แชร์

บทที่ 935

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
“มิเช่นนั้น ก็โปรดท่านอ๋องสารภาพมาให้ชัดเจนว่า ร่วมมือกับต่งชูเพื่อล้างแค้นให้พระชายาหลี และทำร้ายจักรพรรดิสูงสุดอย่างไร”

ในขณะนั้น ฟู่เฉินหวนพยายามระงับความเจ็บปวดด้วยสติอีกครั้ง ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า "ไสหัวไป!"

ขันทีหลิวเยาะเย้ย "เช่นนั้น ลั่วเยวี่ยอิงคงต้องทนทุกข์ทรมานเสียหน่อยแล้ว"

"เฆี่ยนต่อไป!"

ขันทีหลิวออกคำสั่ง และผู้คุมก็เฆี่ยนลั่วเยวี่ยอิงด้วยแส้อย่างแรงอีกครั้ง

ร่างกายของลั่วเยวี่ยอิงเต็มไปด้วยเลือด นางมิสามารถขยับได้แม้เพียงครึ่งก้าว นางทำได้เพียงนอนหมอบลงบนพื้นรับโทษทัณฑ์ และร้องครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"หยุด! หยุด!"

ฟู่เฉินหวนดึงโซ่อีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง

เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เล็บของลั่วชิงยวนจิกเข้าไปในฝ่ามือ ดวงตาของนางแดงก่ำ

หัวใจของนางเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้? ฟู่เฉินหวนจะอาเจียนเป็นเลือดได้อย่างไร!

มิได้การ มีบางอย่างผิดปกติ! ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่!

นางรีบพุ่งไปข้างหน้าทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"

นางแย่งแส้จากมือของผู้คุมแล้วผลักเขาออกไป

ขันทีหลิวพูดอย่างเย็นชา "พระชายาจะทำอ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ມັນນີ້ ປາລີວັນ
จะอ่านต่อยังไงค่ะ อยากอ่านใจจะขาดแล้วนะ
goodnovel comment avatar
Sam Sung
นอ.จะหาสาเหตุได้รึไม่
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 936

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด“ว่ากระไรนะเพคะ?” ลั่วชิงยวนมิเข้าใจเสียงของฟู่เฉินหวนฟังดูอ่อนแรง แฝงด้วยความสะอื้นและสิ้นหวัง "ข้าขอโทษ ข้าควบคุมตัวเองมิได้"เสียงนั้นทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง และทันใดนั้นนางก็เข้าใจทุกอย่างนางอดมิได้ที่จะกอดเขาไว้แน่น ๆ น้ำตาพลันไหลออกมา“หม่อมฉันรู้แล้ว หม่อมฉันรู้หมดทุกอย่างแล้ว”ฟู่เฉินหวนควบคุมตัวเองมิได้จริง ๆ และมิได้เป็นเช่นนี้เพราะเขารักลั่วเยวี่ยอิงก่อนหน้านี้ ฟู่เฉินหวนมาหานางเพื่อขอความช่วยเหลือหลายครั้ง เขาถามว่า ในใต้หล้านี้มีวิธีใดที่จะควบคุมจิตใจคนได้ นางมิรู้ว่าฟู่เฉินหวนถูกควบคุม ดังนั้นนางจึงเชื่อมาตลอดว่าฟู่เฉินหวนรักลั่วเยวี่ยอิงมากเกินไปวันนี้อาการปวดหัวและอาการอาเจียนเป็นเลือดของเขา แน่นอนว่ามิได้เกิดจากการเจ็บปวดที่ที่ลั่วเยวี่ยอิงถูกเฆี่ยนตีมีอะไรบางอย่างควบคุมฟู่เฉินหวนอยู่!ฟู่เฉินหวนเจ็บปวดเกินกว่าจะขยับได้ แต่เขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยกแขนขึ้นมากอดนางคางที่ไร้เรี่ยวแรงของเขาวางพาดลงบนไหล่ของนางพลางหลับตาลง แต่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่ซีดเซียวปรากฏขึ้น“ความลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 937

    ลั่วชิงยวนดึงลั่วเยวี่ยอิงไปข้างหลังนางอย่างระมัดระวังเมื่อไทเฮาเห็นฉากนี้ นางก็อดมิได้ที่จะหัวเราะ "เป็นเรื่องยากที่จะที่ได้เห็นเจ้าปกป้องลั่วเยวี่ยอิง ​​เจ้ามิลืมใช่หรือไม่ว่า นางเคยปฏิบัติกับเจ้าเช่นไร"“มอบนางให้ข้าเถอะ ข้าจะมิปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีแน่”ลั่วเยวี่ยอิงคว้าแขนเสื้อของลั่วชิงยวนไว้อย่างประหม่าลั่วชิงยวนมองไปที่ไทเฮาอย่างเย็นชา หากไทเฮาจับลั่วเยวี่ยอิงไป ไม่มีทางที่ไทเฮาจะสังหารลั่วเยวี่ยอิงเป็นแน่ ไทเฮาจะต้องใช้นางควบคุมและทรมานฟู่เฉินหวน“มิว่าอย่างไรลั่วเยวี่ยอิงก็เป็นคนของตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการ เหตุใดต้องส่งนางให้กับไทเฮาด้วยหรือเพคะ?”“หากจะฆ่านาง หม่อมฉันจะลงมือเอง”ใบหน้าของไทเฮาเปลี่ยนเป็นเย็นชา“ลั่วชิงยวน เจ้าเพียงแค่ต้องปกป้องฟู่เฉินหวนตามรับสั่งขององค์จักรพรรดิสูงสุด แต่นี่เจ้ายังมาปกป้องลั่วเยวี่ยอิงด้วย เจ้าคิดว่าตัวข้านั้นหลอกได้ง่าย ๆ รึ?”ลั่วชิงยวนมองไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย“มิสำคัญว่าไทเฮาจะทรงเชื่อหรือไม่ หากแย่ที่สุดก็เผชิญหน้ากับองค์จักรพรรดิสูงสุด สิ่งใดที่ไทเฮาทรงต้องการที่จะทราบ องค์จักรพรรดิสูงสุดจะทรงตอบท

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 938

    ในผลการทำนายแสดงให้เห็นว่า ดาวหมาป่าสวรรค์แห่งแคว้นได้ตกลงมา และจะเกิดสงครามในแคว้นเทียนเชวียเปลวไฟแห่งสงครามนั้นจะกลืนกินดินแดนครึ่งหนึ่งของแคว้นเทียนเชวียนี่เป็นมหาภัยพิบัติสำหรับแคว้นเทียนเชวีย แต่ก็เป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์ของพวกเขาด้วยจู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็คิดถึงพวกนอกด่านฉับพลันนั้นก็นึกถึงฉินเชียนหลี่ขึ้นมาทันใดนั้น นางก็เริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินเชียนหลี่หรือไม่แต่ก่อนหน้านี้ คนของฟู่เฉินหวนที่ส่งไปบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีอีกทั้งลั่วอวิ๋นสี่ก็มิได้ส่งข่าวใด ๆ ให้นางมาเป็นเวลานาน ดังนั้นก็หมายความว่าไม่มีอะไรผิดปกติทุกอย่างดูเหมือนจะสงบสุขดีแต่การทำนายนี้ย่อมมิหลอกลวง!เช่นนั้นหลังจากรุ่งสาง ลั่วชิงยวนจึงส่งคนไปเชิญจักรพรรดิมา เพื่อถามเกี่ยวกับพวกนอกด่านที่ชายแดนฟู่จิ่งหานตอบว่า "ทุกอย่างที่นั่นดูเหมือนจะสงบสุขดี จนถึงตอนนี้ข้ามิได้ยินข่าวร้ายใด ๆ เลย"ลั่วชิงยวนพยักหน้า "ก่อนหน้านี้พวกนอกด่านหายตัวไปอย่างลึกลับ หม่อมฉันคิดว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่อีกด้านหนึ่งของชายแดน"“หากในอีกมิกี่วันมีหนังสือราชการจากทางนั้นส่งมา ฝ่าบาทจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 939

    ลั่วชิงยวนมองแผนที่แล้วพูดว่า "แม้ว่าอู่จิ้นจะมีความสำคัญ แต่อู่จิ้นก็มีแนวป้องกันตามธรรมชาติซึ่งก็คือเทือกเขาด้านหลัง แม้ว่าศัตรูจะมีเจตนาชั่วร้ายและต้องการทำลายอู่จิ้น แต่ก็มิอาจผ่านภูเขาไปได้ในเวลาสั้น ๆ”“ในทางกลับกัน หากพ่ายแพ้ พวกนอกด่านจะสามารถเข้าสู่แคว้นเทียนเชวียได้โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง”ดวงตาของฟู่จิ่งหานเป็นประกาย "แม่ทัพใหญ่ฉินก็พูดเช่นนี้"“แต่มหาราชาจารย์เหยียนกลับพยายามขัดขวางอย่างหนัก โดยบอกว่าแม่ทัพใหญ่ฉินเป็นห่วงลูกชายของเขาก็เท่านั้น”“มิได้พิจารณาอย่างยุติธรรม”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "ตระกูลเหยียนเป็นบ้าไปแล้วหรือ? พวกเขาจะมีประโยชน์อะไรหากพวกนอกด่านบุกแคว้นเทียนเชวีย"ทันทีที่คำพูดออกมาจากปากของเขา ลั่วชิงยวนก็คิดถึงผลประโยชน์ขึ้นมาได้นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาส่องประกายเย็นชา“ฟู่เฉินหวนถูกจำคุก หากพวกนอกด่านบุกเข้ามา ตระกูลเหยียนก็สามารถแย่งชิงอำนาจทางทหารจากฟู่เฉินหวนไปได้อย่างมีเหตุอันสมควร และสามารถต่อต้านพวกนอกด่านได้เต็มกำลัง”"นับว่าเป็นแผนที่ชาญฉลาดจริง ๆ"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฟู่จิ่งหานก็ขมวดคิ้ว "มิได้เด็ดขาด!"“หากอำนาจทางทหารทั้งหมดอยู่ในมือของมห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 940

    รองเท้าคู่นั้นที่พบในตู้เสื้อผ้าดูเหมือนว่าจะเป็นวัสดุชนิดเดียวกันระดับการสึกหรอของพื้นรองเท้าดูเหมือนที่ด้านในจะสึกหรอมากกว่าเช่นกันมินาน ขันทีหลิวก็จากไปลั่วชิงยวนลุกขึ้นจากพื้นดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ นางจึงรีบไปที่สวนด้านหลังเมื่อเปิดประตูเข้าไป ฉากภายในก็ดูเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยผ้าห่มบนเตียงเคยถูกพับไว้ ตอนนี้กลับยุ่งเหยิง ดูเหมือนมีคนเพิ่งนอนที่นี่นางเดินเข้าไปสัมผัสใต้ผ้าห่ม ปรากฏว่ามันยังอุ่นอยู่!ลั่วชิงยวนตกใจมาก ชายคนนั้นอาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ?นางเปิดตู้เสื้อผ้าออก แต่ภายในตู้เสื้อผ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ในกาน้ำชาบนโต๊ะมีน้ำร้อนเพิ่มขึ้น และมีถ้วยชาที่ใช้แล้วเพิ่มเข้ามาเท่านั้นเมื่อนึกถึงว่า ขันทีหลิวออกไปจากทางนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคือคนที่อาศัยอยู่ที่นี่?เขาเป็นคนรักของต่งชูหรือไม่?แต่นั่นมิถูกต้อง แม้ว่าขันทีหลิวจะเป็นขันที แต่เขาก็มิควรอาศัยอยู่ด้านหลังห้องบรรทมของไทเฮาเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางก็เริ่มค้นภายในห้องทันทีตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน หวังว่าจะพบเบาะแสเพิ่มเติมสุดท้ายก็พบทางลับอยู่บนเตียง เมื่อเปิดแผ่นไม้ขึ้นมา ด้านล่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 941

    “หัวหน้าหมอหลวงมู่ ใบเทียบยาทั้งสองนี้มาจากสำนักหมอหลวงของท่านหรือไม่?”หัวหน้าหมอหลวงมู่มองดูและพยักหน้า “มันเป็นใบเทียบยาที่สำนักหมอหลวงจัดทำขึ้น แต่นี่ดูมิเหมือนกับใบเทียบยาที่ออกตอนตรวจรักษา น่าจะเป็นใบเทียบยาที่ออกในระหว่างการทดสอบตามปกติของสำนักหมอหลวง”“เช่นนั้น หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่จำลายมือในใบเทียบยานี้ได้หรือไม่?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ตอบอย่างมิลังเลแม้แต่น้อยว่า "นี่น่าจะเป็นลายมือของเซิ่งไป่ชวน"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง“เป็นเขาหรือ?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่สับสนมาก "พระชายา ท่านถามเรื่องนี้ด้วยเหตุใด? อีกทั้งใบเทียบยาที่ใช้ในการทดสอบเหล่านี้ก็ควรถูกเก็บไว้ในสำนักหมอหลวง เหตุใดจึงมาอยู่กับท่าน?"“เซิ่งไป่ชวนมิได้ก่อเรื่องอะไรมิดีใช่หรือไม่?”มู่หรูไห่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยลั่วชิงยวนเปลี่ยนหัวข้อและถามว่า "ผู้ดูแลสำนักหมอหลวง ข้าขอถามสักคำ ท่านจัดการเจิ้งหวู่เหลียงแห่งสำนักหมอหลวงแล้วหรือยัง?"มู่หรูไห่มีสีหน้าเคร่งขรึม “มิต้องห่วง ข้าจะจะจัดการเอง แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วนางก็พูดถึงใบเทียบยา นางถามอย่างสงสัย "ผู้ดูแลสำนักหมอหลว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 942

    จากนั้นนางจึงติดตามหัวหน้าหมอหลวงมู่ไปยังสำนักหมอหลวง และยังปลอมตัวเป็นหมอหลวงหนุ่มเพื่อความสะดวกในการเข้าออก มิให้เป็นที่สะดุดตาหัวหน้าหมอหลวงมู่พานางไปยังหอจดหมายเหตุตามหาม้วนหนังสือเก่า ๆ ที่ถูกฝุ่นจับหนาอยู่บนชั้นหนังสือหลังจากค้นหาอยู่นาน ในที่สุดหัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ก็หยิบหนังสือหนา ๆ สองเล่มออกมา"น่าจะเป็นเล่มนี้แล้ว"ลั่วชิงยวนเปิดหนังสือ และตรวจดูทีละหน้านางอ่านบันทึกการวินิจฉัยชีพจรหนึ่งปีก่อนเกิดกลียุคในวัง นางสนมทั้งหมดได้รับการวินิจฉัยชีพจรโดยหมอหลวงเป็นประจำ แต่บันทึกการวินิจฉัยชีพจรของไทเฮากลับมีการเปลี่ยนหมอหลวงกลางคัน“หัวหน้าสำนักหมอหลวง หมอหลวงสวี่ซิงเต๋อยังอยู่หรือไม่?”หัวหน้าสำนักหมอหลวงมู่ส่ายหน้า “เขาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว”ลั่วชิงยวนมองกลับไปกลับมาที่บันทึกไปมา คิ้วขมวดมุ่น“มีอะไรหรือ? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”ลั่วชิงยวนกล่าวว่า "ดูสิ ต้นเดือนสาม ไทเฮามีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้และง่วงนอน แต่มิได้จับชีพจร เพียงแค่สั่งยาให้ทานเท่านั้น"“ในเดือนสี่ หมอหลวงผู้วินิจฉัยชีพจรถูกแทนที่ด้วยสวี่ซิงเต๋อ”“ในอีกสิบเดือนต่อจากนั้น หมอหลวงสวี่ซิงเต๋อเป็นผู้ต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 943

    ลั่วชิงยวนจะมิเป็นกังวลได้เช่นไร การเคลื่อนไหวของตระกูลเหยียนครั้งนี้ก็เพื่อจะกลืนอำนาจทหารในมือของฟู่เฉินหวน ดังนั้นย่อมมิอาจปล่อยให้พวกเขาสมหวังได้“วันนี้ตอนที่เข้าไปในพระตำหนักโช่วสี่ หม่อมฉันพบเบาะแสบางอย่าง แต่มิพบหลักฐานที่เพียงพอ ดังนั้นหม่อมฉันคิดว่าจะต้องล่อให้บุคคลนั้นปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง”นางค่อย ๆ เดินไปที่เตียงและเห็นว่าจักรพรรดิสูงสุดก็มิได้หลับไปเช่นกัน และกำลังตั้งใจฟังคำพูดของนางนางคุกเข่าลงและถามว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องการใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง และหม่อมฉันต้องการความร่วมมือจากพระองค์ พระองค์ทรงเต็มใจหรือไม่เพคะ?”เพราะการฝังเข็มอย่างรุนแรงเพื่อให้ร่างกายของจักรพรรดิสูงสุดเคลื่อนไหวได้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย นางจึงต้องขอความยินยอมจากองค์จักรพรรดิสูงสุดก่อนแต่จักรพรรดิสูงสุดก็พยักหน้าอย่างมิลังเลทั้งยังส่งสายตาให้กับนางอย่างแรงกล้าด้วยลั่วชิงยวนตกตะลึง "ท่านทรงอยากให้หม่อมฉันฝังเข็มตอนนี้เลยหรือ?"จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้า“แต่การฝังเข็มเสียตั้งแต่ตอนนี้ ในวันพรุ่งคงไม่มีผลมากนัก”แต่จักรพรรดิสูงสุดดูวิตกกังวลมาก และตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะให

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1413

    คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1412

    “ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1411

    “แม้จะต้องยอมตายไปพร้อมกับถูหมิง ข้าก็ยินดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง แต่ก็ยังคงสงสัยอยู่บ้าง“แต่เจ้าสนิทสนมกับถูหมิงถึงเพียงนั้น น่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้นับครั้งมิถ้วน”ฉีเสวี่ยเวยขมวดคิ้วแน่น ดวงตาแดงก่ำ “แท้จริงแล้วคนผู้นั้นระแวดระวังตัวมาก หากมิใช่เพราะต้องการลดความระแวดระวังของเขา ข้ากับชายมากหน้าหลายตาก็คงมิ...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉีเสวี่ยเวยก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากกล้ำกลืนความรู้สึกแล้ว จึงกล่าวต่อ “ในป่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดข้า เดิมทีตอนนั้นข้ามีโอกาสที่จะฆ่าเขาได้!”“แต่เจ้าปีศาจฝูเหมิ่งนั่นบังเอิญมาขวาง!”“หากมิใช่เพราะเขา ข้าคงทำสำเร็จไปแล้ว!”ฉีเสวี่ยเวยกัดฟันพูด เต็มไปด้วยความเคียดแค้นลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นสีหน้าของฉีเสวี่ยเวย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความแค้น ดูมิเหมือนคนโกหกทำให้นางเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉีเสวี่ยเวยไปบ้างขณะที่ลั่วชิงยวนยังคงครุ่นคิด ฉีเสวี่ยเวยก็มองมาที่นาง “เจ้ายังมิเชื่อข้าหรือ?”“ขอเพียงเจ้าฆ่าถูหมิงได้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อเจ้า! ข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ทุกอย่าง!”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1410

    ลั่วชิงยวนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มิกล้าขยับกายทว่างูตัวนั้นกลับกัดข้อเท้านางอย่างแรงหนึ่งครั้ง จากนั้นก็รีบเลื้อยหนีไปรออยู่ครู่หนึ่ง ฉีเสวี่ยเวยเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จึงเปิดประตูเข้ามานางมิอาจมั่นใจได้ว่าพวกคนใบ้จะกลับมาเมื่อใด จึงมิกล้าเสียเวลานานหลังจากปิดประตูอย่างระแวดระวังแล้ว นางก็มายังปลายเตียง จ้องมองข้อเท้าของลั่วชิงยวนอย่างละเอียด ปรากฏว่าถูกงูกัดจริง ๆ นางต้องตายเพราะพิษนี้แน่นอน!ทันใดนั้นเอง ฉีเสวี่ยเวยก็ชักกริชออกมาแล้วเดินไปยังหัวเตียง ค่อย ๆ จรดใบมีดลงบนใบหน้าของลั่วชิงยวนแต่ในพริบตานั้นเอง ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นมาจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาตแค้นฉีเสวี่ยเวยพลันตกใจ แต่ก็มิได้หนีในทันที เพราะนางคิดว่าลั่วชิงยวนโดนพิษงูเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีลั่วชิงยวนรีบคว้าข้อมือของฉีเสวี่ยเวยไว้เพื่อแย่งชิงกริชมาจากนางฉีเสวี่ยเวยก็ลงมือโจมตีเช่นกัน เพียงแต่นางคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้ที่ถูกพิษแล้วจะยังมีพละกำลังมากมายถึงเพียงนี้หลังจากทั้งสองต่อสู้กันครู่หนึ่งในห้อง ฉีเสวี่ยเวยก็พ่ายแพ้ ถูกลั่วชิงยวนจับกดไว้บนโต๊ะฉีเสวี่ยเวยตกใจมาก “เจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1409

    “แน่นอน”“อีกอย่าง เมื่อหาของเหล่านี้ครบแล้วเมืองแห่งภูตผีทั้งเมืองก็จะเป็นของพวกเรา แล้วยังต้องขึ้นเขาไปเอาของเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นหาปะไร”คำพูดนี้กระตุ้นความโลภในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างมิต้องสงสัยพวกเขาจึงมิลังเลอีกต่อไป รีบติดตามลั่วชิงยวนไปยังเส้นทางเดิมตลอดทางยังมีงูมากมาย ลั่วชิงยวนก็หาสมุนไพรบางชนิดตลอดทางแล้วมอบให้ทุกคนผูกติดไว้บนตัวและทาตามเท้า เพื่อให้กลิ่นของสมุนไพรนั้นช่วยไล่งูดังนั้นการเดินทางของพวกเขาจึงราบรื่นดี เมื่อยามค่ำคืนมาเยือนพวกเขาก็ออกมาจากบ่อน้ำพุร้อนนั้นอีกครั้งพวกเขากลับมายังหมู่บ้านเดิมในช่วงกลางดึกสงัดในหมู่บ้านยังมีอาหารหลงเหลืออยู่ ดังนั้นทุกคนจึงหยุดพักกินอาหารกันก่อนเมื่อฟื้นฟูพละกำลังได้แล้วคนทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อมาถึงสุสานเดิม ยามนี้วิญญาณอาฆาตเต็มไปทั่วทั้งภูเขา พลังหยินแผ่ซ่านไปทั่วเมื่อลั่วชิงยวนมาถึงที่แห่งนั้นก็พบว่าปากถ้ำเปิดออกแล้วมีคนกล่าวขึ้นว่า “วันนั้นฝูเหมิ่งก็มาที่นี่!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้ว ภาพที่ปรากฏด้านในนั้นมิเปลี่ยนแปลงมากนัก สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียวคือโลงศพที่ถูกล่ามโซ่นั้นระเบ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1408

    เมื่อได้ยินดังนั้น ความโลภก็ปรากฏในดวงตาของถูหมิง ใครเล่าจะมิปรารถนาสมบัติของเมืองแห่งภูตผี เขาตอบตกลงในทันที “ได้”ลั่วชิงยวนกล่าวต่อว่า “แต่การนำของสิ่งนี้มาจะต้องเผชิญกับอันตรายบ้าง ดังนั้นอาจจะต้องมีคนของเจ้าสละชีวิต”“แต่คนมากก็แบ่งกันได้น้อย คนตายไปบ้างก็มิจำเป็นต้องสนใจความเป็นความตายของพวกเขา”“ความลับนี้ข้าบอกเพียงเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าได้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เชียว”“โดยเฉพาะฉีเสวี่ยเวย”เมื่อได้ยินดังนั้นถูหมิงก็หันกลับไปมอง แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มิเคยสนใจความเป็นความตายของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว“หาได้มีปัญหาไม่!”ถูหมิงรับปากอย่างง่ายดาย แต่ลั่วชิงยวนกลับยังคงระแวดระวัง “ยังมีเรื่องที่ต้องบอกเจ้าอีกอย่าง กองทัพของเมืองแห่งภูตผีถูกพวกข้าปลุกปั่นแล้ว คาดว่าอีกมินานคงไล่ตามมา”“ก่อนที่จะหาของทั้งหกชิ้นพบ อย่าได้คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือจากนี้ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู หากถูกพวกมันจับได้คงไม่มีใครมีจุดจบที่ดี”สีหน้าของถูหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย มิคาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะเก่งกาจมากถึงเพียงนี้ กระทั่งปลุกกองทัพของเมืองแห่งภูตผีขึ้นมาได้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status