Share

บทที่ 511

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วชิงยวนคิดจะจุดตะเกียง แต่กลับมือสั่นและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ฝูจ้าวจึงเดินเข้ามาจัดการให้ “ข้าจะจุดให้เอง”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณชายฝู” ลั่วชิงยวนแสดงความขอบคุณ

จากนั้นนางก็รีบเดินไปที่มุมห้องแล้วเปิดตู้ลิ้นชักพลางรีบหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาแล้วใช้กุญแจไขเพื่อเปิดดู

ฝูจ้าวเหลือบมองแล้วหรี่ตาเล็กน้อย

เมื่อลั่วชิงยวนเปิดกล่องดูแล้วเห็นว่าของยังอยู่ นางก็ถอนหายใจแรง ๆ ด้วยความโล่งอก

ยามที่หันกลับไป นางก็เห็นฝูจ้าวกำลังมองนางอยู่

ฝูจ้าวสะดุ้งตกใจไปชั่วขณะแล้วรีบหันหลังกลับไป “ขอโทษที หากเจ้ามิอยากให้ข้าเห็น ข้าจักออกไปก่อน”

หลังจากเขาพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป

ลั่วชิงยวนจึงห้ามเขาไว้

“คุณชายฝูเจ้าคะ” นางร้องเรียก

คุณชายฝูชะงักฝีเท้า

“ท่านมิเห็นสิ่งใดทั้งนั้น วันนี้ขอบคุณที่คุณชายฝูช่วยชีวิตข้าไว้นะเจ้าคะ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าอยากขอร้องคุณชายฝูอีกสักเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องใดหรือ?” ฝูจ้าวเอ่ยถาม

ลั่วชิงยวนตอบว่า "ข้าหวังว่าคุณชายฝูจักสามารถคุ้มกันข้าอยู่ในห้องตลอดทั้งคืนเจ้าค่ะ"

เมื่อฝูจ้าวได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ

เดิมทีเขาวางแผนจะช่วยชีวิตฝูเสวี่ยแล้วตามนางไป เพื่อจะได้ร
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ซ้อหวัง มาดามต้วน
จริงเรื่องนี้นางเอกน่าจะตายๆไปซะน่าเบื่อสาระเเนทุกเรื่อง บทเน่า
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 512

    เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็ตื่นเต็มตาทันที “หายไปรึ?” “หายไปแล้วเจ้าค่ะ!” แม่เล้าเฉินร้อนใจสุดขีด “ทำไมถึงหายไปได้เล่า? เมื่อคืนมีหัวขโมยรึ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถาม แม่เล้าเฉินผงกศีรษะ “ใช่เจ้าค่ะ แล้วเขาหนีก็ไปได้ พวกเรายังจับตัวเขาไม่ได้เลย โชคดีที่ในที่สุดท่านก็ฟื้นสักที! ขอเพียงท่านมิเป็นอันใดก็พอ!” เมื่อนางพูดจบ อวิ๋นถังรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทีร้อนใจ “เกิดเรื่องแล้ว! ท่านอาฉินจากหอเจาเซียงมาเจ้าค่ะ” “นางมาก็แล้วไปสิ ไยเจ้าต้องตื่นตระหนกด้วยเล่า?” ลั่วชิงยวนสวมรองเท้าด้วยท่าทีไม่รีบร้อน “แม่นาง ได้โปรดออกไปดูเองเถิดเจ้าค่ะ!” อวิ๋นถังหน้าตาเคร่งเครียด …… แขกเหรื่อในหอต่างถูกต้อนออกไปจนหมด ข้างหลังท่านอาฉินคือหลีเถาและบรรดาแม่นางจากหอเจาเซียง ตลอดจนผู้ที่บุกเข้ามาในหอฝูเสวี่ยเมื่อสองสามวันก่อน "หอนางโลมใหญ่โตอย่างหอเจาเซียงทำตัวเป็นอันธพาลเช่นนั้นได้เยี่ยงกัน? หากพวกเจ้ามิยอมไป เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าใช้กำลังก็แล้วกัน!" ซิ่งอวี่ด่าทออีกฝ่ายอย่างรุนแรง หลีเถาเดินเข้ามาสองก้าวแล้วยกมือขึ้นตบหน้านางอย่างแรง เพียะ— พลังตบรุนแรงจนทำเอาซิ่งอวี่เกือบล้มลงก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 513

    “นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกคนในหอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า รวมทั้งตัวเจ้าด้วย!” ท่านอาฉินรู้สึกพอใจยิ่งนัก นางกำลังรอคอยที่จะได้เห็นสีหน้าประหลาดใจและหวาดกลัวของฝูเสวี่ย บัดนี้ทุกอย่างตกอยู่ในมือของนางแล้ว ฝูเสวี่ยน่าจะรู้ว่าตนคงไม่มีจุดจบที่ดีเป็นแน่ ทันทีที่ตื่นจากหลับลึก ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป อีกฝ่ายคงจะรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว แต่ท่านอาฉินกลับรอไม่ถึงฉากที่นางอยากจะเห็น ลั่วชิงยวนเหลือบมองกระดาษสองแผ่นแล้วเดาะลิ้น “เมื่อคืนบังเอิญมีหัวขโมยเข้ามาในหอ ข้าจึงสั่งให้คนไปแจ้งทางการเอาไว้แล้ว” “ข้ามิคาดคิดเลยว่าเจ้าจักมาสารภาพความผิดถึงที่เร็วเสียขนาดนั้น” เมื่อท่านอาฉินได้ยินเช่นนี้เข้า นางก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “ตอนนี้ถกเถียงกันไปจะมีประโยชน์อันใดเล่า? เจ้าลงนามสัญญาหยินหยางฉบับนี้และขายหอฝูเสวี่ยแห่งนี้ไปแล้ว” “บรรดาแม่นางในหอฝูเสวี่ยที่อยู่ข้างหลังข้าล้วนเป็นพยานได้” ดูเหมือนว่าท่านอาฉินจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี ลั่วชิงยวนเหลือบมองผู้คนที่อยู่ข้างหลังท่านอาฉินด้วยที่เสียดายพลางกล่าวว่า “ช่างน่าเสียใจจริง ๆ ข้าคิดจักมอบชีวิตที่ดีให้แก่พวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับมิต้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 514

    “ดูสิ เจ้ายังปลอมได้มิแนบเนียนเลยนะ ยังต้องรอบคอบอีกสักหน่อย” “ข้าเกรงว่าเจ้าคงใช้หัวไชเท้ามาแกะสลักตราประทับกระมัง เจ้าคิดเอาของพรรค์นี้มาหลอกเอาหอฝูเสวี่ยของข้าไปกระนั้นรึ?” “เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเชียวรึ?” ในยามนั้นเอง ท่านอาฉินพลันมีสีหน้าตกตะลึง มีแววตื่นตระหนกวูบผ่านเข้ามาในใจของนางวูบหนึ่ง แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าฝูเสวี่ยน่าจะตั้งใจทำทีสงบนิ่ง ด้วยหวังที่จะบีบให้นางล่าถอย คุณชายเป็นคนเอาของกลับมาด้วยตัวเอง จะเป็นของปลอมไปได้อย่างไรกันเล่า? “นี่คือสัญญาที่พวกเราลงนามกันเมื่อคืนนี้ ตราประทับย่อมต้องเปียกชื้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็ตั้งใจที่จะเช็ดมันออกด้วย” “อาศัยแค่เรื่องนี้ เจ้าก็ปฏิเสธมิออกแล้ว” ท่านอาฉินยังคงเชิดคาง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ลั่วชิงยวนหัวเราะแล้วมองมาที่ใต้เท้าเหอ “ท่านได้ยินท่านอาฉินชัดเจนแล้วหรือไม่?” ใต้เท้าเหอมีสีหน้าสับสน แต่ก็พยักหน้า “ข้าได้ยินชัดเจนแล้ว เช่นนั้นอย่างไรเล่า?” ลั่วชิงยวนค่อย ๆ เชิดคาง น้ำเสียงใสกระจ่างของนางเปี่ยมไปด้วยอำนาจ… “เช่นนั้นขอใต้เท้าเหอได้โปรดเป็นพยาน มาดูกันว่าหอเจาเซียงลักขโมยแล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 515

    เมื่อท่านอาฉินได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของนางก็ฉายแววตื่นตระหนกและมีเม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก ใต้เท้าเหอเหลือบมองท่านอาฉินด้วยท่าทีจนใจ เมื่อมีองค์ชายเจ็ดอยู่ที่นี่ เขาก็ทำอันใดมิได้นัก “มา! จับตัวท่านอาฉินเข้าคุก! รอจนกว่าคดีจะกระจ่างแล้วค่อยจัดการตามกฎหมาย” คนของทางการเข้ามาจับกุมตัวท่านอาฉินเอาไว้ทันที จากนั้นก็พาตัวนางไป บรรดาแม่นางที่ติดตามท่านอาฉินต่างรู้สึกตื่นตระหนก พวกนางพูดไม่ออกไปสักพัก หลีเถายิ่งรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นเรื่อย ๆ “ท่านอาฉิน! ท่านอาฉิน!” ทว่านางร้องตะโกนไปก็เปล่าประโยชน์ ใต้เท้าเหอเหลือบมองหลีเถาที่ถูกลั่วชิงยวนตตรึงเอาไว้ “แม่นางฝูเสวี่ย” ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก “ข้าขอจัดการเรื่องนี้เองเจ้าค่ะ” ใต้เท้าเหอเข้าใจสิ่งที่นางต้องการจะสื่อแล้วเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “อย่าถึงขนาดให้เลือดตกยางออกเล่า” หลังจากเขาพูดจบก็เดินจากไป คนของทางการทุกคนเองก็จากไปด้วย เมื่อเห็นว่าผู้คนที่อยู่นอกประตูยังคงชมดูเรื่องสนุก ลั่วชิงยวนก็ขยิบตาแล้วสั่งให้พวกเขาปิดประตู “แม่นางฝูเสวี่ย เจ้าคิดทำอันใดรึ?” ฟู่จิ่งหลีเหลือบมองหลีเถาด้วยท่าทีฉงนสงสัย “ฉากนองเลือดเพคะ เชิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 516

    “เงินรึ? ข้ามีเยอะแล้ว” “หากพวกเจ้าอยากให้ข้าไว้ชีวิต หาใช่เพียงแค่เงินไม่ มอบสัญญาขายตัวของพวกเจ้าเพื่อแสดงความจริงใจเป็นอย่างไรเล่า?” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงแล้วมองหน้ากัน ฝูเสวี่ยรู้ว่าพวกนางมีสัญญาขายตัวของตนได้อย่างไรกัน? หลังจากลังเลอยู่สักพัก พวกนางต่างก็หยิบสัญญาขายตัวของตนออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้ ซิ่งอวี่ก้าวเข้ามารับสัญญาขายตัวเอาไว้ ฟู่จิ่งหลีที่อยู่บนชั้นสองพิงราวบันไดพร้อมด้วยท่าทีสงสัยเป็นอันมากแล้วถามว่า “สัญญาขายตัวพวกนี้มิน่าเป็นของหอเจาเซียงกระมัง?” แม่เล้าเฉินครุ่นคิดอยู่สักครู่พลางกล่าวว่า “หม่อมฉันทุ่มเงินมหาศาลเพื่อล่อแม่นางพวกนี้ออกมา ยามนั้นพวกนางคงได้สัญญาขายตัวมาและเป็นอิสระแล้วเพคะ” “แต่หม่อมฉันคิดว่าแม่นางคงมิเก็บพวกนางไว้ แต่มิคาดคิดว่าแม่นางจักยอมปล่อยพวกนางไป” ยามนี้หอเจาเซียงล่มสลายไปแล้ว หอฝูเสวี่ยจึงมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง ณ เวลานี้ หากแม่นางเหล่านี้มิได้อยู่ที่หอฝูเสวี่ย พวกนางย่อมต้องไปที่อื่น ในยามนี้เอง ลั่วชิงยวนมองดูสัญญาขายตัวแล้วเอ่ยด้วยท่าทีมิรีบร้อนว่า “ข้าให้พวกเจ้าอยู่ที่หอฝูเสวี่ยก็ได้ แต่พวกเจ้า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 517

    “เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะยอมแพ้เช่นกัน เจ้าหนีมิพ้นหรอก" หลังจากลั่วชิงยวนกล่าวจบ นางก็หันหลังเดินจากไป ท่านอาฉินรู้สึกตื่นตกใจแล้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีร้อนรนกังวลใจ นางขมวดคิ้วหมายจะเอ่ยวาจา แต่ก็เห็นเงาร่างของหายลับตาไปเสียแล้ว หมายความว่าอันใดกัน? ฝูเสวี่ยหมายความว่าอันใดกัน? นางมั่นใจกล่าวเรื่องนั้นออกมาได้อย่างไรกัน? เพราะเหตุใดกัน? หลังจากลั่วชิงยวนออกมา นางก็ไปพบใต้เท้าเหอที่ท้ายเรือน ใต้เท้าเหอไล่คนรับใช้ออกไปแล้ว ทั้งเรือนจึงเหลือเพียงพวกเขาสองคน “ฝูจ้าวสงสัยในตัวท่านหรือไม่เจ้าคะ?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถาม ใต้เท้าเหอส่ายหน้า “เรื่องนี้เกิดขึ้นในหอฝูเสวี่ย กอปรกับมีหลายคนกำลังมองอยู่ เรียกได้ว่าข้ามิอาจเล่นพรรคเล่นพวกให้โจ่งแจ้งนัก มิหนำซ้ำองค์ชายเจ็ดก็อยู่ด้วย ดังนั้นข้าจึงช่วยท่านอาฉินมิได้” ลั่วชิงยวนพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี เขาได้ขอให้ท่านช่วยท่านอาฉินหรือไม่?” ใต้เท้าเหอตอบว่า “บัดนี้ยังหรอก เขาแค่มาไต่ถามรายละเอียดเท่านั้น” “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากลั่วชิงยวนพูดจบ นางก็เตรียมจะจากไป แต่จู่ ๆ นางก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดเดินแล้วถามใต้เท้าเหอว่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 518

    แววตาของลั่วชิงยวนผุดประกายเยียบเย็น ทว่านางกลับเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าสับสน “คุณชายฝู เป็นกระไรหรือเจ้าคะ?” ฝูจ้าวขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าจดจำรูปพรรณสัณฐานของหัวขโมยผู้นั้นได้! ข้าจักวาดให้เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!” “ได้เจ้าค่ะ” นางรีบวางถ้วยชาแล้วเดินตามฝูจ้าวไป เมื่อพวกเขาเดินออกมานอกห้อง ฝูจ้าวก็เหลียวกลับไปมองถ้วยชาที่ยังมิได้ดื่มแล้วให้รู้สึกโล่งอก ที่แท้ฝูเสวี่ยก็มิได้สงสัยในตัวเขา ระหว่างทางไปห้องตำรา ฝูจ้าวก็อดมิได้ที่จะลองหยั่งเชิงว่า “แม่นางฝูเสวี่ยเพิ่งบอกว่าเมื่อคืนตั้งใจวางกับดักใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนพยักหน้าแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ” “ข้ารู้ว่าท่านอาฉินเกลียดชังข้า ดังนั้นข้าจักไปงานเลี้ยงโดยมิได้ระวังตัวได้อย่างไรกัน นับประสากระไรกับเรื่องที่นางคิดจัดการข้าด้วยเล่า” “ข้าก็เลยสับเปลี่ยนตราประทับกับของจริงกับของปลอม เพราะเจตนาให้เขาขโมยไป แต่เมื่อคืนยาก็แรงเกินไปจริง ๆ ข้าต้านทานมิไหว ดังนั้นจึงได้แต่หลอกใช้คุณชายฝูแล้ว" “ข้ามิได้บอกความจริงกับคุณชายฝู จนทำให้คุณชายฝูต้องได้รับบาดเจ็บ ข้ารู้สึกเสียใจจริง ๆ เจ้าค่ะ” ที่จริงเมื่อคืนนางเตรียม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 519

    ใต้เท้าเหอพยักหน้า “ข้าเพียงแต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแม่นาง อย่างไรเสียอิทธิพลด้านการเมืองในราชสำนักก็สลับซับซ้อน ฝูจ้าวเป็นบุตรชายของเจ้ากรมกลาโหม นอกเหนือไปจากบิดาของเขาแล้ว คงมีผู้อื่นอยู่เบื้องหลังเป็นแน่” “แม่นางฝูเสวี่ยตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม เช่นนั้นโปรดระวังตัวด้วย!” ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง นางคาดมิถึงว่าใต้เท้าเหอจะเป็นห่วงเป็นใยนาง “ขอบคุณใต้เท้าเหอที่เตือนข้านะเจ้าคะ" …… ตอนที่นางกลับมาถึงหอฝูเสวี่ยในยามบ่าย ฝูจ้าวก็มาที่หอฝูเสวี่ยอีกครั้ง คราวนี้เขานำเอาของกำนัลมากมายมาด้วยพร้อมประโคมข่าวใหญ่โต สิ่งนี้ทำให้ทั้งหอฝูเสวี่ยเกิดเสียงฮือฮาด้วยความประหลาดใจ ฟู่จิ่งหลีที่บังเอิญนั่งดื่มสุราอยู่ในหอฝูเสวี่ย เห็นฝูจ้าวสั่งให้คนแบกหีบหนักอึ้งหลายใบเข้ามา เขาเงยหน้ามองขึ้นมาที่ชั้นสองพลางร้องอุทานเสียงดังว่า “ความงามของแม่นางฝูเสวี่ยยากจักหาใดเปรียบ แม้แต่ท่วงท่าการร่ายรำของนางก็ยากจักพานพบได้ในพิภพ ชวนให้ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “วันนี้ข้าเตรียมของกำนัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเชื้อเชิญให้แม่นางฝูเสวี่ยออกมาร่ายรำ!” กล่าววาจาเหล่านี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1217

    “พ่ะย่ะค่ะ!”ศพถูกนำออกจากตำหนักอ๋องเฉินชีที่กำลังรีบมาที่ตำหนักอ๋องบังเอิญเห็นเข้า จึงรีบเข้าไปในตำหนักอ๋อง แล้วตรงไปยังเรือนที่ลั่วชิงยวนพักอาศัยก็เห็นเรือนที่ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้นเฉินชีตกใจมาก รีบคว้าคอเสื้อคนรับใช้คนหนึ่งมาถามเสียงดัง “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ทุกคนหวาดกลัว“พระชายา... ถูกไฟคลอกสิ้นไปแล้ว!”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเฉินชีก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันทีก่อนจะรีบไปที่เรือนด้านหน้า ปรากฏตัวต่อหน้าฟู่เฉินหวน จิตสังหารแผ่ซ่านจนทำให้องครักษ์ในเรือนชักดาบขึ้นมาด้วยความระมัดระวังแล้วเข้าล้อมเฉินชีไว้“ฟู่เฉินหวน ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด!”ฟู่เฉินหวนที่มีสีหน้าเย็นชากล่าวอย่างใจเย็น “ตายแล้ว”เฉินชีโกรธจัด กระโจนเข้าใส่ฟู่เฉินหวน “ไฟไหม้เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”ถึงแม้จะมิใช่เขาที่จุดไฟ ก็ต้องเป็นเขาที่สั่งให้คนจุด!มิเช่นนั้นทั้งตำหนักอ๋อง เหตุใดจึงมีเพียงเรือนของลั่วชิงยวนที่ถูกไฟไหม้!คนในตำหนักมากมาย เหตุใดจึงมีเพียงลั่วชิงยวนคนเดียวที่ตาย!แต่ฟู่เฉินหวนหาได้ปฏิเสธไม่ เขามองเฉินชีด้วยแววตาดุดัน เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู“นางทรยศข้า ต่อให้ข้าต้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1216

    สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพงแต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิดได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรงเมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง......จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋องนางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือนครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอนแต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมีแต่ความวุ่นวายสับสนจือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระช

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1215

    และสองคือช่วยจือเฉาขนของสิ่งที่ทำให้จือเฉาตกใจคือ เดิมทีนางคิดว่าจะไปที่หอฝูเสวี่ยเพื่อเบิกเงิน แต่กลับพบว่าองครักษ์ช่วยจ่ายเงินให้นางจือเฉางุนงงตลอดทาง มิเข้าใจว่าท่านอ๋องต้องการทำอะไรกันแน่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ร้านค้าที่เปิดมีมิมาก ดังนั้นจือเฉาจึงต้องวิ่งไปหลายที่โดยเฉพาะการหาสมุนไพร นางแทบจะต้องเคาะประตูโรงหมอและร้านขายยาทั่วเมืองหลวง......ในคืนนั้นลั่วชิงยวนนอนซมอยู่บนเตียง ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออกลมหนาวพัดโชยเข้ามา ทำให้ลั่วชิงยวนไอออกมา“แค่กแค่กแค่ก... จือเฉา ดูสิว่าหน้าต่างถูกลมพัดเปิดออกหรือไม่... แค่กแค่กแค่กแค่กแค่ก...”ลั่วชิงยวนไอมิหยุด ได้แต่มุดเข้าไปในผ้าห่มแต่ทันใดนั้น ผ้าห่มก็ถูกกระชากออกลั่วชิงยวนสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นจึงเห็นฟู่เฉินหวนนางพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง “ท่านจะทำอะไร?”นางอ่อนแอจนแม้แต่การถามในตอนนี้ก็ยังไร้เรี่ยวแรงแต่ฟู่เฉินหวนกลับมิพูดอะไรสักคำจากนั้นองครักษ์ก็กรูกันเข้ามาในห้อง จับแขนของลั่วชิงยวนและลากนางออกจากห้องความหนาวเหน็บถาโถมเข้ามา ลั่วชิงยวนอ้าปากจะพูด แต่กลับถูกองครักษ์ปิดปากไว้แน่นลั่วชิงยวนที่บาด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1214

    “หากต้องการแก้ไข มีเพียงการที่หม่อมฉันต้องไปซีหลิงด้วยตัวเอง”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างหนักแน่นนี่เป็นหนทางรอดเดียวของนางเมื่อฟู่เฉินหวนได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเขามองนางด้วยความสงสัย “นี่เป็นผลลัพธ์เดียวหรือ?”“เพคะ”แต่ฟู่เฉินหวนกลับมิค่อยเชื่อ มองนางด้วยแววตาดุดัน “ไม่มีเข็มทิศอาณัติสวรรค์ จะทำนายได้แม่นยำหรือ?”“แม่นยำเพคะ”“เข็มทิศอาณัติสวรรค์เป็นเพียงตัวช่วย มิใช่สิ่งจำเป็น”“ทิศทางหลักจะมิผิดพลาด”แท้จริงแล้วนางทำนายหนทางรอดของตัวเองการทำนายโชคชะตาบ้านเมือง มีเพียงเข็มทิศอาณัติสวรรค์เท่านั้นที่ทำนายได้กองทัพแคว้นหลีบุกประชิด เป็นนางเองที่บอกให้เฉินชีทำ สิ่งที่นางต้องการทำนายคือเส้นทางของตัวเองหลังจากที่ฟู่เฉินหวนฟังแล้วก็มิได้ตอบ เพียงแค่หันหลังเดินจากไป......ลั่วฉิงกำลังรอข่าวจากฟู่เฉินหวนอย่างกระวนกระวาย เดินวนไปมาด้วยความร้อนใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมาแล้ว จึงรีบเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? ผลลัพธ์คืออะไร?”ฟู่เฉินหวนตอบ “เป็นภัยพิบัติของซีหลิง”ได้ยินดังนั้น ลั่วฉิงก็ตกใจเล็กน้อย “ภัยพิบัติของซีหลิงหรือ? หมายความว่าอย่างไร? แคว้นหลีต้องการยึดครองซีหลิงงั้นหรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1213

    สายลมหนาวพัดผ่านมา ปอยผมของลั่วชิงยวนปลิวไสวตัดกับผ้าคลุมสีขาว ทำให้ร่างบางของนางดูราวกับจะปลิวหายไปกับสายลมในตอนนั้นก็มีขบวนคนเดินมาเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ข้างหน้าในชั่วขณะที่สบตากันก็เกิดอารมณ์ที่ซับซ้อนเมื่อเฉินชีเห็นฟู่เฉินหวน เขายกยิ้มอย่างเย็นชา โอบนางไว้แน่นขึ้นลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน“เฉินชี! เจ้ายังกล้ามาอีกรึ!” ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง โทสะปะทุในใจองครักษ์รีบเข้ามาล้อมเฉินชีและลั่วชิงยวนไว้เฉินชีจำใจปล่อยลั่วชิงยวนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาเหลา ข้าจะรอเจ้า”กล่าวจบ เขาก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดหนีไปองครักษ์รีบไล่ตามส่วนลั่วชิงยวนยืนนิ่งอยู่กับที่ มองฟู่เฉินหวนที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฟู่เฉินหวนมีสีหน้าบึ้งตึง แววตาซับซ้อนนั้นแฝงไปด้วยความโกรธ“บทเรียนเมื่อวานคงยังมิเพียงพอ เจ้ายังกล้าแอบออกจากตำหนักมาพบเฉินชีอีกรึ?!”ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะอธิบาย ได้แต่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “หากท่านคิดเช่นนั้น หม่อมฉันก็มิมีทางเลือก”“เหตุใดหม่อมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ ในใจของท่านน่าจะรู้ดีกว่าหม่อมฉัน”เมื่อคืนฟู่เฉินหวนมิสามารถเค้นวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์จากนางได้ จึงส่งนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1212

    ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นเฉินชีที่แผ่รังสีอำมหิตเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าเฉินชีมองลั่วฉิงด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร?”ลั่วฉิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “ข้าสิต้องถามเจ้า เหตุใดจึงส่งกองทัพมากะทันหัน? นี่มิได้อยู่ในแผนของเรา และเจ้าก็มิได้บอกข้าล่วงหน้า”เฉินชีหรี่ตาลง “ข้าจะทำอะไรต้องรายงานเจ้าด้วยรึ? เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า?”ลั่วฉิงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย นางรีบคว้าเข็มทิศอาณัติสวรรค์มาถือไว้ เพราะกลัวว่าของล้ำค่าที่ได้มาจะหายไป“เฉินชี! ข้าแค่ต้องการสิ่งที่เราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก!”เฉินชีมองลั่วชิงยวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ก่อนจะพุ่งเข้าไปบีบคอของลั่วฉิงแล้วต่อยเข้าที่หน้าอกของลั่วฉิงลั่วฉิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างลั่วชิงยวนได้ยินเสียงร่างตกกระทบพื้นจากที่สูง จึงรู้ว่าที่นี่คือชั้นสองน่าจะเป็นโรงเตี๊ยมเฉินชีเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป เห็นเพียงร่างของลั่วฉิงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนหายไปในฝูงชนเดิมทีเฉินชีอยากจะตามไป แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็มิได้ตามไปหากลั่วฉิงตาย ลั่วชิงยวนก็จะไม่มีภัยคุกคาม นางอาจจะมิยอมไปแคว้นหลีกับเขาเช่นนั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1211

    นางเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “ได้”ลั่วฉิงพยุงนางขึ้น แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้ลั่วชิงยวนไร้เรี่ยวแรงจะพูด “ข้าต้องการสมุนไพร”มือทั้งสองข้างของนางวางอยู่บนที่วางแขน แท่งเหล็กยังคงปักอยู่ เลือดไหลอาบมิหยุด ขยับร่างกายมิได้เลยลั่วฉิงมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกดมือของนางไว้แล้วดึงแท่งเหล็กออกอย่างรวดเร็ว“กรี๊ด”ลั่วชิงยวนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดลั่วฉิงโน้มตัวลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ก่อนหน้านี้เจ้ามิเคยกลัวความเจ็บปวดเช่นนี้ ลั่วเหลา”ลั่วชิงยวนตัวสั่น มองนางด้วยความตกใจ“นี่ก็เป็นสิ่งที่ฟู่เฉินหวนบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ?” ลั่วชิงยวนรู้สึกทั้งโกรธและสิ้นหวังในใจลั่วฉิงนำยามาทำแผลให้พลางหัวเราะอย่างดูถูก “มินึกเลยว่านักบวชระดับสูงลั่วเหลาผู้มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก ถูกอาจารย์เอ็นดูทะนุถนอมมาโดยตลอด สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ให้กับบุรุษ”ในน้ำเสียงของลั่วฉิงแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาลั่วชิงยวนมองนางด้วยแววตาเย็นชา “ข้ากับเจ้ามิเคยมีเรื่องบาดหมางกันมิใช่หรือ”แววตาของลั่วฉิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองนางอย่างเย็นชา “ในสายตาของเจ้า อาจจะไม่มีเรื่องบาดหมาง”“แต่สำหรับข้า เรื่องบาดหมางนั้นใหญ่หลวงนัก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1210

    “กรี๊ด” ลั่วชิงยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ได้แต่ขดตัวอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แท่งเหล็กถูกแทงลึกลงไปอีก ความรู้สึกที่กระดูกถูกแยกออกจากกันนั้นทำให้เจ็บปวดจนอยากตาย“ดี ยังมิยอมบอกอีกใช่หรือไม่”ลั่วฉิงหยิบแท่งเหล็กอีกอันแทงเข้าไปในมืออีกข้างของลั่วชิงยวนอย่างแรงตลอดทั้งคืน ลั่วชิงยวนถูกทรมานจนเหมือนตายแล้วเกิดขึ้นใหม่ หลายครั้งที่สลบไปเพราะความเจ็บปวด แล้วก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุด คอของนางก็แหบแห้งจนส่งเสียงร้องมิได้ด้วยซ้ำฟ้าสางแล้ว แสงแดดสาดส่องเข้ามา ลั่วชิงยวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับแอ่งโคลนเปียก มิขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเลือดเปรอะเปื้อนอาภรณ์ของนางจนเป็นสีแดงฉาน แสงแดดส่องกระทบกองเลือดจนเป็นประกาย......ตำหนักอ๋องมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังมาจากห้องตำรา“ยังไม่มีใครมารายงานข้าสักคน! รีบไปหา! ออกไปหาให้หมด!”ฟู่เฉินหวนโกรธจัด มึนหัวจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้ถึงแม้จะนั่งลงเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่ก็ยังมิสามารถสงบสติอารมณ์ได้ ร้อนรุ่มใจยิ่งนักได้แต่หวังว่านางจะออกจากตำหนักไปเองจือเฉายังคงอยู่ที่หน้าประ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1209

    ในชั่วขณะนั้น นางเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป เหตุใดนางจึงเห็นลั่วฉิงแต่คำพูดของลั่วฉิงในวินาทีต่อมา ทำให้นางรู้สึกราวกับตกอยู่ในหุบเหวลึก“แม้แต่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังจัดการคนดื้อรั้นเช่นเจ้ามิได้ ต้องให้ข้ามาเองเลยหรือ”ร่างของลั่วชิงยวนสั่นเทามิหยุด หนาวเหน็บจนแทบจะไร้ความรู้สึกน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าซีดเซียวหยดลงบนพื้นทีละหยดลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าที่นี่คือห้องห้องหนึ่งแต่มิใช่ในตำหนักอ๋อง“เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” นางจำได้ว่าหลังจากที่จือเฉาทายาให้แล้วนางก็หลับไปลั่วฉิงหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าฟู่เฉินหวนส่งเจ้ามาให้ข้า”“เขาเค้นคำตอบจากเจ้ามิได้ จึงต้องให้ข้ามาจัดการเอง”ได้ยินดังนั้น หัวใจของลั่วชิงยวนก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อีกครั้งเขายังคิดว่าตัวเองยังโหดร้ายมิพออีกหรือ จึงส่งนางให้ลั่วฉิงเช่นนี้นี่ต้องการทรมานนางจนตายจึงจะหายแค้นหรืออย่างไรลั่วฉิงหยิบกล่องใบหนึ่งมาเปิดออก ข้างในเต็มไปด้วยแท่งเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าต้องการอะไร”“หากตอนนี้เจ้าบอกวิธีใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“หากพลาดโอกาสนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status