แม่นมสวียกมือกุมหน้า ใบหน้าปรากฏสีขาวสลับแดง แล้วเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ในใจทั้งอับอายและโกรธแค้นยิ่งนักในจวนโหวตลอดหลายปีมานี้ นางไม่เคยถูกใครหยามถึงเพียงนี้มาก่อน!นางดูถูกชีหยวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!เด็กไร้มารยาทขาดการอบรมจากบ้านนอกคนนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชีจิ่นที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กถูกเบียดจนแทบไร้ที่ยืน แม้แต่ชีอวิ๋นถิงก็ยังถูกกดดันจนเกือบต้องกลับบ้านเกิดไปนางมีสิทธิ์อะไร?นางเป็นคนสนิทของนางหวัง นางหวังเป็นฮูหยินผู้ดูแลจวนโหว นางก็เป็นคนดูแลใหญ่โดยชอบธรรม!แต่เพราะการปรากฏตัวของคนนอกคอกอย่างชีหยวน นางเกือบต้องตามนางหวังกลับไปอยู่บ้านเกิด ปลีกวิเวกกินเจสวดมนต์!ทุกอย่างเป็นเพราะชีหยวน!ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!ดังนั้น หลังจากที่ถูกตบ นางก็พุ่งเข้าหานางหวังพร้อมน้ำตานองหน้า “ฮูหยิน! บ่าว บ่าวไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปแล้วเจ้าค่ะ!”พูดจบ นางก็ทำท่าจะพุ่งกระแทกกำแพงนางหวังตกใจแทบสิ้นสติ รีบฟาดมือลงบนโต๊ะ “ชีหยวน เจ้าคนอกตัญญู! เจ้าเริ่มเหลิงใหญ่แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แม้แต่หมาแมวในเรือนของญาติผู้ใหญ่ พวกลูกหลานยังต้องให้ความเคารพ แล้วนางเป็นถึงแม่นมของข้
สองข้างแก้มของแม่นมสวีปวดร้าวรุนแรง ชั่วพริบตานั้น แม่นมสวีเจ็บจนรู้สึกเหมือนหูแทบจะมีควันพวยพุ่งออกมานางมองชีหยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวนางคนบ้าผู้นี้!นี่มันคนปกติที่ไหนกัน?!ชีหยวนค้อมกายลง สบตากับแม่นมสวีอย่างเชื่องช้า ก่อนจะใช้มือดันคางของนางกลับเข้าที่อีกครั้ง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางเอ่ย “แม่นมสวี คิดให้ดีแล้วค่อยพูด เพราะข้าเองก็ไม่อาจควบคุมแรงได้ทุกครั้ง ถ้ายังไม่พูดความจริง บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป”แม่นมสวีแทบสิ้นสตินางพบเจอผู้คนมามากมายจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือพูดใส่ไฟแบบใด ต่างก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแต่ไม่เคยเจอใครที่ไร้เหตุผลขนาดนี้เช่นชีหยวน!นางหวังโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง “ในสายตาของเจ้ายังมีแม่คนนี้อยู่หรือไม่?! เจ้าเห็นที่นี่เป็นอะไรกันแน่?!”ชีหยวนคร้านจะหันไปมองนางหวังนางเพียงตบหน้าแม่นมสวีเบา ๆ “แม่นมสวี ความอดทนข้ามีจำกัด หนึ่ง สอง...”ยังไม่ทันนับถึงสาม แม่นมสวีก็ทนไม่ไหว “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว! ข้าสั่งให้บ่าวที่มีหน้าที่เก็บสิ่งปฏิกูลในจวน เอาสุนัขไปส่งที่ร้านขายเนื้อสุนัขแล้วเจ้าค่ะ!”ชีหยวนปล่อยแม่นมสวีล้มลงไปกองกับพื้น หันไปมองห
แสงจันทร์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า ทันใดนั้น สวี่อินอินก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับลงบนร่างกายของตนเองความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก นางรู้สึกราวกับปลาที่ขาดน้ำ พยายามอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ใบหน้าที่ดูดุร้าย ส่วนประกอบบนใบหน้าดูแข็งกระด้างเป็นติงเฉิงหย่ง!สวี่อินอินตกตะลึงอย่างยิ่ง ฉากนี้ช่างคุ้นเคยเสียจริงแต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร?นางยังไม่ทันได้ไตร่ตรอง เสียงเล็กแหลมของหลี่ซิ่วเหนียงก็ดังขึ้น “เจ้าจะเล่นก็เล่นไป แต่อย่าทำให้ตายเสียล่ะ!”เป็นหลี่ซิ่วเหนียง แม่บุญธรรมของนาง!สวี่อินอินโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา สั่นเทิ้มไปทั้งตัวนางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ย้อนเวลากลับมาเมื่อสิบสามปีก่อน!ตอนที่นางเพิ่งจะรู้ว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนหย่งผิงโหวในเมืองหลวงหลังจากที่จวนหย่งผิงโหวมาตรวจสอบแล้ว พวกเขาบอกว่าจะส่งคนมารับนางทว่า ในคืนนั้นเองนางก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หลี่ซิ่วเหนียงขังนางเอาไว้ในห้องเก็บฟืน แล้วพาติงเฉิงหย่งมา นางต่อสู้อย่างสุดกำลังจึงรอดพ้นจากการถูกข่มเหง แต่วันรุ่งขึ้น หลี่ซิ่วเหนียงก็พาคนมาจับนางในข้อ
หลี่ซิ่วเหนียงนำผู้คนกลุ่มหนึ่งรีบรุดฝ่าแสงจันทร์กลับไปที่นางหามา ล้วนขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขี้นินทาประจำหมู่บ้าน สามารถพูดจาบิดเบือนความจริงได้เมื่อคนเหล่านี้เห็นสวี่อินอินและติงเฉิงหย่งนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คงจะถ่มน้ำลายรุมด่าทอสวี่อินอินจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!ฮึ คุณหนูสูงศักดิ์ที่ยังไม่ทันกลับบ้านก็เสียความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว ยังจะเรียกว่าคุณหนูสูงศักดิ์ได้อีกหรือ?นางเคยเป็นแม่นมอยู่ในจวนโหว ย่อมรู้ดีว่าพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นทั้งเรื่องมากและจู้จี้จุกจิก มีหรือที่จะอยากได้หญิงสำส่อนที่เคยนอนกับคนอื่นแล้ว?เมื่อถึงตอนนั้น หญิงสำส่อนที่เสียตัวก่อนแต่งงาน กับคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่มีความรู้ความสามารถ ต่อให้จวนหย่งผิงโหวหลับตาเลือก ก็คงเลือกได้ไม่ยากคิดจะกลับไปขวางทางลูกสาวของนาง ฝันไปเถอะ!คิดได้ดังนั้น หลี่ซิ่วเหนียงก็แทบทนรอไม่ไหวแล้ว อยากจะรีบกลับถึงบ้านเสียเดี๋ยวนี้เลยใครจะไปรู้ว่า ห่างจากประตูบ้านประมาณหนึ่งร้อยเมตร หัวหน้าหมู่บ้านกลับพาคนกลุ่มใหญ่ถือคบเพลิงมาล้อมพวกนางเอาไว้หลี่ซิ่วเหนียงชะงักไปครู่หนึ่ง “หัวหน้าหมู่บ้าน? ท่านทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หัวหน้าหม
“ข้าก็คือสวี่อินอินน่ะสิ” นางแสยะยิ้มมุมปาก “เพียงแต่ไม่ใช่สวี่อินอินคนเดิมที่ยอมให้เจ้าข่มเหงรังแกอีกแล้ว”“แผนการของลูกสาวแท้ ๆ ของเจ้าล้มเหลว พวกเจ้าสองคนก็ตายแล้ว” สวี่อินอินโน้มตัวเข้าไปใกล้หลี่ซิ่วเหนียงน้ำเสียงของนางราวกับภูตผี “เจ้าเดาสิว่าหลังจากข้ากลับไป นางยังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือไม่?”หลี่ซิ่วเหนียงสติแตก ทันใดนั้นนางก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ดิ้นรนอย่างรุนแรงอยู่ในกรง “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า! เจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”สวี่อินอินกลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว ล้มลงนั่งกับพื้นจากนั้นก็ร้องไห้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว “ท่านแม่ อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียง “จะตายอยู่แล้วยังไม่สำนึกผิด ชั่วร้ายที่สุด! ถ่วงน้ำเดี๋ยวนี้!”กรงถูกยกขึ้น สวี่อินอินมองหลี่ซิ่วเหนียงที่ยังคงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในกรง จากนั้นค่อย ๆ ยิ้มอย่างชั่วร้ายทันใดนั้น เสียงตูมดังขึ้น กรงหมูก็ตกลงไปในทะเลสาบ เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดกระเซ็นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีคนจากจวนหย่งผิงโหวมาถึง เป็นแม่นมคนหนึ่งที่วางมาดใหญ่โตสวี่อินอินมองแวบเดียวก็จำได้ทันทีว่า คนที่วางมาดโอหังยิ่งกว่านายหญิงคนนี
อากาศบนผิวน้ำสดชื่นกว่าอากาศในน้ำมากแม่นมฮวาคิดจะฆ่านางให้จมน้ำตายจริง น่าขันสิ้นดีนางต้องรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านมาตั้งแต่ตอนที่เริ่มหัดกินข้าวเองได้เหล่าชาวนาต้องจ่ายค่าเช่าทำนาให้กับเจ้าของที่ดิน หลี่ซิ่วเหนียงและคนขายเนื้อสวี่ก็ใช้สารพัดวิธีกดขี่ขูดรีดเงินจากนางขึ้นเขาเก็บเห็ด ตัดฟืน เก็บเมล็ดชา ลงน้ำจับปลา จับเต่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นงานถนัดของนางสวี่อินอินเงยหน้าโผล่พ้นน้ำ รู้สึกได้ว่าแรงดิ้นรนของแม่นมฮวาค่อย ๆ น้อยลง จนกระทั่งไม่มีแรงเหลืออยู่สายลมอ่อน ๆ พัดมาจากริมฝั่ง นางอ้าปากจาม กำลังจะดำลงไปลากแม่นมฮวาขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพเหตุการณ์ ‘วีรกรรมช่วยชีวิต’ ของนางแต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ยกมือขึ้น ข้อศอกของนางกลับไปกระแทกเข้ากับบางอย่างสัมผัสนี้ทำให้นางรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง สมองพลันว่างเปล่า จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่า มีคนอื่นอยู่ในน้ำด้วย!หรือว่าแม่นมฮวาจะยังเตรียมคนไว้ในน้ำอีก?หากเป็นเช่นนั้น...ในชั่วพริบตา เลือดในร่างกายของนางก็เดือดพล่านขึ้น แต่สมองกลับสงบลงอย่างประหลาด นางค่อย ๆ ปล่อยแม่นมฮวา และพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วโดยอาศั
สวี่อินอินเป็นที่รักของผู้คนในหมู่บ้านต่างจากคนขายเนื้อสวี่และหลี่ซิ่วเหนียงที่ใจดำ สวี่อินอินเป็นเด็กที่เชื่อฟังและรู้ความ คนเราย่อมมีความรู้สึก เห็นสวี่อินอินอายุยังน้อยแต่ต้องลำบากเช่นนี้ คนในหมู่บ้านจึงดูแลนางเป็นพิเศษสวี่อินอินก็เป็นเด็กที่รู้จักบุญคุณ กินข้าวบ้านไหนก็ไปช่วยเขาเลี้ยงหมู ดื่มน้ำบ้านใครก็ไปช่วยเขาตัดฟืนดังนั้นตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านมองนาง ก็เหมือนกับมองลูกหลานของตัวเองยังไม่ทันได้กลับไป บ่าวไพร่ของจวนโหวก็คิดจะฆ่าสวี่อินอินแล้ว ถ้ากลับไป จะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?อีกอย่าง อย่างน้อยในหมู่บ้าน สวี่อินอินก็เข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากนางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนโหวได้ ในอนาคตก็จะเป็นผลดีต่อหมู่บ้านด้วยเขาตอบรับทันที “ได้! แม่หนูไม่ต้องกลัว ข้าจะไปแจ้งหน่วยปราบปรามเดี๋ยวนี้!”เห็นหัวหน้าหมู่บ้านกำลังจะไปแจ้งทางการจริง ๆ บ่าวไพร่ของจวนหย่งผิงโหวก็นั่งไม่ติดแล้วโดยเฉพาะสาวใช้ที่แต่งตัวงดงามคนนั้น นางรู้ดีแก่ใจว่าแม่นมฮวาตั้งใจนัดสวี่อินอินไปที่ริมทะเลสาบ เพื่อจะฆ่าสวี่อินอินให้จมน้ำตายจริง ๆ หากแจ้งทางการจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จวนโหวจะเสียหน้าตัวนางเอ
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้วนางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอกนางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกน
สองข้างแก้มของแม่นมสวีปวดร้าวรุนแรง ชั่วพริบตานั้น แม่นมสวีเจ็บจนรู้สึกเหมือนหูแทบจะมีควันพวยพุ่งออกมานางมองชีหยวนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวาดกลัวนางคนบ้าผู้นี้!นี่มันคนปกติที่ไหนกัน?!ชีหยวนค้อมกายลง สบตากับแม่นมสวีอย่างเชื่องช้า ก่อนจะใช้มือดันคางของนางกลับเข้าที่อีกครั้ง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางเอ่ย “แม่นมสวี คิดให้ดีแล้วค่อยพูด เพราะข้าเองก็ไม่อาจควบคุมแรงได้ทุกครั้ง ถ้ายังไม่พูดความจริง บางทีอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป”แม่นมสวีแทบสิ้นสตินางพบเจอผู้คนมามากมายจะใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือพูดใส่ไฟแบบใด ต่างก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแต่ไม่เคยเจอใครที่ไร้เหตุผลขนาดนี้เช่นชีหยวน!นางหวังโกรธจนตัวสั่นไปทั้งร่าง “ในสายตาของเจ้ายังมีแม่คนนี้อยู่หรือไม่?! เจ้าเห็นที่นี่เป็นอะไรกันแน่?!”ชีหยวนคร้านจะหันไปมองนางหวังนางเพียงตบหน้าแม่นมสวีเบา ๆ “แม่นมสวี ความอดทนข้ามีจำกัด หนึ่ง สอง...”ยังไม่ทันนับถึงสาม แม่นมสวีก็ทนไม่ไหว “ข้าพูด ข้าพูดแล้ว! ข้าสั่งให้บ่าวที่มีหน้าที่เก็บสิ่งปฏิกูลในจวน เอาสุนัขไปส่งที่ร้านขายเนื้อสุนัขแล้วเจ้าค่ะ!”ชีหยวนปล่อยแม่นมสวีล้มลงไปกองกับพื้น หันไปมองห
แม่นมสวียกมือกุมหน้า ใบหน้าปรากฏสีขาวสลับแดง แล้วเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ในใจทั้งอับอายและโกรธแค้นยิ่งนักในจวนโหวตลอดหลายปีมานี้ นางไม่เคยถูกใครหยามถึงเพียงนี้มาก่อน!นางดูถูกชีหยวนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!เด็กไร้มารยาทขาดการอบรมจากบ้านนอกคนนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชีจิ่นที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กถูกเบียดจนแทบไร้ที่ยืน แม้แต่ชีอวิ๋นถิงก็ยังถูกกดดันจนเกือบต้องกลับบ้านเกิดไปนางมีสิทธิ์อะไร?นางเป็นคนสนิทของนางหวัง นางหวังเป็นฮูหยินผู้ดูแลจวนโหว นางก็เป็นคนดูแลใหญ่โดยชอบธรรม!แต่เพราะการปรากฏตัวของคนนอกคอกอย่างชีหยวน นางเกือบต้องตามนางหวังกลับไปอยู่บ้านเกิด ปลีกวิเวกกินเจสวดมนต์!ทุกอย่างเป็นเพราะชีหยวน!ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!ดังนั้น หลังจากที่ถูกตบ นางก็พุ่งเข้าหานางหวังพร้อมน้ำตานองหน้า “ฮูหยิน! บ่าว บ่าวไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปแล้วเจ้าค่ะ!”พูดจบ นางก็ทำท่าจะพุ่งกระแทกกำแพงนางหวังตกใจแทบสิ้นสติ รีบฟาดมือลงบนโต๊ะ “ชีหยวน เจ้าคนอกตัญญู! เจ้าเริ่มเหลิงใหญ่แล้ว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แม้แต่หมาแมวในเรือนของญาติผู้ใหญ่ พวกลูกหลานยังต้องให้ความเคารพ แล้วนางเป็นถึงแม่นมของข้
เขายังจำสีหน้าของชีหยวนตอนรับสุนัขตัวนั้นมาเลี้ยงได้ดีนางแสดงออกชัดเจนว่าชอบมันมากชีหยวนชอบ เขาก็ชอบฮูหยินผู้เฒ่าชีเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง “อยู่ดี ๆ ทำไมถึงหายไปได้? นางเพิ่งออกจากจวนไปแค่ประเดี๋ยวเดียวแท้ ๆ!”นางสั่งให้แม่นมข้างกายไปแจ้งบรรดาบ่าวที่เฝ้าประตูเล็กทางเข้าสวนดอกไม้และโรงเรือน ว่าหากพบสุนัขตัวนั้น นางจะให้รางวัลเพิ่มอีกหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ใดเป็นคนเจอสุนัขของชีหยวน นางจะเลื่อนตำแหน่งให้ด้วยเมื่อข่าวนี้ไปถึงหูนางหวัง นางก็ได้แต่ หลับตาแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่รู้ว่าชีหยวนให้ท่านโหวผู้เฒ่าชีและฮูหยินผู้เฒ่ากินยาเสน่ห์อะไรเข้าไป ถึงทำให้พวกเขาทั้งสองเชื่อฟังนางจนยอมทำตามทุกอย่างเรื่องไร้สาระแบบนี้ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน!แม่นมสวียิ่งกล่าวประชดไม่น่าฟัง “ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย! สุนัขพันธุ์ทางตัวเดียว โยนไว้ข้างถนนยังไม่มีใครชายตาดู แต่พอเป็นตัวที่คุณหนูใหญ่เลี้ยง กลับมีค่าถึงสองร้อยตำลึง! ตอนนี้ทั้งจวนกำลังวุ่นวายกันเพราะหาสุนัข!”นางหวังกระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะ เสียงดังหนักแน่นกว่ายามปกติ “ปล่อยให้พวกเขาทำไป! พวกเขาอยากหา ก็ให้หาไป!”
ชีหยวนไม่มีนิสัยลงโทษคนอื่นโดยไร้เหตุผลบางทีอาจเป็นเพราะชาติก่อนนางเคยเป็นผู้อยู่ใต้บัญชาอยู่นาน จึงเข้าใจถึงความลำบากของคนรับใช้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกับตอนที่ชาติก่อนนางเป็นองครักษ์ของเฟิงไฉ่เว่ย คอยคุ้มกันคุณหนูผู้สูงศักดิ์คนนี้เฝิงไฉ่เวยเห็นกระรอกตัวหนึ่งพลัดตกลงมาบนพื้นได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถปีนกลับขึ้นต้นไม้ได้ นางน้ำตาคลอและบอกว่าจะนำกระรอกตัวนั้นกลับขึ้นต้นไม้ด้วยตนเองต้นไม้นั้นมีอายุนับร้อยปี ลำต้นใหญ่ขนาดที่หลายคนโอบยังไม่รอบ กิ่งก้านแผ่ขยายไปทั่ว ชีหยวนกังวลว่านางจะเป็นอันตราย จึงอาสาทำแทนแต่เฝิงไฉ่เวยกลับขมวดคิ้วและพูดเสียงเนิบว่า “จะได้อย่างไร? การทำความดีต้องลงมือเองถึงจะจริงใจ คนอย่างองครักษ์ชีที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ย่อมไม่เข้าใจ”นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้เฝิงไฉ่เวยปีนต้นไม้ไปส่งกระรอกเองใครจะคาดคิดว่าเฝิงไฉ่เวยจะไม่ระวังแล้วพลัดตกลงมาผลคือข้อเท้าพลิก หมอบอกว่าเส้นเอ็นและกระดูกได้รับความเสียหาย ต้องพักฟื้นอย่างน้อยสี่ถึงห้าเดือนเซียวอวิ๋นถิงตำหนินางว่าปกป้องเจ้านายไม่ดีนางอธิบายด้วยรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ว่านางพยายามห้ามเฝิงไฉ่เวยแล้วว่าไม่ให้ทำ
นางจึงถือโอกาสไปดูเรือนพักนอกเมืองด้วยตนเองชิงเถาและหลีฮวาอยู่ที่นั่นแม้ว่านางจะบอกว่าเรือนพักนอกเมืองนี้ใช้สำหรับให้พวกนางอยู่ แต่หากไม่ไปดูด้วยตนเอง นางก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นนาง ชิงเถาและหลีฮวาก็ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกโดยเฉพาะหลีฮวา จับข้อมือชีหยวนไว้ ดวงตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “ฮือ ๆ คุณหนู ข้าคิดว่าคุณหนูไม่ต้องการข้าแล้วเสียอีก!”เด็กน้อยจริง ๆชีหยวนอดขำไม่ได้ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของนางก่อนจะยิ้มแล้วกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ข้าแค่ติดธุระจึงไม่มีเวลามา ตอนนี้พอมีเวลาว่างแล้วก็รีบมาดูพวกเจ้านี่ไง”กล่าวจบ นางก็ถามต่อ “อยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกพวกเจ้าหรือไม่”ชิงเถาและหลีฮวารีบส่ายหน้ามองดูดวงตาของพวกนางที่เป็นประกาย แก้มแดงระเรื่อ ชีหยวนก็รู้ว่าพวกนางปรับตัวอยู่เรือนพักนี้ได้ดี จึงยิ้มออกมาแล้วถามอีกว่าปกติพวกนางทำอะไรกันบ้างชิงเถาเป็นคนเงียบขรึม ส่วนหลีฮวานั้นร่าเริงกว่า “จริง ๆ แล้วพวกเราไม่ต้องทำอะไรเลยเจ้าค่ะ แม่นมเสิ่นไม่ให้พวกเราทำงานหนัก ที่เรือนนี้ พวกเราแค่ทำความสะอาดเรือนใหญ่ แล้วก็ดูแลดอกไม้ในสวน สบายมากเลยเจ้าค่ะ!”พูดแล้วเงียบไปครู่หน
ชีอวิ๋นถิงรู้สึกว่าหัวใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอกเขาเสาะหานางมาหลายเดือนแล้วนับแต่ชีจิ่นหายตัวไป เขาก็พลอยกินไม่ได้นอนไม่หลับ อยู่ไปวัน ๆ อย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดทว่านานเพียงนี้แล้วกลับไร้ซึ่งข่าวคราว!ทุกครั้งที่ครุ่นคิดว่าอาจิ่นระหกระเหินอยู่ภายนอก ไม่รู้ว่าต้องทนตรากตรำเพียงใด เขาก็อยากจะบุกไปยังหอหมิงเยว่ แล้วปลิดชีพชีหยวนเสียแต่สตรีบ้าผู้นั้นกลับเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก เขาไม่อาจต่อกรกับนางได้เลย!โชคดีที่สวรรค์มีตาในที่สุดก็เมตตาให้เขาได้ล่วงรู้ที่อยู่ของอาจิ่นอาจิ่นเป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม อาหารการกินพิถีพิถัน แพรพรรณที่สวมใส่ก็เป็นของชั้นเลิศหลายเดือนที่อยู่ภายนอก เห็นทีจะลำบากไม่น้อย คงกินไม่ดี อยู่ไม่สบาย ต้องทนรับความลำบากเขาต้องชดเชยให้นางอย่างดีชีอวิ๋นถิงแลกเงินมาแล้ว ก้าวถัดไปคือไปยังร้านแพรพรรณที่ดีที่สุดในเมือง ซื้อผ้าไหมเฟิ่งหวงมาหลายพับ ล้วนแต่เป็นสีที่ชีจิ่นโปรดปรานจากนั้นก็ไปที่หอเจินเป่าเพื่อซื้อเครื่องประดับและอัญมณีมามากมายใช้เงินไปหมดแล้ว เงินสองพันตำลึงไม่เหลือแม้แต่อีแปะเดียว เงินส่วนตัวของเขากว่าห้าร้อยตำล
นางหวังเป็นเช่นนี้ แม่นมสวีเองก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ไม่ต่างกัน เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้นางรู้สึกไม่ถูกชะตากับชีหยวนก็คือการที่ชีหยวนไม่ให้ความเคารพต่อชีอวิ๋นถิง ทั้งที่คนป่วยคือนางหวัง ทว่าเมื่อสองคนยืนอยู่ด้วยกันแล้ว คนที่ดูป่วยหนักกว่าเหมือนจะเป็นชีอวิ๋นถิงเสียมากกว่า เขาซูบผอมลงไปมาก ดวงตาลึกโหล ดูซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงอย่างถึงที่สุด อย่าว่าแต่แม่นมสวีที่รู้สึกทุกข์ใจเลย ยิ่งนางหวังยิ่งเจ็บปวดหัวใจจนน้ำตาไหลพรากออกมา: “ไฉนเจ้าจึงทรมานตนเองจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?” ชีอวิ๋นถิงเม้มปาก ไม่อยากพูดอะไรกับนางหวังมากนัก เพียงแต่ยื่นมือออกไปและเอ่ยกับนางว่า: “ท่านแม่ ขอเงินหน่อย” นับแต่เกิดเรื่องเผาศาลบรรพบุรุษ เขาก็กลายเป็นสวะไร้ค่าของสกุลนี้ไป ไม่เพียงชีเจิ้นจะไม่เห็นเขาในสายตา แม้แต่พวกบ่าวรับใช้ก็เริ่มไม่แยแสเขาแล้ว หากเขาจะไปเอาเงินจากห้องบัญชี โดยที่เกินจากจำนวนที่กำหนดไว้ ไม่ว่าอย่างไรคนในห้องนั้นต้องไม่มีทางยอมมอบเงินให้เขาเด็ดขาด ได้ยินเขาเอ่ยปากขอเงิน นางหวังก็ซับน้ำตาพลางเอ่ยว่า: “ต้องการเท่าใดหรือ?” บุตรชายลำบากเกินไปแล้วจริง ๆ นางหวังส่งสายตาให้แม่นมสวี แม่
อันที่จริงตอนแรกโหวผู้เฒ่าชีก็มิได้ชอบสุนัขตัวนี้มากนัก และมันก็มิใช่สายพันธุ์เลอค่าอะไร หากจะพูดถึงความงดงามแล้วยังเทียบกับสุนัขสิงโตสีขาวปลอดที่ฮูหยินผู้เฒ่าเลี้ยงไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ทว่าทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น ใครขอให้เจ้าสุนัขตัวนี้เป็นสุนัขของชีหยวนกัน ในเมื่อชีหยวนสามารถเดินอย่างผึ่งผายอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้ ก็เป็นธรรมดาที่สุนัขของนางจะไม่เหมือนสุนัขตัวอื่นในจวน หลังจากโหวผู้เฒ่ากลับไปก็กำชับห้องครัวว่า อาหารของเจ้าสุนัขตัวนี้จะต้องเหมือนกับสุนัขสิงโตของฮูหยินผู้เฒ่า หรืออาจจะต้องดีกว่าด้วย! ไม่เพียงเท่านั้น ยังสั่งให้คนไปหาบ่าวรับใช้ส่งไปช่วยชีหยวนเลี้ยงสุนัขตัวนั้นโดยเฉพาะ การกระทำที่ยิ่งใหญ่เกินหน้าเกินตาของเขา ทำให้นางหวังอดถามด้วยความสงสัยออกมาไม่ได้: “เจ้าว่าอย่างไรนะ? จะสร้างเรือนให้ผู้ใดหรือ?” แม่นมสวีแสดงสีหน้าท่าทางใหญ่โตเป็นที่สุด น้ำเสียงยังเจือด้วยความริษยา: “จะใครเสียอีกเจ้าคะฮูหยิน? บัดนี้ในจวนของเรา ทั้งนายบ่าวรวมกัน ใครที่ไหนเล่าจะได้รับความรักความเอ็นดูมากไปกว่าคุณหนูใหญ่?” พูดถึงชีหยวน สีหน้าของนางหวังก็ดูปรวนแปรจนมิอาจคาดเดา ถูกต้องแล้ว ในจวนยามน
หลายครั้งเหลือเกินที่นางลืมไปแล้วว่าตนเองยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่ ครั้งสุดท้ายที่ได้นั่งละเลียดน้ำชาอยู่ในเรือนแบบนี้ ราวกับว่าเป็นเรื่องของชาติที่แล้วอย่างไรอย่างนั้น นางค่อย ๆ หลับตาลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา: “จวนจะถึงวันปีใหม่แล้วสินะ” สาวใช้ข้างกายหัวเราะออกมา พลางก้าวขึ้นมาและรินน้ำชาให้นาง “ใช่แล้วเจ้าค่ะคุณหนู จวนจะถึงวันปีใหม่แล้ว แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวต่างก็เริ่มแขวนโคมไฟ ทำความสะอาดสิ่งของกันแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูดูสิเจ้าคะหลายวันมานี้ บนหน้าต่างตามท้องถนนมีกุนเชียงกับเนื้อตากแห้งแขวนเอาไว้ทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะ” ชีจิ่นลูบถ้วยน้ำชา ผ่านไปเนิ่นนาน ถึงจะเปล่งเสียงรับคำออกมา นางไม่มีครอบครัวให้ฉลองวันปีใหม่ร่วมกันอีกแล้ว แต่ก็ช่างปะไร อีกไม่นานชีหยวนก็จะไม่มีเหมือนกัน สกุลชีเองก็จะไม่มีอีกแล้วเช่นกัน นางจะทำให้คนเหล่านี้ที่เคยทอดทิ้งนางคุกเข่าลง คุกเข่าลงต่อหน้านางอ้อนวอนร้องขอให้นางยอมให้อภัย หลังจากดื่มน้ำชาคำสุดท้าย นางก็เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า: “จงไปเก็บข้าวของ และทำตามที่ข้าสั่ง ปล่อยข่าวลือออกไปล่วงหน้า” สาวใช้ขานรับคำสั่งทันที ขณะเดียวกัน สกุลชีทั้งนา