ดวงตาของเขาเย็นชา เขามองไปที่ลั่วชิงยวนอย่างสงบ และพูดเสียงเรียบ “เจ้ามันรนหาที่เอง”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและมองเขา “เหตุใดท่านมิเชื่อหม่อมฉัน หากหม่อมฉันขโมยความลับไปจริง ๆ แล้วเหตุไฉนหม่อมฉันต้องกลับมาด้วย”ท่านส่งใครไปที่อำเภอชิงฉวีและเขาหลีซานเพื่อตรวจดูไม่ได้หรือ?!”ฟู่เฉินหวนไม่ได้พูดอะไร แต่โบกมือให้ซูโหยวนำของเข้ามาเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้เลือกทางรอดด้วยตัวเอง”“ตำหนักอ๋องมิเคยปล่อยให้สายลับรอดไปได้”“เจ้าอยู่มิเป็นเอง จะตำหนิใครได้”ทันใดนั้น เซียวชูก็เดินเข้ามาข้างหน้าพร้อมทหารองครักษ์หลายคนและจับไหล่ของลั่วชิงยวนไว้ นางดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า และในที่สุดก็ถูกบังคับให้ดื่มยาภายในชั่วครู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนก็หยุดดิ้นรน และไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เกิดขึ้นภายในห้องขังฟู่เฉินหวนหันหลังกลับและจากไป พูดอย่างเย็นชา "ดูแลนางด้วย""พ่ะย่ะค่ะ"จือเฉาถูกมัดและตะโกน “พระชายา? พระชายา?”ไม่มีการตอบสนองจนกระทั่งเซียวชูและผู้คุมลากร่างผ่านประตูห้องขังของจือเฉาไป นางก็ตกใจและตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันแหบแห้ง “พระชายา! พระชายา!”ร่างของลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากและเย้ยหยัน นางกำกริชจันทร์เสี้ยวในมือแน่นแล้วรีบก้าวไปข้างหน้าดวงตาของหมอกู้เปลี่ยนเป็นเย็นชา "เจ้ายังมิตายจริง ๆ!"“เราสองพี่น้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า ชาติหน้าเราจะกลับมาแก้แค้น!” ดวงตาของหมอกู้เปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขากัดฟัน หมายจะกินยาพิษแต่ทว่าลั่วชิงยวนเตรียมตัวมาอย่างดีและเตะเขาเสียก่อน ทำให้ยาพิษในปากของหมอกู้หลุดออก“อยากตายรึ? มิง่ายแบบนั้นหรอก!”หมอกู้ล้มลงกับพื้น จ้องมองนางด้วยความโกรธ และอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายลั่วชิงยวนบีบแก้มของเขาแล้วมองดูเขาอย่างเหนือกว่า "หากเจ้ายังคำนึงถึงชีวิตหลังความตายอยู่ ก็ให้ความร่วมมือมาดี ๆ มิเช่นนั้น ข้าจะขุดศพพี่ชายทั้งสองคนของเจ้าขึ้นจากหลุม แล้วบดกระดูกให้เป็นเถ้าธุลีทีเดียว"“มิยอมให้ไปเจอชีวิตหลังความตายแน่!”โลงศพของสามพี่น้องกู้ล้วนสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เห็นได้ว่าพวกเขาหมายจะมีชีวิตที่ดีในชาติหน้าเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงมิกลัวความตายในชีวิตนี้อย่างไรก็ตาม คำพูดของลั่วชิงยวนดูคล้ายกับการเอามีดไปจ่อคอหมอกู้อย่างไรอย่างนั้น เขาตกใจและจ้องมองไปที่ลั่วชิงยวน “ลั่วชิงยวน อย่าใจร้ายเกินไปนัก!”ลั่วชิงยวนเม้
ฟู่เฉินหวนรู้สึกตัว เดินตามทัน และกลับไปที่ตำหนักเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวมากมายในตำหนักกลางดึก ลั่วเยวี่ยอิงจึงลุกขึ้นและมายังลานตำหนักจากนั้นก็เห็นลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนกลับมาด้วยกันในขณะนั้น ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงก็ซีดลง “ท่าน!”ลั่วชิงยวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา มิแยแส และเดินตรงไปที่คุกใต้ดินลั่วเยวี่ยอิงตกใจมากจนนางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นั่นคนหรือผี?ลั่วชิงยวนยังมิตายเหรอ?“ท่านอ๋อง นาง…” ลั่วเยวี่ยอิงกำลังเสียศูนย์และดูตื่นตระหนกฟู่เฉินหวนปลอบใจนาง "นางยังไม่ตาย""เจ้าวางใจได้"“นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ให้คนไปส่งลั่วเยวี่ยอิงกลับเรือนลั่วเยวี่ยอิงตกใจมาก นางโกรธจนอาเจียนเป็นเลือด ทันทีที่กลับถึงห้อง…… ที่คุกใต้ดินลั่วชิงยวนขอให้ผู้คุมทั้งหมดล่าถอยไป มิให้มีการทรมานใด ๆ และสอบสวนกู้หงปิ่งเพียงลำพังฟู่เฉินหวนกำลังนั่งอยู่ในห้องข้าง ๆ ดื่มชาและฟังอย่างเงียบ ๆ“ข้าเห็นโลงศพของเจ้าในอำเภอชิงฉวี ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร เจ้าสามคนคงมีชีวิตที่ยากลำบาก หากทั้งสามคนมีอัตลักษณ์เดียวกัน เช่นนั้นเจ้าทั้งสามคงถูกกำหนดให้ต้องเจอจุดจบ”
กู้หงปิ่งตอบอย่างมิแยแส “ตระกูลเหยียนไงเล่า”“เราเพียงติดต่อกับเหยียนผิงเซียวและรับคำสั่งจากเขาเท่านั้น”“ข้ารับคำสั่งจากตระกูลเหยียนเท่านั้น ความลับอื่นใดข้ามิรู้เลย”คำตอบนี้อยู่ในความคาดหมายของลั่วชิงยวนเช่นกันนางรู้ว่าหมอกู้เป็นคนของตระกูลเหยียน และเป็นมือเป็นเท้าให้ไทเฮา“เจ้ารู้เรื่องกลียุคในวังมากแค่ไหน?”กู้หงปิ่งส่ายหน้า “ข้ามิรู้อะไรเลย”“พี่ใหญ่และพี่รองของข้าอาจรู้อะไรบางอย่าง เพราะพวกเขาเกี่ยวข้องกับภารกิจนี้โดยตรง มีแต่ข้าที่มิรู้เรื่องนี้”ลั่วชิงยวนสอบปากคำเขาอยู่เป็นเวลานาน แต่มิพบเบาะแสที่เป็นประโยชน์อีกแล้วรวมถึงเรื่องที่มียอดฝีมือซ่อนอยู่ในตระกูลเหยียนด้วย กู้หงปิ่งรู้แค่ว่ามีคนเหล่านั้นอยู่ แต่มิเคยเห็นพวกเขาและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพวกเขาเลยลั่วชิงยวนเชื่อว่าเขาจะไม่โกหก เขาได้ทรยศต่อเจ้านายของเขาแล้ว และมิจำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกหลังจากหมดคำถาม ลั่วชิงยวนก็มาที่ห้องขังข้าง ๆ “ท่านมีอะไรจะถามเขาหรือไม่?”ดวงตาของฟู่เฉินหวนมืดมน เขามิเคยคาดคิดว่าคนที่เขาไว้วางใจมากที่สุดจะเป็นสายลับที่ศัตรูของเขาวางไว้ตั้งแต่แรก“ไม่มีแล้ว” ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นและออกจา
ฟู่เฉินหวนเริ่มพูดอย่างช้า ๆ “เหล่าพ่อค้าซีหยางที่ถูกจับได้ล้วนเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าซีหยางเฟิงตู”“ในเดือนที่ผ่านมา สมาคมการค้าซีหยางเฟิงตูมีเงินหมุนเวียนอย่างน้อยหลายสิบล้านตำลึง”“ตอนคนของข้าติดตามคดีนี้ไปถึงซีหยาง ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ล้วนหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นหรือตาย”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางเลิกคิ้วและมองไปที่ฟู่เฉินหวน “ท่านต้องการให้หม่อมฉันช่วยสืบสวนคดีนี้หรือไม่?”ใบหน้าของฟู่เฉินหวนเย็นชา “เจ้าอยากรู้อะไรงั้นหรือ?”ลั่วชิงยวนยิ้มและวางจดหมายลับลง “หม่อมฉันมิได้ขอให้ท่านบอกอะไรมากนัก หากท่านทำตัวผิดปกติ หม่อมฉันจะรู้ว่าว่าท่านมีเจตนาอะไร”“การหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดนับว่ามิใช่เรื่องปกติ ทั้งยังมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร นับว่าแปลกประหลาดมาก”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ หันหลังกลับและจากไปเขาอยากหลอกล่อให้นางงับเหยื่อ อยากหลอกใช้นางอีกแล้วนางจะกระโดดลงกองไฟเหมือนทุกครั้งงั้นหรือ?อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกำลังจะก้าวออกจากห้องตำรา เสียงเย็นชาของฟู่เฉินหวนก็ดังขึ้น… “ตอนนี้ตระกูลฟ่านก็เป็นหนึ่งในสมาคมการค้าซีห
เมื่อเห็นว่านางรับปาก ฟู่เฉินหวนจึงพูดทันที “เช่นนั้นก็ไปเตรียมตัว เราจะออกเดินทางกันในเช้าวันพรุ่ง เพื่อไปที่ซีหยางด้วยเหตุผลของการไปเยี่ยมเยียนลั่วหลางหลาง"ลั่วชิงยวนตกตะลึงฟู่เฉินหวนตัดสินใจทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว! ทุกสิ่งถูกวางไว้แล้ว!ลั่วชิงยวนโกรธมาก นางมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วรีบวิ่งออกไปที่ประตูฟู่เฉินหวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ นางจึงโกรธขึ้นมากะทันหัน…… ลั่วชิงยวนโกรธมากจนนางนอนไม่หลับไปทั้งคืน แม้ว่านางจะรู้ว่ามันเป็นกองไฟ แต่นางก็ยังกระโดดเข้าไปเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกเสียใจแทนลั่วหลางหลาง แต่ฟู่เฉินหวนก็คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว และมั่นใจว่านางจะไปซีหยางกับเขา เขายังวางแผนที่จะไปที่ซีหยางด้วยข้ออ้างว่าจะไปเยี่ยมลั่วหลางหลางอีกด้วยคนนอกคงคิดแค่ว่า ฟู่เฉินหวนมากับนางมาเพื่อเยี่ยมลั่วหลางหลางและชำระบัญชีกับฟ่านซานเหอเท่านั้นแต่ในความเป็นจริง เขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างและแอบตรวจสอบเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านตำลึงของสมาคมซีหยางเฟิงตูต่างหากต้องยอมรับเลยว่า ด้วยความรอบคอบรู้คิดเช่นนี้เขาถึงได้เหมาะสมอย่างยิ่งกับตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการไม่ว
ลั่วชิงยวนบังคับรถไปข้างหน้า หยุดที่ประตูโรงเตี๊ยมแล้วเดินเข้าไปข้างในภายในโรงเตี๊ยม พวกเขากำลังทำความสะอาดโต๊ะและเก้าอี้ ส่วนเจ้าของโรงเตี๊ยมก็กำลังคำนวณรายได้อยู่หลังโต๊ะจ่ายเงิน ท่ามกลางเสียงดังกังวานของลูกคิด“นายท่านต้องการมาแวะพักกินอาหารหรือจะนอนพักในโรงเตี๊ยม?” เจ้าของร้านไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ โรงเตี๊ยมและอดมิได้ที่จะถาม “ไม่นึกว่าจะมีโรงเตี๊ยมในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ด้วย”สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังหยิน(1)ไม่มีอะไรดูถูกที่ถูกทางเลยแม้แต่น้อยเมื่อเจ้าของร้านได้ยินเช่นนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองนางด้วยแววตาประหลาดใจก่อนกล่าวว่า “แม่นางกำลังไปผิดทาง”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ผิดทางหรือ เช่นนั้นท่านรู้หรือว่าข้ากำลังจะไปที่ใด?”เจ้าของร้านยิ้มและพูดว่า "ไม่ว่าแม่นางจะไปที่ใด ก็ผิดทั้งนั้น ผู้คนในใต้หล้านี้ล้วนมิอาจใช้ถนนสู่อเวจีได้"“ย้อนกลับไปสองลี้ เลี้ยวขวา แล้วเจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อยและเลิกคิ้ว “ถนนสู่อเวจี?"ลมยามค่ำคืนพัดผ่านโรงเตี๊ยม ทำให้เกิดความหนาวเย็นเล็กน้อย รอยยิ้มมีนัยของเจ้าของร้านทำให้สั่นสะท้านไปถึงสัน
ฟู่เฉินหวน!ข้าง ๆ เขา บุรุษคนนั้นกำลังคว้าเชือก ดึงอย่างแรง แขวนฟู่เฉินหวนไว้สูง พยายามรัดคอเขา!เมื่อเขาเห็นนาง สีหน้าของชายผู้นั้นก็เปลี่ยนไปเช่นกันลั่วชิงยวนมิลังเลเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนหยิบกริชจันทร์เสี้ยวออกมาจากเอว แล้วกวาดออกไปสังหารอีกฝ่ายลงในกระบวนท่าเดียว ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่คอของเขาถนนสู่อเวจีและโรงเตี๊ยมอเวจีอะไรกัน? ดูอย่างไรก็คนชัด ๆ เชือกหลุดออก และฟู่เฉินหวนร่วงหล่นลงกับพื้น แต่ลำคอของเขายังถูกรัดและกำลังตะเกียกตะกายดิ้นรนลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าทันที นางหยิบยาแก้พิษเข้มข้นออกมาแล้วยัดเข้าไปในปากของฟู่เฉินหวน“มีสติหน่อย!”นางดึงมือของฟู่เฉินหวนออกจากลำคอของตัวเองอย่างแรง และตบแก้มเท่าที่แก้มเขาซ้ำในไม่ช้า ฟู่เฉินหวนก็รู้สึกตัว เมื่อเขาเห็นนาง เขาก็สะดุ้ง “นี่…”“ท่านมาคนเดียวหรือ?” ลั่วชิงยวนถามคิ้วของฟู่เฉินหวนกระตุก เขาลุกขึ้นยืน "ยังมีเซียวชูด้วย"ลั่วชิงยวนรีบออกจากห้องไปทันทีนางเตะประตูห้องข้างๆ ให้เปิดออก ก่อนจะได้พบเซียวชูตามที่คาดไว้เขาเองก็ถูกรัดคอด้วยเชือกเหมือนกันสิ่งที่แปลกคื
เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกมา สีหน้าของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนไปในทันที“กระหม่อมเป็นองครักษ์ข้างกายองค์ชายใหญ่ โปรดอภัยให้กระหม่อมที่มิสามารถทำตามพระบัญชาได้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์หญิงผู้นี้ชอบเฉินชี หากเขาติดตามองค์หญิงไปก็คงจะได้พบกับเฉินชีเป็นแน่ มิหนำซ้ำ เกาเหมียวเหมี่ยวก็ช่วยเขาฆ่าเฉินชีมิได้เมื่อถูกเขาปฏิเสธอีกครั้ง สีหน้าของเกาเหมียวเหมี่ยวจึงดูมิดีนักฉินอี้จึงต้องก้าวออกมา “เหมียวเหมี่ยว คนที่คอยคุ้มครองเจ้ายังมิพออีกหรือ?”“ข้างกายพี่ใหญ่มีองครักษ์คนนี้อยู่เพียงคนเดียว เจ้าอย่าแย่งเขาไปเลย”สีหน้าของฉินอี้ดูเหมือนคนจนใจน้ำเสียงของเขาฟังดูน่าสงสารเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เกาเหมียวเหมี่ยวก็มิกล้าที่จะบังคับอีก นางตอบอย่างมิพอใจว่า “ก็ได้”“รอจนกว่าท่านจะมิต้องการเขาแล้ว ค่อยให้หม่อมฉันก็แล้วกัน”“หม่อมฉันค่อนข้างชอบเขา”เกาเหมียวเหมี่ยวพูดพลางมองฟู่เฉินหวน บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาคล้ายกับเฉินชีมิใช่หน้าตาที่เหมือน แต่เป็นอารมณ์เย็นชาหยิ่งผยองและความกล้าหาญที่จะปฏิเสธนางโดยมิแม้แต่จะเสียงสั่นในเมื่อยังมิสามารถทำให้เฉินชีสยบต่อนางได้ในเร็ววัน การ
“ไปเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปทำความเข้าใจสถานการณ์”กล่าวจบ เขาก็พาฟู่เฉินหวนเดินไปทว่าระหว่างทางกลับพบเกาเหมียวเหมี่ยวเดินสวนมาพอดีฉินอี้เข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง แล้วเอ่ยถาม “เหมียวเหมี่ยว อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ?”เกาเหมียวเหมี่ยวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “บาดแผลเพียงเท่านี้คร่าชีวิตหม่อมฉันมิได้หรอก อีกอย่าง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ประทานยาให้หม่อมฉันมากมาย มิเจ็บปวดแผลแล้ว”ฉินอี้พยักหน้า “บาดแผลของเจ้าหายเร็วได้เช่นนี้ก็เพราะกินน้ำแกงโสมมังกรมาตลอด เจ้าต้องกินทุกวันตามเวลา ร่างกายจะได้แข็งแรงขึ้น!”“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟู่เฉินหวนก็ดวงตาเป็นประกายน้ำแกงโสมมังกรหรือ?เป็นโสมมังกรชนิดเดียวกับที่หมอหลวงมู่ให้เขากินหรือไม่?สิ่งนี้แม้แต่หมอหลวงมู่ก็มีเพียงชิ้นเดียว มิเคยพบเห็นชิ้นที่สองแต่องค์หญิงแห่งแคว้นหลีกลับได้กินทุกวันเลยหรือ?เขาอดสงสัยมิได้ว่าสองสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือไม่หากเป็นเช่นนั้น เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายเดือน หรือกระทั่งหลายปีเลยมิใช่หรือ?เปลวไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นในใจของฟู่เฉินหวนฉินอี้เดินจากไปแล้ว แต่ฟู่เฉินหวนยังคงยื
ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างใจเย็น “องค์ชายใหญ่ใส่ใจเรื่องนี้ถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วมุ่น มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! แท้จริงแล้วเจ้ารู้อะไรกันแน่!”วันนั้นในคุกใต้ดิน เกือบจะได้ฟังคำพูดต่อจากนั้นของลั่วชิงยวนแล้วแต่กลับถูกเฉินชีขัดจังหวะเสียก่อนหลังจากกลับไป เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอดเขาอาจมิใส่ใจเรื่องราวในอดีตได้ แต่นี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเขา! เขาจะมิใส่ใจคงมิได้!ลั่วชิงยวนกลับยกยิ้ม “องค์ชายใหญ่เชื่อจริงจังเลยหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันเพียงต้องการเอาชีวิตรอด จึงพูดจาเหลวไหลไปเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฉินอี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างมองนางด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว “เจ้าว่ากระไรนะ?!”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วขึ้น “หม่อมฉันมิอยากพูดซ้ำสอง”ฉินอี้โกรธจนอยากจะลงมือ แต่ก็อดกลั้นไว้ เขาไม่มีทางต่อกรกับลั่วชิงยวนได้สุดท้ายก็ได้แต่จากไปด้วยความขุ่นเคืองเมื่อเห็นฉินอี้จากไป เงาร่างที่แอบฟังอยู่ก็รีบจากไปเช่นกันอาการของฉินอี้นั้นมีสาเหตุจริง แต่เรื่องนี้ยังมิอาจบอกให้ฉินอี้รู้ได้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่หากพูดออกไป ปัญหาที่นางจะต้องเผชิญจะมิใช่เพียงเรื่องรา
อวี๋โหรวพยักหน้า รีบเช็ดน้ำตา “ขอบคุณ”ลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเมื่อสนทนามาถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนจึงถือโอกาสถามอวี๋โหรว “อันที่จริงข้าสงสัยเรื่องนักบวชระดับสูงคนก่อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่านางตายอย่างไร?”อวี๋โหรวตกใจเล็กน้อยคาดเดาในใจว่าลั่วชิงยวนคงสอบถามเรื่องนี้เพราะเฉินชีเพราะว่าเฉินชีก็มีใจให้ลั่วเหลาเช่นเดียวกันนางอธิบาย “ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางตายอย่างไร”“วันนั้นนางบำเพ็ญเพียรอยู่ที่หอเทียนฉี วันรุ่งขึ้นเมื่อมีคนมาพบก็เหลือเพียงโลหิตกองเต็มพื้น”“บนพื้นยังมีร่องรอยการลากศพด้วย”“แต่ส่งคนออกไปตามหาศพตั้งมากมายก็หามิพบ”“เฉินชีแทบจะพลิกทั่วทั้งวัง แทบจะคลุ้มคลั่งสังหารคนในสำนักนักบวชไปเสียสิ้น”“ยังดีที่จักรพรรดิทรงนำราชองครักษ์เกราะเหล็กมาด้วยพระองค์เอง จึงสามารถควบคุมตัวเฉินชีไว้ได้”“เรื่องการตายของนักบวชระดับสูงนั้นมีการสืบสวนอยู่นาน แต่ก็ไม่มีเบาะแสใด ๆ เบาะแสทั้งหมดหยุดอยู่ที่หอเทียนฉี”“นอกหอเทียนฉีไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ”“นานวันเข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไป”ตามคำบอกเล่าของอวี๋โหรว ลั่วชิงยวนก็หวนนึกถึงคืนนั้นหอเทียนฉีเป็นสถานที่ที่นักบวชระดับสูงจะท
อวี๋โหรวก็ประหลาดใจ นางมิคาดคิดว่าลั่วชิงยวนจะล่วงรู้ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของนาง อีกทั้งยังไปเอาเรื่องจั๋วฉ่างตงเพื่อนางและทำร้ายจั๋วฉ่างตงจนอยู่ในสภาพเช่นนั้นการกระทำของนางคล้ายคลึงกับลั่วเหลาในสมัยก่อนยิ่งนักนางชอบใจมาก“กินยาเสีย” ลั่วชิงยวนรินยาให้อวี๋โหรวเดินเข้าไปดมแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ “ในนี้มีบัวถวายผสมด้วยหรือ?”“เจ้ากินไปเถิด”“อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะทุเลาลงเพราะยานี้”ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าก็มิได้ดีไปกว่าข้าหรอก รีบกินเสีย”อวี๋โหรวจำต้องยอมดื่มยานั้นลั่วชิงยวนนั่งลงข้าง ๆ รินน้ำชาหนึ่งถ้วย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปจั๋วฉ่างตงจะต้องหาเรื่องเจ้าอีกเป็นแน่ เจ้าจะปิดบังตนเองอีกมิได้”“ในเมื่อฝีมือของเจ้าทำให้จั๋วฉ่างตงริษยาได้ เช่นนั้นก็อย่าได้เกรงใจนาง!”“ส่วนทางด้านนักบวชระดับสูง ข้าคิดว่านางคงจะให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความสามารถ มิใช่ผู้ที่ประจบสอพลอ”นี่คือความเข้าใจที่ลั่วชิงยวนมีต่อเวินซินถงจั๋วฉ่างตงสามารถเป็นคนสนิทข้างกายของนางได้ ย่อมเป็นเพราะจั๋วฉ่างตงมีฝีมือที่แข็งแกร่งในสำนักนักบวช มิใช่เพราะจั๋วฉ่างตงประจบสอพลอเก่
ลั่วชิงยวนคว้าตัวจั๋วฉ่างตง “คุกเข่าลง! ขอโทษ! รับปากด้วยว่าจะมิรังแกนางอีก!”เมื่อเสียงอันดุดันดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงจั๋วฉ่างตงมีหรือจะยินยอม ดวงตาแดงก่ำของนางจ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเดือดดาล “สารเลว!”เพียะ!ลั่วชิงยวนตบหน้านางอย่างมิปรานี“ข้ามิรังเกียจที่จะตบเจ้าจนกว่าจะยอม”“ยามนี้ตบหน้ายังทนได้ หากบีบให้ข้าใช้ท่วงท่าอื่น ระวังวรยุทธ์ของเจ้าจะไร้ค่า!”ลั่วชิงยวนข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชาจั๋วฉ่างตงกัดริมฝีปากล่างด้วยความโกรธแค้นและอัปยศอดสูเดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงาม ทว่ายามนี้กลับถูกลั่วชิงยวนทำร้ายจนยับเยิน แทบจะจำเค้าเดิมมิได้“ข้ามิได้มีความอดทนมากนัก เร็วเข้า!”ยามนี้มีผู้คนมากมายได้ยินเสียงอึกทึกจึงมามุงดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นรวมตัวกันอยู่หน้าประตูเรือนพลางกระซิบกระซาบกัน“ลั่วชิงยวนผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก”“จั๋วฉ่างตงไปยั่วโมโหนางอีกแล้วหรือ?”เมื่อได้ยินเสียงจากภายนอก จั๋วฉ่างตงก็แทบจะหลั่งน้ำตา มีผู้คนมากมายมองดูอยู่ นางกลับต้องคุกเข่าขอโทษอวี๋โหรว!ขณะที่ลั่วชิงยวนหมดความอดทนและกำลังจะลงมือจั๋วฉ่างตงก็กลั้นน้ำตาไว้พลางคุกเข่าลง ตรงหน้าอวี๋โหรวอว
จั๋วฉ่างตงเดินออกมาจากห้องนัยน์ตาของลั่วชิงยวนฉายแววมุ่งสังหาร “ที่แท้เจ้าก็มิใช่เต่าหดหัวในกระดองนี่”จั๋วฉ่างตงจ้องมองนางด้วยสีหน้าดุดัน แล้วเดินลงมาอย่างช้า ๆ “ลั่วชิงยวน ข้าขอเตือนให้เจ้าสำรวมตนเสียบ้าง!”กล่าวพลางกวาดสายตามองไปยังคนที่นอนกองอยู่บนพื้น แล้วตวาดเสียงดัง “ปล่อยพวกเขา!”ลั่วชิงยวนบุกเข้ามาทำร้ายคนถึงเรือนของนาง นี่มิใช่การตบหน้านางต่อหน้าธารกำนัลหรอกหรือ!แม้จะพ่ายแพ้ให้แก่ลั่วชิงยวนที่หอรักษ์ดารา แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะต้องหวาดกลัวลั่วชิงยวน!ลั่วชิงยวนเตะไปที่คนเหล่านั้น แล้วยอมปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระคนเหล่านั้นกลิ้งตัวลงบนพื้นทีละคนก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน หมายจะหลบไปอยู่ด้านหลังจั๋วฉ่างตงทว่าในเวลานี้เอง ริมฝีปากของลั่วชิงยวนก็ยกยิ้มเย็นเยียบ กระโจนเข้าหาจั๋วฉ่างตงอย่างรวดเร็วแล้วใช้มือคว้าจับที่คอเสื้อของนางจั๋วฉ่างตงขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่นางได้รับบาดเจ็บ จะเป็นสู้ลั่วชิงยวนได้อย่างไรทันใดนั้นก็ถูกลั่วชิงยวนเหวี่ยงลงกับพื้น แล้วตบหน้าอย่างแรงจนผมเผ้าของจั๋วฉ่างตงยุ่งเหยิงขณะที่ตั้งตัวมิทันเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้านั้นหนักแน่น เสียงดังสนั
“ดังนั้น...”“เรื่องเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงครั้งหรือสองครั้ง”“นักบวชระดับสูงไว้วางใจนาง ข้าก็ทำได้เพียงทนรับมือ เมื่อก่อนยังพอขัดขืนได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เลิกขัดขืนเพราะเสียแรงเปล่า”น้ำเสียงของอวี๋โหรวราบเรียบ ทว่าลั่วชิงยวนได้ฟังแล้วกลับรู้สึกหดหู่ใจ“เป็นเช่นนี้มานานแล้วหรือ? กี่ปีแล้ว?”หรือว่าในตอนที่นางยังอยู่ อวี๋โหรวต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้?อวี๋โหรวกลับส่ายหน้า “ข้าก็จำมิได้แล้วว่ากี่ปี”“อาจารย์ของข้าจากไปเสียนานแล้ว ไม่มีผู้ใดคอยช่วยเหลือข้า”“ดังนั้นข้าจึงต้องใช้บัวถวายรักษาอาการบาดเจ็บมาตลอด เพียงแต่ช่วงนี้หาซื้อมิได้แล้ว ข้าจึงเหลือเพียงดอกสุดท้าย”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกปวดร้าวใจหลายปีมานี้ นางมิเคยสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของอวี๋โหรวเลยเพราะอวี๋โหรวมิเคยปริปากบอกผู้ใด ในสถานที่ที่คนอ่อนแอต้องพ่ายแพ้แก่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะรู้ดีว่าบอกผู้ใดไปก็ไร้ประโยชน์หลายปีมานี้นางอดทนมาได้อย่างไรก็มิอาจรู้ได้“จั๋วฉ่างตงบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องเจ้าอีก ข้าว่านางคงเบื่อหน่ายการมีชีวิตเต็มทีแล้ว”แววตาของลั่
ชายหลายคนก้าวเข้ามารุมทำร้ายอวี๋โหรวในทันทีจั๋วฉ่างตงเปิดกล่องใบหนึ่งออก หมอกดำทมิฬพลันลอยออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้ายังกล้าสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของลั่วชิงยวนอีก เห็นทีจะยังมีเรี่ยวแรงอยู่ ข้าคงทรมานเจ้ายังมิพอ”“วันนี้เจ้าจงลิ้มรสภูตผีร้ายแห่งหุบเขาฝังศพให้สาสม”จั๋วฉ่างตงใช้ยันต์แผ่นหนึ่งควบคุมหมอกดำทมิฬให้รวมตัวกันกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าโจมตีอวี๋โหรวอย่างรุนแรงอวี๋โหรวกำลังต้านทานการโจมตีของบุรุษเหล่านั้นอยู่ในชั่วขณะต่อมา หมอกดำทมิฬก็พุ่งเข้าใส่ กระแทกเข้าที่ท้องของนางราวกับจะฉีกร่างนางออกเป็นชิ้น ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นปราดเข้าจู่โจมหมอกดำทมิฬนั้นทะลุผ่านร่างของนางไปอวี๋โหรวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง เจ็บปวดจนร่างกายสั่นเทา มิอาจลุกขึ้นได้บุรุษเหล่านั้นจับแขนของนางแล้วกระชากให้นางลุกขึ้นหมอกดำทมิฬนั้นพุ่งเข้ากระแทกท้องของนางอีกครั้ง แล้วทะลุผ่านไปอย่างรุนแรงอวัยวะภายในสั่นสะท้านก่อให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ทำให้อวี๋โหรวสั่นไปทั้งร่าง เจ็บปวดจนริมฝีปากสั่นระริก ใบหน้าซีดเผือดนางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ได้เลยเป็นเช่นนี้ซ้