ในช่วงบ่าย จือเฉากลับมาเพื่อแจ้งข่าว“พระชายา บ่าวไปสอบถามมาแล้วเจ้าค่ะ ที่เหยียนหน่ายซินมิอาจขึ้นเป็นฮงเฮาได้อีกต่อไปเป็นเรื่องจริง แต่ตระกูลเหยียนมิได้รับการลงโทษไปด้วย มีเพียงเหยียนหน่ายซินที่ต้องรับผลของการกระทำ”“เรื่องก็จบลงไปเช่นนั้น”ลั่วชิงยวนก็เดาผลลัพธ์นี้ไว้แล้วเช่นกันตั้งแต่วินาทีที่นางได้ยินเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างฟู่เฉินหวนและไทเฮา นางก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะจบลงเช่นนั้นในไม่ช้า สิ่งของของไทเฮาที่มอบให้เป็นการชดเชยนางก็ถูกส่งมอบมาทีละชิ้นทองคำหนึ่งร้อยตำลึง อีกทั้งยังมีเครื่องยาสมุนไพรและผ้าไหมจำนวนมากขณะที่ผู้คนของวังหลวงจากไป แม่ทัพใหญ่ฉินและฉินเชียนหลี่ก็มาเยี่ยมเยียนด้วย“พระชายา ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้าได้พบเครื่องยาสมุนไพรล้ำค่าบางอย่างมา มันน่าจะมีผลอย่างน่าอัศจรรย์ต่ออาการบาดเจ็บของเจ้า”แม่ทัพใหญ่ฉินถือบางอย่างมาให้นางอย่างกระตือรือร้นจือเฉารับไปอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนยิ้มและพูดว่า “ขอบใจท่านมาก แม่ทัพใหญ่ฉิน”“โธ่ ขอบใจเรื่องใด ข้าสิที่อยากจะขอบคุณเจ้า! พระชายาเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ข้ารู้เรื่องที่เจ้าถูกเหยียนหน่ายซิน
ถูกฆ่าด้วยมือของนางเอง!“เจ้าเห็นชัดเจนหรือว่าหมอกู้กลับมาแล้ว” ลั่วชิงยวนเปิดปากเพื่อยืนยันนางรับใช้พยักหน้า “เป็นท่านหมอกู้ ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”คิ้วของลั่วชิงยวนเลิกขึ้นหมอกู้? จะเป็นหมอกู้ได้อย่างไรกัน?หมอกู้ตายไปแล้ว!“อื้ม ข้าเข้าใจแล้วลั่วชิงยวนรู้สึกกังวลใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีคนปลอมเป็นหมอกู้ และเข้ามาในตำหนักเพื่อสังหารฟู่อวิ๋นโจว?เรื่องของเหยียนหน่ายซินยุติลงแล้ว มิจำเป็นต้องฆ่าฟู่อวิ๋นโจวแล้วมิใช่หรือ?ยิ่งคิดถึงมันมากเท่าไร นางก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้นนางเร่งฝีเท้าแล้ววิ่งไปยังเรือนทักษิณาทันทีที่เขารีบเข้าไปในเรือนทักษิณา เขาเห็นด้านหลังของชายคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดใบไม้ที่ร่วงอยู่ในลานบ้าน เขาสวมชุดของหมอกู้และรูปร่างของเขาค่อนข้างคล้ายกับของหมอกู้อีกด้วยดูเหมือน… จะเป็นหมอกู้จริง ๆ หรือ?“องค์ชายห้า? องค์ชายห้า?” ลั่วชิงยวนตะโกนหลายครั้งร่างที่กวาดพื้นชะงักไปเล็กน้อยในเวลานี้ ฟู่อวิ๋นโจวออกมาจากห้อง ใบหน้าซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความกลัว และเขาก็ส่ายหน้าให้นางส่งสัญญาณมิให้นางไปที่นั่นเมื่อลั่วชิงยวนเห็นการแสดงออกของฟู่อวิ๋นโจว นางก็ร
ลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปคืนนี้นางจะมาที่นี่เพื่อดูให้รู้ว่าเขาเป็นคนหรือผีกันแน่!หลังจากก้าวออกไปนางบังเอิญไปพบกับฟู่เฉินหวนที่ลานตำหนัก เมื่อฟู่เฉินหวนรู้ว่าหมอกู้กลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยปากสั่งทันที “หมอกู้กลับมาได้ทันเวลาพอดี รีบไปแจ้งให้เขามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิงเร็วเข้า”ต้องการให้หมอกู้ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนหรือผี มารักษาอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิงงั้นหรือ?เดิมทีนางอยากจะบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหมอกู้แต่หลังจากคิดดูแล้วนางก็เปลี่ยนใจ ลั่วเยวี่ยอิงจะอยู่หรือตายล้วนมิเกี่ยวอันใดกับตนจะได้ดูด้วยว่าหมอกู้มีทักษะทางการแพทย์หรือไม่ดังนั้น หลังจากที่นางรับใช้ไปเชิญหมอกู้มาแล้ว ลั่วชิงยวนก็เข้าไปในห้องด้วยลั่วเยวี่ยอิงนอนอยู่บนเตียงดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก “พี่หญิง ท่านมาทำอะไรที่นี่?”ลั่วชิงยวนยืนพิงเตียง สังเกตทุกการเคลื่อนไหวของหมอกู้อย่างมิวางตา “มาดูว่าเจ้าจะตายหรือไม่ไงเล่า”ขณะที่ฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาลั่วเยวี่ยอิงก็เริ่มไอหนักขึ้นทันทีฟู่เฉินหวนหันหน้าไปมองไปลั่วชิงยวน สีหน้าของเขาเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจลั่วชิงยวนเหลือบมองเขาเบา ๆ แล้วมองไปทางอ
ในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนจามออกมาเขาถูจมูก ก่อนจะเห็นซูโหยวกลับมา“เป็นอย่างไร?”ซูโหยวพูดด้วยใบหน้าขมขื่น “ท่านอ๋อง ยาที่พระองค์ทรงให้ส่งไปนั้นถูกพระชายาเททิ้งพ่ะย่ะค่ะ”ทันทีที่เขาได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฟู่เฉินหวนก็บีบรัดก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที“ท่านอ๋อง?” ซูโหยวตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นท่านอ๋องดูกังวลเพียงนี้“ไม่มีอะไร เจ้าออกไปเถอะ”ซูโหยวออกจากห้องตำราฟู่เฉินหวนรู้สึกหนักใจ เขาต้องเร่งความคืบหน้าและต้องรีบเอาของสิ่งนั้นมาให้ได้เขายังมาที่ประตูห้องของลั่วเยวี่ยอิงด้วยการก้าวเท้าหนัก ๆ การเสแสร้งตบตาเคยเป็นงานง่าย ๆ สำหรับเขา แต่ตอนนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงได้กลับกลายเป็นเรื่องยากไปเสียได้มันยากจนเขาต้องเตะถ่วงเวลาออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงตอนนี้เขายังมิได้รับสิ่งของกลับมาหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ เขาก็เคาะประตูและเข้าไปในห้องของลั่วเยวี่ยอิง……ลั่วชิงยวนมาที่เรือนทักษิณาอย่างเงียบ ๆ โดยสวมชุดดำคนในห้องดูคล้ายจะหลับสนิท ปราศจากการเคลื่อนไหวเมื่อลั่วชิงยวนเข้าไปในลาน นางหยิบธูปออกมาจุด รอจนกระทั่งควันธูปลอยเข้าไปในห้องนางรออย่างอดทนเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่อยู
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ไม่อาจฟังได้อีกต่อไปนางกัดฟันด้วยความโกรธ หันหลังและจากไปนางรู้ชัดเจนว่าฟู่เฉินหวนมีความสามารถมาก แต่เมื่อนางได้ยินกับหูของตัวเองว่าเขาเพียงหลอกใช้นางเท่านั้น นางกลับแอบรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยลั่วชิงยวนกำหมัดแน่น รีบวิ่งกลับเรือนไปอย่างรวดเร็วภายในห้อง ฟู่เฉินหวนและลั่วเยวี่ยอิงมิได้รู้ตัวเลยว่าลั่วชิงยวนอยู่ในบริเวณนี้ฟู่เฉินหวนกล่าวอีกครั้ง “เยวี่ยอิง ก่อนหน้านี้ข้ามีบางอย่างที่ต้องตรวจสอบ เจ้าช่วยนำถุงหอมของเจ้ามาให้ข้าดูอีกครั้งได้หรือไม่?”ลั่วเยวี่ยอิงสะดุ้งไป จากนั้นจึงพยักหน้ารับแล้วหยิบซองออกมาจากในแขนเสื้อของนาง ถือมันไว้ในมือ และมองดูมันอยู่นาน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสิ่งที่ท่านแม่หม่อมฉันทิ้งไว้ให้ มันคือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่หม่อมฉันมี”“แต่ท่านอ๋องก็เป็นบุรุษที่มีค่ามากที่สุดของหม่อมฉันเช่นกัน”“หากท่านอ๋องต้องการ หม่อมฉันก็ยินดีมอบให้”เมื่อพูดเช่นนั้น ลั่วเยวี่ยอิงก็ยื่นถุงหอมให้ฟู่เฉินหวนหัวใจของฟู่เฉินหวนเต้นรัว เขารับมันไปทันทีแต่ทันทีที่เขารับมา ฟู่เฉินหวนก็ตกตะลึงของข้างในถูกสับเปลี่ยนไปแล้วของที่อยู่ในภาย
“หากกระหม่อมมิใช่หมอกู้ แล้วกระหม่อมเป็นใคร?”รอยยิ้มและน้ำเสียงนั้นเหมือนกับหมอกู้ทุกประการ!คำพูดถัดไปของหมอกู้ทำให้ฟู่อวิ๋นโจวตกใจมากยิ่งขึ้น “กระหม่อมเคยบอกอย่างชัดเจนว่าหากลั่วชิงยวนล่วงรู้ถึงแผนการของท่าน ให้ทำตามแผนของกระหม่อม ฆ่าลั่วชิงยวนเสีย”“เหตุใดตอนนั้นท่านจึงอยากทำร้ายกระหม่อม? กระหม่อมอยู่กับท่านมานาน เทียบกับความผูกพันเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างท่านกับลั่วชิงยวนมิได้หรือ!”หมอกู้มองไปที่ฟู่อวิ๋นโจวด้วยสายตาอันเฉียบคม ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการตำหนิและความเกลียดชังม่านตาของฟู่อวิ๋นโจวหรี่ลง ในขณะนั้นกระดูกสันหลังเสียววาบ เขารู้ทุกเรื่องชัดเจน!มีเพียงเขาและหมอกู้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เขาคือหมอกู้จริง ๆ หรือ?ไม่! เป็นไปไม่ได้!ฟู่อวิ๋นโจวหันหลังกลับแล้ววิ่งออกจากห้อง…… กลางดึก เมื่อลั่วชิงยวนกลับมาที่ห้องและกำลังจะพักผ่อน จือเฉาก็รีบมารายงานทันที “พระชายา องค์ชายห้าเสด็จมาเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนสะดุ้งเล็กน้อย “ดึกเพียงนี้แล้ว ให้องค์ชายห้ากลับไปเถอะ ไปเสีย”จือเฉาดูเคร่งขรึมและพูดว่า “แต่องค์ชายห้า… ดูมิค่อยดีนักเจ้าค่ะ”“ดูมิดี
“ไฉนเจ้าจึงตื่นตระหนกเพียงนี้?” จือเฉาหยุดอีกฝ่ายไว้ที่ประตูนางรับใช้ยืนอยู่ที่ประตู คุกเข่าให้ลั่วชิงยวนที่อยู่ในห้อง “พระชายา! คุณหนูรองลั่วอาเจียนออกมาเป็นเลือด อาการของนางร้ายแรงมาก นางกำลังจะตาย บ่าวขอร้องพระชายาช่วยไปดูอาการนางทีเถิดเจ้าค่ะ!”ดวงตาของลั่วชิงยวนเย็นชา เอ่ยปากเสียงเรียบเฉย “เจ้ามาหาผิดคนกระมัง?”นางรับใช้อ้อนวอนอย่างหนักว่า “หมอกู้มิอยู่ในตำหนัก ส่วนท่านอ๋องก็มิได้ประทับอยู่ด้วย ท่านอ๋องทรงมอบหมายให้บ่าวดูแลคุณหนูรอง หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูรอง ท่านอ๋องต้องฆ่าบ่าวเป็นแน่เจ้าค่ะ!”“ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ พระชายา ได้โปรดช่วยบ่าวด้วยเถิดนะเจ้าคะ!”นางรับใช้ยังคงคุกเข่าและตื่นตระหนกอย่างยิ่งลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นยืน “ไป ข้าจะไปดูกับเจ้า”“ขอบพระคุณเจ้าค่ะพระชายา! ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”นางรับใช้ที่ศีรษะท่วมไปด้วยเลือดรีบลุกขึ้นนำทางไปเมื่อนางมาถึงห้อง ลั่วเยวี่ยอิงก็กำลังอาเจียนเป็นเลือดอยู่บนเตียงจริง ๆ อาภรณ์และเครื่องนอนของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉานลั่วเยวี่ยอิงได้รับบาดเจ็บจากคมมีด บาดแผลไม่ลึกและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทว่าเหตุใดนางจ
“บ่าวพยายามหยุดนางแล้ว แต่บ่าวมิสามารถเอาชนะพระชายาได้”“หลังจากนั้น คุณหนูลั่วก็เริ่มอาเจียนเป็นเลือด”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของลั่วชิงยวนก็มืดลงจือเฉาตกใจและคว้าคอเสื้อของซูฉิง “นั่นมิใช่สิ่งที่เจ้าพูดตอนที่เจ้ามาขอให้พระชายาช่วยคุณหนูรองลั่วเมื่อครู่นี่! พระชายามิเคยบาดหมางกับเจ้า ไฉนเจ้าจึงโกหกและใส่ร้ายนาง!”ซูฉิงส่ายหน้าด้วยความกลัว สะอื้นเบา ๆ และไม่โต้ตอบหมอกู้มองไปที่ลั่วชิงยวน “พระชายา ท่านจะว่าอย่างไรอีก?”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วมองดูหมอกู้ด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนริมฝีปาก “ท่านนี่รอที่จะฆ่าข้าแทบมิไหวจริง ๆ กระมัง”“ท่านคิดจะฆ่าข้าด้วยการใส่ร้ายข้าเช่นนี้รึ?”การแสดงออกของหมอกู้ยังคงมิเปลี่ยนแปลงและเขาพูดอย่างเย็นชา “ข้ามิเข้าใจว่าพระชายากำลังพูดเรื่องอะไร”“พระชายา โปรดออกจากห้องไปก่อน ข้าต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของคุณหนูรองลั่ว”ฟู่เฉินหวนเหลือบมองไปยังลั่วเยวี่ยอิงบนเตียง ร่างนางเต็มไปด้วยเลือดและดูอาการหนักมาก “นางจะเป็นอะไรหรือไม่?”หมอกู้ตอบอย่างนอบน้อม “ทรงอย่าได้กังวลพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง กระหม่อมจะช่วยคุณหนูรองลั่วเอง แม้กระหม่อมจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็
ใจของลั่วชิงยวนร้อนรุ่มดั่งไฟสุม นางพยายามดิ้นรนสุดแรง “ปล่อยข้านะ!”“ฟู่เฉินหวน ท่านช่างไร้หัวใจอะไรเยี่ยงนี้!”ทว่าฟู่เฉินหวนยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มิสะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเห็นแม่นมเติ้งใกล้จะทนมิไหวแล้ว น้ำตาลั่วชิงยวนก็เอ่อคลอ“หม่อมฉันจะมิออกจากเรือนแล้ว หม่อมฉันจะมิออกจากห้องแล้ว ได้หรือไม่!”นางมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ พยายามวิงวอนขอร้องในที่สุดนางก็ยอมก้มหน้าลง“ขอท่านไว้ชีวิตนางด้วยเถิดเพคะ!” ลั่วชิงยวนคุกเข่าลงอย่างอ่อนแรงแววตาฟู่เฉินหวนมืดมนเดิมทีลั่วชิงยวนคิดว่าเมื่อนางขอร้องแล้ว ฟู่เฉินหวนคงจะไว้ชีวิตแม่นมเติ้งแต่ฟู่เฉินหวนกลับมีแววตาเย็นชา “นางเป็นบ่าวของตำหนัก มิใช่บ่าวของเจ้า นางขัดคำสั่งข้า สำหรับข้าแล้ว ไม่มีคำว่ายกโทษ”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขาเป็นดั่งหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนตกตะลึงนางโกรธจนตะโกนลั่น “ฟู่เฉินหวน!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิดขณะกล่าวเสียงเย็น “พาตัวนางไป”องครักษ์จับตัวลั่วชิงยวนแล้วลากออกไปฟู่เฉินหวนมองนางเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้ายังท้าทายข้าอีก จะต้องมีคนตายมา่กกว่านี้แน่”แ
ครั้นลั่วชิงยวนถูกพากลับมายังเรือนพวกองครักษ์ก็ปล่อยตัวนาง นางจึงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความอ่อนล้า“พระชายา! พระชายา!”จือเฉารีบรุดเข้ามาประคอง แต่พลั้งมือไปโดนแขนนางเข้า จึงสะดุ้งโหยงรีบชักมือกลับ “พระชายา แขนของท่าน...”ลั่วชิงยวนยันกายลุกขึ้นโดยอาศัยจือเฉาพยุงเดินเข้าห้องไปอย่างเชื่องช้าเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ นางก็จับแขนข้างที่หักนั้นไว้พลางกัดฟันแน่นก่อนจะออกแรงดันกระดูกให้เข้าที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วราวกับจะขาดใจ น้ำตาของนางแทบไหลรินจือเฉากลั้นน้ำตาไว้มิอยู่ “พระชายา... เหตุใดท่านอ๋องจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้ ลงพระหัตถ์หนักหนาเกินไปแล้ว...”ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อกพลันไอออกมามิหยุด จือเฉารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เมื่อไอเสร็จ ลั่วชิงยวนก็พบว่าผ้าเช็ดหน้าเต็มไปด้วยเลือด...จือเฉาตกใจมาก “บ่าวจะไปตามซูโหยวให้ไปเชิญหมอหลวงมาเจ้าค่ะ”แต่ลั่วชิงยวนกลับบอกว่า “มิต้อง อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลย”หากฟู่เฉินหวนรู้ว่าซูโหยวช่วยนางคงจะโกรธมากเป็นแน่“แล้วแผลของพระชายาเล่าเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนรินน้ำชา “ยังมีสมุนไพรเหลืออยู่มิใช่หรือ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”จากนั้นนางก็หยิบส
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ