ดวงตาของเขาเย็นชา เขามองไปที่ลั่วชิงยวนอย่างสงบ และพูดเสียงเรียบ “เจ้ามันรนหาที่เอง”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและมองเขา “เหตุใดท่านมิเชื่อหม่อมฉัน หากหม่อมฉันขโมยความลับไปจริง ๆ แล้วเหตุไฉนหม่อมฉันต้องกลับมาด้วย”ท่านส่งใครไปที่อำเภอชิงฉวีและเขาหลีซานเพื่อตรวจดูไม่ได้หรือ?!”ฟู่เฉินหวนไม่ได้พูดอะไร แต่โบกมือให้ซูโหยวนำของเข้ามาเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เลือกทางรอดด้วยตัวเอง”“ตำหนักอ๋องมิเคยปล่อยให้สายลับรอดไปได้”“เจ้าอยู่มิเป็นเอง จะตำหนิใครได้”ทันใดนั้น เซียวชูก็เดินเข้ามาข้างหน้าพร้อมทหารองครักษ์หลายคนและจับไหล่ของลั่วชิงยวนไว้ นางดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า และในที่สุดก็ถูกบังคับให้ดื่มยาภายในชั่วครู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนก็หยุดดิ้นรน และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นภายในห้องขังฟู่เฉินหวนหันหลังกลับและจากไป พูดอย่างเย็นชา "ดูแลนางด้วย""พ่ะย่ะค่ะ"จือเฉาถูกมัดและตะโกน “พระชายา? พระชายา?”ไม่มีการตอบสนองจนกระทั่งเซียวชูและผู้คุมลากร่างผ่านประตูห้องขังของจือเฉาไป นางก็ตกใจและตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันแหบแห้ง “พระชายา! พระชายา!”ร่างของลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากและเย้ยหยัน นางกำกริชจันทร์เสี้ยวในมือแน่นแล้วรีบก้าวไปข้างหน้าดวงตาของหมอกู้เปลี่ยนเป็นเย็นชา "เจ้ายังมิตายจริง ๆ!"“เราสองพี่น้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า ชาติหน้าเราจะกลับมาแก้แค้น!” ดวงตาของหมอกู้เปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขากัดฟัน หมายจะกินยาพิษแต่ทว่าลั่วชิงยวนเตรียมตัวมาอย่างดีและเตะเขาเสียก่อน ทำให้ยาพิษในปากของหมอกู้หลุดออก“อยากตายรึ? มิง่ายแบบนั้นหรอก!”หมอกู้ล้มลงกับพื้น จ้องมองนางด้วยความโกรธ และอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายลั่วชิงยวนบีบแก้มของเขาแล้วมองดูเขาอย่างเหนือกว่า "หากเจ้ายังคำนึงถึงชีวิตหลังความตายอยู่ ก็ให้ความร่วมมือมาดี ๆ มิเช่นนั้น ข้าจะขุดศพพี่ชายทั้งสองคนของเจ้าขึ้นจากหลุม แล้วบดกระดูกให้เป็นเถ้าธุลีทีเดียว"“มิยอมให้ไปเจอชีวิตหลังความตายแน่!”โลงศพของสามพี่น้องกู้ล้วนสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เห็นได้ว่าพวกเขาหมายจะมีชีวิตที่ดีในชาติหน้าเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงมิกลัวความตายในชีวิตนี้อย่างไรก็ตาม คำพูดของลั่วชิงยวนดูคล้ายกับการเอามีดไปจ่อคอหมอกู้อย่างไรอย่างนั้น เขาตกใจและจ้องมองไปที่ลั่วชิงยวน “ลั่วชิงยวน อย่าใจร้ายเกินไปนัก!”ลั่วชิงยวนเม้
ฟู่เฉินหวนรู้สึกตัว เดินตามทัน และกลับไปที่ตำหนักเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวมากมายในตำหนักกลางดึก ลั่วเยวี่ยอิงจึงลุกขึ้นและมายังลานตำหนักจากนั้นก็เห็นลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับมาด้วยกันในขณะนั้น ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงก็ซีดลง “ท่าน!”ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา มิแยแส และเดินตรงไปที่คุกใต้ดินลั่วเยวี่ยอิงตกใจมากจนนางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นั่นคนหรือผี?ลั่วชิงยวนยังมิตายเหรอ?“ท่านอ๋อง นาง…” ลั่วเยวี่ยอิงกำลังเสียศูนย์และดูตื่นตระหนกฟู่เฉินหวนปลอบใจนาง "นางยังไม่ตาย""เจ้าวางใจได้"“นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ให้คนไปส่งลั่วเยวี่ยอิงกลับเรือนลั่วเยวี่ยอิงตกใจมาก นางโกรธจนอาเจียนเป็นเลือด ทันทีที่กลับถึงห้อง…… ที่คุกใต้ดินลั่วชิงยวนขอให้ผู้คุมทั้งหมดล่าถอยไป มิให้มีการทรมานใด ๆ และสอบสวนกู้หงปิ่งเพียงลำพังฟู่เฉินหวนกำลังนั่งอยู่ในห้องข้าง ๆ ดื่มชาและฟังอย่างเงียบ ๆ“ข้าเห็นโลงศพของเจ้าในอำเภอชิงฉวี ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร เจ้าสามคนคงมีชีวิตที่ยากลำบาก หากทั้งสามคนมีอัตลักษณ์เดียวกัน เช่นนั้นเจ้าทั้งสามคงถูกกำหนดให้ต้องเจอจุดจบ”
กู้หงปิ่งตอบอย่างมิแยแส “ตระกูลเหยียนไงเล่า”“เราเพียงติดต่อกับเหยียนผิงเซียวและรับคำสั่งจากเขาเท่านั้น”“ข้ารับคำสั่งจากตระกูลเหยียนเท่านั้น ความลับอื่นใดข้ามิรู้เลย”คำตอบนี้อยู่ในความคาดหมายของลั่วชิงยวนเช่นกันนางรู้ว่าหมอกู้เป็นคนของตระกูลเหยียน และเป็นมือเป็นเท้าให้ไทเฮา“เจ้ารู้เรื่องกลียุคในวังมากแค่ไหน?”กู้หงปิ่งส่ายหน้า “ข้ามิรู้อะไรเลย”“พี่ใหญ่และพี่รองของข้าอาจรู้อะไรบางอย่าง เพราะพวกเขาเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้โดยตรง มีแต่ข้าที่มิรู้เรื่องนี้”ลั่วชิงยวนสอบปากคำเขาอยู่เป็นเวลานาน แต่มิพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์อีกแล้วรวมถึงเรื่องที่มียอดฝีมือซ่อนอยู่ในตระกูลเหยียนด้วย กู้หงปิ่งรู้แค่ว่ามีคนเหล่านั้นอยู่ แต่มิเคยเห็นพวกเขาและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพวกเขาเลยลั่วชิงยวนเชื่อว่าเขาจะไม่โกหก เขาได้ทรยศต่อเจ้านายของเขาแล้ว และมิจำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกหลังจากหมดคำถาม ลั่วชิงยวนก็มาที่ห้องขังข้าง ๆ “ท่านมีอะไรจะถามเขาหรือไม่?”ดวงตาของฟู่เฉินหวนมืดมน เขามิเคยคาดคิดว่าคนที่เขาไว้วางใจมากที่สุดจะเป็นสายลับที่ศัตรูของเขาวางไว้ตั้งแต่แรก“ไม่มีแล้ว” ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นและออกจา
ฟู่เฉินหวนเริ่มพูดอย่างช้า ๆ “เหล่าพ่อค้าซีหยางที่ถูกจับได้ล้วนเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าซีหยางเฟิงตู”“ในเดือนที่ผ่านมา สมาคมการค้าซีหยางเฟิงตูมีเงินหมุนเวียนอย่างน้อยหลายสิบล้านตำลึง”“ตอนคนของข้าติดตามคดีนี้ไปถึงซีหยาง ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ล้วนหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นหรือตาย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางเลิกคิ้วและมองไปที่ฟู่เฉินหวน “ท่านต้องการให้หม่อมฉันช่วยสืบสวนคดีนี้หรือไม่?”ใบหน้าของฟู่เฉินหวนเย็นชา “เจ้าอยากรู้อะไรงั้นหรือ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและวางจดหมายลับลง “หม่อมฉันมิได้ขอให้ท่านบอกอะไรมากนัก หากท่านทำตัวผิดปกติ หม่อมฉันจะรู้ว่าว่าท่านมีเจตนาอะไร”“การหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดนับว่ามิใช่เรื่องปกติ ทั้งยังมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร นับว่าแปลกประหลาดมาก”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ หันหลังกลับและจากไปเขาอยากหลอกล่อให้นางงับเหยื่อ อยากหลอกใช้นางอีกแล้วนางจะกระโดดลงกองไฟเหมือนทุกครั้งงั้นหรือ?อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกำลังจะก้าวออกจากห้องตำรา เสียงเย็นชาของฟู่เฉินหวนก็ดังขึ้น… “ตอนนี้ตระกูลฟ่านก็เป็นหนึ่งในสมาคมการค้าซีห
เมื่อเห็นว่านางรับปาก ฟู่เฉินหวนจึงพูดทันที “เช่นนั้นก็ไปเตรียมตัว เราจะออกเดินทางกันในเช้าวันพรุ่ง เพื่อไปที่ซีหยางด้วยเหตุผลของการไปเยี่ยมเยียนลั่วหลางหลาง"ลั่วชิงยวนตกตะลึงฟู่เฉินหวนตัดสินใจทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว! ทุกสิ่งถูกวางไว้แล้ว!ลั่วชิงยวนโกรธมาก นางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วรีบวิ่งออกไปที่ประตูฟู่เฉินหวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ นางจึงโกรธขึ้นมากะทันหัน…… ลั่วชิงยวนโกรธมากจนนางนอนไม่หลับไปทั้งคืน แม้ว่านางจะรู้ว่ามันเป็นกองไฟ แต่นางก็ยังกระโดดเข้าไปเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกเสียใจแทนลั่วหลางหลาง แต่ฟู่เฉินหวนก็คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว และมั่นใจว่านางจะไปซีหยางกับเขา เขายังวางแผนที่จะไปที่ซีหยางด้วยข้ออ้างว่าจะไปเยี่ยมลั่วหลางหลางอีกด้วยคนนอกคงคิดแค่ว่า ฟู่เฉินหวนมากับนางมาเพื่อเยี่ยมลั่วหลางหลางและชำระบัญชีกับฟ่านซานเหอเท่านั้นแต่ในความเป็นจริง เขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างและแอบตรวจสอบเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านตำลึงของสมาคมซีหยางเฟิงตูต่างหากต้องยอมรับเลยว่า ด้วยความรอบคอบรู้คิดเช่นนี้เขาถึงได้เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการไม่ว
ลั่วชิงยวนบังคับรถไปข้างหน้า หยุดที่ประตูโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปข้างในภายในโรงเตี๊ยม พวกเขากำลังทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้ ส่วนเจ้าของโรงเตี๊ยมก็กำลังคำนวณรายได้อยู่หลังโต๊ะจ่ายเงิน ท่ามกลางเสียงดังกังวานของลูกคิด“นายท่านต้องการมาแวะพักกินอาหารหรือจะนอนพักในโรงเตี๊ยม?” เจ้าของร้านไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ โรงเตี๊ยมและอดมิได้ที่จะถาม “ไม่นึกว่าจะมีโรงเตี๊ยมในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ด้วย”สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยิน(1)ไม่มีอะไรดูถูกที่ถูกทางเลยแม้แต่น้อยเมื่อเจ้าของร้านได้ยินเช่นนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยแววตาประหลาดใจก่อนกล่าวว่า “แม่นางกำลังไปผิดทาง”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ผิดทางหรือ เช่นนั้นท่านรู้หรือว่าข้ากำลังจะไปที่ใด?”เจ้าของร้านยิ้มและพูดว่า "ไม่ว่าแม่นางจะไปที่ใด ก็ผิดทั้งนั้น ผู้คนในใต้หล้านี้ล้วนมิอาจใช้ถนนสู่อเวจีได้"“ย้อนกลับไปสองลี้ เลี้ยวขวา แล้วเจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อยและเลิกคิ้ว “ถนนสู่อเวจี?"ลมยามค่ำคืนพัดผ่านโรงเตี๊ยม ทำให้เกิดความหนาวเย็นเล็กน้อย รอยยิ้มมีนัยของเจ้าของร้านทำให้สั่นสะท้านไปถึงสัน
ฟู่เฉินหวน!ข้าง ๆ เขา บุรุษคนนั้นกำลังคว้าเชือก ดึงอย่างแรง แขวนฟู่เฉินหวนไว้สูง พยายามรัดคอเขา!เมื่อเขาเห็นนาง สีหน้าของชายผู้นั้นก็เปลี่ยนไปเช่นกันลั่วชิงยวนมิลังเลเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนหยิบกริชจันทร์เสี้ยวออกมาจากเอว แล้วกวาดออกไปสังหารอีกฝ่ายลงในกระบวนท่าเดียว ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่คอของเขาถนนสู่อเวจีและโรงเตี๊ยมอเวจีอะไรกัน? ดูอย่างไรก็คนชัด ๆ เชือกหลุดออก และฟู่เฉินหวนร่วงหล่นลงกับพื้น แต่ลำคอของเขายังถูกรัดและกำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าทันที นางหยิบยาแก้พิษเข้มข้นออกมาแล้วยัดเข้าไปในปากของฟู่เฉินหวน“มีสติหน่อย!”นางดึงมือของฟู่เฉินหวนออกจากลำคอของตัวเองอย่างแรง และตบแก้มเท่าที่แก้มเขาซ้ำในไม่ช้า ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกตัว เมื่อเขาเห็นนาง เขาก็สะดุ้ง “นี่…”“ท่านมาคนเดียวหรือ?” ลั่วชิงยวนถามคิ้วของฟู่เฉินหวนกระตุก เขาลุกขึ้นยืน "ยังมีเซียวชูด้วย"ลั่วชิงยวนรีบออกจากห้องไปทันทีนางเตะประตูห้องข้างๆ ให้เปิดออก ก่อนจะได้พบเซียวชูตามที่คาดไว้เขาเองก็ถูกรัดคอด้วยเชือกเหมือนกันสิ่งที่แปลกคื
“ท่านแม่... ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกเลย ท่านไปที่ใด ข้าก็จะไปที่นั่น!”เมื่อจือเฉาได้ยินดังนั้นก็ตกใจฉู่จิ้งเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ“เจ้ามีลูกชายโตถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”เสียงนี้ฟังดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าลั่วชิงยวนเสียอีกลั่วชิงยวนกล่าวอย่างจนใจ “ก็... อยู่ ๆ ก็มี...”หลังจากกล่าวจบ นางก็มองไปที่ลั่วอวิ๋นสี่ “ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? มิต้องการเขาแล้วใช่หรือไม่?”ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้า “แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว น่าจะปกป้องพี่หญิงได้แล้ว”“ส่วนเตี่ยฉุย ให้เขาตามเจ้าไปเถิด”ลั่วชิงยวนตอบรับ “ได้ เมื่อไปถึงซีหลิงแล้วข้าจะหาวิธีพาเขาออกมา”......ลั่วฉิงถูกขังอยู่ในวงเวท พยายามดิ้นรนออกไป แต่ก็ออกไปมิได้วงเวทนี้ขังนางไว้อย่างแน่นหนาเมื่อเห็นเลือดถูกดูดออกไปจากร่าง ลั่วฉิงก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากนางจะตายที่นี่มิได้!นางรอแล้วรอเล่า ในที่สุดเมื่อฟ้าเริ่มสางก็มีคนเดินผ่านมาลั่วฉิงราวกับพบเจอผู้ช่วยชีวิต นางนอนคว่ำอยู่บนพื้น แล้วยื่นมือออกไป “ช่วยข้าด้วย...”ชายที่แบกจอบตกใจ รีบนั่งยอง ๆ และกล่าวถาม “แม่นาง เจ้าเป็นอะไร? จะไปหาหมอหรือไม่?”ลั่วฉิงเห็นเขาเข้ามาในเ
ร่างนั้นขวางหน้าลั่วฉิงไว้แล้วเข้าโรมรันต่อสู้กับลั่วฉิงหลังจากปะทะกันหลายกระบวนท่า ถึงแม้จะเสียเปรียบเล็กน้อย แต่ก็สามารถขวางลั่วฉิงไว้ได้ลั่วชิงยวนถือเข็มทิศตามหาตำแหน่งของฉู่จิ้งเมื่อเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดก็ตกใจเล็กน้อย แล้วรีบวิ่งเข้าไปปลดวงเวทปล่อยตัวฉู่จิ้งออกมาเมื่อลั่วฉิงเห็นลั่วชิงยวนมาก็พลันตกตะลึง และถูกฝ่ามือตบจนกระเด็นไปหลายเมตรนางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “ลั่วชิงยวน เจ้านี่เอง!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “วงเวทของเจ้ายังอ่อนหัดนัก”“ข้าจะมอบให้เจ้าอีกหนึ่ง”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา“นองเลือดแปดทิศ!”ทันใดนั้น วงเวทสีทองที่ใหญ่โตมโหฬารพลันผุดขึ้นแผ่ขยายไปบนท้องฟ้าปกคลุมลั่วฉิงไว้ลั่วฉิงอยากจะหนี แต่หนีมิพ้นนางกางมือออก เห็นเหมือนเส้นไหมสีแดงลอยขึ้นมาจากฝ่ามือถูกวงเวทดูดเข้าไปจากนั้นนางก็ตระหนักได้ด้วยความตกใจว่า นี่คือเลือดของนาง!ลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ภายในเจ็ดวัน เจ้าจะกลายเป็นศพแห้ง”“เดิมทีข้าเห็นแก่มิตรภาพแห่งสำนัก จึงจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับรบกวนข้ามิเลิก กัดมิยอมปล่อย”“เจ้าต้องการเข็มทิศอาณัติสวรรค
แต่ลั่วชิงยวนกลับมิเปลี่ยนสีหน้า ในดวงตามีเพียงความเย็นชามือกำกริชแน่น“ไม่มีใครอยากเป็นนักโทษของผู้อื่น หม่อมฉันก็เช่นกัน”“มาถึงขั้นนี้ ท่านกับหม่อมฉันก็เป็นศัตรูกันแล้ว”“อย่ามาใช้น้ำเสียงเหยียดหยามมาสั่งหม่อมฉันอีก”“หม่อมฉัน ลั่วชิงยวน มิเกี่ยวข้องอะไรกับท่านอีกต่อไป!”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็คว้าปอยผมมาตัดขาดทันใดแล้วปล่อยให้ปลิวไปในอากาศ“หม่อมฉันตัดด้ายที่ผูกพันท่านกับหม่อมฉันด้วยมือของหม่อมฉันเอง นับจากนี้เราจะกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเท่านั้น”“หากท่านยังมารบกวนอีก หม่อมฉันจะฆ่าท่านโดยมิลังเล”ใต้ความมืดมิดยามรัตติกาล แววตาของลั่วชิงยวนช่างเย็นชาเหลือเกินแววตาที่มิคุ้นเคยราวกับมองคนแปลกหน้า ในดวงตาไม่มีความรักใคร่หลงเหลืออยู่อีกแล้วการตัดครั้งนี้ถือว่าตัดความอาลัยทั้งหมดของนางแล้วนับจากนี้ นางจะมิหันหลังกลับไปอีก!ลั่วชิงยวนก้าวเท้าเดินจะจากไปแต่ฟู่เฉินหวนกลับพุ่งเข้ามา คว้าไหล่ของนาง หมายจะบีบคอเพื่อควบคุมนางพลังที่รุนแรงทำให้นางรู้สึกกดดัน พยายามหลบหลีกอย่างสุดกำลังร่างกายของนางตอนนี้มิอาจสู้กับฟู่เฉินหวนได้เลย ลั่วชิงยวนจึงได้แต่ใช้กลอุบายถอยหลั
นางสะบัดมือ ผงยาพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของฉู่จิ้งฉู่จิ้งมึนหัวทันที“เป็นเจ้านี่เอง!” ฉู่จิ้งโยนคนที่อยู่ในอ้อมแขนออกไปลั่วฉิงตีลังกาลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วมองฉู่จิ้งด้วยสายตาเย็นชา “ที่แท้ก็ต้องปลอมตัวเป็นเด็กคนนี้จริง ๆ ถึงจะหลอกเจ้าได้สินะ”“ตอนนั้นเฉินเซี่ยวหานมีโอกาสใช้ซ่งเชียนฉู่มาข่มขู่เจ้า แต่เขากลับมิทำ ทำให้แผนของข้าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างโง่เขลาสิ้นดี!”“วันนี้ข้าจะควักดีงูของเจ้าด้วยตัวเอง!”“จัดการเจ้าแล้วข้าค่อยไปจัดการลั่วชิงยวน!”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่จิ้งก็เปลี่ยนไปลั่วชิงยวนคงจะตกอยู่ในอันตรายเขามิอยากต่อสู้กับนาง ตัดสินใจรีบหันหลังวิ่งหนีแต่บนพื้นกลับมีแสงสีทองส่องประกายวงเวทสีทองอยู่ใต้เท้าของเขาเขาออกไปมิได้!ลั่วฉิงเดินเข้ามาหาช้า ๆ พลางหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ามิได้เตรียมตัวเลยงั้นรึ?”“มีโอกาสล่อเจ้าออกมาได้เช่นนี้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าหนีไปได้อย่างไรเล่า”ลั่วฉิงถือกระบี่ยาวเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดนางจะควักดีของเขาทั้งเป็น!ถึงตอนนั้น มิเพียงแต่อาการบาดเจ็บของนางจะหายเท่านั้น แต่ยังจะทำให้พลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
ลั่วชิงยวนหยิบยันต์ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วถือไว้ในมือ วินาทีต่อมายันต์นั้นลุกไหม้เป็นเถ้าถ่าน พลังหยินอันรุนแรงพวยพุ่งออกมาลั่วฉิงตกใจมากนางเห็นยันต์ลุกไหม้ก่อนที่มิติจะเปิดออก ทันใดนั้นงูยักษ์ก็พุ่งทะยานออกมาจากมิติมันอ้าปากเปื้อนเลือดขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาลั่วฉิงเสียงคำรามดังกึกก้องลั่วฉิงรีบหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมา แต่กลับไร้ประโยชน์ นางถูกเสียงคำรามผลักจนกระเด็นออกจากห้อง เข็มทิศอาณัติสวรรค์ในมือหล่นลงพื้นนางตกลงไปที่ห้องโถงชั้นล่าง ได้แต่ลุกขึ้นยืนโซซัดโซเซ และเงยหน้ามองห้องนั้นด้วยความโกรธนางกัดฟันแล้วหันหลังเดินออกไปข้างกายลั่วชิงยวนมีงูยักษ์คอยปกป้อง!แต่ก็ดี ทั้งเข็มทิศอาณัติสวรรค์และดีงู นางต้องการทั้งหมด!ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้งลั่วชิงยวนก้มลงเก็บเข็มทิศอาณัติสวรรค์ที่ตกอยู่บนพื้น ในที่สุดก็วางใจได้เสียทีของอย่างอื่นจะหายไปก็ได้แต่เข็มทิศอาณัติสวรรค์จะหายไปมิได้นางรู้ว่าลั่วฉิงต้องสะกดรอยตามมาแน่นอน จึงจงใจแวะพักที่นี่เพื่อให้ลั่วฉิงมีโอกาสลงมือครู่หนึ่งจือเฉาและฉู่จิ้งก็กลับมา ลั่วชิงยวนรีบพาพวกเขาเดินทางไปซีหลิงในทันทีมิกล้าเสียเวลาอีกบนรถม้า
พระชายาใช้ชีวิตอย่างไรในตอนที่ถูกขังอยู่หลังจากกินข้าวเสร็จลั่วชิงยวนก็มอบสมุนไพรให้จือเฉา ให้นางไปต้มที่ห้องครัวส่วนลั่วชิงยวนนอนพักบนเตียง ขณะสะลึมสะลือ นางได้ยินเสียงบุรุษหลายคนกำลังพูดคุยเรื่องสงครามอยู่ชั้นล่างลั่วชิงยวนได้ยินเรื่องกองทัพแคว้นหลีและซีหลิงนางจึงลุกไปเปิดประตูแล้วยืนฟังที่มาจากทางเดิน“สู้รบกันมาตั้งนานแล้ว ยังมิรู้ผลแพ้ชนะ ครั้งนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการคงจะแพ้กระมัง”“เป็นไปมิได้ นี่เป็นสิ่งที่ท่านมหาปราชญ์ทำนาย บอกว่าท่านอ๋องไปแล้วจะชนะอย่างแน่นอน!”“แต่ก็มิรู้ว่าต้องรอนานเท่าใด”“จะว่าไปแล้ว ท่านมหาปราชญ์ผู้นี้มีความสามารถจริงหรือ? เทียบกับพระชายาอ๋องคนก่อนแล้ว ความสามารถช่างห่างไกล”ลั่วชิงยวนกลับเข้าห้องปรากฏว่ากองทัพแคว้นหลียังมิถอยทัพฟู่เฉินหวนถึงกับไปซีหลิงเพื่อต่อสู้กับกองทัพแคว้นหลี ดูเหมือนว่าอยากจะช่วยลั่วฉิงรักษาสถานะในราชสำนักจริง ๆมิรู้ว่าทั้งสองกลายเป็นมิตรกันได้อย่างไรหรือเป็นเพราะมีศัตรูร่วมกันก็คือนาง?จือเฉาต้มยาเสร็จแล้วนำมาให้ หลังจากที่ลั่วชิงยวนกินยาแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างพลางสัมผัสแสงแดดภายนอกจือเฉานำผ้าห่ม
ความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาดุจสายน้ำ เลือดเอ่อล้นขึ้นมาในลำคอ“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่จิ้งขมวดคิ้ว“มิเป็นอะไร” ลั่วชิงยวนพยายามพยุงตัวเองขึ้น สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าคือแสงแดดที่แยงตาในขณะนี้แสบตามากจนน้ำตาไหลมิหยุด“พระชายา พระชายา!” จือเฉาโผเข้ามาหาพลางร้องไห้โฮ “พระชายา โชคดีเหลือเกินที่ท่านปลอดภัย”“ตอนที่ยังวุ่นวาย พวกเราหนีไปตอนนี้กันเถิดเจ้าค่ะ ” จือเฉาจูงมือลั่วชิงยวน แล้วรีบหนีออกจากประตูหลังนางยังจำคำพูดของซูโหยวได้ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ต้องพาพระชายาออกไปก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่โตมิเช่นนั้นหากทุกคนรู้ว่าพระชายายังมิตาย พระชายาอาจจะออกไปมิได้แล้วลั่วชิงยวนถูกพาตัวออกจากประตูหลัง แสงแดดแยงตาจนมองมิเห็นทางข้างหน้าเมื่อขึ้นรถม้าได้จึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง“พระชายา เหตุใดท่านจึงร้องไห้หรือเจ้าคะ” จือเฉารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาสักพักฉู่จิ้งก็ขึ้นรถม้าตามมา “พระชายาของเจ้าถูกขังอยู่ในห้องลับที่มืดมิดนานเกินไป ยังปรับตัวเข้ากับแสงภายนอกมิได้”ได้ยินดังนั้น จือเฉาก็รีบหยิบห่อผ้ามาจากกล่อง แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ออกมาแล้วคลุมศีรษะให้ลั่วชิงยวนร่างผอมบางถูกคลุมด้วยเสื้อ
หัวใจของลั่วชิงยวนกระตุก แต่มิส่งเสียง ได้ยินลั่วฉิงยืนอยู่ข้างนอกครู่หนึ่งก็จากไปแต่ประตูห้องเปิดอยู่ ลั่วชิงยวนมองเห็นแสงสว่างจากด้านนอก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงที่แตกต่างจากแสงเทียนแต่ทันใดนั้น นางก็ได้กลิ่นไหม้และเห็นไฟลุกไหม้จากด้านนอกบ้านไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว มินานลั่วชิงยวนก็ได้กลิ่นควันไฟเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนหลังนี้ลั่วชิงยวนรีบนำน้ำมาชุบผ้าห่มแล้วอุดช่องว่างเพื่อป้องกันมิให้ควันลอยเข้ามาฟู่เฉินหวนอาจจะมิสนใจชีวิตของนาง แต่เมื่อเรือนไฟไหม้ก็ต้องให้คนมาช่วยดับไฟเพียงแค่นางยืนหยัดต่อไป ไฟก็จะมิลามเข้ามา อีกสักพักก็คงจะดับแล้วแต่ไฟกลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้นผู้คนในตำหนักพบเห็นเข้าจึงรีบมาช่วยกันดับไฟจือเฉาได้ยินข่าวจึงรีบมา แล้วเห็นไฟไหม้ในเรือนนั้นเหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิดนางร้อนใจมากพระชายายังอยู่ข้างใน!นางรีบไปตักน้ำดับไฟกับคนอื่น ๆท่ามกลางความวุ่นวาย ลั่วฉิงแอบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด ไม่มีใครสังเกตเห็นนางแน่นอนว่านางต้องรอ รอลั่วชิงยวนออกมาครั้งนี้มิว่าอย่างไรก็จะมิปล่อยให้ลั่วชิงยวนหนีไปได้!“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก...” ลั่วชิงยวนพิงกำแพง ควันที่ลอยเข
“ตามข้ามา” ซูโหยวสั่งจือเฉาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตามซูโหยวไปเมื่อมาถึงห้องของซูโหยว ซูโหยวก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้จือเฉาจือเฉางุนงง “นี่คือ...”“นี่คือสิ่งที่ท่านอ๋องให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอ๋องเขียนถึงพระชายา”จือเฉารับจดหมายมาอ่าน แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด “พระชายามิได้...”ซูโหยวยกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า “พระชายายังมิตาย”“ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของท่านอ๋อง”“ข้าเตรียมทุกอย่างให้เจ้าแล้ว เช้าวันพรุ่ง เจ้าก็พาพระชายาออกจากตำหนัก ออกจากเมืองหลวง แล้วอย่าได้กลับมาอีก”“ส่วนจดหมายฉบับนี้ค่อยมอบให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปี”“เจ้าทำได้หรือไม่?”จือเฉาตกใจมากและรู้สึกสับสน “แผนการของท่านอ๋องคืออะไรกันแน่”“เจ้าอย่าสนใจมาก ทำตามที่ท่านอ๋องสั่งก็พอ เจ้าแค่ต้องรู้ว่าทำเช่นนี้จึงจะรักษาชีวิตของพระชายาได้”“เรื่องที่ข้าบอกเจ้า ห้ามบอกพระชายา แค่ส่งจดหมายฉบับนี้ให้พระชายาหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็พอ”“นี่เป็นโอกาสที่เจ้าทั้งสองจะมีชีวิตรอด เข้าใจหรือไม่?”จือเฉาตั้งใจฟัง พยักหน้า แล้วเก็บจดหมายไว้ในอกเสื้อ“แล้วตอนนี้พระชายาอยู่ที่ใด? วันพร