“อันตรายมิน้อยเลย!”เซียวชูขมวดคิ้วและตอบว่า “ครั้นท่านอ๋องรู้ว่าพระชายาออกเดินทางมาแล้ว พระองค์ก็กลัวว่าพระชายาจะตกอยู่ในอันตรายเพียงลำพัง ดังนั้นจึงพาข้ามาด้วย หวังจะไล่ตามพระชายาให้ทันขอรับ”“คนอื่น ๆ ยังอยู่ข้างหลัง”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของลั่วชิงยวนก็สั่นไหว เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เองนางคิดว่าฟู่เฉินหวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางกันไปแล้ว คิดว่าพวกเขานำหน้านางอยู่กระทั่ง เมื่อไปถึงถนนอีกฟากหนึ่งแล้ว ลั่วชิงยวนก็ฉีกผ้าชิ้นหนึ่งออกแล้วมัดไว้กับโคนต้นไม้ “เอาไว้เตือนให้คนที่อยู่ข้างหลังเจ้าตามมาถูก”เซียวชูถามด้วยความสับสน “เราไปผิดทางอย่างนั้นหรือ? โรงเตี๊ยมนั่นมิชั่วร้ายเกินไปหรือ?"ลั่วชิงยวนตอบว่า “ในป่าแห่งนี้มียันต์ติดอยู่ ยันต์นั้นช่วยผนึกหมอกพิษเอาไว้ในป่ามิให้กระจายไปไหน ทางแยกนั้นและโรงเตี๊ยมที่อยู่สุดทาง ต่างก็อยู่ในหมอกพิษ”“พวกเจ้าถูกพิษจากหมอกพิษพวกนั้น ทำให้มีอาการประสาทหลอน จริง ๆ แล้วมันเป็นโรงเตี๊ยมธรรมดา ๆ แล้วศัตรูก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาแสร้งทำเป็นผีและวิญญาณ และภาพหลอนจากพิษทำให้เจ้ารู้สึกว่ามันชั่วร้าย”โชคดีที่นางเอะใจได้ทันและวิ่งกลับไปหา
ฟู่เฉินหวนตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ เนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขาลืมตาขึ้นโดยมิรู้ตัว มองไปที่ลั่วชิงยวนและเอ่ยอย่างยากลำบาก “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วชิงยวนไม่ตอบเขา เพียงแค่ดูดเลือดพิษออกจากบาดแผลของเขาอย่างรุนแรงเท่านั้นนางดูดพิษและบ้วนทิ้งสีริมฝีปากของนางค่อย ๆ เข้มขึ้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกมิสบาย และต้องการผลักนางออกไป “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”ในไม่ช้าลั่วชิงยวนก็รู้สึกเวียนศีรษะ นางยกมือขึ้นพยุงร่างกายและเหลือบมองฟู่เฉินหวน “หม่อมฉันมิต้องการเป็นหนี้ท่าน”ฟู่เฉินหวนรู้สึกผิดหวังอยู่พักหนึ่ง นางต้องการตัดสัมพันธ์กับเขาจริง ๆ หรือ?เมื่อลั่วชิงยวนยืนยันได้แล้วว่า บาดแผลไม่มีพิษหลงเหลืออยู่อีกต่อไป และไม่มีพิษให้ต้องดูดออกอีกแล้ว นางจึงวางแขนของฟู่เฉินหวนลงนางเช็ดเลือดพิษที่มุมปาก ลุกขึ้นและเดินออกไป แต่นางเวียนศีรษะ อีกทั้งการมองเห็นก็มืดดับลง กระทั่งนางล้มลง ฟู่เฉินหวนสะดุ้งและผลักตัวเองลุกขึ้นจากเตียง อดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสที่เกิดจากพิษ เขาลากมือขวาที่ได้เรี่ยวแรง พยายามอุ้มลั่วชิงยวนแล้ววางนางลงบนเตียง“เซียวชู! เซียวชู!”“พ่ะย่ะค่
ทีนี้ก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดรถม้าของเขาจึงตามหลังนางมานางจมอยู่กับความคิด ขณะมองดูสิ่งของในมือ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ในเมืองหลวงศาลารุ้งเมฆานับว่ามิธรรมดา ท่านซื้อมันมาได้อย่างไร?”ไม่ต้องพูดถึงผู้มีอำนาจในเมืองเมืองหลวง แม้แต่สนมในวังหลังก็ยังต้องใช้เงินกองเท่าภูเขาและเส้นสายเพื่อให้ได้โอกาสซื้ออาภรณ์สักชุดเนื่องจากศาลารุ้งเมฆาผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์อาภรณ์คุณภาพสูงเท่านั้น แต่ละชิ้นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงหนึ่งเดียว ทั้งสง่างามและหรูหรา สวยสง่าราวกับเทพเซียน เพียงคำสี่คำ “ศาลารุ้งเมฆา” บนป้ายก็มีมูลค่าหลายพันตำลึงทองร้านนี้มิใช่แค่ทำเงินเท่านั้นเพราะเขามีทั้งศักดิ์ศรีและมีเกียรติในแบบฉบับของตัวเอง มิใช่จะยอมให้ใครมาซื้อได้ง่าย ๆเหตุใดฟู่เฉินหวนจึงซื้อมันมาได้เช่นนี้ฟู่เฉินหวนพูดอย่างใจเย็น “ถ้าข้าอยากได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่ข้าจะไม่ได้”“เจ้าก็เหมือนกัน”เพียงประโยคสั้น ๆ กลับทำให้หัวใจของลั่วชิงหยวนสั่นสะท้านอย่างรุนแรงนางมองดูฟู่เฉินหวนด้วยความตกใจที่นางหูฝาดไปหรือไม่?“ท่านว่ากระไรนะ?” ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างสงสัยทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ท่านอ๋อง พวกเขามา
ฟ่านซานเหอยังคงมิตอบหลังจากที่เขาตั้งสติได้ เขาก็ทักทายฟู่เฉินหวนด้วยรอยยิ้ม “คราวนี้ท่านอ๋องเสด็จมากะทันหันและมิได้แจ้งล่วงหน้า ท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายวัน เรียนเชิญท่านอ๋องประทับและจิบชาสักถ้วยก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”ฟู่เฉินหวนมิรีบร้อนและเดินตามฟ่านซานเหอเข้าไปข้างในฟ่านซานเหอมิสนใจลั่วชิงยวนเลยแม้แต่น้อย ลั่วชิงยวนเดินตามเขาไปที่ลานบ้าน แต่เดินตรงไปที่ลานด้านในเพื่อตามหาลั่วหลางหลางแต่ในทาง นางถูกสตรีนางหนึ่งในอาภรณ์สีแดงขวางไว้และมองนางอย่างตั้งแง่ “เจ้าเป็นใคร ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าบุกเข้ามาในตระกูลฟ่านของข้า?”ลั่วชิงยวนมองคนที่อยู่ตรงหน้านาง อีกฝ่ายสวมผ้าไหมและผ้าต่วนเนื้อดี ที่มือสวมกำไลหยก และปิ่นปักผมที่ทำจากทองคำ ซึ่งทั้งหมดนี้เผยให้เห็นรัศมีแห่งความมั่งคั่งของนาง“เจ้าคืออนุของฟ่านซานเหอใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย และน้ำเสียงของนางเย็นชาพอกันเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเฉินซวนอี๋ก็ซีดลง และนางก็พูดด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นใคร กล้าพูดหยาบคายในตระกูลฟ่านของข้ารึ ใครก็ได้! พานางไปเดี๋ยวนี้!"เหล่านางรับใช้รวมตัวกันและต้องการพาลั่วชิงยวนออกไปแต่พว
“ข้ามิเป็นไร” เฉินซวนอี๋ส่ายหน้าเขาจ้องมองที่ลั่วชิงยวนด้วยสีหน้าโกรธเคือง “นางสตรีสารเลวนี่เป็นใครมาจากที่ใด? จัดการนางเสีย!”ฟ่านซานเหอจ้องมองลั่วชิงยวนด้วยสีหน้าน่าเกลียด "บ่าวรับใช้ของตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการรังแกคนได้เช่นนี้เชียวหรือ?"“ฮูหยินของข้ากำลังตั้งท้อง หากเจ้าทำให้นางแท้งขึ้นมา ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”เมื่อเห็นฟ่านซานเหอปกป้องเฉินซวนอี๋เช่นนี้ ลั่วชิงยวนก็พลันนึกถึงความรักที่เขาเคยมีต่อลั่วหลางหลางและคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์จากปากเขา“เหอะ สามี”“สิ่งสุดท้ายที่ข้าควรจะเชื่อคือคำสัญญาของเจ้า”เมื่อเฉินซวนอี๋ได้ยินสิ่งนี้ นางก็โกรธมากยิ่งขึ้นและตบฟ่านซานเหออย่างแรง "มัวอ้ำอึ้งอะไรอยู่! กำจัดนางออกไปสิ! ข้าถูกตบ ท่านยังมัวทำตัวมิสมกับเป็นสามีอยู่อีก!"ฟ่านซานเหอตื่นตระหนกขึ้นทันทีและต้องออกคำสั่ง “ใครก็ได้ จับนางไว้!"จากนั้นเขาก็มองไปที่ลั่วชิงยวนอย่างเย็นชา "วันนี้ข้าจะจัดการกับเจ้าก่อน แล้วค่อยไปขอประทานอภัยจากท่านอ๋อง!"คนรับใช้ในจวนเดินเข้ามาจับตัวลั่วชิงยวนทันทีลั่วชิงยวนมิได้ลงมือแม้แต่น้อยเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง“เจ้าคิดจะทำอะไรกับพระชายาของข้า
ลั่วหลางหลางตะโกนอย่างกังวลเมื่อได้เห็นลั่วหลางหลาง รูปร่างหน้าตาซีดเซียวของนางดูไม่เหลือเค้าสตรีจากครอบครัวชั้นสูงเลย รูปร่างหน้าตาของนางดูทรุดโทรมและเหนื่อยล้าเท่านั้นหากท่านมหาราชครูและท่านอาลั่วหรงเห็นลั่วหลางหลางในสภาพเช่นนี้ พวกเขาคงตรอมใจเป็นแน่“หลางหลาง!” ลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยประคองลั่วหลางหลางเมื่อลั่วหลางหลางเห็นนาง ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางจำเสียงของอีกฝ่ายได้ และดวงตาของนางก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นแต่ประโยคแรกของนางนั้นกล่าวว่า “เจ้าบอกให้พวกเขาหยุดตีเถอะ มิเช่นนั้นเขาต้องถูกตีจนตายแน่!”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย ชี้ไปที่ฟ่านซานเหอที่ถูกทุบตีแล้วพูดว่า “เขาทรยศเจ้า! ดูสิว่าตอนนี้เจ้าเป็นเช่นไร ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา แต่เจ้ายังออกหน้าพูดแทนเขาอีกหรือ?”ใบหน้าของลั่วหลางหลางซีดเซียว และนางคว้าแขนของลั่วชิงยวนอย่างขอร้อง “ได้โปรดเถอะ ชิงยวน”ลั่วชิงยวนกัดฟันและขอให้เซียวชูและคนอื่น ๆ หยุดเฉินซวนอี๋กลับมาอีกครั้งโดยมีนางรับใช้คอยประคอง และพาฟ่านซานเหอออกไปอย่างรวดเร็ว“พระชายา ลั่วหลางหลางสบายดี ไม่มีใครรังแกนางทั้งนั้น” เฉินซวนอี๋ยิ้มอย
“หลางหลาง ก่อนหน้านี้เจ้ากับฟ่านซานเหอก็เข้ากันได้ดีมิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ เขาจึงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนี้”ฟ่านซานเหอตบแต่งกับภรรยาหลวงอีกคนจริง ๆ ซึ่งลั่วชิงยวนจินตนาการมิออกเลยลั่วหลางหลางถอนหายใจอย่างเสียใจ "อันที่จริง มันเป็นความผิดของข้าเอง"“ข้ามิอยากมีลูกกับเขา”“แต่เขาอยากมี”“พอเวลาผ่านไป เขาก็ทนคำวิจารณ์ของคนนอกและเครือญาติของตระกูลเสวี่ยมิได้ ดังนั้นเขาจึงตบแต่งภรรยาหลวงอีกคนเข้ามาในที่สุด และตอนนี้เฉินซวนอี๋มีลูกอยู่ในท้องของนาง”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย “มิอยากมีลูกหรือ? เป็นเพราะ… ท่านตาของเจ้าหรือ?"ลั่วหลางหลางพยักหน้าและพูดด้วยสีหน้าเศร้า "ท่านตาของข้าตายเพราะเขา นี่เป็นปมในใจที่ข้ามิอาจปล่อยวางได้"“ยิ่งข้าใกล้ชิดเขามากเท่าใด ข้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและโทษตัวเองมากขึ้นเท่านั้น”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเหตุผลแต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังมิสามารถให้อภัยฟ่านซานเหอได้“แต่เขาก็ผิดคำสัญญากับเจ้า”“ครั้งนั้นเขาสัญญาเอาไว้อย่างไร? เพื่อที่จะช่วยชีวิตเขา ท่านมหาราชครูรับผิดแทนเขา ปลิดชีพตนไป ด้วยเหตุผลนี้เขาควรปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีสิ! เขาควรจะรักเจ้าอย่างสุดหัวใ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของลั่วชิงยวนก็เปลี่ยนไป“ว่ากระไรนะ?!”จือเฉาพูดต่อว่า “ตอนที่พระชายากำลังพูดคุยกับคุณหนูหลางหลาง บ่าวสอดส่ายสายตาไปเรื่อย”“แต่บ่าวมิแน่ใจว่ามันเป็นของคุณหนูหลางหลางหรือไม่”“อย่างไรเสีย หากมิได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดได้อย่างไร?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว และเข้าใจความกังวลของจือเฉาในทันใดเกรงว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอาจจะเป็นของคนอื่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่… แต่ความคิดนี้ลดโผนไปอยู่คู่หนึ่ง ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและพูดว่า “เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย! หลางหลางมิใช่คนแบบนั้น แม้ว่าผ้าพันแผลเปื้อนเลือดนั่นจะเป็นของคนอื่น ก็แปลว่านางมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น”อาจจะเป็นความลับเรื่องอื่น ที่ลั่วหลางหลางมิได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นกับตนเมื่อมาถึงโรงเตี๊ยม นางก็ได้พบว่าฟู่เฉินหวนใจกว้างถึงขนาดเช่าโรงเตี๊ยมไว้ทั้งสองชั้นยกเว้นห้องที่มียามอยู่ด้วย ห้องอื่น ๆ ว่างเปล่า น่าจะเพื่อความปลอดภัยเมื่อขึ้นไปชั้นบนลั่วชิงยวนเข้ามาในห้องเห็นฟู่เฉินหวนอ่านรายงานลับอีกครั้งลั่วชิงยวนก้าวไปข้างหน้าและนั่งลง รินชาให้ตัวเองแล้วถามว่า “คนของท่านส่งรายงานลับม
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ