Share

บทที่ 134  

Author: ฉินอันอัน
กลับกัน เป็นอ๋องฉีเสียอีกที่ได้รับความรักความเอ็นดูทั้งหมดจากฮ่องเต้หย่งชางมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย

คงเพราะเรื่องตื่นเต้นที่ได้รับนับแต่ชีหยวนกลับมา มีมากเกินไปแล้วจริง ๆ บัดนี้ แม้ชีหยวนจะรู้ชัดถึงกระทั่งเหตุผลที่เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยรุ่งเรืองเป็นใหญ่ขึ้นได้ ทว่าชีเจิ้นกลับรู้สึกเหมือนจะด้านชาไปเสียแล้ว

เขาลูบหน้าอกตนเอง ถามด้วยเสียงแห้งผาก “เจ้ารู้ทั้งรู้ แต่ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอีกหรือ!”

ท่านโหวผู้เฒ่ามิได้เอ่ยวาจาใด แต่ภายในใจก็มีความคิดเช่นนี้

ถูกต้องแล้ว เหตุผลนี้ถูกต้องแล้ว

ในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่าอ๋องฉีคือพระโอรสที่ฮ่องเต้หย่งชางทรงโปรดปรานเอ็นดูที่สุด และเสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยก็เป็นพระสนมที่ฮ่องเต้ทรงรักใคร่โปรดปรานที่สุด แล้วเหตุใดยังกล้าพูดจาโอหัง ว่าจะสังหารอ๋องฉีอีก?!

ที่หานเยว่เอ๋อถูกสังหาร และถูกฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะอ๋องฉีไม่ต้องการพระชายาที่ไร้ซึ่งเกียรติยศอย่างนางผู้นี้

ตัวอ๋องฉีเองนับว่าเป็นขุนเขาสูงใหญ่แข็งแกร่งอยู่แล้ว!

ชีหยวนผุดยิ้มและหัวเราะออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะรอยยิ้มของนางชวนให้อึดอัดได้จริง ๆ ชีเจิ้นรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก “
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ชีหยวนกลายเป็นกุนซือไปแล้ว 55
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 135  

    ชีหยวนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองชีเจิ้นอย่างตั้งใจ “คำตอบอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว มิใช่หรือ?” ชีเจิ้นไม่อยากเชื่อ หากเป็นเมื่อก่อน มีผู้น้อยในเรือนวิ่งถลันเข้ามาคุยเรื่องในราชสำนักกับตนเองอย่างใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ เขาคงจะตบหน้าพวกเขาให้จำหน้าตนเองไม่ได้ไปแล้ว ทว่าเผชิญหน้ากับชีหยวนหนนี้ เขากลับตั้งใจฟังนางอย่างน่าประหลาด ไม่ฟังไม่ได้ เพราะนับแต่เรื่องหานเยว่เอ๋อจุดไฟเผาศาลบรรพบุรุษ ทุกประโยคที่ชีหยวนกล่าวมาล้วนเป็นจริง นางต้องการเชิญองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ก็เสด็จมา นางบอกว่าหานเยว่เอ๋อเป็นจารชน หานเยว่เอ๋อก็เป็นเช่นนั้นจริง ชีเจิ้นมองชีหยวนอย่างตั้งใจ “เพียงแต่ เพียงแต่องค์รัชทายาททรงมีพระวรกายอ่อนแอ!” รัชทายาทมีพระวรกายอ่อนแอ ตระกูลเฝิงก็ไม่กลับมารุ่งเรืองเหมือนก่อนแล้ว เมื่อหลายปีก่อนยังเคยกระทำความผิดจนต้องถูกเนรเทศไปอยู่ที่หลิ่งหนาน ฮองเฮาเฝิงมิได้รับความโปรดปราน ทุกคนต่างรอคอย รอคอยให้องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ และเมื่อองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว ตำแหน่งฮองเฮาของฮองเฮาเฝิงก็มิอาจจะดำรงอยู่ได้อีกต่อไป ส่วนเซียวอวิ๋นถิงหรือ? แม้จะเป็นโอรสสายหลักคนโตขององค์รัชทายาท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 136  

    คอยดูว่า นางจะเอาอะไรมาทำให้เขาเดิมพันอนาคตของตระกูลชี เข้าข้างอ๋องจิ้ง! หลังจากส่งท่านโหวผู้เฒ่าและชีเจิ้นกลับออกไปแล้ว ชีหยวนรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย ไป๋จื่อยกน้ำเข้ามาอย่างระมัดระวังปรนนิบัตินางล้างหน้าหวีผม ชีหยวนหมุนศีรษะกลับไปถาม “เหลียนเฉียวเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋จื่อรีบตอบ “คุณหนูโปรดวางใจ นางสบายดีเจ้าค่ะ เผชิญเรื่องน่าหวั่นกลัวแบบนี้คงจะเหนื่อยล้าน่าดู บัดนี้นอนหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” ชีหยวนรับคำในลำคอ ไป๋จื่อจ้องหน้านางอย่างอดไม่ไหว “คุณหนูเจ้าคะ ใบหน้าของคุณหนู…” รอยฝ่ามือบนใบหน้ายังคงเห็นได้ชัดเจน ทำให้แก้มของนางบวมขึ้นมาเล็กน้อย… ชีหยวนลูบสำรวจด้วยตนเอง ก่อนจะวางผ้าเช็ดหน้ากลับเข้าไปในอ่างน้ำและกระตุกยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไร ไม่มีทางเสียเปรียบหรอก” ขณะเดียวกันนั้น ชีเจิ้นเข้ามาในเรือนหลักด้วยสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย นางหวังรีบเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางร้อนรน “ท่านโหว! ท่านจะไปที่เรือนของนางตัวกาลกิณีนั่นเพื่ออะไร?!” ชีเจิ้นจ้องมองพลางขมวดคิ้วแน่น “เจ้าพูดบ้าอะไร!? เจ้าเป็นมารดาของนาง และนางก็เป็นบุตรีของเจ้า! เจ้าทำตัวเช่นนี้สมกับเป็นแม่คนแล้วอย่างนั้นหรือ?” นางหวัง

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 137  

    นางหวังไม่อยากเชื่อสายตา นับแต่ชีหยวนกลับมา ชีเจิ้นก็ลงมือทำร้ายทุบตีชีอวิ๋นถิงแล้วไม่ต่ำกว่าสามครั้ง บัดนี้ถึงคราวตนเองแล้วหรือ? นางดาววิปโยคนั่นมันมีความสามารถล่อลวงจิตใจคนได้ขนาดไหนกัน ถึงได้ทำให้ชีเจิ้นหลงผิดได้ถึงเพียงนี้? นางถูกตบจนร่างกายโอนเอน ยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้พลางโผเข้าใส่ชีเจิ้น “ชีเจิ้น นี่ท่านกล้าตบข้าหรือ!” หลายปีที่ผ่านมาสองคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด และไม่เคยมีครั้งใดจะทะเลาะกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องลงไม้ลงมือเลย ทว่าบัดนี้ ชีเจิ้นกลับตบหน้านาง เพียงเพื่อเข้าข้างชีหยวน! เส้นเลือดในดวงตาของชีเจิ้นแตกเป็นฝอย ได้ยินนางหวังเอ่ยเช่นนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะเยียบเย็นออกมา พลางเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ใช่ ข้านึกเกลียดตนเองนักที่ยังตบเจ้าไม่แรงพอ!” เขาดึงข้อมือของนางไว้ และลากนางเดินตามมาตลอดทางกระทั่งเข้าไปในเรือนของท่านโหวผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่า กลางดึกสงัด เดิมทีท่านโหวผู้เฒ่ากำลังคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า ครั้นได้ยินเสียงเอะอะก็สะดุ้งตกใจ ฮูหยินผู้เฒ่ามองเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้านางหวัง และเห็นสีหน้าของชีเจิ้นดูโหดเหี้ยมไร้ความปรานี สีหน้ามืดครึ้มลงทันใด “ชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 138  

    เป็นบ้าไปแล้วหรือ?! พวกคนใช้ล้วนก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากตอบคำถามแม้เพียงคนเดียว ชีอวิ๋นถิงยิ่งรู้สึกกรุ่นโกรธ ง้างมือขึ้นเขวี้ยงหมอนกระเบื้องในมือออกไป กระแทกโดนศีรษะของสาวใช้คนหนึ่งเลือดไหล หมอนกระเบื้องใบนั้นแตกแล้ว ศีรษะของสาวใช้ก็แตกเช่นกัน นางกรีดร้องร่ำไห้ออกมาโดยไม่สนใจกฎระเบียบใดแล้ว เสียงกรีดร้องนั้นทำให้คนทั้งเรือนสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่นานนักเกาเจียก็เข้ามา ครั้นสั่งให้คนพาสาวใช้เล็กคนนั้นออกไปทำแผลห้ามเลือดเรียบร้อย ก็หันมาเผชิญหน้ากับชีอวิ๋นถิงพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “คุณชายใหญ่เจ้าคะ ท่านได้โปรดทำตัวสงบเสงี่ยมด้วยเถิดเจ้าค่ะ” หากเป็นเมื่อก่อน ถ้อยคำเฉกเช่นนี้นางไม่มีวันพูดออกมาแน่ และไม่มีสิทธิ์จะพูดออกมาได้เสียด้วยซ้ำไป ชีอวิ๋นถิงเดือดดาลถึงที่สุดแล้ว “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าทำตัววางอำนาจต่อหน้าข้าเช่นนี้! ข้าถามเจ้า ว่าพวกเจ้ากำลังทำบ้าอะไร เก็บข้าวของแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร?!” สายตาของเกาเจียดูแปลกไปเล็กน้อย “คุณชายใหญ่ เนื่องด้วยท่านมีนิสัยโหดเหี้ยมทารุณ ท่านโหวผู้เฒ่าและท่านโหวจึงมีคำสั่งว่า จะส่งท่านไปฝึกตนขัดเกลาจิตใจที่ภูมิลำเน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 139  

    เสมือนอสนีบาตฟาดลงมาจากท้องฟ้า แขนขาของนางหวังเย็นวาบ ได้แต่ชี้หน้าชีหยวนทว่าพูดไม่ออกสักคำเดียว เพราะนางไม่ลงรอยกับเรือนมารดาของนางจริง ๆ พิธีสมรสในตอนนั้น ความจริงแล้วไม่ใช่ของนาง แต่เป็นของพี่หญิงของนางซึ่งเกิดจากสายเลือดหลัก ทว่านางหลงรักชีเจิ้นตั้งแต่แรกพบ จึงเอาชีวิตตนเองไปข่มขู่ ขอร้องให้ท่านพ่อเปลี่ยนใบเกิงเถี่ยที่บันทึกวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากของคู่หมั้นไว้ และยึดพิธีสมรสนี้มาเป็นของตนเอง เรื่องนี้ ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งสิ้น ฮูหยินผู้เฒ่าหวังและคนตระกูลหวังล้วนแต่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้รั่วไหลไปสู่คนภายนอก และนางยิ่งไม่ต้องการ! เหตุใดชีหยวนกลับรู้เรื่องนี้ได้?! “เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?” นางถลึงตา ชี้หน้าชีหยวนพลางถามด้วยเสียงสั่นเครือ ชีหยวนเลื่อนมือขึ้นชี้หน้าตนเองด้วยสีหน้าเย็นชา “อะไรกัน ใบหน้าดวงนี้ยังยืนยันไม่ได้อีกหรือ? ฮูหยิน ข้าเคยเคารพท่านเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้อยคำเหล่านี้ เมื่อก่อนข้าจึงไม่พูดมันออกมา” นางหวังกำอกเสื้อของตนเองแน่น รู้สึกว่าตนเองเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว ชีหยวนกลับกระชากข้อมือของนางไว้ มองนางด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “แต่บัดนี้ ข้ากลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 140  

    เรื่องระหว่างชีอวิ๋นถิงและชีจิ่นเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแล้ว แม้ตระกูลเซี่ยงจะมิได้พูดอะไรต่อหน้า ทว่าคนที่รอชมความครึกครื้นหาได้สนใจว่าเจ้าจะพูดหรือไม่พูด ฉะนั้นในยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยออกมาเช่นนี้แล้ว ทั้งฮูหยินรองตระกูลชีและฮูหยินสามตระกูลชีต่างก็ทอดถอนใจออกมา ฮูหยินผู้เฒ่ามองพวกนางทั้งสองคนปราดหนึ่ง ก็เอ่ยกำชับอย่างราบเรียบว่า “พวกเจ้าเองก็ต้องควบคุมความประพฤติของพวกเด็ก ๆ ให้ดี ให้พวกเขารู้จักสำรวมวาจาระมัดระวังการกระทำด้วย!” เรื่องที่ฮูหยินตระกูลชีไปจากจวน เสมือนวัวดินจมทะเล นิ่งเงียบไร้ซึ่งคลื่นลมใด ๆ ขณะเดียวกันภายในวังหลวง เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยที่แต่งหน้าอย่างประณีตงดงามพลันวางเตาอุ่นมือลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง ตะคอกเสียงแข็งด้วยสายตาเย็นชาใบหน้าบูดบึ้งขมึงถึง “เจ้าไม่รู้จักข่มอารมณ์ได้เลยจริง ๆ!” ขณะเดียวกัน อ๋องฉีที่นั่งอยู่บนตั่งคนงามตรงข้ามนางก็หยัดกายขึ้นมา พลางผุดยิ้มอย่างไม่แยแส “เสด็จแม่ หาใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกอย่าง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ?” เด็กที่ถูกเอาใจจนโตมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่เคยต้องได้รับความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เสี่ยวหลิ่วกุ้ยเฟยขมว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 141

    อ๋องฉีย่างเท้าไปยังตำหนักไท่จี๋เขาที่ได้รับความโปรดปรานมาโดยตลอด การเข้าออกตำหนักไท่จี๋จึงเป็นเรื่องปกติ บางครั้งหากเฝ้าเสด็จฮ่องเต้หย่งชางดึกเกินไป ฮ่องเต้หย่งชางอาจอนุญาตให้เขาพักในตำหนักข้างด้วยซ้ำไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับเกียรติเช่นนี้อย่างน้อยรัชทายาทก็ไม่เคยได้ดื่มด่ำกับมันฉะนั้นเขาจึงเป็นเหมือนปลาได้น้ำในตำหนักไท่จี๋มาโดยตลอด และครั้งนี้เขายังคงเอ้อระเหยลอยชายด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องมิใช่ว่าแค่ถามเรื่องของหานเยว่เอ๋อเองรึ?เขากล้าที่จะทำ ก็จะไม่กลัวผลที่จะตามมาเซี่ยกงกงที่กำลังเท้าเอวดุว่าศิษย์หนุ่มของเขาอยู่ที่ทางเดิน เมื่อเห็นเขามา ก็ยิ้มตาหยีก้าวไปข้างหน้าพร้อมก้มคำนับ “ท่านอ๋องเชิญ”อ๋องฉีชะงักกับนกยูงสองตัวที่กำลังเดินเล่นอยู่ในทางเดินที่เขารู้ลู่ทางอย่างดี แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ไฉนเจ้าพวกนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้?”เซี่ยกงกงมองนกยูงทั้งสองตัวแล้วยิ้ม “พวกมันถูกนำมาถวายเป็นบรรณาการโดยอ๋องอันหนาน โดยกล่าวว่าพวกมันสามารถแผ่ขนและบินได้ เมื่อครู่นี้อ๋องอันหนานเพิ่งชื่นชมพวกมันพร้อมกับฝ่าบาท ประเดี๋ยวจะส่งพวกมันไปที่สวนทางใต้แล้วขอรับ”สวนทางใต้ได้เลี้ยงสัตว์ห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 142

    คาหนังคาเขา! ซึ่งหมายความว่าเรื่องนี้มีหลักฐาน ไม่มีใครยัดเยียดความผิดไม่มีใครใส่ร้ายหัวใจของอ๋องฉีเต้นแรง เขาเพิกเฉยต่อเซียวอวิ๋นถิง เพียงแค่คุกเข่าคลานไปหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้หย่งชางแล้วร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง: “เสด็จพ่อ! นี่ไม่เกี่ยวกับลูกจริงๆ คดีทุจริตทางน้ำเกี่ยวอะไรกับลูกด้วย? เหตุใดลูกจึงต้องจะส่งคนไปฆ่าพยานอะไรนั่นด้วย?”เขากอดพระอุรุของฮ่องเต้หย่งชางและกล่าวว่า “เสด็จพ่อ จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านี่คือคนของลูกล่ะพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ!”เซียวอวิ๋นถิงเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด อ๋องฉีก็สามารถทำตัวออดอ้อนใสซื่อต่อฮ่องเต้หย่งชางได้เสมอทว่า ครั้งนี้ฮ่องเต้หย่งชางมิได้ทรงเหมือนแต่ก่อน ที่พลางยิ้มดุด่าว่ากล่าวก็ปล่อยเรื่องให้มันผ่านไปพระองค์ทรงตบหน้าอ๋องฉีไปฉาดหนึ่งเพราะมันไม่น่าเชื่อเกินไป อ๋องฉีถึงกับไม่ตอบสนองได้ในทันทีจนกระทั่งฮ่องเต้หย่งชางทรงยืนขึ้น และตบอ๋องฉีอีกครั้งด้วยความโทสะยิ่งขึ้นด้วยการตบสองครั้งในเวลาอันสั้น ตบจนมงกุฎหยกบนศีรษะของอ๋องฉีกระเซิงยุ่งไปอ๋องฉีถูกตบจนตกตะลึง ถึงแม้ว่าจางเหว่ยซุนจะถูกจับตัว จับได้ก็จับไปสิ ไฉนฮ่องเต้หย่งชางถึงพิโรธเยี่ยงน

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 496  

    หากว่ามี เช่นนั้นก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี หากว่าไม่มี เช่นนั้นก็ต้องคิดหาหนทางเลือกเด็กสักคนในตระกูลมาเป็นบุตรบุญธรรมของเขา เพื่อจะได้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ขณะที่กำลังคิดสะระตะ เขาพลันได้ยินเสียงลมหายใจระลอกหนึ่งพัดผ่านข้างใบหู เสียงลมหายใจ! ทว่าในห้องมีเขาอยู่เพียงคนเดียว! เสี้ยวพริบตาเดียวสวีฮว่านพลันรู้สึกเส้นขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว สติหลุดออกจากร่าง และทันใดนั้นก็คิดจะหมุนศีรษะกลับไปโดยสัญชาตญาณ ทว่าจังหวะที่เขากำลังคิดจะผินศีรษะกลับไป กริชเล่มหนึ่งก็ปักลงบนลำคอของเขาอย่างเงียบเชียบไร้เสียง หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ เสียงนี้ชัดเจนว่าเป็นเสียงของดรุณีน้อยงามเพริศพริ้งสดใส เหมือนกับเสียงของบุตรสาวของเขาที่เข้ามาออดอ้อนเขาในยามปกติ ทว่าในเสี้ยวขณะนี้เวลานี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าเสียงนั่นกำลังออดอ้อนสักนิด! เพื่อแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตของตนเองแล้ว เรือนของเขายังต้องเช่าอาศัย และในเมื่อเรือนยังต้องเช่าอาศัย ดังนั้นในเรือนย่อมไม่สามารถมีบ่าวรับใช้ที่มากเกินไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถมียามเฝ้าเรือนได้ด้วย ดังนั้นองครักษ์เหล่านั้นของเขา ล้วนแต่ถูกเลี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 495  

    อาภรณ์ชุดใหม่ในเรือนตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ปีนี้นับเป็นปีที่หาได้ยากที่เหล่าดรุณีสกุลสวีจะได้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์ออกไปเที่ยวชมพระโพธิสัตว์ สกุลสวีทั้งเบื้องบนเบื้องล่างต่างปีติยินดี แม้แต่ฮูหยินสวีก็ยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ทั้งตัว ในปีนี้นางสวมเสื้อนวมสองชั้นที่ทำจากผ้าไหมฝูกวงซึ่งเป็นแบบที่ทันสมัยที่สุด ข้างนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนนกยูง มองแล้วดูหรูหราเจิดจ้าจับตา เดิมทีนางรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ก่อนออกจากเรือนยังถึงขั้นถามสวีฮว่านขึ้นมาเป็นพิเศษว่า “วันนี้เป็นวันที่สาม ต้องขึ้นเขาไปกราบไหว้พระโพธิสัตว์ จุดธูปทอนน้ำมัน ทว่าก็มีบรรดาสตรีผู้มีหน้ามีตาในเมืองหลวงไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกเราแต่งกายเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ?” หลายปีที่ผ่านมานี้ บรรดาสตรีในสกุลสวีได้ชื่อว่ามัธยัสถ์เรียบง่ายมาตลอด แต่กระนั้นก็ไม่มีใครดูถูกดูแคลนพวกนาง ใครต่างก็รู้ว่าในเมืองหลวงสวีฮว่านขึ้นชื่อว่าสุจริตมือสะอาด งานเลี้ยงของคนอื่น งานสังสรรค์สุราของคนอื่น เขาไม่เคยไปร่วมเลยสักครา เพราะไปกินของคนอื่น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ต้องเชิญคนอื่นมากินเลี้ยงตอบแทนกลับในภายหลัง ใต้เท้าสวีเคร่งครัดในความสุจร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 494  

    “ไม่!” ชีหยวนส่ายหน้า มองเซียวอวิ๋นถิงตรง ๆ พลางถามว่า “ท่านอ๋อง หากต้องให้คนอื่นมาพูดแทนท่านปู่และท่านพ่อของข้าน้อย ตรงกันข้าม ขอให้คนของท่านยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจท่านพ่อและท่านปู่ของข้าน้อยด้วยดีกว่า!” เหล่าจ้าวคิดในใจ นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปกระมัง? คุณหนูใหญ่สกุลชีเสียสติไปแล้วหรือ?! ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับเข้าใจความหมายของชีหยวนได้ในทันที การลักลอบค้าขายสิ่งของผิดกฎหมายและการสมรู้ร่วมคิดกับข้าศึกขายชาติให้อริศัตรูถือเป็นแผนการอันชั่วช้าเลวร้ายมากเกินไปจริง ๆ เหตุผลที่ผู่อู๋ย่งทำเช่นนี้ ก็เพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็สามารถทำให้สกุลชีสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายพระเนตรของฮ่องเต้หย่งชางนับจากนี้ไปตลอดกาล แม้ภายหลังจะหาตัวคนร้ายที่แท้จริงเจอแล้วก็ตาม ทว่าหากว่า หากว่าชีหยวนถูกลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า และคนในราชสำนักล้วนพากันรุมโจมตีสกุลชี หวังทำลายสกุลชีให้สิ้นซากไป ทว่าต่อมากลับได้ค้นพบความลับในภายหลังว่าเงินตำลึงจำนวนมหาศาลถูกซุกซ่อนไว้ในเรือนเช่าของสกุลสวี ไหนจะคนเหล่านั้นที่เซียวอวิ๋นถิงได้ส่งไปที่จี้โจวแล้วด้วย… เช่นนั้นในตอนนี้ยิ่งทำให้เรื่องราวใหญ่โตอื

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 493  

    ตอนที่นางกลับมาถึงหอหมิงเยว่ เซียวอวิ๋นถิงคอยอยู่บนชั้นสองแล้ว เขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ราวกับเดินกลับเรือนของตนเอง ชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญ ก็มิได้พูดอะไรมาก เพียงแต่นั่งลง และเอ่ยขึ้นอย่างตรงประเด็น “ข้าน้อยจัดการสังหารสวีซินเฉียวแล้ว เขามิได้เปิดเผยข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์” หนนี้เหล่าจ้าวแอบติดตามมาด้วย วิชายุทธ์ของเหล่าจ้าวนับว่าเลิศล้ำ ดังนั้นต่อให้จะอยู่ห่างไกล เขาก็สามารถได้ยินบทสนทนาของคุณหนูใหญ่สกุลชี มิหนำซ้ำ… ยังพูดอย่างฉะฉานมั่นใจในเหตุผลมากเสียด้วย ทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย เขามุ่นหัวคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีคนแอบติดตามเจ้า” อำนาจของขันทีผู้ใหญ่ประจำกรมขันทีราชพิธีมิใช่เล่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นองครักษ์เสื้อแพรยังแทรกซึมเข้าไปได้ทุกที่ กล่าวได้ว่า นับแต่เสี้ยวขณะที่ชีหยวนถูกลอบสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ในกำมือของพวกเขาหมดแล้ว ชีหยวนเปล่งเสียงรับคำเบา ๆ สีหน้าท่าทางสงบสุขุมยิ่งนัก “ข้าน้อยทราบแล้ว ดังนั้นหลังจากข้าน้อยสังหารสวีซินเฉียว พวกเขาจะคิดว่าอย่างไร?” จะคิดว่าอย่างไรหร

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 492  

    คนเรายามที่ตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ก็มักจะเผลอใช้ความคิดฟุ้งซ่านมากลบเกลื่อนความหวาดกลัวและความตกใจของตนเองเสมอ ชีหยวนเผากริชด้วยไฟจนร้อนจัด ก่อนจะดึงหน้านิ่งและเสียบมันเข้าไปที่กระดูกสะบักซ้ายของสวีซินเฉียว จนแทงทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเขา ทว่าหนนี้สวีซินเฉียวแม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาไม่ได้ ทรุดลงกับพื้นทั้งร่างสั่นเทาและชักกระตุก ดวงตาฉายประกายหวาดกลัว ชีหยวนหยัดกายขึ้นยืน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปอย่างเรียบเฉยและส่งยิ้มให้สวีซินเฉียวพลางเอ่ยว่า “ใต้เท้าสวี ท่านจะไม่พูดก็ย่อมได้ ข้าเข้าใจ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของคนในสกุล ท่านจะไม่พูดก็เป็นเรื่องธรรมดา เช่นนั้นพวกเราค่อยพบกันอีกครั้งในยุทธจักรเถิด” นางเอ่ยพลาง ก็ส่ายเทียนไขในมือของตนเองไปมา “ข้าจะส่งท่านเดินทางครั้งสุดท้าย เผาท่านไม่ให้เหลือซาก จะได้ประหยัดแม้กระทั่งโลงศพด้วย ถือเป็นการทำประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อชาวบ้านจี้โจวไปด้วย” ชาวหว่าล่ารุกรานเข้ามาทุกปี ชาวบ้านในที่แห่งนั้นเผชิญหายนะทุกข์ทรมานกันไปแล้วตั้งเท่าใด?! พวกเขาโหดร้ายป่าเถื่อน บุรุษถูกสังหารทันที ส่วนสตรีและเด็กก็กวาดต้อนกลับไปยังทุ่งหญ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 491  

    และทันทีที่ผ้าขี้ริ้วถูกดึงออกมาจากในปาก สวีซินเฉียวไม่แม้แต่จะหยุดชะงักก็อ้าปากหมายจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที แต่ชัดเจนว่าความรวดเร็วของชีหยวนยังเร็วกว่าเขามาก เขายังไม่ทันได้อ้าปากส่งเสียง ชีหยวนก็จัดการยัดผ้าขี้ริ้วกลับเข้าไปในปากของเขาอีกครั้งด้วยความรวดเร็วแล้ว และที่ยัดเข้าไปคราวนี้ก็ลึกยิ่งกว่าคราวก่อน แทบจะจุกเข้าไปถึงด้านในลำคอของสวีซินเฉียว ทำให้สวีซินเฉียวถึงขั้นพะอืดพะอมพยายามสำรอกออกมาหลายครั้ง ระดับความตื่นรู้ของคนหนึ่งคน เทียบเท่ากับระดับความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาได้รับ สำหรับสวีซินเฉียวในยามนี้ก็นับเป็นเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อใดที่สตรีตรงหน้าเอื้อนเอ่ยวาจาน้ำลายหนึ่งหยดของนางคือตะปูหนึ่งดอก หากไม่เชื่อฟังคำพูดของนางแล้ว นางจะแสดงความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดออกมา ชีหยวนผุดยิ้มเล็กน้อยพลางหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาและปักกลับไปที่มวยผมดังเดิม จากนั้นค่อยแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางขยับข้อมือไปมา “ใต้เท้าสวี ดูท่านสิ เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังกันบ้างเจ้าคะ? คนที่ไม่เชื่อฟัง จะต้องถูกลงโทษนะเจ้าคะ” เอ่ยพลาง นางก็เลื่อนมือข้างหนึ่งไปปิดปากสวีซินเฉียวไว

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 490

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น สวีฮว่านก็ยิ่งระมัดระวังในการกระทำมากขึ้นไปอีกที่จวนไม่เคยจัดงานเลี้ยงหรืองานมหรสพใด ๆ เลยแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดของหญิงชรา ก็แค่ให้คนในครอบครัวทานข้าวด้วยกันมื้อเดียวแล้วก็จบกันไปเงินทองในบ้านกองเป็นภูเขา ผ้าไหมผ้าแพรก็มีมากมาย แต่ก็ไม่เคยเอาออกมาใช้แค่เห็นแต่ใช้ไม่ได้ นี่แหละถึงเป็นเรื่องที่อึดอัดใจและกลัดกลุ้มใจที่สุด!นางยังคิดว่าสวีฮว่านคงจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ใครจะรู้ว่าเขาเหมือนจะคิดตกได้ในทันทีสวีฮว่านยิ้มบาง ๆ พูดอย่างมีนัยยะว่า “เมื่อก่อนใช้ไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะใช้ได้แล้ว”ฮูหยินสวีฟังไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร แต่ก็ดีใจยิ่งนัก รีบเปิดคลังเอาหนังสัตว์ออกมา ตัดเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ ในบ้านกันคนละชุดที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่นสวีซินเฉียวออกจากบ้านสวีก็ยิ้มแย้มมีความสุขเช่นกันแน่นอนว่ามีความสุขอยู่แล้ว!สิ่งที่เขาทำ เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นความผิดมหันต์ถึงขั้นถูกตัดหัวและฆ่าล้างเก้าชั่วโคตร แต่ตอนนี้ไม่ต้องกลัวแล้ว เพราะมีตระกูลชีเป็นแพะรับบาปไปแล้ววันขึ้นปีใหม่ บังเอิญมีเรื่องมงคล เขาดีใจจนเดินตรงไปที่หอหงเฟิ่นจินที่ค้าขายดีท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 489

    กลางดึก ของขวัญหลากสีสันที่ได้รับในคืนวันปีใหม่กองเต็มโถงบุปผา ทั้งห้องสวีฮว่านมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้ว “ใครเป็นคนส่งของโจ่งแจ้งขนาดนี้?”สวีซินเฉียวเดินออกมาจากหลังฉากกั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง พลางหัวเราะ “อารอง เป็นข้าเอง! หลานมิใช่เพิ่งกลับมาจากจี้โจวหรือ? ก็เลยตั้งใจเอาของมาคำนับท่านอารองโดยเฉพาะขอรับ”สีหน้าของสวีฮว่านไม่ได้ดูดีขึ้นเลย พอเห็นเขาก็ตวาดเสียงดังทันที “เจ้าคนสารเลว! เจ้าคิดว่านี่เป็นที่ไหนกัน? คิดว่าเจ้าตัวเองเป็นใคร? ตำแหน่งผู้ตรวจการเมือง มันเด่นขนาดนั้น ยังไม่รู้เหรอว่ามีคนจับตาดูอยู่เท่าไหร่? เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเจ้ารับสินบนไปมากแค่ไหน?!” สวีซินเฉียวทำปากเบะทันที สีหน้าดูเหมือนน้อยใจ “ท่านอารอง อย่างน้อยก็ท่านช่วยดูของที่หลานเอามาก่อนเถอะ! เมืองจี้โจวน่ะ อะไรที่ไม่ค่อยมี แต่หนังสัตว์นั้นหลากหลายเยอะสุด หลานกลับมาทั้งที จะเอาของฝากมาฝากท่านอาสะใภ้ กับพวกน้อง ๆ สักหน่อย มันก็เป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือไร? ใครจะมาตำหนิได้ล่ะ?”ว่าแล้ว เขาก็หัวเราะระรื่น พลางขยับยื่นหน้ามาใกล้ “ว่าไปแล้ว ท่านอา เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี นี่ไม่ใช่เพราะท่านอาช่วยเชื่อมโยงให้หลานได้

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 488

    เมื่อเห็นว่าชีหยวนยังเงียบอยู่ เซียวอวิ๋นถิงก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกเขาเป็นครอบครัวทหารตระกูลชีแน่นอน และตลอดหลายปีมานี้ก็มีการติดต่อกับเผ่าหว่าล่าจริง ลักลอบค้าขายเหล็กเถื่อนกับเผ่าหว่าล่า พวกท่านแน่ใจหรือว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย?!”ชีเจิ้นไม่สนแล้วว่าคนตรงหน้าคือพระราชนัดดา “พวกเราจะไปทำเรื่องโง่ๆ ทำลายตนเองแบบนั้นได้ยังไง?! ตั้งแต่ไหนแต่ไร แคว้นเรากับเผ่าหว่าล่าก็เป็นศัตรูกันมานาน ญาติพี่น้องของเรากี่คนแล้วที่ต้องตายในมือของเผ่าหว่าล่า เราจะไปสมคบคิดกับพวกมันได้ยังไง?!”สีหน้าของท่านโหวผู้เฒ่าชีซีดขาวราวกับเถ้าถ่านเรื่องคราวนี้เล่นงานเขาจนตั้งตัวไม่ทันจริง ๆจะจัดการยังไงดี? จะทำอย่างไรดีกันแน่?จะติดสินบนเจ้าเมืองทงโจว หม่าเซวียนไหม?ไม่ได้ เรื่องนี้ทำแบบนั้นไม่ได้เบื้องหลังคนพวกนั้นวางแผนมาอย่างดี แสดงว่าจ้องเล่นงานพวกเขาเต็มที่แล้วถ้าให้หม่าเซวียนช่วยกลบเรื่อง จะยิ่งกลายเป็นหลักฐานมัดตัวว่าตระกูลเราสมคบขายชาติครั้งนี้ ดูยังไง ก็เป็นกับดักตายชัด ๆ!เซียวอวิ๋นถิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะหินเบา ๆ “คดีนี้ อย่างช้าบ่ายนี้ถูกส่งไปถึงมือกรมยุทธนาการ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมยุทธนาการ ยังไง

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status