แชร์

บทที่ 161

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
สายตาของลั่วชิงยวนครบกริบ นางดึงคอเสื้อของนักทำนายชะตาไว้ “เห็นหรือยัง! ต่อให้เจ้าใส่ร้ายข้า คนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี!”

วางแผนถึงตัวนางงั้นหรือ? นางจักต้องถามออกมาให้ได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร!

นักทำนายชะตามองแมลงที่ถูกทุบจนเละ ในใจของเขาสั่นคลอน แต่นัยน์ตากลับฉายแววเด็ดขาด “ตกในมือเจ้า จะมีจุดจบ ดี ๆ งั้นรึ?”

สิ้นเสียง เขาก็กัดพิษที่ซ่อนไว้ในปากจนแตกทันที

สายตาของลั่วชิงยวนเย็นลง รู้ตัวทันทีว่าเขาอยากกัดพิษฆ่าตัวตาย จึงเหวี่ยงหมัดเข้าไปอย่างแรง

แรงเสียจนนักทำนายชะตาหน้าเบี้ยว ฟันหลุดไปสองซี่ ยาพิษเองก็หล่นออกจากปาก

ฟู่เฉินหวนเห็นเข้า เขาขมวดคิ้วอย่างแรง การตอบสนองอันว่องไวนี้ มิเหมือนคุณหนูตระกูลชั้นสูงธรรมดาคนหนึ่ง

นางโดนใส่ร้ายจึงอยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง หรือนางกำลังถือโอกาสแลกความเชื่อใจจากเขากันแน่?

ลั่วชิงยวนหยิบเชือกมาเส้นหนึ่งมัดตัวนักทำนายชะตาไว้ พร้อมกับกล่าวเย็น ๆ “อย่าคิดจะตาย!”

“ในเมื่อเจ้ามิยอมให้ความร่วมมือดี ๆ งั้นคงต้องให้เจ้าได้รับความทรมานหน่อยเสียแล้ว”

นางผลักนักทำนายชะตาให้เดินออกไปทางด้านนอก จนมาถึงด้านหน้าฟู่เฉินหวน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 162

    คิ้วของลั่วชิงยวนกระตุก นางดึงตัวนักทำนายชะตาหมอบลงกับพื้น ลูกธนูแหลมคมทะลุผ่านกำแพงรถม้าทันที หัวใจของฟู่เฉินหวนบีบรัด เขาหวั่นเกรงเล็กน้อย และเปิดประตูรถม้าตรวจดูอย่างว่องไว สายตาของเขาตกอยู่บนตัวลั่วชิงยวน แต่เมื่อลั่วชิงยวนเงยหน้า สายตาเขากลับกวาดไปทางนักทำนายชะตาเสียแล้ว ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังรอดชีวิต เขาหันหน้า ดึงเชือกควบม้าในทันที “นั่งให้ดีล่ะ!” แส้ฟาดไปบนก้นม้า ม้าร้องกังวานทีหนึ่ง จากนั้นก้าวขาวิ่งไปทางด้านหน้าอย่างไว วินาทีนั้น ลั่วชิงยวนที่อยู่ในรถม้าลำตัวกระเด็นขึ้นลง ส่วนนักทำนายชะตาก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในรถม้า พวกเขาควบคุมร่างกายของตนไม่ได้แม้แต่นิด ฟิ้ว ๆ ๆ … ลูกธนูมากมายยิงมาทางรถม้าของพวกเขาราวกับสายฝน ลั่วชิงยวนต้องพยายามทรงตัว และคอยดึงตัวนักทำนายชะตาหลบลูกธนู เจ้านี่จะตายไม่ได้เด็ดขาด หากเขาตายนางยิ่งอธิบายไม่ได้ไปใหญ่เลย! “สวรรค์ สะเทือนเยี่ยงนี้ ให้ข้าออกไปตายเถิด!” นักทำนายชะตารับแรงสะเทือนไม่ไหว และกำลังจะอ้วกออกมา “อย่าคิดจะได้ตายง่าย ๆ!” ลั่วชิงยวนกดเขาไว้ที่พื้น น้ำหนักครึ่งตัวของนางทับเขาไว้ จนเขาปีนออกไปไม่ได้อีก ระหว่างทางหลบหนี ล

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 163

    เมื่อนางพูดถึงตรงนี้ ร่างของนักทำนายชะตาสั่นเป็นเจ้าเข้า มิรู้เพราะความเจ็บปวดหรือเพราะกลัวในสิ่งที่ลั่วชิงยวนพูดกันแน่ เมื่อถึงเวลานี้ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยปากสั่น ๆ “ข้าพูด! ข้าพูดได้!” “ผู้นั้นคือ…” ลั่วชิงยวนรับรู้ถึงความอันตราย นางหลบหลีกทันขวัญ ลูกธนูลูกหนึ่งยิงจากทิศบนเข้ามาในรถม้า และยิงไปโดนบ่าขวาของนักทำนายชะตา ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนตรวจสอบบาดแผลของนักทำนายชะตา โชคดีที่มิได้โดนจุดสำคัญ มิอันตรายถึงชีวิต บรรยากาศเงียบสงัดลง และเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ด้านนอก ชายชุดดำสามสี่สิบคนวิ่งตามจนถึงที่นี่ ในมือถืออาวุธไว้หลากหลายชนิด นอกรถม้า เสียงที่ฟู่เฉินหวนกระโดดลงจากรถม้าเบา ๆ พร้อมกับน้ำเสียงที่แสนหยิ่งทะนงของเขา “ปรากฏตัวเสียที” ลั่วชิงยวนเปิดประตูรถม้าออกอย่างคิ้วขมวด ก็พบกับนักฆ่าชุดดำที่อยู่สี่ทิศแปดด้าน แต่ท่าทีใจเย็นและนิ่งเฉยของฟู่เฉินหวน กลับเต็มไปด้วยไอข่มเหง เขาหันหน้ามองนางทีหนึ่ง จากนั้นมองไปที่ใต้รถม้า มิได้เอ่ยพูดสิ่งใด แต่ลั่วชิงยวนกลับเข้าใจความหมายของเขา คือให้ไปหลบอยู่ที่ใต้รถม้า วินาทีต่อมา เหล่าคนชุดดำกรูโจมตีพร้อมกัน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 164

    ศพกระจายเต็มพื้น! และกองกันเป็นสันเขาเล็ก ๆ แค่ปีนออกไปนางยังทำมิได้ นางผลักศพออกอย่างยากลำบาก ร่างที่หนาใหญ่ของนางมุดออกมา ก็เห็นแผ่นหลังที่ไร้พันธะและดุดันของฟู่เฉินหวนทันที เขาสะบัดดาบยาว แทงไปที่ลำคอของนักฆ่าชุดดำตรง ๆ นักฆ่าคนสุดท้ายก็ตายแล้ว! เขาโยนดาบยาวที่เปื้อนไปด้วยเลือดทิ้ง เดินมือไขว้หลังเข้ามา แสงแดดส่องอยู่เบื้องหน้า ส่วนเขาเดินเข้าหาแสง เบื้องหลังคือความมืดมิดและการฆ่าฟันที่ไร้ที่สิ้นสุด เขาก้าวผ่านศพและเลือด ราวกับอสูรในนรกที่จะมาคร่าชีวิตนาง ในใจของลั่วชิงยวนสั่นคลอน กลิ่นอายฆ่าฟันรุนแรงมาก! วินาทีนั้น ราวกับนางเห็นครึ่งชีวิตหลังของเขา นั่นคือความมืดมิดและการฆ่าฟันที่แสนหนักอึ้ง นางมิเคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน ต่อให้แสงที่จ้าจนแสบตา ก็กลบความมืดทมิฬที่อยู่เบื้องหลังของเขามิได้ ราวกับว่า… เขาเกิดมาเพื่อสังหาร เขายิ่งเข้าใกล้ เงาดำที่อยู่ด้านหลังเขาก็ยิ่งใหญ่โต เมื่อลองตั้งใจมอง ในความมืดมิดนั้น มีเงามังกรซ่อนอยู่ ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วอย่างอดมิได้ หรือไอมังกรของเขาจะได้มาจากการสังหาร? วินาทีนี้ราวกับนางเห็นชะตาชีวิตของฟู่เฉินหวน นางมิกล้ายื่นคำข

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 165

    เหตุใดเขาจึงดีต่อนางเช่นนี้? อย่าบอกนะ… แต่ในใจของร่างเดิมมองฟู่อวิ๋นโจวเป็นเพื่อนมาโดยตลอด และรับรู้ไม่ถึงความคิดของฟู่อวิ๋นโจว หวังว่านางจะคิดมากไป “หากองค์ชายห้าเป็นคนทำ เช่นนั้นเขาดีต่อพระชายามิน้อย” แม่นมเติ้งพูดขึ้นอย่างอดมิได้ ลั่วชิงยวนกลับยิ้มอ่อน “แล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า” ต่อให้ช่วยฟู่เฉินหวนไป แล้วมีประโยชน์อะไรล่ะ คนคนนี้ราวกับเป็นงูพิษ ทั้งมีพิษร้ายและเลือดเย็น ช่วยเขา มีแต่จะทำให้เขาสงสัยในจุดประสงค์ของนาง “พระชายาหมายถึงสิ่งใดกันเจ้าคะ?” แม่นมเติ้งฟังแล้วรู้สึกงุนงง “เอาเถอะ ไม่พูดแล้ว” ลั่วชิงยวนทายาเสร็จ ก็นอนราบลงบนเตียงทันที วันนี้ทั้งวัน นางเหนื่อยเกินไป ทุกจุดในร่างกายต่างเจ็บปวด โดยเฉพาะหน้าอกนางเจ็บปวดอย่างอดทนได้ยาก โชคดีที่ก่อนหน้านี้ท่านอาลั่วหรงให้เครื่องยาสมุนไพรชั้นดีกับนางไว้เยอะ ตอนนี้กลับได้ใช้พอดี ยังไม่ทันถึงตอนเย็น ลั่วชิงยวนก็นอนลงทันที ส่วนทางนี้ ฟู่เฉินหวนกลับห้องตำราไปก็เอ่ยสั่งซูโหยว “ทำอย่างที่นางพูด ช่วงนี้ห้ามปล่อยให้ใครเข้าไปเจอนักทำนายชะตาทั้งนั้น” สิ้นเสียง ซูโหยวชะงักเล็กน้อย “ต้องหาคนมาเฝ้าระวังหรือไม่พ่ะย่ะค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 166

    ”องค์จักรพรรดิทรงเตรียมกำลังคนเอาไว้แล้ว”เขาโบกมือแล้วก็มีองครักษ์เงาสองนายกระโดดออกมาจากเงามืดลั่วชิงยวนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เขาได้เห็นผู้ที่ลอบเข้ามาในห้องเมื่อคืนหรือไม่?“ว่ามา” ฟู่เฉินหวนเอามือไพล่หลังและมองลั่วชิงยวนด้วยแววตาเย็นชา“กรายทูลท่านอ๋อง เมื่อคืนผู้ที่เข้าห้องนี้มีเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”“เป็นนางรับใช้ข้างกายพระชายา แม่นางจือเฉา”ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็ตกใจมาก “จือเฉาหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!”“คนของข้าไม่ผิดพลาดแน่ นางเข้าไปในห้องพร้อมอาหาร” องครักษ์เงาทั้งสองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันลั่วชิงยวนรู้สึกยากจะเชื่อ จะเป็นจือเฉาไปได้อย่างไรนางรีบส่งคนไปตามจือเฉามาทันทีเมื่อจือเฉามาถึง นางก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น“จือเฉา ข้าขอถามเจ้า เมื่อคืนนี้เจ้าออกมาจากเรือนหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามอย่างร้อนใจจือเฉาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด นางพยักหน้าและบอกว่า “ข้าออกเจ้าค่ะ”“แต่เมื่อคืนนี้พระชายาเข้านอนเร็ว และข้าก็ทำงานของข้าเสร็จเร็วจึงเข้านอนแต่หัววัน เมื่อคืนนี้ข้าเลยเข้านอนเร็วกว่าปกติ”ลั่วชิงยวนรู้สึกร้อนใจ จึงถามต่อว่า “ข้าหมายความว่า เมื่อคื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 167

    ”หากหม่อมฉันต้องการฆ่าเขา หม่อมฉันมีวิธีการมากมายที่จะทำโดยไม่ให้ท่านรู้และให้เขาตายไปเงียบ ๆ”“เหตุใดหม่อมฉันต้องส่วนนางรับใช้ข้างกายไปฆ่าคนปิดปากด้วย และยังทิ้งร่องรอยไว้มากขนาดนี้?”ตอนนี้แววตาฟู่เฉินหวนเองก็ดำคล้ำเขาจ้องนางเขม็ง ดวงตาสั่นไหวด้วยความคลางแคลงใจลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเขาเองก็คิดเรื่องนี้ และอาจจะมีเวลาที่คิดว่านางนั้นโดนใส่ร้ายแต่แววตาฟู่เฉินหวนก็กลับมาเย็นเยียบ เขาสั่งเสียงเย็นชาว่า “เอานางไปขังไว้”หลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปลั่วชิงยวนตกตะลึงเขานั้นยอมสังหารคนบริสุทธิ์นับพันดีกว่าปล่อยคนผิดลอยนวลเมื่อมีความแคลงใจบ่มเพาะในใจ ก็ยากที่จะมองคนผู้นั้นโดยไร้อคติอีกต่อไปลั่วชิงยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี“ท่านอ๋องเพคะ พระชายาบริสุทธิ์ พระชายาไม่เคยส่งหม่อมฉันไปที่คุก และหม่อมฉันเองก็ไม่เคยเข้าไปที่นั่นด้วยซ้ำ ทรงพิจารณาด้วยเถิดเพคะ”จือเฉาคุกเข่าขอร้อง นางถึงกับลุกเพื่อวิ่งตามฟู่เฉินหวนไปแต่ว่าเขาไม่ได้หยุดเท้าแม่นมเติ้งพยุงลั่วชิงยวนให้ลุกขึ้นอย่างไม่สบายใจ “พระชายา บ่าวควรทำเช่นไรดี?”ตอนนั้นเององครักษ์เงาสองคนก็เข้ามา และพาตัวลั่วชิงยวนและจือเฉาไปขังไว้ในคุก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 168

    ในห้องขังจือเฉาขยับร่างของนักทำนายชะตาไปด้านข้าง แล้วจัดเตียงง่าย ๆ “พระชายา มานั่งพักสักนิดเถิดเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนตรวจดูอาหารและเห็นว่าสิ่งที่สังหารนักทำนายชะตาเป็นเพียงพิษดาษดื่นธรรมดาเท่านั้นทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังจากนอกห้องพลันประตูห้องขังก็โดนเปิดออก แม่นมเติ้งเดินเข้ามาพร้อมอาหาร “พระชายา”เมื่อวางอาหารลงแล้วแม่นมเติ้งก็รีบมากระซิบที่ข้างหูนางว่า “พระชายา ข้าแอบไปตรวจดูแล้ว นางรับใช้หลายคนที่รูปร่างคล้ายจือเฉาต่างพิสูจน์ได้ว่าเมื่อคืนพวกนางไม่ได้ออกจากเรือนเจ้าค่ะ”“แต่มีนางรับใช้คนหนึ่งที่ท่าทางคล้ายกัน นางออกไปซื้อของตอนเย็นแล้วยังมิได้กลับเข้ามา”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วชิงยวนก็นิ่วหน้า “หาตัวนางรับใช้นั้นให้เจอ”แม่นมเติ้งพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าจะหาทางหาตัวนาง ท่านอ๋องเองก็คงกำลังคิดว่าจะทำเช่นไรต่อไป หากว่านางรับใช้คนนั้น…”ลั่วชิงยวนนิ่วหน้าตอบว่า “หาคนให้ได้ก่อนเถอะ”“เจ้าค่ะ” แม่นมเติ้งรับคำและรีบจากไปห้องขังถูกใส่กุญแจจากด้านนอกอีกครั้งดูเหมือนว่าตอนนี้ด้านนอกจะไม่มีใครอยู่ แต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่ามีองครักษ์เงาสองคนคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่างหลังจาก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 169

    จือเฉาร้อนใจจนนางก้าวออกมาอย่างฉุนเฉียวและผลักเฉียงเวยออกไป “เจ้าพูดไร้สาระอันใดกัน? อย่ามาแตะต้องพระชายานะ”“เราต่างก็เห็นกันอยู่กับตา องค์ชายห้าเอาสัมภาระมาด้วย หากว่านี้ไม่ใช่หนีตามกันแล้วคืออันใดเล่า?” เฉียงเวยพูดเสียงแหลมอย่างประชดประชัน“ข้าไม่คิดเลยว่า หน้าตาและเรือนร่างอย่างพระชายาจะสามารถล่อลวงบุรุษได้ ขนาดองค์ชายห้ายังยอมเสี่ยงทุ่มเทเพื่อหนีตามไปกับท่าน”การหนีตามกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่ในราชวงศ์ และจะเป็นเรื่องน่าอับอายให้โดนติฉินนินทามากสำหรับองค์ชายหากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปส่วนพระชายานั้นต้องโดนฝังทั้งเป็น หรือไม่ก็โดนจับถ่วงแม่น้ำเมื่อเป็นเช่นนั้นแน่นอนว่าเฉียงเวยจึงไม่มีอะไรต้องกลัวลั่วเยวี่ยอิงยิ่งยินดีเมื่อได้ยินเช่นนั้น แบบนี้ลั่วชิงยวนยังจะเอาชีวิตรอดไปได้อีกหรือ?“อย่าพูดจาไร้สาระ…” ฟู่อวิ๋นโจวเริ่มร้อนใจและไอออกมาอีกครั้งก่อนที่จะทันพูดได้จบ“ไร้สาระหรือเพคะ? เรื่องที่หม่อมฉันพูดไร้สาระตรงไหน? นี่เป็นเพราะพระชายากระทำตัวไม่เหมาะสม ก่อนหน้านี้นางก็พยายามดิ้นรนจนได้สมรสกับท่านอ๋องจนสำเร็จ วิธีการของนางนั้นช่างชั่วร้ายนัก”“ตอนนี้หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่านางล่อลวงอง

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1320

    ลั่วชิงยวนไปหาโฉวสือชี ให้เขาจัดเตรียมรถม้าและสิ่งของจำเป็นสำหรับการเดินทางอีกทั้งยังวางแผนเส้นทาง หลังจากออกจากเมืองหลวงแล้วควรไปที่ใด จึงจะสามารถหลบหนีการติดตามของคนตระกูลมู่ได้ดีที่สุดหลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ลั่วชิงยวนก็กลับไปยังบ้านตระกูลมู่และตอนนี้ผู้ที่รอคอยอยู่ในเรือนก็คือเวินซินถงและเซี่ยหลิงอีกทั้งยังมีผู้คุ้มกันอีกหลายสิบคนเวินซินถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอ่ยปากอย่างเย็นชาด้วยท่าทางทรงอำนาจ “ถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาแล้ว”ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย มิเข้าใจความหมายของเวินซินถงนางกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อท่านนักบวชระดับสูงมาถึงที่นี่แล้ว ก็น่าจะเห็นว่าปัญหาของตระกูลมู่ได้รับการแก้ไขแล้ว”“ไม่มีคนของสำนักเทียนฉยงแล้ว”“หากจะต้องทำตามสัญญา ก็ควรเป็นท่านนักบวชระดับสูงที่ต้องทำตาม”“เหตุใดจึงทำราวกับจะลงโทษข้า?”เวินซินถงลุกขึ้นจากเก้าอี้ หัวเราะเบา ๆ “ใช่ สำนักเทียนฉยงไม่มีแล้ว”“แต่ข้าเป็นคนทำ เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไร?”เวินซินถงยกยิ้มอย่างเย็นชา สายตาเย็นเยียบมองลั่วชิงยวน ในดวงตายังมีรอยยิ้มเมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงนางคาดมิถึงว่าเวินซินถงจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1319

    “อีกอย่างคือสำนักเทียนฉยงก็ไม่ใช่พวกดีอะไร หากมู่หยวนหยวนข้องแวะกับสำนักเทียนฉยงจะมีจุดจบเช่นไร เจ้าต้องคิดให้ดี”ลั่วชิงยวนอยากช่วยเหลือพวกเขาแต่สำหรับสถานการณ์ของฉีหง นางก็ไร้ความสามารถเขาใช้ตัวเขาเองเป็นเครื่องสังเวย หลอมรวมเข้ากับวงแหวนแห่งเวท เมื่อออกจากสภาพแวดล้อมนี้ พลังก็จะอ่อนแอลงมากมู่หยวนหยวนกลับยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้าสามารถปกป้องตนเองได้”“และจะปกป้องเขาด้วย”เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่และเปี่ยมด้วยความหวังของมู่หยวนหยวน ลั่วชิงยวนก็สะเทือนใจบางทีเพียงแค่ได้อยู่กับคนที่รัก อุปสรรคใด ๆ ก็มิน่าหวาดกลัวนี่ทำให้ลั่วชิงยวนเจ็บปวดใจอดมิได้ที่จะนึกถึงฟู่เฉินหวนสุดท้ายแล้วเขากับนางก็ดูเหมือนจะไม่มีจุดจบที่ดี หรือว่ามิควรพบเจอกันตั้งแต่แรกเริ่มกันแน่ ช่างเป็นโชคชะตาที่เล่นตลกมิให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่กลับจัดให้พวกเขาได้พบกันเมื่อได้สติ ลั่วชิงยวนก็ข่มความเจ็บปวดในใจ และกล่าวกับฉีหง “เจ้าต้องออกจากคฤหาสน์ตระกูลมู่ไปก่อนสองวัน เพื่อให้แน่ใจว่าที่นี่ไม่มีสิ่งชั่วร้ายอยู่ที่นี่อีก”“ข้าจะให้คนไปเตรียมรถม้าและอาหาร สองวันให้หลัง ข้าจะส่งมู่หยวนหยวนออกจากเมือง”“เส้นทาง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1318

    “ข้ามิได้เห็นแก่ตัวแล้วต้องการครอบครองนางแต่เพียงผู้เดียว และมิได้มิคำนึงถึงชื่อเสียงของนางแล้วจะพานางหนีตามไป”“แต่เป็นเพราะหวงกุ้ยเฟยในวังได้ส่งมือสังหารมาลอบสังหารนางตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”“แต่ถึงแม้บิดาของนางจะเห็นหลักฐานที่ข้ามอบให้ก็ยังมิยอมเชื่อ ยืนกรานที่จะให้นางเข้าวังไปเสี่ยงชีวิต เพื่อแสวงหาสิ่งที่เลื่อนลอยเพื่อตระกูล”ลั่วชิงยวนจดสิ่งที่ฉีหงพูดลงบนกระดาษทีละคำขณะที่ให้มู่หยวนหยวนดูก็ถามว่า “เจ้าเป็นคนของสำนักเทียนฉยงหรือ?”ฉีหงตอบ “มิใช่”“ข้าถูกบีบคั้นจนไร้ทางออก สุดท้ายจึงจำต้องเข้าร่วมสำนักเทียนฉยง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถปกป้องหยวนหยวนได้”“คนที่ข้าสังหาร ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์สักคน”“พวกเขาปลอมแปลงข่าวสาร หลอกลวงหยวนหยวนและหลอกลวงข้า”“เมื่อวางวงแหวนแห่งเวทแล้ว หยวนหยวนออกไปมิได้ พวกเขาก็พยายามหาทางนำหยวนหยวนออกไปเพื่อส่งเข้าวัง”“ข้าทำได้เพียงเท่านี้ สังหารคนตระกูลมู่ให้สิ้น หยวนหยวนจึงจะเป็นอิสระ”“แต่ข้าคาดมิถึงว่า พวกเขาจะเชิญนักบวชระดับสูงมา”“นักบวชระดับสูงไร้ความสามารถ กลับเป็นเจ้าที่มองทะลุภาพลวงตาได้!”เมื่อกล่าวจบ ฉีหงก็ข่มขู่ “หากเจ้าคิด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1317

    นางค่อย ๆ เดินเข้าไปหา น้ำตาไหลรินอาบแก้มนางตระหนักได้แล้วว่าคำพูดของลั่วชิงยวนหมายถึงอะไรเขามาแล้ว แต่นางมองมิเห็น เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาตายไปแล้ว“เหตุใด? หากเจ้าต้องการสังหารข้า ข้าก็ยอมตาย”“เหตุใดจึงต้องใช้วิธีเช่นนี้?”มู่หยวนหยวนพูดกับอากาศตรงหน้า น้ำตาไหลรินมิหยุดฉีหงขมวดคิ้วมุ่น มองสตรีอันเป็นที่รักตรงหน้า เขาอ้าปากแต่กลับมิเอ่ยคำใดออกมาเพราะนางมิได้ยินลั่วชิงยวนมองภาพนี้เงียบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นช้า ๆ “เจ้ามิได้ต้องการสังหารนางใช่หรือไม่”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉีหงก็หันมามองลั่วชิงยวน ดวงตาฉายแววมุ่งสังหารในทันที“ใช่ คนที่ข้าต้องการสังหารคือเจ้า!”“คือพวกเจ้าทุกคน!”ฉีหงยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง ฟันไปยังวงแหวนแห่งเวทอย่างแรงหมายจะฝ่าออกมาท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวลั่วชิงยวนหรี่ตาลง ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากพูดแล้วนางมิตื่นตระหนก นางเดินไปอยู่ด้านหลังมู่หยวนหยวนแล้วใช้กริชจ่อที่คอของมู่หยวนหยวนสายตามองฉีหง “หากเจ้าต้องการสังหารข้า เช่นนั้นข้าก็จะสังหารนางก่อน!”มู่หยวนหยวนตัวสั่นสะท้านลั่วชิงยวนกำลังพูดกับฉีหงอยู่หรือ?ฉีหงเห็นภาพนี้ ดว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1316

    มู่หยวนหยวนกลั้นหายใจด้วยความตื่นตระหนกในทันทีลั่วชิงยวนตบไหล่นางเบา ๆ เป็นเชิงบอกให้นางอย่าหวาดกลัว จากนั้นก็ค่อย ๆ ออกไปทางหน้าต่าง แล้วอ้อมมาด้านหน้าจึงเห็นเจ้ายักษ์ที่ถือกระบี่ตนนั้นอีกครั้งท่าทางดุดัน ดวงตาสีแดงก่ำกำลังสอดส่องหาบางสิ่งผ่านช่องว่างลั่วชิงยวนวางวงแหวนแห่งเวทในทันที คราวนี้จะพ่ายแพ้ให้มันอีกมิได้!เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เจ้ายักษ์นั่นก็หันกลับไปในทันทีและเห็นลั่วชิงยวนพลันยกกระบี่ยาวหลายเมตรขึ้น ฟาดลงมายังศีรษะของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนสีหน้าแปรเปลี่ยน วงแหวนแห่งเวทยังมิเสร็จสมบูรณ์ ไร้ที่หลบนางหยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ขึ้นมา ยกแขนขึ้นต้านรับกระบี่นี้ขณะนั้นเอง มู่หยวนหยวนก็วิ่งออกจากห้องด้วยความตื่นตระหนก มองไปรอบ ๆ พลางตะโกนเรียก “ฉีหง!”“เจ้าออกมานะ!”“เรามาพูดคุยกันดี ๆ เจ้าให้ข้าทำอะไรก็ได้ อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกเลย!”ในเวลานี้เอง เจ้ายักษ์นั่นก็หยุดมือลงในทันทีกระบี่ยาวคมกริบค้างอยู่เหนือศีรษะของลั่วชิงยวน แต่กลับมิตกลงมาลั่วชิงยวนเห็นดวงตาสีแดงก่ำของเจ้ายักษ์ซึ่งอยู่ตรงหน้าเหมือนจะกลับมาเป็นตาปกติกลิ่นอายชั่วร้ายทั่วร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1315

    “สัญญานี้เป็นหลักฐาน! หากเจ้ามิสามารถแก้ไขปัญหาของตระกูลมู่ได้ แม้แต่เฉินชีก็มิอาจห้ามข้าสังหารเจ้าได้!”ลั่วชิงยวนมิลังเลแม้แต่น้อย ลงนามประทับรอยนิ้วมือในทันที แล้วจ้องมองเวินซินถงอย่างเย็นชา“นี่ก็ถือว่าเป็นเดิมพันระหว่างเราสองคน”“ข้าแพ้ ข้าตาย”“แต่หากเจ้าแพ้ ต่อไปนี้ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก!”เมื่อได้ยินข้อเสนอของลั่วชิงยวน เวินซินถงก็ประหลาดใจเล็กน้อยเพียงแค่มิให้นางเข้ามายุ่งเกี่ยวงั้นหรือ?นางยังคิดอยู่ว่าลั่วชิงยวนจะฉวยโอกาสนี้แย่งชิงตำแหน่งนักบวชระดับสูงของนางเวินซินถงตอบตกลงข้อเสนอนี้โดยมิลังเล แล้วเก็บสัญญาฉบับนั้นไว้ “เช่นนั้นข้าก็จะรอชมผลลัพธ์”กล่าวจบ เวินซินถงก็หันหลังเดินออกไปอย่างเย็นชาขณะมองแผ่นหลังของเวินซินถงที่จากไป ลั่วชิงยวนก็ตระหนักได้ว่าตนเองยังคงใจอ่อนนางยังคงมีความหวังอยู่เล็กน้อย บางทีนี่อาจเป็นเพียงการเสแสร้งที่ศิษย์น้องผู้นี้จำต้องมีเมื่อขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ด้วยว่าภายใต้สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายเช่นนั้น หากนางจะดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงนี้ได้อย่างมั่นคงก็มิอาจไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนได้นางจึงมิได้ทำอะไรที่รุนแรงเกินไป ถึงแม้ว่าการเดิมพั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1314

    ลั่วชิงยวนถูกปลุกให้ตื่นเห็นเวินซินถงที่เดินเข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยวมู่หยวนหยวนก็ตกใจเล็กน้อย ท่าทางของนักบวชระดับสูงทำให้นางหวาดกลัว “ท่านนักบวชระดับสูง เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ?”เวินซินถงกลั้นโทสะไว้ กล่าวกับมู่หยวนหยวน “คุณหนูมู่ โปรดออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนางเป็นการส่วนตัว”มู่หยวนหยวนมิกล้าขัดคำสั่ง จึงออกจากห้องไปเมื่อประตูปิดลง เวินซินถงก็คว้าแขนของลั่วชิงยวนกระชากนางให้ลุกขึ้นพละกำลังรุนแรงยิ่งนักราวกับจะฉีกร่างลั่วชิงยวนออกเป็นชิ้น ๆ“ลั่วชิงยวน เจ้าช่างมีความสามารถนัก เจ้าถึงกับนำสำนักเทียนฉยงมา! เจ้าเกรงว่าข้าจะมีปัญหามิพอรึ!”เวินซินถงโกรธจัดเช้าตรู่วันนี้เซี่ยหลิงมาหานาง บอกว่าคนจากสำนักเทียนฉยงปรากฏตัวที่บ้านตระกูลมู่ นางรีบมาตรวจสอบจึงพบร่องรอยของสำนักเทียนฉยงจริง ๆและทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาที่มู่หว่านจ้าวสร้างขึ้น!ลั่วชิงยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ข้านำมาหรือ?”“เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วว่าเรื่องราวมิได้ง่ายดายเพียงนั้น หากข้าสามารถนำสำนักเทียนฉยงมาได้ ข้าจะไปทำงานกับเจ้าหรือ?”คำพูดของลั่วชิงยวน ทำให้โทสะในใจของเวินซินถงระเบิดออกใบหน้าของนา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1313

    เจ้ายักษ์นั่นมิได้ทำร้ายชายผู้นั้น ราวกับจ้องจะสังหารนางเพียงคนเดียวในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะต้านทานมิไหวทันใดนั้น จิตสังหารก็พุ่งเข้ามาเห็นเงาร่างสีดำอีกร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาในครรลองสายตาพุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าลั่วชิงยวนในทันที ฉวยโอกาสตบฝ่ามือไปยังชายชุดดำอย่างแรงบีบให้เขาถอยร่นไปเพื่อขัดขวางอีกฝ่ายเงาร่างที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างแต่นางไม่มีเวลาพิจารณา เพราะเจ้ายักษ์นั่นกำลังยกกระบี่ฟาดลงมาหานางลั่วชิงยวนหลบหลีกอย่างตื่นตระหนก ล่อเขาไปยังที่กว้างกว่า จากนั้นก็หยิบเข็มทิศอาณัติสวรรค์ออกมาในทันทีนางกัดนิ้ววาดวงแหวนแห่งเวท วงเวทสีทองที่ปรากฏขึ้นจากเข็มทิศอาณัติสวรรค์ล้อมเจ้ายักษ์นั่นไว้ในทันทีเชือกอักขระเวทพุ่งออกไปมัดเจ้ายักษ์ไว้ ทำให้มันสงบลงชั่วคราวจากนั้นก็รีบไปหาคนทั้งสองที่ยังต่อสู้กันอยู่แต่กลับตกตะลึงเมื่อพบว่าคนทั้งสองหายไปแล้วลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ จึงเห็นเงาร่างหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงไปลั่วชิงยวนรีบตามไป“วีรบุรุษท่านใด? ขอทราบนามได้หรือไม่?” ลั่วชิงยวนตามไปถึงริมกำแพงเห็นชายชุดดำวิ่งไปบนหลังคามิไกล ลั่วชิงยวนยิ่งรู้สึกว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1312

    บนใบหน้าของศีรษะนั้นเต็มไปด้วยอักขระเวทประหลาดทำให้ลั่วชิงยวนนึกถึงสำนักเทียนฉยงในทันทีสำนักเทียนฉยงมีชื่อเสียงด้านวิชาวงแหวนแห่งเวทชั่วร้าย วงแหวนแห่งเวทที่ใช้ก็ร้ายกาจยิ่งนัก นับว่าเป็นองค์กรลึกลับที่น่าสะพรึงกลัวในแคว้นหลีผู้ที่ถูกหมายหัวมิอาจหลุดพ้นได้เพียงแต่พวกเขามิค่อยปรากฏตัวในเมืองหลวง เพราะนั่นหมายถึงการเผชิญหน้ากับสำนักนักบวชโดยตรงแต่คราวนี้กลับมาเผชิญหน้าแล้วนี่คือวงแหวนแห่งเวทที่ซ่อนอยู่ในบ้านตระกูลมู่อย่างแท้จริง วงแหวนแห่งเวทที่แก้ไขไปเมื่อตอนกลางวันเป็นเพียงภาพลวงตามันคือการยั่วยุของสำนักเทียนฉยง เรื่องราวในตระกูลมู่มิธรรมดาจริง ๆนางรีบชักกริชออกมาแทงลงไปอย่างแรง ผ่าศีรษะนั้นออกเป็นสองซีกภายในศีรษะมีเพียงกะโหลก นอกจากยันต์อักขระเวทที่แปะเต็มไปหมดก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นลั่วชิงยวนฉีกยันต์อักขระเวทเหล่านั้นทิ้งในทันทีเมื่อจุดศูนย์กลางวงแหวนแห่งเวทถูกทำลายก็พลันปรากฏไอชั่วร้ายที่รุนแรงลอยเหนือบ้านตระกูลมู่ราวกับว่าจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นลั่วชิงยวนหรี่ตามองภาพนั้นด้วยความตกตะลึงสำนักเทียนฉยงช่างร้ายกาจยิ่งนักร่างที่ก่อตัวขึ้นจากหมอกสีดำทมิฬนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status