ไม่ได้อ้อมค้อม บอกเรื่องของชีอวิ๋นถิงให้ชีเจิ้นฟังชีเจิ้นชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าพลันมืดครึ้มท่านโหวผู้เฒ่าชีมองสีหน้าของเขาแล้วถอนหายใจเฮือกยาว “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องโกรธแน่……”ความจริงแล้วสำหรับชีเจิ้น จะว่าโกรธก็คงไม่ใช่ เพียงแต่เมื่อลูกชายเกิดเรื่อง เขาย่อมรู้สึกไม่สบายใจเป็นธรรมดาแต่หลังจากไปรับพระชายาหลิ่ว เขากลับเห็นเรื่องราวมากกว่านั้นการที่มีลูกหลานตระกูลขุนนางเสเพลนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกหลานในตระกูลขุนนางทรราชมีมากมายทว่าทายาทผู้สืบทอดตระกูล จะมีข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้น ตระกูลที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องล่มสลายเขาเก็บอารมณ์แล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า “อย่างน้อยเขาก็ยังรอดมาได้ ด้วยนิสัยของชีหยวน นับว่าเมตตาแล้ว”ท่านโหวผู้เฒ่าชีเห็นเขาพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว จึงพยักหน้าและตบไหล่เบาๆเมื่อไปถึงหอหมิงเยว่ ชีหยวนรออ
ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ ใครโผล่มาก่อน ก็ฆ่าคนนั้นก่อน”นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วหรือ?นางแสยะยิ้มเย็นชา “ท่านพ่อจัดให้ราชบุตรเขยลู่และลูกชายของเขา รวมถึงผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นไปอยู่ที่ตำหนักชานเมืองหลวง คงเป็นความต้องการของพระชายาหลิ่วและราชบุตรเขยลู่สินะ?”เรื่องที่ว่าราชบุตรเขยลู่สูญเสียความทรงจำและป่วย หรือว่าผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นร่างกายอ่อนแอจนเดินทางไม่ไหว จริงๆ แล้วก็เป็นแค่ข้ออ้างทั้งนั้นตั้งแต่พระชายาหลิ่วเข้าวังมาแล้วเผยให้เห็นว่าความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของพ่อลูกเป็นเพียงภาพลวงตา ก็รู้ได้ทันทีว่านางกลับมาครั้งนี้เพื่อแก้แค้นก็แน่อยู่แล้ว ใครกันจะไม่คลั่ง หากถูกพ่อแท้ๆ ของตัวเองวางแผนปองร้าย ต้องสละตำแหน่งฮองเฮาที่กำลังจะได้มา อีกทั้งยังถูกตามล่าจนต้องหลบๆ ซ่อนๆ มาหลายสิบปี ลูกของตัวเองก็ต้องกลายเป็นคนปัญญาอ่อนเพราะพิษไข้สูงญาติพี่น้องงั้นหรือ?สำหรับพระชายาหลิ่ว นั่นไม่ต่างอะไรจากงูพิษแมงป่องต่อหน้าลูกสาวคนนี้ ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไปแล้ว ชีเจิ้นพยักหน้า “เป็นความต้องการของพระชายาหลิ่วจริงๆ นางบอกข้าว่าเซียวโม่ร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถ
ดังนั้นตอนนี้ แม้ว่าจะถูกพระชายาหลิ่วเปิดโปงในที่นี้ แต่เขากลับยังคงแสดงท่าทีองอาจมีคุณธรรม เพียงแค่ถอนหายใจหนักๆ เท่านั้นฮ่องเต้หย่งชางทั้งทรงตกพระทัยและทรงกริ้วถึงกับไม่รู้ว่าจะรับเรื่องนี้ได้อย่างไรในทันทีเดิมทีที่พระองค์ยอมรับให้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยเข้าวัง ก็เป็นเพราะต้องการชดเชยให้กับจวนฉู่กั๋วกง ใครจะคิดว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้!หากเป็นเช่นนั้นจริง เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแม้จะถือว่าเป็นน้องสาวของพระชายาหลิ่ว แต่แท้จริงแล้วนางคือศัตรูของพระชายาหลิ่ว!เป็นศัตรูที่ทำให้มารดาของพระชายาหลิ่วตรอมใจตายพระองค์ที่ทรงตกพระทัยและพิโรธ เค้นถามฉู่กั๋วกงว่า “ฉู่กั๋วกง เรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรกันแน่?!”กั๋วกงหลับตาลง ยกชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะกับพื้นพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเช่นที่พระชายากล่าว…...”เขายอมรับแล้ว! เขายอมรับมันจริงๆ แล้ว!สีหน้าของพระชายาหลิ่วบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ “ท่านแม่ข้ามีแต่ความจริงใจให้ท่าน! นางถึงกับยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อตามท่านไปถึงเมืองจางโจว เพื่อท่านแล้วนางต้องแท้งลูกไปหลายครั้งจนสุดท้ายไม่สามารถมีลูกได้อีก! แต
เมืองหลวงแทบจะเกิดแผ่นดินไหว พระชายาหลิ่วที่หายตัวไปหลายปี ตอนนี้กลับมาอย่างปลอดภัย แล้วฮองเฮาองค์ปัจจุบันจะทำเช่นไร?ตามกฎบรรพบุรุษ พระชายาหลิ่วเป็นชายาเอกโดยชอบธรรม และนางก็ไม่เคยกระทำผิด ดังนั้นบัดนี้เมื่อนางกลับมาแล้ว นางก็ควรได้รับตำแหน่งฮองเฮาอย่างถูกต้อง!สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ตระกูลเฝิง ต่างกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน แต่เดิมทีฮงเฮาและรัชทายาทก็ไม่ได้รับความโปรดปรานอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะมีพระราชนัดดาที่เก่งกาจ เกรงว่าตำแหน่งมกุฎราชกุมารคงรักษาไว้ไม่ได้ตั้งนานแล้วแต่ตอนนี้พระชายาหลิ่วกลับมาแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปใครบ้างไม่รู้ว่าอดีตตอนที่ฮ่องเต้หย่งชางยังอยู่ที่ดินแดนศักดินา ทรงผ่านความลำบากมาด้วยกันกับพระชายาหลิ่ว ทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา?ขณะเดียวกัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาความโชคดีของตระกูลหลิ่วก่อนหน้านี้ตระกูลหลิ่วก็มีกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานอย่างสูง ถือเป็นเกียรติสูงสุดในช่วงหนึ่งและตอนนี้พระชายาหลิ่วก็กลับมาอีก มีแนวโน้มว่าจวนฉู่กั๋วกงอาจจะได้ฮองเฮาอีกองค์ นั่นหมายความว่าตระกูลหลิ่วจะมีทั้งฮ
เซียวอวิ๋นถิงตอบรับด้วยเสียงหนักแน่นฟ่านเหลียงตี้ยังไม่ทันให้รัชทายาทเอ่ยปาก ก็ยิ้มพลางถามว่า “ในเมื่อพระราชนัดดาองค์โตเสด็จไปยังตำหนักไท่จี๋แล้ว เช่นนั้นเรื่องคราวนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วสินะ?”หากเป็นเมื่อก่อน เซียวอวิ๋นถิง ค่อนข้างถนัดในการรับมือกับคำพูดอ้อมค้อมเหล่านี้ แต่ตอนนี้ เขากลับไม่อยากเสแสร้งอีกต่อไปเขาจ้องมองฟ่านเหลียงตี้ด้วยสายตาเรียบนิ่ง แล้วเอ่ยเสียงเบา “พูดถึงเรื่องนี้ เมื่อวานคนที่ต้องไปชมดอกเหมยที่วัดหวงเจวี๋ยพร้อมเสด็จพ่อ ควรเป็นฟ่านเหลียงตี้มิใช่หรือ? แต่เหตุใดจู่ๆ จึงเปลี่ยนเป็นหวังเหม่ยเหรอแทน?”ใบหน้าของฟ่านเหลียงตี้เปลี่ยนสีทันที นางฝืนยิ้มแล้วแก้ตัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “นี่ แน่นอนว่าเพราะอาการปวดศีรษะเรื้อรังของหม่อมฉันกำเริบขึ้นมาน่ะเพคะ”“อย่างนั้นหรือ?” เซียวอวิ๋นถิง ไม่ได้แสดงท่าทีเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่กลับหันไปมองรัชทายาทที่มีสีหน้าดุดัน“เสด็จพ่อ ควรไตร่ตรองให้ดีเถิด เรื่องบังเอิญเช่นนี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับฟ่านเหลียงตี้ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวใช่หรือไม่?”ฟ่านเหลียงตี้ตาแดงคลอเบ้า รีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลงกับพื้น “รัชทายาทเพคะ…...”เซียวอวิ๋นถิงแค่
ในชาติก่อนท้ายที่สุดแล้วเพราะองค์รัชทายาทเสียมารยาทในพิธีรับเสด็จ จึงเป็นเหตุให้ถูกฮ่องเต้หย่งชางทอดทิ้ง กอปรกับอ๋องฉีในตอนนั้นยิ่งได้รับความโปรดปรานเพิ่มขึ้นทุกขณะ ฮ่องเต้หย่งชางทรงมีดำริจะปลดรัชทายาทหลายครั้ง ครั้งหนึ่งฮ่องเต้หย่งชางเคยถึงขั้นตั้งคำถามกับฉู่ป๋อราชเลขาธิการสำนักขุนนางหลวงในตอนนั้น โดยถามว่าหากเขาปลดรัชทายาท ควรจะแต่งตั้งผู้ใดเป็นรัชทายาทแทน? ตัวฉู่ป๋อเองแม้ยึดมั่นในระบบสืบทอดราชวงศ์ แต่กระนั้นก็ทราบดีว่าฮ่องเต้หย่งชางในขณะนั้นกำลังพิโรธถึงที่สุด ก็ใช้ไหวพริบ ตอบกลับไปว่า: “นับแต่โบราณกาลแต่งตั้งมกุฎราชกุมารนั้นหากมิใช่แต่งตั้งโอรสพระองค์โตแล้ว ก็ต้องแต่งตั้งโอรสสายตรงพ่ะย่ะค่ะ หากว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์จะปลดรัชทายาทและแต่งตั้งวังบูรพาอีกพระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งแทนแล้ว กระหม่อมเห็นควรว่าต้องหาตัวพระชายาหลิ่วให้พบ และแต่งตั้งโอรสพระองค์โตที่เกิดจากพระชายาเอกขึ้นเป็นรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อถ้อยคำนี้ถูกเอ่ยออกมา แม้แต่คนที่สนับสนุนฝ่ายรัชทายาทเองก็ยังส่งเสริมแนวคิดนี้ กราบทูลให้ฮ่องเต้หย่งชางทรงมีราชโองการตามหาตัวพระชายาหลิ่วและโอรสพระองค์โตให้พบ ฮ่องเต้หย่งชางเดิม
ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง เสือถึงร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง ฉู่กั๋วกงเพื่อเกียรติยศและความมั่งคั่งร่ำรวยของตนเองแล้ว กล้าใจแข็งสังหารพระชายาหลิ่วไปแล้วหนึ่งครั้ง บัดนี้ยังมีใจโหดเหี้ยมพอจะปลิดชีวิตนางทิ้งอีกเป็นครั้งที่สอง และยังมีฮ่องเต้หย่งชางด้วยอีกคน เขาอาจจะสนใจพระชายาหลิ่วจริง และอาจจะคิดถึงพระชายาหลิ่วจริง หรืออาจจะถึงขั้นไม่สนใจพื้นเพชีวิตของพระชายาหลิ่วจริง ทว่า พระชายาหลิ่วจะยังเทียบกับเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่เขารักและทะนุถนอมมานานหลายปีคนนั้นได้จริงหรือ? และเซียวโม่ที่สติปัญญาโง่เขลาจะเทียบกับธิดาที่ฉลาดเฉียบแหลมได้หรือ? ชีหยวนหยุดที่หน้าประตูเรือนสกุลเจียงอย่างเย็นชา ครั้นมองเห็นกับตาว่าขันทีในวังมาถึงเรือนสกุลเจียงพร้อมกับพานายท่านใหญ่ของสกุลเจียงมาด้วยกัน ซึ่งนั่นก็คือลุงแท้ ๆ ของพระชายาหลิ่ว ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ จริงดังที่คาด นางเดาไว้ไม่ผิดเลย นางสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานครู่ใหญ่ ก่อนจะหมุนตัวและเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อนางกลับมาถึงเรือนสกุลชี โหวผู้เฒ่าชีก็ถามนางด้วยความสงสัยเล็กน้อย: “ท่านอ๋องยังไม่มาพบเจ้าอีกหรือ?” ท่านอ๋อง? ชีห
เขาเมินเฉยต่อคำเตือนของขันทีเซี่ย ก้าวขึ้นบันได แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เสด็จปู่ ข้า…...”เขาจะรับทุกอย่างแทนชีหยวนเองเขาจะทำให้นางรู้ว่า นางไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียว นางก็มีคนที่เป็นที่พึ่งพิงได้เหมือนกัน!ขันทีเซี่ยเหงื่อแตกพลั่กด้วยความร้อนรน หากพระองค์เอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ตำแหน่งจะหมดหวัง แม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาไว้ไม่ได้เลย!โชคดีที่ในจังหวะนั้นเอง ราชบุตรเขยลู่จากเรือนกรรมฐานองค์หญิงใหญ่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาดึงเซียวอวิ๋นถิงออกไป แล้วรีบทูลรายงานต่อฮ่องเต้หย่งชางและพระชายาหลิ่วว่า “ฝ่าบาท พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายทรงอาเจียนไม่หยุด ท้องเสียอย่างหนัก พระวรกายอ่อนแรงมาก เกรงว่าจะไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”จะไม่ไหวแล้ว?!เซียวโม่?!ฮ่องเต้หย่งชางถึงกับชะงักไป เดิมที่โกรธเกรี้ยวอยู่เต็มอก ตอนนี้กลับรู้สึกสับสนเพิ่มขึ้นอีก พระองค์รีบหันไปสั่งการกับไล่เฉิงหลง “ไล่เฉิงหลง! รวมคนทั้งหมดในอารามไป๋อวิ๋น ค้น ค้นให้ทั่ว ตรวจสอบให้ดี! ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เริ่มจากตำหนักของอ๋องก่อน ส่วนข้าจะไปหากุ้ยเฟยก่อน!”เดิมทีพระชายาหลิ่วค
ผู่อู๋ย่งเป็นขันทีคนสนิทข้างกายของฮ่องเต้หย่งชาง เขาและขันทีเซี่ย คนหนึ่งเป็นผู้ดูแลงานนอกวัง อีกคนเป็นผู้ควบคุมงานภายในวัง ต่างฝ่ายต่างไม่ก้าวก่ายกัน แต่กลับมักจะคอยจ้องจับผิดกันตลอดเวลาคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นกรมขันทีพระราชพิธี รับหน้าที่เขียนและประทับตราแทนฮ่องเต้ เขาไม่เคยมีท่าทางตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อนนี่มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการสูญเสียแม่เสียอีก! เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยตายแล้วจริง ๆ!ถ้าเป็นอย่างนั้นฮ่องเต้จะไม่คลั่งไปเลยหรืออย่างไร?คนที่อยู่ที่นี่คืนนี้ บางทีอาจล้วนต้องตายกันหมดก็ได้!เมื่อโอรสสวรรค์พิโรธ ศพจะกองพะเนินนับแสน คนที่อยู่ที่นี่วันนี้จะเหลือรอดกี่คน ก็ไม่อาจรู้ได้เลยพระชายาหลิ่วก็เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ในขณะที่รู้สึกสะใจที่ได้ระบายความแค้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังวาบรู้สึกสะใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเฉียบอย่างหวาดหวั่นนางนึกถึงเด็กสาวคนนั้นขึ้นมา!ชีหยวน!เด็กที่ช่วยเหลือนางไว้มากมาย เด็กที่พูดจาเกินวัยอย่างผู้ใหญ่ นางเป็นคนที่ไปช่วยรักษาเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย แล้วตอนนี้เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยตาย นั่นจะเกี่ยวกับนางด้วยหรือไม่?!ถ้ามันเป็นเช่น
“ขอบคุณ แต่ข้าไม่ต้องการ!”ชีหยวนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดและหนักแน่น “ถ้าข้าน้อยเป็นท่าน ตอนนี้ข้าน้อยจะไปอยู่ข้าง ๆ ฝ่าบาทกับพระชายาหลิ่วเสีย ท่านอ๋องมิต้องห่วง ข้าน้อยจะไม่ตายหรอก ข้าน้อยไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ”เขาเชื่อก็บ้าแล้ว!เซียวอวิ๋นถิงทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจ แต่สุดท้ายก็ได้แต่สูดลมหายใจลึก “ระวังตัวให้ดี! หากเรื่องไม่สำเร็จ ก็โยนความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ข้าเอง!”……ชีหยวนหันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย ก่อนจะโบกมืออย่างขอไปทีนางไปพบเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก่อนเมื่อเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยและองค์หญิงเป่าหรงเห็นหน้านาง ก็พากันทำหน้าบึ้งตึงทันทีโดยเฉพาะองค์หญิงเป่าหรง พอเห็นนางคุกเข่าทำความเคารพแล้วกำลังจะลุกขึ้น ก็ตวาดเสียงดัง “ข้าอนุญาตให้เจ้าลุกขึ้นแล้วหรือไร?! เจ้าไม่รู้กฎระเบียบเลยหรือ?”ชีหยวนเป็นคนรู้จักยืดหยุ่น นางไม่ใส่ใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรคุกเข่าก็ไม่ได้เสียหายอะไรทว่าองค์หญิงเป่าหรงกลับเดินเข้าไปหานาง เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนมือของนางนี่เป็นวิธีที่องค์หญิงเป่าหรงทำจนเคยชิน ไม่ว่าจะในยุคปัจจุบันหรือตอนอยู่ในวัง นางก็ชอบทรมานคนด้วยวิธีน
ทันทีที่โทษลวงเบื้องสูงสี่คำถูกเอ่ยออกมา ขาของชีเจิ้นก็ถึงกับอ่อนแรงแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังพยายามรักษาท่าทีให้มั่นคง สมกับฐานะของท่านโหวแห่งจวนโหวท่านโหวผู้เฒ่าชีสูดลมหายใจลึก มองไปที่ชีหยวน “แม่หนูหยวน ครั้งนี้อันตรายไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ ปู่หวังว่าเจ้าจะคิดทบทวนให้ดีก่อนลงมือ ตระกูลชีทั้งครอบครัว ทั้งตระกูลขึ้นอยู่กับเจ้า ฝากไว้ที่เจ้าแล้ว!”เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของชีหยวนเลยตอนนี้ ฮ่องเต้หย่งชางก็เหมือนยื่นดาบให้ชีหยวนกับมือแล้วหากชีหยวนคิดจะสังหารเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยจริง ๆ แค่ฟันครั้งเดียวก็จบเรื่องทว่า เช่นนั้นคนของตระกูลชีและตระกูลชีก็จะพินาศไปด้วยผู้เฒ่าดูเหมือนจะชราลงไปในพริบตา ไม่ใช่ผู้นำครอบครัวที่เคยตัดสินใจเด็ดขาด ลูกหลานต้องคอยเชื่อฟังทุกคำพูดอีกต่อไปแล้วชีหยวนมองเขาอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะพูดเพียงสองคำว่า “วางใจ”พูดจบ นางก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีชีเจิ้นหน้าซีดเหมือนคนร้องไห้ “จะวางใจได้อย่างไรล่ะ?! ท่านพ่อ…… ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันต่อดี?”ท่านโหวผู้เฒ่าไม่สั่นอีกต่อไปแล้ว แม้แต่น้ำเสียงกลับมาหนักแน่นกว่ามาก “เข้าไปรอที่เรือนกรรมฐาน! ข้าเชื่อในตัวนาง!”นางบ
ชีหยวนค่อย ๆ เก็บเข็มทองกลับไป ก้มหน้าลงเล็กน้อยปิดบังไอสังหารในดวงตา ก่อนเอ่ยตอบเสียงเรียบ “กราบทูลฝ่าบาท อาการลมปราณติดขัดของพระสนมรุนแรงนัก หากไม่เร่งกระตุ้นจุดลมปราณให้ไหลเวียน ทันทีที่ลมหายใจติดขัด เช่นนั้นนางอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ดังนั้นหม่อมฉันจึงต้องใช้วิธีรุนแรงมากหน่อยเพคะ”ถ้อยคำของนางมีเหตุผลและหลักฐานชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเช่นไร แต่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็ฟื้นคืนสติแล้วนี่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ฮ่องเต้หย่งชางไม่รอให้องค์หญิงเป่าหรงเอ่ยคำใด รีบถามชีหยวนต่อ “เช่นนั้น ตอนนี้อาการของพระสนมเป็นอย่างไร ดีขึ้นแล้วหรือไม่?”“หาไม่เพคะ” ชีหยวนถอนหายใจเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ พระสนมทรงโขกศีรษะจนแตก เดิมทีเลือดลมก็เสียสมดุล ภายหลังยังถูกความโกรธโจมตีหัวใจ นอกจากนี้ ระยะหลังมานี้ พระสนมมีภาวะอารมณ์อัดอั้น อารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย จึงมักรู้สึกเจ็บบริเวณซี่โครงที่สองใต้กระดูกไหปลาร้าใช่หรือไม่เพคะ?”......ท่านโหวผู้เฒ่าชีตกตะลึงชีเจิ้นก็ตกตะลึงองค์หญิงเป่าหรงยิ่งตกตะลึงนางคนนี้มีฝีมือจริงหรือ!แต่ก่อนนางทำอะไรกันแน่?!ความสงสัยนี้ไม่ได้มีเพียงองค์หญิงเป่าหรงเท่านั้นที่อยากถ
ตามหลักแล้วการฝังเข็มย่อมรู้สึกเจ็บ แต่ความเจ็บปวดนั้นมีน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเป็นหมอผู้ชำนาญ บางครั้งยังไม่ทันรู้สึกเจ็บดี เข็มก็ถูกถอนออกเสียแล้วแต่การฝังเข็มของชีหยวนไม่ใช่การรักษาโรค แต่เหมือนต้องการเอาชีวิตคนมากกว่าเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยกรีดร้องลั่นดั่งภูตผีแล้วลุกขึ้นมาจากพื้น ไหนเลยจะมีความสง่างามและความอ่อนโยนอยู่อีกนางนึกถึงคำพูดของเป่าหรงก่อนหน้านี้ ที่บอกให้นางแสร้งทำเป็นเจ็บปวด แต่ตอนนี้จะต้องแสร้งทำไปทำไมกัน! นางเจ็บมากจริง ๆ!เจ็บจนแทบขาดใจตาย!เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยกุมศีรษะตัวเองไว้ ส่ายหน้าอย่างรุนแรง ร่ำไห้โอดครวญว่าเจ็บปวดชีเจิ้นที่ยืนกอดต้นไม้อยู่กลับเรอออกมาในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ทุกคนต่างเพ่งความสนใจไปที่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟย แต่ปากเจ้ากรรมนั่นของเขาดันเรอออกมาได้!ไม่ต้องรอให้ท่านโหวผู้เฒ่าชีจ้องเขม็ง เขาก็ตบปากตัวเองฉาดใหญ่ทันที!ใครใช้ให้ปากอยู่ไม่สุขกัน!แต่ แต่ถึงแม้เขาจะเงียบปากก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี!แม้ชีหยวนจะปลุกเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยขึ้นมาได้ แต่ดูจากท่าทีของนางแล้ว เห็นทีจะไม่มีท่าทีซาบซึ้งขอบคุณชีหยวน ตรงกันข้าม กลับเหมือนกำลังหาทางใส่ร้ายว่านางรักษาไม่สำเร
ท่านโหวผู้เฒ่าชีบีบแขนของชีเจิ้นแน่น หัวใจของเขาเหมือนจะหยุดเต้นชีหยวนถวายบังคมด้วยความคล่องแคล่ว เอ่ยอย่างไม่ถ่อมตนและไม่อวดดี “หม่อมฉัน ชีหยวนแห่งจวนหย่งผิงโหว”......ชีเจิ้นรีบกอดต้นไม้ข้าง ๆ ไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงเป็นลมไปแล้วองค์หญิงเป่าหรงแค่นหัวเราะเย็นชาในใจนางกำลังคิดอยู่เลยว่าจะให้นางแพศยาชีหยวนตายอย่างไรดี ไม่คิดเลยว่าโอกาสจะถูกส่งมาให้ถึงที่ดี ดีมากนางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหมอเทวดาเซวียถูกจวนตระกูลหลิ่วกักตัวไว้ตั้งแต่เริ่มมีชื่อเสียง?ชีหยวนคงเรียนวิชาแพทย์จากหมอเทวดาเซวียในความฝันกระมังนางสะอื้นเบา ๆ พลางลูบเส้นผมของเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยแล้วฉวยโอกาสนี้กระซิบอย่างรวดเร็ว “เสด็จแม่ อย่าฟื้นขึ้นมาเด็ดขาด ต้องไม่ฟื้น ต่อให้ฟื้นก็ต้องร้องว่าปวดหัว ต้องบอกว่าปวดมาก เข้าใจไหมเพคะ?”เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยบีบข้อมือขององค์หญิงเป่าหรงเบา ๆเซียวอวิ๋นถิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะกระเด็นออกจากอกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีเหตุการณ์ใดที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้เขามองชีหยวนค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะหลับตาลงชีหยวนนั่งยอง ๆ ลง เห็นว่าองค์หญิงเป่าหรงคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ จึ
ราชบุตรเขยลู่เองก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อองค์หญิงใหญ่ “คราวนี้จะจัดการอย่างไร?”หากพระชายาหลิ่วเล่นงานแค่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ปัญหาคือนางด่าฮ่องเต้หย่งชางไปด้วย!ดูจากท่าทางแล้วก่อนหน้านี้ที่อยู่ในวัง พระชายาหลิ่วยังคงมีความหวังกับฮ่องเต้หย่งชางอยู่บ้างจึงยังให้เกียรติพระองค์ไม่เช่นนั้น เหตุการณ์เช่นนี้คงเกิดขึ้นในวัง ไม่จำเป็นต้องรอให้ไล่ตามกันออกมาแล้วค่อยตบหน้ากันที่นี่องค์หญิงใหญ่ก็เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาเช่นกันฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ ต่อให้ใต้หล้ากว้างเพียงใด ฮ่องเต้ก็ยิ่งใหญ่ที่สุด หากพระองค์กริ้วขึ้นมาจริง ๆ อย่าว่าแต่น้องสาวแท้ ๆ เช่นนางเลย ต่อให้ไทเฮาเสด็จมาก็คงช่วยอะไรไม่ได้นางรีบวิ่งเข้าไปหาฮ่องเต้หย่งชาง ลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ทำสงครามเย็นกับฮ่องเต้หย่งชางอยู่ นางกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะอธิบาย “เสด็จพี่ ท่าน ท่านโปรดเห็นแก่พระชายาที่ต้องทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปี...”องค์หญิงเป่าหรงพลันร้องไห้ขึ้นมา “เสด็จแม่! เสด็จแม่!”ในใจของนางเต็มไปด้วยโทสะพระชายาหลิ่วนางแพศยานี่ ถึงกับกล้าด่านางไปด้วย กล้าเรียกนางว่าลูกนางแพศยา!ตั้งแต่เด็กจนโต ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น
ชีหยวนยืนมองอยู่ข้าง ๆ อย่างไร้ความรู้สึกท่านโหวผู้เฒ่าชีกับชีเจิ้นแอบอยู่หลังต้นไทร สั่นเทิ้มไปทั้งร่างขอให้สวรรค์คุ้มครอง ขอให้สวรรค์คุ้มครอง ฮ่องเต้กับพระชายาทะเลาะกัน พระชายากับเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยถึงกับลงไม้ลงมือกัน พวกเขาไม่ได้ตั้งใจมาดูเรื่องสนุกเลยสักนิด!พวกเขาไม่อยากเห็นเลยจริง ๆ!!ขณะนั้น เซียวอวิ๋นถิงสะกิดเรียกชีหยวน แล้วลดเสียงเอ่ยถามนาง “รู้สึกอย่างไร?”รู้สึกอย่างไร?ชีหยวนถึงกับครุ่นคิดอย่างจริงจังจากนั้นนางจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเสียสละตนเองและอุทิศทุกสิ่งเพื่อความรักเป็นเรื่องโง่เสมอ คำสัญญาของบุรุษจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อยังมีรักเท่านั้น”พอหมดรักแล้ว ก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปเซียวอวิ๋นถิงถึงกับตะลึงงันเขาไม่เข้าใจ เหตุใดหญิงสาวที่อายุเพียงสิบกว่าปีที่แทบจะไม่มีประสบการณ์ได้ใกล้ชิดกับบุรุษมาก่อน เมื่อต้องเผชิญกับความเป็นความตาย การพลัดพราก และความแค้นที่ซับซ้อนเช่นนี้ กลับสามารถมองทะลุปรุโปร่ง และกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาได้เขาอดไม่ได้ที่จะแย้งขึ้นมา “แต่ แต่ว่าคนที่รักกัน ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อกันและกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำหรอกหรือ?”ชีหยวนหันไปมองเ