“หากแม่นางหลิวต้องการจะตัดสินความผิดถูกในวัง เช่นนั้นก็เชิญเถิด!” สิ้นเสียง หลิวฮุ่ยเซียงยังไม่ทันตอบสนอง จู่ ๆ ขบวนองครักษ์ก็เดินเข้ามา เว้นเป็นทางเดินอย่างเป็นระเบียบ ดูน่าเกรงขามเป็นที่สุด หลิวฮุ่ยเซียงกลืนน้ำลายอย่างอดมิได้ ไม่รู้ว่าเพราะหนาวหรือเพราะกลัว ร่างของนางสั่นระริกไม่หยุด เถ้าแก่หอเริงรมย์เห็นเรื่องกำลังยากที่จะควบคุม จึงเดินมาช่วยพูดกู้ “เมื่อถึงที่หอเริงรมย์ ทุกท่านต่างเป็นมิตรสหายกัน อยู่กันอย่างสงบสุขจะนำพาความร่ำรวยนะขอรับ!” “ในเมื่อเรื่องมันเกิดในหอเริงรมย์ ต่างฝ่ายก็ต่างมีเหตุผล เช่นนั้นเราจัดการตามระเบียบของหอเริงรมย์เถิด!” “เมื่อออกจากหอเริงรมย์ ความคับแค้นนานาต่างหายสิ้น! ทุกท่านว่าอย่างไร?” แขกที่เข้ามาในหอเริงรมย์ต่างเป็นคุณชายคุณหนูตระกูลร่ำรวยที่ฐานะมิธรรมดา วันนี้กระทั่งอ๋องสำเร็จราชการยังเสด็จมา เถ้าแก่จึงทำได้เพียงแปลงเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก หากเป็นเรื่องจนถึงในวังจริง ๆ ก็คงมิเป็นผลดีต่อหอเริงรมย์ของเขาเช่นกัน ได้ยินประโยคนี้ หลิวฮุ่ยเซียงได้ข้ออ้างในการจบเรื่องทันที “ใช่ เถ้าแก่พูดถูก ใช้ระเบียบของหอเริงรมย์ในการแก้ปัญหา! ลั่วช
คิ้วของฟู่เฉินหวนขมวดแน่น เขากล่าวเสียงเย็น “ลั่วชิงยวน เจ้าแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่? หลิวฮุ่ยเซียงตั้งใจขุดหลุมพรางให้เจ้า เจ้าดูมิออกงั้นรึ?” ลั่วชิงยวนกลับกระตุกยิ้มเลศนัย “ท่านอ๋องวางพระทัยเถิด หม่อมฉันมิมีทางทำท่านเสียหน้าแน่” ฟู่เฉินหวนฟังความเย้ยหยันในน้ำเสียงของนางออก คิ้วของเขาขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น “เจ้าคิดว่าที่ข้าสนใจคือหน้างั้นรึ?” “มิเช่นนั้นเรื่องอันใดเล่า?” ลั่วชิงยวนเลิกคิ้ว หรือเขาอยากปกป้องนาง? ความคิดแบบนี้ แค่คิดนางยังมิกล้า ฟู่เฉินหวนชะงักเล็กน้อย จู่ ๆ เขาก็ตอบไม่ได้ จริงด้วย หากมิใช่หน้า เขาสนใจเรื่องอันใดเล่า? ลั่วชิงยวนจะแพ้หรือชนะ จะเสียหน้าหรืออย่างไรก็ตาม แล้วเกี่ยวอะไรกับเขากัน? น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเยือกเย็นขึ้นมาฉับพลัน “ทางที่ดีอย่าทำข้าผิดหวังก็แล้วกัน!” น้ำเสียงนั้น แฝงไปด้วยการข่มขู่ สิ้นเสียง เขาจึงก้าวขาเดินจากไป ลั่วชิงยวนกระตุกมุมปากสมเพชตนเอง เขาโดนนางจี้เผยความจริงในใจ จึงโมโหสินะ ผู้คนยิ่งอยู่ยิ่งมากเดินเข้าหอเริงรมย์ เพื่อมาดูเรื่องสนุก แต่หอเริงรมย์มิใช่ใคร ๆ ก็เข้ามาได้ ดังนั้นด้านนอกก็มีผู้คนมุงกันไม่น้อย ภายในห
หากมิใช่เพราะเสียงที่ดึงดูดความสนใจ เพียงอาภรณ์สีเรียบชุดนี้ คงไม่มีใครนึกถึงหลิวฮุ่ยเซียง ลั่วอวิ๋นสี่และเว่ยอวิ๋นเซี๋ยเองก็กลับมาแล้ว นั่งอยู่เบื้องซ้ายของนางพอดี เมื่อลั่วอวิ๋นสี่นั่งลง ก็จ้องจิกไปทางหลิวฮุ่ยเซียงเคือง ๆ “หาเรื่องพี่หลิวเข้า เจ้าจงรอขายขี้หน้าเถิด!” “ไม่รู้ว่าเหตุใดตอนนั้นท่านปู่ต้องยอมรับเจ้าเป็นหลานสาวด้วย ขายหน้าตัวเจ้าเองยังว่าไป อย่ามาเดือดร้อนถึงตระกูลข้า! ชื่อเสียงของจวนมหาราชครูดีมาโดยตลอด รอบนี้คงได้พังในมือเจ้าจริง ๆ!” ลั่วอวิ๋นสี่มิเข้าใจปู่และแม่ของตน กระทั่งพี่สาวยังชอบลั่วชิงยวนเช่นนี้ ทำไมกัน? นางธรรมดาทั้งหน้าตาและความสามารถ หนำซ้ำยังใช้วิธีต่ำทรามจึงได้มาเป็นพระชายาอีก มิน่าพูดถึงเสียจริง! ลั่วอวิ๋นสี่เกลียดลั่วชิงยวนมาก บัดนี้ นางยิ่งรังเกียจมากขึ้นไปใหญ่ ลั่วชิงยวนส่งเสียงหัวเราะเย็น ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงมิใส่ใจ “หากเจ้ามิพูด ไม่มีใครโยงข้าหาท่านมหาราชครูเสียหรอก” “เจ้า!” ลั่วอวิ๋นสี่จ้องนางอย่างกริ้วโกรธ เวลานี้เอง หลิวฮุ่ยเซียงมองมาทางลั่วชิงยวน พร้อมเอ่ย “พระชายายังจำคำสัญญาของเราได้ใช่หรือไม่?” ลั่วชิงยวนเริ่มหมดความอดทน “จำ
“เดิมพันสักตั้ง รอดูว่าเมื่อเขาเห็นภาพนี้ จะตอบสนองเช่นไร หากมีโอกาส เจ้าคงได้เจอเขา” สิ้นเสียง เวินซีหลานตกใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกซาบซึ้ง “ขอบคุณท่าน!” นางเองก็ไม่คิด ในช่วงสำคัญของการแข่งขัน ลั่วชิงยวนจะยังคิดถึงเรื่องของนางอยู่ เห็นได้เลยว่า ลั่วชิงยวนอยากช่วยนางจากใจจริง นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง! …… ที่ที่คนเยอะ ก็ต้องมีการแข่งขัน และมีการพนัน ด้านนอกได้มีเสียงตะโกนส่งมา ต่างพนันว่าลั่วชิงยวนจะแพ้หรือชนะ เดิมทีเสียงมิได้มากมายเช่นนี้ แต่เพราะการมาถึงของอ๋องสำเร็จราชการ จึงดึงดูดผู้คนมากมายเข้ามาดู “ข้าพนันหลิวฮุ่ยเซียง!” “ข้าก็พนันหลุยฮุ่ยเซียง!” “ข้าพนันสามตำลึง!” ด้านนอกครึกครื้นเป็นที่สุด แต่ตั้งนานลั่วชิงยวนก็มิได้ยินเสียงเรียกชื่อนาง นัยน์ตาของนางกะพริบแววเงินทอง ทนมิได้แล้ว นางยกมือ จากนั้นเปิดแผ่นกั้นออก ทุกคนต่างฉงน ธูปหนึ่งดอกยังไม่ทันหมด ลั่วชิงยวนจะยอมแพ้แล้วงั้นหรือ? ใครจะคิด ลั่วชิงยวนกลับยื่นหัวมองไปทางฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอยืมเงินหนึ่งร้อยตำลึง!” คิ้วของฟู่เฉินหวนขมวดแน่น นางผู้นี้ทำบ้ากระไรอีก?! ฝ่ามือของฟู่เฉินหวนมีเหงื่อไห
ร่างของเวินซีหลานถูกดูดเข้าไปในภาพวาด หลังจากนั้นภาพคนงามผืนนี้ จึงมีชีวิตขึ้นมา เมื่อขี้เถ้าธูปร่วงจนหมด เถ้าแก่ตะโกนขึ้นเสียงสูง “หมดเวลาธูป! ท่านทั้งสองโปรดวางพู่กัน!” จากนั้นมีคนใช้สองคนเดินเข้าฉากกั้น ปิดชื่อผู้วาดโดยแผ่นกระดาษ ม้วนภาพและเดินออกจากฉากกั้น เมื่อเดินออกจากฉากกั้น หลิวฮุ่ยเซียงท่าทีได้ใจ และมั่นใจเป็นที่สุด ลั่วอวิ๋นสี่ปรบมืออย่างตื่นเต้น “พี่หลิวสุดยอดยิ่ง!” ลั่วชิงยวนกระตุกมุมปากยิ้มอ่อน “ผลยังไม่ทันออกเลย เจ้าก็ดีใจเช่นนี้เสียแล้วรึ” แม้ผลจะยังไม่ประกาศ แต่ทุกคนเชื่อว่าหลิวฮุ่ยเซียงจะชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ที่รอตอนนี้ แค่ผลตัดสินก็เท่านั้น ไม่นานนัก คนใช้ในหอเริงรมย์จึงกางภาพทั้งสองออก เดินผ่านหน้าทุกโต๊ะ และหยุดพักครู่หนึ่ง ด้านข้างมีคนใช้อีกสองคนที่ถือกระบอกไผ่ เพื่อให้แขกในงานออกเสียงลงคะแนน เมื่อภาพทั้งสองถูกกางออก ในหอเริงรมย์มีแต่เสียงตะลึงดังขึ้น “ใบหน้างดงาม สายตาหยาดเยิ้ม เหตุใดข้าดูแล้วเหมือนสาวงามในภาพกำลังส่งยิ้มให้ข้า” คุณชายคนหนึ่งจ้องภาพอึ้ง ๆ คุณชายด้านข้างก็ตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ “ข้าเองก็รู้สึก! คนในภาพราวกับมีชีวิตจริง ๆ
หลิวฮุ่ยเซียงมองแท่งไม้เพียงหนึ่งเดียวในกระบอกไผ่ หัวเราะเยาะขึ้นอย่างอดมิได้ “พระชายา ผลแพ้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว เจ้าอย่าโกงล่ะ” ลั่วชิงยวนส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ “ผลยังมิทันประกาศเลย คุณหนูหลิวอย่ารีบดีใจนัก” เถ้าแก่และคนใช้มายืนคั่นกลาง พร้อมเอ่ย “ผลคะแนนทุกท่านคงเห็นกันแล้ว ผู้ชนะ คือภาพผืนนี้! ตอนนี้เราจะประกาศผู้วาดของภาพผืนนี้!” ภาพวาดถูกกางออกอย่างเด็ดขาด ภาพวาดสาวงามแสนเสมือนจริงปรากฏในสายตาผู้คน บัดนี้หลิวฮุ่ยเซียงยังคงจดจ้องไปทางลั่วชิงยวนอย่างได้ใจ รอยยิ้มมุมปากของลั่วชิงยวนชัดเจนมากยิ่งขึ้น ได้ยินเพียงเถ้าแก่เอ่ย… “ภาพสาวงามที่ชนะในวันนี้ มีชื่อว่าซีหลาน! ผู้วาดคือ…” ทุกคนรอผลประกาศกันอย่างสงบนิ่ง ในสมองดังเป็นชื่อหลิวฮุ่ยเซียงกันอย่างมิได้นัดหมาย แต่แล้ว ชื่อที่ได้ยินต่อจากนี้ กลับทำสีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน “พระชายาอ๋อง! ลั่วชิงยวน!” โครม สายฟ้าใหญ่ผ่ากลางสมองหลิวฮุ่ยเซียง ในอากาศอบอวลไปด้วยความเงียบสงัด คำพูดของเถ้าแก่ ทำทุกคนในหอเริงรมย์ตะลึง แต่พวกเขามองเถ้าแก่ดึงกระดาษปิดชื่อออกกับตา ชื่อที่เขียนบนภาพสาวงามหยดย้อยนั้น คือคำว่าลั่วชิงย
“แท่งไม้แท่งนั้น ท่านอ๋องเป็นคนวาง! เห็นได้ชัดว่า กระทั่งท่านอ๋องยังมิเชื่อในความสามารถในการวาดรูปของเจ้า! เจ้าจะวาดภาพคนงามผืนนี้ออกมาได้อเยี่ยงไร!” “อย่าว่าแต่คนอื่นเลย พวกเขาต่างก็คิดว่าข้าเป็นคนวาด! เจ้าจะวาดออกมาได้เยี่ยงไรกัน!” หลิวฮุ่ยเซียงรนจนกระทืบเท้า นางมิเชื่อว่าลั่วชิงยวนจะมีความสามารถนี้! สายตาของฟู่เฉินหวนมืดครึ้มลง เขากำลังจะเอ่ยปาก ลั่วชิงยวนกลับกระตุกยิ้มและกล่าวขึ้นก่อน “คุณหนูหลิงช่างประเมินตนสูงจริง ๆ ท่านอ๋องลงคะแนนกระบอกนั้น มิได้หมายความว่าจะลงคะแนนให้ข้า!” “แต่เพราะท่านอ๋องเชื่อในทักษะการวาดภาพของข้า และเห็นว่ามิมีคนให้คะแนนคุณหนูหลิว ท่านกลัวว่าคุณหนูหลิวจะเสียหน้า จึงให้คุณหนูหลิวด้วยความเมตตา!” “เหตุใดคุณหนูหลิวจึงมิสำนึกในความกรุณาของท่านกัน?” ลั่วชิงยวนพูดถามอย่างหนักใจ ทำสีหน้าของหลิวฮุ่ยเซียงซีดขาวขึ้นมาในทันที คนรอบ ๆ ที่ได้ยินต่างซุบซิบขึ้นมาเช่นกัน “จริงด้วย ข้าก็ว่าท่านอ๋องสำเร็จราชการสายตาไม่ดีงั้นหรือ ที่แท้เพราะเห็นมิมีคนให้คะแนน จึงให้เพื่อไว้หน้าหลิวฮุ่ยเซียง” “แต่เพียงแท่งเดียว ก็มิดีไปกว่ากระบอกไผ่ว่างเปล่านัก” ยังคงน่าอั
“หากคุณหนูหลิวจะโกงจริง ๆ ข้าก็คงทำอะไรท่านมิได้ แต่อย่างน้อยก็ควรหาเหตุผลดี ๆ มาใส่ร้ายข้า” พูดจบ หลิวฮุ่ยเซียงขาอ่อน ล้มพับลงพื้นอย่างรุนแรง ลั่วอวิ๋นสี่ตกใจ รีบขึ้นไปพยุงอย่างร้อนรน “พี่หลิว!” หลิวฮุ่ยเซียงราวกับวิญญาณถูกชักออกจากร่าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ร่างกายก็สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ รอบด้านดังเป็นเสียงซุบซิบ แต่เพราะหลิวฮุ่ยเซียงเป็นฝ่ายพูดถึงเวินซีหลานขึ้นมาก่อน ในมุมจึงมีคนเอ่ยปากพูดขึ้นเสียงเบา “ข้านึกออกแล้ว ฮูหยินก่อนหน้านี้ของฉินไป๋หลี่ ชื่อเวินซีหลาน” “แต่เวินซีหลานหนีไปกับชายอื่น หลิวฮุ่ยเซียงจึงขึ้นเป็นฮูหยินเอก หากเช่นนี้ นางจะขานเวินซีหลานว่าพี่ก็มิผิด” สิ้นประโยคนี้ จึงมีคนถามขึ้นอย่างสงสัย “หนีไปกับชายอื่นหรือ? แต่ในฝันของลั่วชิงยวนบอกนางถูกคนไม่ดีใส่ร้ายมิใช่หรือ” มุมปากของลั่วชิงยวนเผยเป็นรอยยิ้มที่สังเกตเห็นได้ยากขึ้น เป้าหมายของนางสำเร็จแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่า หลังจากที่เวินซีหลานเกิดเรื่อง จนถูกป้ายร้ายว่าหนีไปกับชายอื่นด้วย ใครจะรู้ นางและลูกชายถูกคร่าชีวิต คุมขังอยู่ในภาพวาดและรับความทรมานจากไฟกล้าอย่างไร้ที่สิ้นสุด นางถ
ดีงูที่ทำให้ฝีมือของนางเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากนั้น นางยังคงจำได้มิลืมเลือนน่าเสียดายที่ข้างกายซ่งเชียนฉู่มีคนผู้ทรงอานุภาพคอยคุ้มครอง นางจึงพยายามด้วยวิธีการต่างๆ แต่ก็ยังล้มเหลวการใช้ความสัมพันธ์ระหว่างฉู่ลั่วกับซ่งเชียนฉู่อาจจะประสบความสำเร็จ แต่ฉู่ลั่วกลับดื้อดึงมิยอมร่วมมือกับนาง!เมื่อมิสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็จำต้องทำลายเขาเสีย!ลั่วชิงยวนกลับไปยังลานหลังร้านซ่งเชียนฉู่ถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านมิได้ไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”ลั่วชิงยวนทำท่าให้เงียบแล้วพาส่งเฉียนฉู่กลับไปยังห้อง จากนั้นบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังเมื่อซ่งเชียนฉู่ฟังจบก็รีบกล่าวว่า “ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะมิปล่อยท่านไป หรือว่าท่านจะเข้าวังไปดำรงตำแหน่งมหาปราชญ์ เมื่อมีตำแหน่งนี้แล้ว นางก็จะต้องเกรงใจบ้าง”ลั่วชิงยวนไตร่ตรอง แล้วพูดว่า “มหาปราชญ์ อืม... ค่อยว่ากันอีกที”จนกระทั่งล่วงเข้ายามดึก เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วฉิงจากไปแล้ว ลั่วชิงยวนจึงกลับตำหนักอ๋องอย่างเงียบเชียบเมื่อกลับแล้วก็ถูกหล่างมู่ขวางทาง “พี่หญิง ท่านไปที่ใดมาขอรับ? ฟู่เฉินหวนมาหาท่านตอนค่ำ”“แล้วเจ้าบอกเขาว่าอย่างไร?”“ข้าบอกว่าพ
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างมู่อย่างช่วยมิได้“หล่างมู่ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะไปทำธุระก่อน” ลั่วชิงยวนหันหลังวิ่งไปหล่างมู่ถือลูกถังหูลู่สองไม้วิ่งตามไปสองสามก้าว “พี่หญิง ท่านจะไปที่ใด? ไฉนมิพาข้าไปด้วยเล่า?”ลั่วชิงยวนมิได้ใส่ใจ รีบวิ่งออกจากถนนไปแล้วเมื่อไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่หอฝูเสวี่ยแล้ว นางจึงไปที่ร้านอย่างเงียบเชียบเมื่อไปถึงลานด้านหลังก็พบกับซ่งเชียนฉู่ที่กำลังแบกตะกร้ากลับมาจากประตูหน้า ท่าทางดูรีบร้อนนัก“ท่านมาพอดี ท่านเห็นประกาศบนถนนหรือไม่? องค์จักรพรรดิจะเชิญท่านเข้าวังเพื่อแต่งตั้งท่านเป็นมหาปราชญ์!” ซ่งเชียนฉู่ส่งประกาศให้“นี่เป็นประกาศที่ติดอยู่ที่ประตูร้านเรา”“มิกี่วันที่ผ่านมา ข้าออกไปเก็บสมุนไพร พวกเขาคงจะมาหาท่าน แต่ไม่มีใครอยู่จึงติดประกาศไว้”“จะทำอย่างไรดี?”ซ่งเชียนฉู่ก็ตกตะลึงเช่นกันลั่วชิงยวนรับประกาศมาดูอีกครั้ง ในนั้นยังเขียนด้วยว่าให้นางเข้าวังหลวงเพื่อทำนายชะตาของแคว้นเทียนเชวียแล้วแต่งตั้งเป็นมหาปราชญ์ซ่งเชียนฉู่ถอนหายใจ “ข้าคิดว่าครั้งนี้ ตัวตนของท่านคงจะปกปิดมิได้แล้ว”“คอยดูกันต่อไปเถิด” ลั่วชิงยวนยังมิรู้ว่าจะบอกฟู่เฉินหวนอย่างไร
น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังหึงหวงอยู่ลั่วชิงยวนปอกส้มแล้วป้อนให้ฟู่เฉินหวนพลางพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “หล่างมู่มองหม่อมฉันเป็นเพียงพี่หญิงจริง ๆ เพคะ”“เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่หญิงมาตั้งแต่เด็ก แต่พี่หญิงของเขาเสียชีวิตเพราะเขา จึงเป็นบ่วงกรรมและความเสียใจตลอดชีวิตของเขา”“ต่อมาหล่างชิ่นกลายเป็นพี่หญิงของเขา เขาเชื่อฟังหล่างชิ่นทุกอย่าง แต่สุดท้ายหล่างชิ่นกลับต้องการให้เขาตาย”“หลังจากนั้นเมื่อหม่อมฉันไปยังเผ่านอกด่าน ราชาเผ่านอกด่านบอกว่าหม่อมฉันเป็นพี่หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงมองหม่อมฉันเป็นพี่หญิงแท้ ๆ มาโดยตลอด”เมื่อฟู่เฉินหวนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัยยิ่งนัก “พูดตามตรงคือข้ายังคงมิเข้าใจเลยว่าเหตุใดราชาเผ่านอกด่านจึงมั่นใจว่าเจ้าเป็นลูกสาวของเขา”ลั่วชิงยวนพูดเสียงเบาว่า “ราชาเผ่านอกด่านกับลั่วไห่ผิงมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ! พวกเขาเป็นพี่น้องกันเพคะ!”“ก่อนที่ท่านแม่ของหม่อมฉันจะมาเมืองหลวงแล้วแต่งงานกับลั่วไห่ผิง นางเคยมีความสัมพันธ์กับราชาเผ่านอกด่าน แต่สุดท้ายก็มิได้ลงเอยกันจึงมาเมืองหลวงและแต่งงานกับลั่วไห่ผิงเพคะ”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงยิ่งนักเมื่อได้ฟัง“
หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา
ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?
ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั
ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่
ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง
“พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ