แชร์

บทที่ 518

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
แววตาของลั่วชิงยวนผุดประกายเยียบเย็น ทว่านางกลับเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าสับสน “คุณชายฝู เป็นกระไรหรือเจ้าคะ?”

ฝูจ้าวขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าจดจำรูปพรรณสัณฐานของหัวขโมยผู้นั้นได้! ข้าจักวาดให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ได้เจ้าค่ะ” นางรีบวางถ้วยชาแล้วเดินตามฝูจ้าวไป

เมื่อพวกเขาเดินออกมานอกห้อง ฝูจ้าวก็เหลียวกลับไปมองถ้วยชาที่ยังมิได้ดื่มแล้วให้รู้สึกโล่งอก

ที่แท้ฝูเสวี่ยก็มิได้สงสัยในตัวเขา

ระหว่างทางไปห้องตำรา ฝูจ้าวก็อดมิได้ที่จะลองหยั่งเชิงว่า “แม่นางฝูเสวี่ยเพิ่งบอกว่าเมื่อคืนตั้งใจวางกับดักใช่หรือไม่?”

ลั่วชิงยวนพยักหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ”

“ข้ารู้ว่าท่านอาฉินเกลียดชังข้า ดังนั้นข้าจักไปงานเลี้ยงโดยมิได้ระวังตัวได้อย่างไรกัน นับประสากระไรกับเรื่องที่นางคิดจัดการข้าด้วยเล่า”

“ข้าก็เลยสับเปลี่ยนตราประทับกับของจริงกับของปลอม เพราะเจตนาให้เขาขโมยไป แต่เมื่อคืนยาก็แรงเกินไปจริง ๆ ข้าต้านทานมิไหว ดังนั้นจึงได้แต่หลอกใช้คุณชายฝูแล้ว"

“ข้ามิได้บอกความจริงกับคุณชายฝู จนทำให้คุณชายฝูต้องได้รับบาดเจ็บ ข้ารู้สึกเสียใจจริง ๆ เจ้าค่ะ”

ที่จริงเมื่อคืนนางเตรียม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 519

    ใต้เท้าเหอพยักหน้า “ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแม่นาง อย่างไรเสียอิทธิพลด้านการเมืองในราชสำนักก็สลับซับซ้อน ฝูจ้าวเป็นบุตรชายของเจ้ากรมกลาโหม นอกเหนือไปจากบิดาของเขาแล้ว คงมีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังเป็นแน่” “แม่นางฝูเสวี่ยตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เช่นนั้นโปรดระวังตัวด้วย!” ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง นางคาดมิถึงว่าใต้เท้าเหอจะเป็นห่วงเป็นใยนาง “ขอบคุณใต้เท้าเหอที่เตือนข้านะเจ้าคะ" …… ตอนที่นางกลับมาถึงหอฝูเสวี่ยในยามบ่าย ฝูจ้าวก็มาที่หอฝูเสวี่ยอีกครั้ง คราวนี้เขานำเอาของกำนัลมากมายมาด้วยพร้อมประโคมข่าวใหญ่โต สิ่งนี้ทำให้ทั้งหอฝูเสวี่ยเกิดเสียงฮือฮาด้วยความประหลาดใจ ฟู่จิ่งหลีที่บังเอิญนั่งดื่มสุราอยู่ในหอฝูเสวี่ย เห็นฝูจ้าวสั่งให้คนแบกหีบหนักอึ้งหลายใบเข้ามา เขาเงยหน้ามองขึ้นมาที่ชั้นสองพลางร้องอุทานเสียงดังว่า “ความงามของแม่นางฝูเสวี่ยยากจักหาใดเปรียบ แม้แต่ท่วงท่าการร่ายรำของนางก็ยากจักพานพบได้ในพิภพ ชวนให้ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “วันนี้ข้าเตรียมของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเชื้อเชิญให้แม่นางฝูเสวี่ยออกมาร่ายรำ!” กล่าววาจาเหล่านี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 520

    สายตาของลั่วชิงยวนแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นแล้วนางก็ค่อย ๆ ติดตามไป หลังจากเห็นลั่วเยวี่ยอิงออกไปจากตำหนักอ๋องแล้ว อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปในตรอกด้วยเส้นทางอันคดเคี้ยวท่ามกลางถนนหนทางที่แสนเงียบสงัด ยามดึกสงัด เสียงฝีเท้าในตรอกช่างเบายิ่งนัก ลั่วชิงยวนลดเสียงแล้วตามไปโดยที่ลั่วเยวี่ยอิงมิทันสังเกตเห็น นางมิคาดคิดเลยว่าลั่วเยวี่ยอิงจะใจกล้าถึงขนาดอาจหาญเดินไปตามลำพังบนถนนเส้นเล็ก ๆ ยามกลางดึก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง นี่อาจจะมิใช่ครั้งแรกที่นางเดินผ่านถนนสายนี้ เพราะนางแลดูคุ้นเคยจึงมิได้หวาดกลัวเลยสักนิด ในที่สุดลั่วเยวี่ยอิงมาถึงประตูหลังของเรือนแห่งหนึ่งแล้วเคาะประตู ไม่นานนักประตูก็เปิดออกแล้วลั่วเยวี่ยอิงก็เดินเข้าไป จากมุมที่ลั่วชิงยวนกำลังยืนอยู่ ทำให้นางมองไม่เห็นว่าผู้ใดเปิดประตู ดังนั้นหลังจากได้ยินเสียงประตูปิดลง นางจึงได้แต่ปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพง ตรงมุมกำแพงคือชั้นวางกระถางต้นไม้ที่ลั่วชิงยวนใช้กำบังเพื่อแอบมองเข้าไปในเรือน ณ ตำแหน่งที่ลั่วเยวี่ยอิงกำลังทุ่มเถียงกับบุรุษผู้หนึ่งอยู่ นางถึงกับโผเข้ามาในอ้อมแขนของอีกฝ่าย นางร้องไห้พลางกล่าวว่า “ยามนี้เขามีคนอื่นแล้วจริง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 521

    ลั่วชิงยวนครุ่นคิดเรื่องนี้มาตลอดทาง นางหยุดคิดเรื่องที่เพิ่งจะประสบพบเจอมิได้เลย ยิ่งคิดนางก็ยิ่งแค้นใจ ในเมื่อมีโอกาสดีเช่นนั้น ไยนายมิให้ฟู่เฉินหวนรู้ความจริงโดยชัดแจ้งเสียเลยเล่า ให้เขาได้รู้ว่าตนเองผิดพลาดอย่างน่าขันเพียงใด! เมื่อนึกได้เช่นนี้ นางก็รีบกลับตำหนักอ๋องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากถามแม่นมเติ้ง อีกฝ่ายก็บอกว่าฟู่เฉินหวนอยู่ในห้องตำรา ดังนั้นนางจึงรีบเดินไปทันที ในตำหนักอ๋องจุดตะเกียงสว่างไสว ยังคงมีแสงสว่างในห้องตำรา บางทีนางอาจจะคุ้นเคยกับการลดเสียงฝีเท้าท่ามกลางค่ำคืนมืดมิดก็เป็นได้ ฉะนั้นยามที่นางนอกห้องตำรา คนในห้องจึงไม่ทันสังเกตเห็นนาง “ท่านอ๋อง กระหม่อมพบเงื่อนงำบางอย่างพ่ะย่ะค่ะ หัวหน้าโจรที่ขโมยเงินบรรเทาทุกข์มีรอยสักรูปนกอินทรีอยู่บนหลังมือ หลังจากกระหม่อมสืบดู เขาน่าจะเป็นมือสังหารของสำนักเทียนอิง กระหม่อมติดตามเขามาตลอดทาง ยามนี้คนผู้นี้อาจอยู่ในเมืองหลวง” เซียวชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “เมืองหลวงกว้างใหญ่เสียขนาดนั้น มิใช่ว่าจะหาเจอได้ง่าย ๆ เลย” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนฟังดูเย็นชา “เหล่ามือสังหารแต่ละคนของสำนักเทียนอิงมีอาจารย์ค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 522

    ลั่วชิงยวนกระทืบเท้าเขาอย่างแรงแล้วยกมือขึ้นซัดฝ่ามือใส่เขา “ฟู่เฉินหวน ท่านมันบ้าไปแล้ว!” ฟู่เฉินหวนกลับยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ แล้วรีบยกมือขึ้นต่อสู้กับนาง เขารู้สึกตกตะลึงที่ลั่วชิงยวนมีวรยุทธยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น ถึงแม้ว่าพลังจะมิแข็งแกร่งพอ ทว่าน้อยคนนักที่จะสามารถไล่ทันความเร็วในการตอบโต้ของนางได้! นางไปเรียนรู้วรยุทธตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? สตรีผู้นี้มีเรื่องปิดบังเขามากมายเพียงใดกันแน่? หลังจากต่อสู้กันมาสักพัก ฟู่เฉินหวนถึงจับมือของลั่วชิงยวนแล้วกักตัวนางเอาไว้ข้างหน้าได้ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เขาให้เจ้ามากเท่าใด? ข้าจักให้เจ้าสิบเท่า ห้ามเจ้าไปที่หอฝูเสวี่ยอีก!” เมื่อเขานึกว่ายามที่นางร่ายรำอยู่ในหอฝูเสวี่ย มีบุรุษมากมายถึงเพียงนั้นจ้องมองนางด้วยท่าทีหื่นกระหาย เขาก็รู้สึกรังเกียจเสียจนโทสะลุกโชน ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะ “ขออภัย หม่อมฉันมิทำการค้ากับท่านอ๋อง!” การค้า? นางเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการค้าจริง ๆ ฟู่เฉินหวนโกรธจัด “เจ้าร่วงหล่นสู่สภาพเสื่อมทราม เกินกว่าจะเยียวยาได้แล้ว!” ดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ ลั่วชิงยวนใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวออ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 523

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เช่นนั้นคืนนั้นฟู่เฉินหวนก็เห็นฟู่อวิ๋นโจวเช่นกัน ทว่าเขามิได้รู้สึกประหลาดใจสักนิด เขารู้ว่าฟู่อวิ๋นโจวเองก็ล่วงรู้ตัวตนของนาง แต่เขากลับมิได้เอ่ยสิ่งใด “ขอบพระทัยเพคะ” ลั่วชิงยวนตอบด้วยท่าทีซาบซึ้งใจ “อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ขอเพียงเจ้าปลอดภัย ข้าจักมิไปหาฝูเสวี่ยหรือเผยความลับใด เจ้าวางใจเถิด” นี่เป็นเรื่องที่แม้แต่หมอกู้ ฟู่อวิ๋นโจวก็ยังมิยอมบอก มันเป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขารู้ ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของลั่วชิงยวน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้ “ขอบพระทัยเพคะ” ฟู่อวิ๋นโจวกำลังจะเอ่ยวาจาบางอย่าง ทว่ารอยยิ้มของเขาพลันแข็งทื่อขึ้นมาทันที เมื่อลั่วชิงยวนมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปก็เห็นฟู่เฉินหวนยืนห่างออกไปมิไกล กลิ่นอายเยียบเย็นของเขาชวนให้คนรู้สึกสันหลังเย็นวาบ “ดึกดื่นค่ำคืนแล้ว ท่านควรเสด็จกลับไปพักผ่อนเพคะ” ลั่วชิงยวนมองฟู่อวิ๋นโจว ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้า “ได้สิ” จากนั้นเมื่อลั่วชิงยวนจากไป ฟู่อวิ๋นโจวก็จากไปเช่นกัน ลั่วชิงยวนที่กลับมาถึงเรือนเดินผ่านฟู่เฉินหวนไป นางมิได้หยุดฝีเท้าหรือเหลือบมองเขาเลย ราวกับว่านางมองไม่เห็นเขาเลยสักนิด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 524

    ขณะที่ลั่วชิงยวนมองฉินเฟิงด้วยสายตาเคลือบแคลง อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบ “เจ้ามิใช่คนที่เข้ามาขโมยของในหอฝูเสวี่ยเมื่อคืนนั้น แต่นายของเจ้ากลับใส่ความเจ้า” “เจ้ามิแค้นเขาบ้างรึ? ทำงานให้คนเช่นนั้นคุ้มค่าแล้วกระนั้นรึ?” “หากเจ้าเล่าเรื่องที่ตัวเจ้ารู้ให้ข้าฟัง บางทีข้าอาจมอบทางรอดให้เจ้าก็ได้” ลั่วชิงยวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสารภาพทุกอย่างที่ล่วงรู้ แต่ฉินเฟิงก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาว่า “ยอมแพ้เสียเถิด ข้ามิพูดอันใดหรอก” ลั่วชิงยวนหรี่ตาแล้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นนางก็ออกจากห้องขังแล้วเดินไปหาใต้เท้าเหอเพื่อซักถามเรื่องของฉินเฟิง เขาเป็นเถ้าแก่หอร่ำเมรัย ทว่ากลับไร้ภรรยาหรือบุตร ทั้งยังไม่มีบิดามารดาอยู่ที่บ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าลำพังตัวคนเดียวโดยแท้ หลังจากลั่วชิงยวนยืนยันเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ใต้เท้าเหอก็รับรองกับนางว่า “ฉินเฟิงผู้นี้เป็นคนเมืองหลวง สำมะโนครัวของเขาถูกบันทึกเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า เขามิเคยแต่งงานและบิดามารดาก็จากไปในวัยชรา ยามนี้เขาตัวคนเดียวแล้วจริง ๆ” “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะ” ลั่วชิงยวนย้อนกลับไปที่ห้องขั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 525

    ลั่วชิงยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “เช่นนั้นก็จงบอกข้ามาว่าเจ้ารู้สิ่งใดบ้าง" ฉินเฟิงรีบตอบว่า “ข้ารู้เรื่องข้อตกลงระหว่างเจ้ากับตระกูลหลิวอยู่เรื่องสองเรื่อง ตระกูลหลิวเองก็เคยทำงานให้ฝูจ้าวมาก่อน!” “ฝูจ้าว เคยพบใต้เท้าหลิวตามลำพังในหอร่ำเมรัยมากกว่าหนึ่งครั้ง” “เงินบรรเทาทุกข์ที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการยึดได้จากจวนตระกูลหลิวอาจมีส่วนเกี่ยวพันกับฝูจ้าว!” เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง เรื่องเงินบรรเทาทุกข์เกี่ยวข้องกับฝูจ้าวจริง ๆ เสียด้วย มิน่า เมื่อคืนนี้นางถึงได้ยินเซียวชูรายงานให้ฟู่เฉินหวนฟังว่าหัวหน้าโจรที่ขโมยเงินบรรเทาทุกข์ไปมีรอยสักรูปนกอินทรีบนหลังมือขวา อันบ่งบอกถึงความเกี่ยวข้องกับสำนักเทียนอิง จากนั้นนางก็บังเอิญเห็นคนผู้นี้อยู่ในห้องตำราของฝูจ้าว ท่านอาฉิน ใต้เท้าหลิวและฝูจ้าว ที่แท้พวกเขาล้วนเป็นพวกเดียวกัน นับตั้งแต่แรกที่ใต้เท้าหลิวหลงรักนาง ก็เป็นแค่กับดักที่ซ้อนอยู่ในกับดักหลายต่อหลายชั้น! “เจ้ารู้อีกมากแค่ไหน?” ลั่วชิงยวนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคร่งเครียด “เจ้าเคยเห็นบุรุษที่มีรอยสักรูปนกอินทรีบนหลังมือหรือไม่?” ฉินเฟิงรู้สึกตื่นตก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 526

    “ว่ากระไรนะ?” สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไปฉับพลัน นางพยายามข่มเสียงตะลึงให้ต่ำลง แต่ก็ทำท่านอาฉินในห้องขังตื่นอยู่ดีเห็นท่านอาฉินพลิกตัว ลั่วชิงยวนจึงรีบจากไปในทันทีนางถามลิ่นฝูเสวี่ยเสียงต่ำ “เจ้าพูดจริงรึ? มิได้มองผิดไปใช่หรือไม่? นั่นไม่ใช่ถุงหอมรึ?”“ข้าใช้ถุงหอมใส่เงินแล้วมันแปลกอย่างไรกัน? แค่วิธีที่นางโลมมักใช้ เครื่องหอมที่ทุกคนใช้ต่างไม่เหมือนกัน สิ่งนี้มีไว้เพื่อให้อีกฝ่ายจดจำเราได้ดียิ่งขึ้น”ได้ยินดังนี้ ลั่วชิงยวนยันกำแพงไว้อย่างอดไม่ได้ คิ้วของนางขมวดแน่น “เช่นนั้นเงินของฉินเฟิง เจ้าเป็นคนให้เขาหรือ? เจ้าช่วยเขาเอาไว้รึ?”ลิ่นฝูเสวี่ยไตร่ตรอง “ข้าจำได้ราง ๆ ว่าเป็นเช่นนี้ แต่ข้าจำได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะคนที่ข้าเคยช่วยไว้เยอะจะตายชัก”ลั่วชิงยวนตะลึง “หากเป็นเช่นนี้ อาฉินปลอมอ้างตัวตนของเจ้าหลอกใช้ฉินเฟิงหรือ?”“เจ้านี่นะ หว่านเสน่ห์ไว้ทั่ว!”คิดถึงคุณลุงร้านจัดงานศพที่ยังลืมลิ่นฝูเสวี่ยมิได้ลิ่นฝูเสวี่ยหัวเราะเบาทีหนึ่ง “แสดงให้เห็นได้เพียงเสน่ห์ของข้ามากล้น ชั่วชีวิตนี้ของข้ารักเพียงการร่ายรำ มิสนใจนุรุษใดแม้แต่นิด”“หากมิใช่เพราะไม่มีที่แสดงความสามารถของข้า ข

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status