ได้ยินดังนี้ สีหน้าของนักทำนายชะตาเคร่งเครียด เขาตั้งใจพิจารณาโหงวเฮ้งของลั่วชิงยวน จากนั้นหยิบแผ่นทองแดง และโยนลงบนโต๊ะทีหนึ่ง วินาทีนั้น ลั่วชิงยวนสังเกตเห็นบนแขนของท่านหมอมีแผลไฟไหม้ที่เห็นได้ชัด แผลนั้นใหม่มาก ท่าจะภายในสองวันนี้! ทำนางนึกถึงภาพวาดที่ถูกเผาวันนั้นโดยไม่ทันคิด ไม่รู้ว่าที่ที่ไฟไหม้ทั้งหมดในเมืองหลวงของวันนั้น ท่านมหาราชครูสืบหาเจอหรือยัง นักทำนายชะตากำลังมองภาพปากว้าและขมวดคิ้ว เขาส่ายหัว “พิลึก พิลึกเหลือเกิน นี่เป็นมหาฆาต…” ประโยคด้านหลังเขามิได้พูดต่อ แต่ในใจกลับเคาะดังเป็นจังหวะกลอง นี่มันดวงคนถึงฆาตชะตาแล้วชัด ๆ โดยทั่วไป มีเพียงคนตายเท่านั้นที่มี หรือว่าคนตรงหน้าเขาจะเป็น… นักทำนายชะตาเหงื่อเย็นไหลซิบ แม้จะมีความกลัวในใจ แต่เขายังมิลืมภารกิจครั้งนี้ ประโยคของเขาหักมุม “แม้จะเป็นฆาตหนัก แต่ยังสามารถพลิกผันได้! ข้าจะเตรียมของบางอย่างให้ พรุ่งนี้เจ้ามาเอากลับไป” “เมื่อพกติดตัวเป็นเวลานาน จะสามารถเปลี่ยนชะตา และพลิกผันทุกอย่างได้!” ลั่วชิงยวนพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะ!” นางเองก็มองภาพปากว้าทีหนึ่ง ในนั้นชะตาถึงฆาตแล้วจริง ๆ แต่
สิ้นเสียงประโยคนี้ สีหน้านักทำนายชะตาซีดเผือด นัยน์ตาเอ่อความผวา สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไป “โดนเผาเมื่อวันเกิดท่านมหาราชครูงั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน?!” สีหน้าของนักทำนายชะตาถอดสี เขาสลัดมือลั่วชิงยวนออกอย่างแรง และวิ่งพุ่งไปทางประตูเรือนอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนตะโกนเรียกฟู่เฉินหวนร้อน ๆ “ท่านอ๋อง อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!” ฟู่เฉินหวนตามขึ้นไปทันที นักทำนายชะตาดึงเชือกที่อยู่ตรงมุมกำแพง ทันใดนั้น เสาไม้ต้นใหญ่ที่คล้ายกับคานเรือนตกลงมา หล่นตรงไปทางหัวของลั่วชิงยวน ฟู่เฉินหวนเห็นจากหางตา จึงล้มเลิกการจับตัวนักทำนายชะตาอย่างเด็ดขาด และวิ่งมาทางลั่วชิงยวนอย่างไว เขาดึงตัวนางออก แต่เมื่อเสาไม้ต้นใหญ่ตกลงมาในแนวกวาดล้าง พวกเขาหนีไม่พ้นแม้แต่นิด วินาทีนั้น ฟู่เฉินหวนบังอยู่หลังลั่วชิงยวน เขากำลังจะหลบ เสาไม้กระแทกกับท้ายทอยของเขาเสียก่อน จนเกิดเป็นเสียงดังต่ำ ๆ “ท่านอ๋อง!” หัวใจของลั่วชิงยวนสั่นคลอน วินาทีต่อมา ทั้งคู่ถูกเสาไม้กระแทกจนล้มลงกับพื้น ฟู่เฉินหวนทับอยู่บนตัวลั่วชิงยวน และเสาไม้ต้นนั้นกำลังจะหล่นลงมาอย่างแรงอีกครั้ง สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป นางหนี
ลั่วชิงยวนกำลังชนประตูอย่างสุดกำลัง เมื่อครู่นางได้ยินเสียงประตูดังเอี๊ยด และประตูคลายลงอย่างเห็นได้ชัด นางรวบรวมแรงทั้งหมด พุ่งชนขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต การโจมตีครั้งสุดท้าย! ขณะนั้นเอง จู่ ๆ มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ขาข้างหนึ่ง ตกสู่สายตาของนางและเตะไปที่ประตูอย่างแรง แรงจนประตูหักทั้งบาน ลั่วชิงยวนที่กำลังชนประตู ปลิวกระเด็นออกไปทั้งร่าง ฟู่เฉินหวนตกใจเล็กน้อย ยื่นมือจะดึงนาง แต่เขาประเมินน้ำหนักของลั่วชิงยวนต่ำเกิน ร่างของฟู่เฉินหวนเองก็กระเด็นออกไปด้วย ทั้งคู่ล้มกระแทกกับพื้นอย่างหนัก ทันทีที่ฟู่เฉินหวนล้มลง ริมฝีปากของเขาชนเข้ากับจมูกของลั่วชิงยวน ไม่ทันตั้งตัว ใบหูของลั่วชิงยวนแดงก่ำ แก้มสองข้างพลันร้อนรุ่มขึ้นมาเช่นกัน “ฟู่เฉินหวน!” นางจ้องเขาเคือง ๆ ฟู่เฉินหวนเองก็รู้สึกอึดอัด แต่ภายนอกเขากลับสงบ สีหน้าของเขาเรียบเฉย พลิกตัวและนอนราบกับพื้นทันที “เจ้ามันสร้างปัญหาเก่งเสียจริง ด้วยความสามารถของเจ้ายังคิดจะจับคนอีก ข้าว่าเจ้าตั้งใจทำอีกฝ่ายตื่นตัวเสียมากกว่า” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนไม่พอใจ ในมุมมองของเขา ทั้ง ๆ ที่มีวิธีในการจับตัวนักทำนายชะตาที่ดีกว่านั
“ลั่วชิงยวน!” “ลงไปเดี๋ยวนี้!” ลั่วชิงยวนกำลังจะเอ่ยปาก แต่มีเสียงเย็น ๆ และตกใจเล็กน้อยแทรกเข้ามาก่อน… “ชิงยวน เสด็จพี่…” ลั่วชิงยวนชะงัก นางเงยหน้า เห็นลั่วอวิ๋นโจวกำลังเดินมาทางนี้ มองดูท่าของพวกเขาทั้งสอง สีหน้าของเขาเก้กังเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบหันหน้าไป ฟู่เฉินหวนเพียงได้ยินเสียงก็รู้ได้ว่าเป็นใคร น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมลง “ยังไม่ลุกอีก!” ลั่วชิงยวนยันร่างที่เจ็บปวดลุกขึ้น ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นตามทันทีเช่นกัน ฟู่อวิ๋นโจวจึงหันร่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “เสด็จพี่ ชิงยวน พวกท่านมิเป็นไรกันใช่ไหม?” คิ้วของฟู่เฉินหวนขมวดเล็กน้อย เขาตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” “ข้ามาหานักทำนายชะตาท่านนั้น ข้าได้ยินว่าเขาอาศัยที่นี่ แต่…” ฟู่อวิ๋นโจวมองไปทางบ้านที่กำลังลุกไหม้อยู่เบื้องหลังพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ “เจ้ามาได้มิถูกเวลานัก เขาไม่อยู่แล้ว” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนิ่งเรียบ พูดจบเขาก็ก้าวขาจากไป ขณะนี้เอง หัวของฟู่เฉินหวนรู้สึกหนักอึ้ง และล้มลงที่พื้นอย่างแรง “เสด็จพี่!” ฟู่อวิ๋นโจวร้องตะโกนด้วยใบหน้าซีดเผือด แต่ลั่วชิงยวนกลับพยุงฟู่เฉินหวนไว้อย่างไหวพ
ฟู่อวิ๋นโจวฟังออกว่านางกำลังล้อเล่น แต่กลับอดยิ้มมิได้ “งั้นข้าต้องหาวิธีหาตัวเขาใหม่” “ก่อนหน้านี้ที่ข้าสืบข่าวเขา ได้ยินว่าเขามีบ้านที่นอกเมืองด้วย ที่นี่ถูกเผา เขาอาจย้ายไปอยู่ที่บ้านนอกเมือง ถึงเวลาเจ้าค่อยไปทำนายกับเขา” ฟู่อวิ๋นโจวพูดอย่างใจดี ดวงตาของลั่วชิงยวนเป็นประกายขึ้นมาในทันที มีบ้านนอกเมืองงั้นหรือ? เจ้านี่อาจหลบไปที่นอกเมืองจริง ๆ ! “นอกเมืองที่ใดหรือเพคะ? ท่านบอกที่อยู่หม่อมฉันเถิด หม่อมฉันจะรีบไปหาเขา!” หากรีบไป บางทีอาจจับตัวเจ้านั่นได้! เพื่อสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำร้ายท่านมหาราชครูให้เจอ! ฟู่อวิ๋นโจวไตร่ตรอง ส่ายหัวทีหนึ่ง “เรื่องนี้ข้าจำมิค่อยได้แล้ว ที่อยู่ค่อนข้างเปลี่ยวลับ เดี๋ยวข้ากลับตำหนักไปดูอีกที” “เพคะขอบพระคุณท่านมาก!” “ระหว่างเรา มิต้องกล่าวขอบคุณหรอก” เมื่อกลับถึงตำหนักอ๋อง ซูโหยวรีบเดินมาช่วยแบกฟู่เฉินหวนเข้าไปในห้อง ลั่วชิงยวนกำลังจะก้าวเข้าห้อง ร่างข้าง ๆ กลับตะครุบเข้าไปก่อน ตามด้วยเสียงร้อนใจ “ท่านอ๋อง…” ลั่วเยวี่ยอิงตะครุบไปบนเตียง และร้องไห้ขึ้นมา “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไปเพคะ? เหตุใดจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้…” เวลานี้ ห
ทันทีที่ออกจากตำหนัก ลั่วชิงยวนก็เช่ารถม้าคันหนึ่งและไปตามที่อยู่ที่ฟู่อวิ๋นโจวให้มาทันที เพราะนางมิคุ้นเคยกับเส้นทาง ดังนั้นเมื่อออกจากตำหนักนางหาอยู่นานมาก จึงยืนยันตำแหน่งได้ ตำแหน่งของนักทำนายชะตาคนนั้นเปลี่ยวร้างมาก รถม้าเข้าไปมิได้ นางจึงได้แต่ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปเอง เดินผ่านผืนป่า เห็นบ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังป่าไผ่ บรรยากาศที่นั่นเงียบสงบ ภายในเรือนยังมีเสียงตัดฟืนส่งมา ดูท่านักทำนายชะตาคนนั้นจะอยู่ที่นี่! ในใจของลั่วชิงยวนรู้สึกดีใจ นางรีบวิ่งเข้าไปทันที ขอเพียงแค่เขายังอยู่ ไม่ถูกใครฆ่าปิดปากไปเสียก่อน! แต่แล้วนางไม่รู้ ฟู่เฉินหวนเองก็ตามนางมาจนถึงที่นี่ และอยู่หลังนางในทิศไม่ไกล! เอี๊ยด… ลั่วชิงยวนผลักประตูบ้านออก นักทำนายชะตาที่กำลังตัดฟืนเพื่อเตรียมต้มยาเงยหน้ามองทีหนึ่ง และตกใจจนใบหน้าถอดสีทันที “ทำไมจึงเป็นเจ้า? เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนเดินขึ้นหน้าอย่างไว พร้อมกับปิดประตูลงทันที นางถามเอ่ยเสียงเย็น “หว่างคิ้วของเจ้าก่อเป็นลางมรณะแล้ว เจ้าเองก็ดูดวงเป็น คงรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังจะเจอเรื่องเลวร้ายแล้วใช่หรือไม่เล่า?” ลั่วชิวยวนรู้ว่าต
สายตาของลั่วชิงยวนครบกริบ นางดึงคอเสื้อของนักทำนายชะตาไว้ “เห็นหรือยัง! ต่อให้เจ้าใส่ร้ายข้า คนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี!” วางแผนถึงตัวนางงั้นหรือ? นางจักต้องถามออกมาให้ได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร! นักทำนายชะตามองแมลงที่ถูกทุบจนเละ ในใจของเขาสั่นคลอน แต่นัยน์ตากลับฉายแววเด็ดขาด “ตกในมือเจ้า จะมีจุดจบ ดี ๆ งั้นรึ?” สิ้นเสียง เขาก็กัดพิษที่ซ่อนไว้ในปากจนแตกทันที สายตาของลั่วชิงยวนเย็นลง รู้ตัวทันทีว่าเขาอยากกัดพิษฆ่าตัวตาย จึงเหวี่ยงหมัดเข้าไปอย่างแรง แรงเสียจนนักทำนายชะตาหน้าเบี้ยว ฟันหลุดไปสองซี่ ยาพิษเองก็หล่นออกจากปาก ฟู่เฉินหวนเห็นเข้า เขาขมวดคิ้วอย่างแรง การตอบสนองอันว่องไวนี้ มิเหมือนคุณหนูตระกูลชั้นสูงธรรมดาคนหนึ่ง นางโดนใส่ร้ายจึงอยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง หรือนางกำลังถือโอกาสแลกความเชื่อใจจากเขากันแน่? ลั่วชิงยวนหยิบเชือกมาเส้นหนึ่งมัดตัวนักทำนายชะตาไว้ พร้อมกับกล่าวเย็น ๆ “อย่าคิดจะตาย!” “ในเมื่อเจ้ามิยอมให้ความร่วมมือดี ๆ งั้นคงต้องให้เจ้าได้รับความทรมานหน่อยเสียแล้ว” นางผลักนักทำนายชะตาให้เดินออกไปทางด้านนอก จนมาถึงด้านหน้าฟู่เฉินหวน
คิ้วของลั่วชิงยวนกระตุก นางดึงตัวนักทำนายชะตาหมอบลงกับพื้น ลูกธนูแหลมคมทะลุผ่านกำแพงรถม้าทันที หัวใจของฟู่เฉินหวนบีบรัด เขาหวั่นเกรงเล็กน้อย และเปิดประตูรถม้าตรวจดูอย่างว่องไว สายตาของเขาตกอยู่บนตัวลั่วชิงยวน แต่เมื่อลั่วชิงยวนเงยหน้า สายตาเขากลับกวาดไปทางนักทำนายชะตาเสียแล้ว ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังรอดชีวิต เขาหันหน้า ดึงเชือกควบม้าในทันที “นั่งให้ดีล่ะ!” แส้ฟาดไปบนก้นม้า ม้าร้องกังวานทีหนึ่ง จากนั้นก้าวขาวิ่งไปทางด้านหน้าอย่างไว วินาทีนั้น ลั่วชิงยวนที่อยู่ในรถม้าลำตัวกระเด็นขึ้นลง ส่วนนักทำนายชะตาก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในรถม้า พวกเขาควบคุมร่างกายของตนไม่ได้แม้แต่นิด ฟิ้ว ๆ ๆ … ลูกธนูมากมายยิงมาทางรถม้าของพวกเขาราวกับสายฝน ลั่วชิงยวนต้องพยายามทรงตัว และคอยดึงตัวนักทำนายชะตาหลบลูกธนู เจ้านี่จะตายไม่ได้เด็ดขาด หากเขาตายนางยิ่งอธิบายไม่ได้ไปใหญ่เลย! “สวรรค์ สะเทือนเยี่ยงนี้ ให้ข้าออกไปตายเถิด!” นักทำนายชะตารับแรงสะเทือนไม่ไหว และกำลังจะอ้วกออกมา “อย่าคิดจะได้ตายง่าย ๆ!” ลั่วชิงยวนกดเขาไว้ที่พื้น น้ำหนักครึ่งตัวของนางทับเขาไว้ จนเขาปีนออกไปไม่ได้อีก ระหว่างทางหลบหนี ล
ในชั่วพริบตา ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หลังเพราะถูกกดลงบนกำแพงเท้าของนางลอยขึ้นจากพื้นความรู้สึกหายใจมิออกทำให้นางดิ้นรนสุดกำลัง“ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา! ใครอนุญาตให้เจ้าแตะต้องของของข้า!”ลั่วชิงยวนพยายามพูด “ฟู่เฉินหวน...”นางหายใจมิออกแล้วนัยน์ตาของฟู่เฉินหวนฉายแววเย็นชาขณะจับนางเหวี่ยงออกไปร่างลั่วชิงยวนตกกระแทกพื้นเสียงดังสนั่นกลิ้งไปหลายตลบแล้วกระอักเลือดออกมาอวัยวะภายในสั่นสะเทือน ปวดร้าวไปทั่วร่าง“ฟู่เฉินหวน ลั่วฉิงกับไทเฮาร่วมมือกัน สิ่งที่ไทเฮาให้ท่านอาจถูกลั่วฉิงปลอมแปลง จดหมายนั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้!”ลั่วชิงยวนรีบอธิบายความคิดของตนเองฟู่เฉินหวนเดินเข้ามาด้วยความโกรธ เขาจับนางขึ้นมาแล้วมองนางด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ถึงตอนนี้แล้วยังจะมาหลอกลวงข้าอีกรึ?”“ลายมือท่านแม่ของข้า ข้าจะจำมิได้เชียวหรือ!”พูดจบ ลั่วชิงยวนก็ถูกเหวี่ยงออกจากห้องร่างกระแทกพื้นหิมะแขนข้างหนึ่งถูกทับจนเกิดเสียงดังกร๊อบแขนหลุดจากข้อต่อแล้ว“โอ๊ย...” ลั่วชิงยวนร้องเสียงหลง หน้าซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหน้านางใช้มือข้างเดียวพยุงตัว พยายามลุกขึ้นอย่างยากล
ลั่วฉิงใช้เข็มทิศอาณัติสวรรค์มิเป็นด้วยฐานะของนาง เป็นไปมิได้ที่จะใช้มิเป็นลั่วชิงยวนเบิกตากว้างลั่วฉิงมิได้ใช้มิเป็น แต่ใช้มิได้ต่างหาก!นางพกเข็มทิศนี้ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก อาจารย์บอกว่าเป็นของที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของนางหลังจากที่นางตายแล้วเกิดใหม่เข็มทิศนี้ก็ยังคงติดตัวนางมา ย่อมมิใช่ของธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้น เข็มทิศนี้อาจจะยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้ว คนอื่นจึงใช้มิได้เมื่อคิดได้ดังนั้น ลั่วชิงยวนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างลั่วฉิงได้เข็มทิศไปก็ไร้ประโยชน์ฟู่เฉินหวนถาม “หากไม่มีเข็มทิศนี้ เจ้าก็ทำนายอะไรมิได้เลยหรือ?”ลั่วฉิงยกยิ้ม “แน่นอนว่ามิใช่เช่นนั้น”“เช่นนั้นก็มิเห็นเป็นอะไร เจ้าแค่ทำนายสิ่งที่เจ้าทำนายได้ แล้วก็จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจเอง”ฟู่เฉินหวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวเสียงเย็น “ข้าทะเลาะกับนางไปแล้ว หากจะหลอกลวงนางอีกก็ต้องแสร้งทำดีด้วย”“ข้ามิอยากทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น”หัวใจของลั่วชิงยวนพลันเจ็บแปลบเขาบอกว่าการทำดีกับนางเป็นเรื่องน่ารังเกียจ...ลั่วชิงยวนรู้สึกเจ็บปวด นางกำเสื้อแน่น มิกล้าส่งเสียงแล้วค่อย ๆ เดินจากไปคำพูดเหล่านั้นดังก้อ
ลั่วชิงยวนที่ถูกขังไว้สองวันเริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับถูกจองจำในคุกหิมะตกหนักติดต่อกันหลายวันยิ่งทำให้นางรู้สึกหดหู่เมื่อหิมะเริ่มเบาบางลงนางจึงออกมานั่งที่เก้าอี้ในเรือนสัมผัสกับความเย็นยะเยือกที่โปรยปรายลงบนใบหน้า“พระชายา ระวังจะเป็นหวัดนะเจ้าคะ”จือเฉานำกาน้ำชาอุ่นมาวางไว้บนโต๊ะข้าง ๆ แล้วรินใส่ถ้วยให้นางไอร้อนจากน้ำชาช่วยเพิ่มความอบอุ่นในวันหิมะตกอันหนาวเหน็บจือเฉานั่งอยู่ข้าง ๆ เหม่อมองท้องฟ้าด้วยความกังวล “พระชายา เหตุใดท่านอ๋องจึงใจร้ายกับท่านเช่นนี้เจ้าคะ”“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีลั่วเยวี่ยอิงที่คอยยุแยง บัดนี้ลั่วเยวี่ยอิงก็ตายไปแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังเป็นเช่นนี้ ระหว่างท่านอ๋องกับพระชายามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเจ้าคะ?”ลั่วชิงยวนก็มิอาจเข้าใจได้เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันตั้งแต่ที่นางถูกเฉินชีจับตัวไปบนเขาหรือไม่สิ น่าจะเริ่มตั้งแต่เรื่องของฟู่จิ่งหานตอนที่ฟู่เฉินหวนตัดสินใจจัดการกับฟู่อวิ๋นโจว เขาเข้าวังไปหลายวันแล้วเมื่อกลับมาก็หย่ากับนางแต่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในวัง แม้แต่จักรพรรดิสูงสุดก็มิยอมบอกนางหรือบางทีอาจจะมิรู้เหมือนกันวันนี้แม่นมเติ้งเป
เขามีสีหน้าเย็นชาขณะกล่าวเสียงเรียบ “กลับตำหนักกับข้า”ลั่วชิงยวนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงให้จือเฉาเก็บข้าวของตามฟู่เฉินหวนออกจากวังเมื่อขึ้นรถม้า ฟู่เฉินหวนก็สั่งสารถีให้กลับตำหนักทันทีทั้งยังเร่งให้รีบกลับด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อยดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่รถม้าแล่นไปอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนถูกเขย่าโคลงเคลงจนตัวแทบปลิว แต่ก็ยังพยายามทรงตัว มิเอ่ยคำใดจนกระทั่งรถม้ามาถึงหน้าตำหนักลั่วชิงยวนจึงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของฟู่เฉินหวนนางยกมือขึ้น แตะใบหน้าเขาเบา ๆ “ใบหน้าของท่านเป็นอะไรไป?”ฟู่เฉินหวนคว้าข้อมือของนางไว้แล้วจ้องมองด้วยสายตาคมกริบ “มิใช่เพราะเจ้าหรอกรึ!”ลั่วชิงยวนชะงักไปชั่วพริบตานั้น ฟู่เฉินหวนก็กระชากนางลงจากรถม้าอย่างแรง ทำให้นางเกือบล้มนางเดินเซ แต่ก็ยังถูกฟู่เฉินหวนลากเข้าไปในตำหนักฟู่เฉินหวนเดินอย่างรวดเร็ว ทั้งร่างเต็มไปด้วยโทสะราวกับพยายามอดกลั้นมานานลั่วชิงยวนจึงตระหนักได้ว่าเขาคงถูกจักรพรรดิสูงสุดลงโทษมิเช่นนั้นรอยแดงบนใบหน้าเขาจะมาจากไหนเมื่อมาถึงลานด้านใน นางก็สะบัดตัวหลุดจากฟู่เฉินหวน“ท่านจะทำอะไร!”ทันใดนั้น ฟู่เฉินหวนก็บีบคางน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซิ่งไป่ชวนก็มาถึงลั่วชิงยวนพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเซิ่งไป่ชวนเห็นเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนหน้าผากนาง จึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “พระชายารู้สึกหนาวหรือไม่ขอรับ?”ลั่วชิงยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา “ข้ามิเป็นอะไร มิต้องตรวจชีพจรแล้ว ข้าจะเขียนใบเทียบยาให้ เจ้าช่วยไปหยิบยาให้หน่อย”เซิ่งไป่ชวนพยักหน้า เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือแพทย์ของลั่วชิงยวนจึงมิฝืนใจเพียงแต่กล่าวว่า “เห็นอาการของพระชายาทรงทรุดลงทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะความวิตกกังวล พระชายาควรปล่อยวางบ้าง”“เพื่อรักษาพระวรกายให้แข็งแรงขอรับ”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ขอบคุณหมอหลวงเซิ่ง”“ข้าจะระมัดระวัง”ขณะที่กำลังสนทนากัน ก็พลันได้ยินเสียงตวาดดังมาจากด้านนอก“ว่ากระไรนะ! สั่งลงไป ผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีกให้ตัดหัวได้เลย!”ลั่วชิงยวนตกใจเล็กน้อยด้วยความสงสัย นางจึงสวมรองเท้าเดินออกไปจือเฉานำผ้าคลุมมาสวมให้นางเห็นจักรพรรดิสูงสุดกำลังโมโหอยู่ใต้ชายคา“เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” ลั่วชิงยวนถามด้วยความอยากรู้จักรพรรดิสูงสุดกล่าวว่า “ไม่มีอะไร เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้ามิได้ดุใครมานานแล้วเลยลองฝึกฝนดู”จากนั้นจักรพรรดิสูงสุด
เดิมทีนางตั้งใจจะบอกข่าวดีนี้แก่เขาในยามที่เขากับนางคืนดีกันแล้วทว่าสิ่งที่รอคอยกลับเป็นการหลอกลวง เขาชิงเอาเข็มทิศอาณัติสวรรค์ของนางไปบัดนี้เขาใจแข็งเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงจำต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาในใจนางยังคงมีความหวัง หวังว่าเพื่อลูกในครรภ์ ฟู่เฉินหวนอาจจะใจอ่อนลงบ้างทว่าประตูบานนั้นยังคงปิดสนิทนอกจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านก็ไม่มีเสียงตอบรับใดสายลมหนาวราวกับจะพัดพาความอบอุ่นสุดท้ายในใจนางให้หายไปน้ำตาใสไหลรินอาบแก้มซีดเผือดลั่วชิงยวนหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงันเหล่าบ่าวไพร่ในตำหนักเห็นนางแล้วอยากจะทักทาย แต่ก็ลังเล มิกล้าเอ่ยปากบัดนี้ลั่วชิงยวนราวกับคนไร้วิญญาณ เดินออกจากตำหนักไปอย่างไร้จุดหมายนางเดินไปเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าสายลมหนาวจะพัดพาร่างนางให้แหลกสลายไป ความหนาวเหน็บกัดกร่อนกระดูก......ภายในห้องตำรา ฟู่เฉินหวนทรุดลงนอนสลบแน่นิ่งกองอยู่ที่มุมห้อง พื้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนกระทั่งซูโหยวกลับมาพบเข้า จึงรีบให้คนไปตามหมอหลวงมู่มาโดยด่วนหมอหลวงมู่ตรวจอาการแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบปรุงยาให้ทันทีและยังนำโสมมังกรที่ตกทอดกันมาในตระกูลออกมาตัดแบ่งส่วนเล็ก
เขามิอยากแตะต้องนางแม้เพียงปลายเล็บฟู่เฉินหวนรีบส่งคนออกไปตามล่าเฉินชี แล้วจึงกวาดสายตามองลั่วชิงยวนที่นอนอยู่บนพื้นหิมะอย่างเย็นชาก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “พากลับไป”องครักษ์สองนายเข้ามาพยุงลั่วชิงยวน แล้วพานางออกไปจากศาลาลั่วชิงยวนจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เมื่อสบเข้ากับสายตาเย็นชาของเขา หัวใจนางก็พลันเหมือนถูกบีบขณะที่นางถูกพาตัวออกไป เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วศาลาเสียดแทงโสตประสาทยิ่งนักเมื่อกลับถึงตำหนัก ฟู่เฉินหวนก็รีบจัดการวางกำลังคนไปจับตัวเฉินชีลั่วชิงยวนยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ จนกระทั่งเขาจัดการทุกอย่างเสร็จจึงเดินเข้าไปหา“ฟู่เฉินหวน...”ทว่าฟู่เฉินหวนกลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตำรา แล้วปิดประตูใส่หน้าเสียงปิดประตูดังสนั่น ทำให้ลั่วชิงยวนสะดุ้งตกใจนางมิยอมแพ้ เดินไปเคาะประตู “ฟู่เฉินหวน ท่านรังเกียจหม่อมฉันแล้วใช่หรือไม่!”“เฉินชีกับลั่วฉิงร่วมมือกัน! เหตุใดท่านจึงหลอกเอาเข็มทิศของหม่อมฉันไป! ทั้งหมดนี้เป็นแผนของพวกเขา!”นางทุบประตูเรียก “ฟู่เฉินหวน ท่านต้องอธิบายให้หม่อมฉันฟัง!”ประตูเปิดออกกะทันหันฟู่เฉินหวนก้าวออกมาด้วยความโกรธ
ลั่วชิงยวนเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเขาด้วยความโกรธครั้นเห็นนางมิยอมอ้าปากแม้สักนิด เฉินชีจึงโน้มกายเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เจ้าอยากให้ข้าทำเกินเลยกว่านี้รึ?”ลั่วชิงยวนขบฟันแน่นก่อนจะยอมอ้าปากรับสิ่งที่เฉินชีป้อนให้เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบด้าน“สวรรค์โปรด! สองคนนี้กำลังทำสิ่งใดกันอยู่”“พระชายาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการกำลังลักลอบคบชู้ต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้หรือ?”เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ต่างส่งคนไปทูลท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการให้รีบมาโดยพลันเฉินชีนั่งอยู่ในศาลา ยังคงจงใจแสดงท่าทีคลอเคลียกับลั่วชิงยวน แล้วกระซิบเสียงเบา “หลังจากวันนี้ เจ้าคงมิอาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีกแล้วกระมัง?”“เหตุใดจึงมิติดตามข้ากลับแคว้นหลีเล่า?”“เจ้าเกิดมาเพื่อเป็นคนของแคว้นหลี”“ข้าสามารถส่งเจ้ากลับสู่ตำแหน่งเดิม ให้เป็นนักบวชหญิงผู้สูงส่งได้”“หากเจ้าเต็มใจ จงกะพริบตา แล้วข้าจะพาเจ้าไป”ช่างไร้ยางอาย!ลั่วชิงยวนเบิกตากว้างจนดวงตาแดงก่ำ มิยอมกะพริบตาแม้เพียงน้อยในใจนางก่นด่าเฉินชีนับร้อยครั้งครั้นเห็นนางดื้อรั้นเช่นนี้ เฉินชีกลับหัวเราะออกมา“ดูท่าว่าอาเหลายังคงรู้จักข้าดี”ทั
จนกระทั่งฟ้าสาง ผู้คนเริ่มทยอยออกมาตามถนนบรรยากาศบนท้องถนนเริ่มคึกคักขึ้น เฉินชียังคงโอบนางเดินไปข้างหน้าอย่างแช่มช้าในสายตาของคนภายนอก ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากจนกระทั่งเดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่งก็มีเสียงร้องด้วยความตกใจ “นั่นมิใช่พระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการหรือ? เหตุใดนางจึง...”ลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้น หัวใจก็พลันกระตุกแต่เฉินชีกลับยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ แล้วพาลั่วชิงยวนไปที่ร้านขนมร้านนั้นก่อนจะแสร้งถามลั่วชิงยวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าชอบกินอันไหน?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยความโกรธเฉินชีกลับยิ่งหัวเราะอย่างลำพองใจเขาโยนถุงเงินหนัก ๆ ลงบนแผงร้าน “ข้าเหมาทั้งหมด!”เถ้าแก่ตกตะลึงจากนั้นเฉินชีก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งมาป้อนที่ปากของลั่วชิงยวน “ลองชิมดูหรือไม่?”ลั่วชิงยวนจ้องมองเขา มิยอมอ้าปากแววตาของเฉินชีเย็นชา มือใหญ่เลื่อนไปที่ท้ายทอยของนางแล้วออกแรงบีบพลางยัดขนมเข้าไปในปากของนางด้วยรอยยิ้ม“กินสิ”ท้ายทอยของลั่วชิงยวนเจ็บปวด นางจำใจต้องอ้าปากกัดขนมชิ้นนั้นเฉินชีเห็นดังนั้นจึงพอใจมาก “ชอบหรือไม่?”เขามองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนยกมือขึ้นเช็ดเศษขนมที่มุมปากของนางท่าทาง