นางมาทำอะไรกัน?! นักทำนายชะตาชะงักเล็กน้อย นี่ท่าจะเป็นปลาที่เบื้องบนให้เขาหว่านแล้วล่ะ ในห้องสงบลงฉับพลัน ลั่วชิงยวนร้องตะโกนต่อ “ข้าถูกสามีในบ้านตบตีทุกวัน จนเกือบเสียชีวิตไปหลายครั้ง ตระกูลฝั่งแม่ช่วยข้ามิได้! หนังสือหย่าข้าก็ขอมามิได้เช่นกัน!” “ท่านช่วยสงสารแล้วชี้แนะข้าหน่อยเถิด!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ เส้นเลือดบนขมับของฟู่เฉินหวนกระตุก ถูกสามีตบตี? จนเกือบถึงแก่ชีวิต? เหลวไหล! หลายครั้งที่ยัยผู้หญิงคนนี้แข็งข้อกับเขาในตำหนัก เมื่อนางลงมือกับผู้อื่นก็ดุดันกล้าหาญ ตอนนี้กลับแสร้งทำตัวน่าสงสารหรือ? “หากเช่นนี้ เจ้าเข้ามาเถิด” เมื่อนักทำนายชะตาเอ่ยปาก สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไปทันควัน นัยน์ตาเขาเผยแววลนลาน “ข้าค่อยมาวันอื่นดีกว่า!” ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นทันที นักทำนายชะตากลับยื่นมือรั้งเขาไว้ “เดี๋ยว ท่านมาก่อน จะให้ท่านไปก่อนได้อย่างไรกัน ไม่เป็นไร อย่างไรเรื่องของพวกท่านสองคนก็มิเยอะ ไม่นานนักก็จัดการเรียบร้อย!” ฟู่เฉินหวนจึงทำได้เพียงนั่งลง บัดนี้ ลั่วชิงยวนผลักประตูออก “ท่านอาจารย์!” นางกำลังจะเอ่ยปาก แค่เมื่อเห็นฟู่เฉินหวน นางกลับชะงัก ฟู่เฉินหวน?
ได้ยินดังนี้ สีหน้าของนักทำนายชะตาเคร่งเครียด เขาตั้งใจพิจารณาโหงวเฮ้งของลั่วชิงยวน จากนั้นหยิบแผ่นทองแดง และโยนลงบนโต๊ะทีหนึ่ง วินาทีนั้น ลั่วชิงยวนสังเกตเห็นบนแขนของท่านหมอมีแผลไฟไหม้ที่เห็นได้ชัด แผลนั้นใหม่มาก ท่าจะภายในสองวันนี้! ทำนางนึกถึงภาพวาดที่ถูกเผาวันนั้นโดยไม่ทันคิด ไม่รู้ว่าที่ที่ไฟไหม้ทั้งหมดในเมืองหลวงของวันนั้น ท่านมหาราชครูสืบหาเจอหรือยัง นักทำนายชะตากำลังมองภาพปากว้าและขมวดคิ้ว เขาส่ายหัว “พิลึก พิลึกเหลือเกิน นี่เป็นมหาฆาต…” ประโยคด้านหลังเขามิได้พูดต่อ แต่ในใจกลับเคาะดังเป็นจังหวะกลอง นี่มันดวงคนถึงฆาตชะตาแล้วชัด ๆ โดยทั่วไป มีเพียงคนตายเท่านั้นที่มี หรือว่าคนตรงหน้าเขาจะเป็น… นักทำนายชะตาเหงื่อเย็นไหลซิบ แม้จะมีความกลัวในใจ แต่เขายังมิลืมภารกิจครั้งนี้ ประโยคของเขาหักมุม “แม้จะเป็นฆาตหนัก แต่ยังสามารถพลิกผันได้! ข้าจะเตรียมของบางอย่างให้ พรุ่งนี้เจ้ามาเอากลับไป” “เมื่อพกติดตัวเป็นเวลานาน จะสามารถเปลี่ยนชะตา และพลิกผันทุกอย่างได้!” ลั่วชิงยวนพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะ!” นางเองก็มองภาพปากว้าทีหนึ่ง ในนั้นชะตาถึงฆาตแล้วจริง ๆ แต่
สิ้นเสียงประโยคนี้ สีหน้านักทำนายชะตาซีดเผือด นัยน์ตาเอ่อความผวา สีหน้าของฟู่เฉินหวนเปลี่ยนไป “โดนเผาเมื่อวันเกิดท่านมหาราชครูงั้นหรือ? หมายความว่าอย่างไรกัน?!” สีหน้าของนักทำนายชะตาถอดสี เขาสลัดมือลั่วชิงยวนออกอย่างแรง และวิ่งพุ่งไปทางประตูเรือนอย่างรวดเร็ว ลั่วชิงยวนตะโกนเรียกฟู่เฉินหวนร้อน ๆ “ท่านอ๋อง อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!” ฟู่เฉินหวนตามขึ้นไปทันที นักทำนายชะตาดึงเชือกที่อยู่ตรงมุมกำแพง ทันใดนั้น เสาไม้ต้นใหญ่ที่คล้ายกับคานเรือนตกลงมา หล่นตรงไปทางหัวของลั่วชิงยวน ฟู่เฉินหวนเห็นจากหางตา จึงล้มเลิกการจับตัวนักทำนายชะตาอย่างเด็ดขาด และวิ่งมาทางลั่วชิงยวนอย่างไว เขาดึงตัวนางออก แต่เมื่อเสาไม้ต้นใหญ่ตกลงมาในแนวกวาดล้าง พวกเขาหนีไม่พ้นแม้แต่นิด วินาทีนั้น ฟู่เฉินหวนบังอยู่หลังลั่วชิงยวน เขากำลังจะหลบ เสาไม้กระแทกกับท้ายทอยของเขาเสียก่อน จนเกิดเป็นเสียงดังต่ำ ๆ “ท่านอ๋อง!” หัวใจของลั่วชิงยวนสั่นคลอน วินาทีต่อมา ทั้งคู่ถูกเสาไม้กระแทกจนล้มลงกับพื้น ฟู่เฉินหวนทับอยู่บนตัวลั่วชิงยวน และเสาไม้ต้นนั้นกำลังจะหล่นลงมาอย่างแรงอีกครั้ง สีหน้าของลั่วชิงยวนเปลี่ยนไป นางหนี
ลั่วชิงยวนกำลังชนประตูอย่างสุดกำลัง เมื่อครู่นางได้ยินเสียงประตูดังเอี๊ยด และประตูคลายลงอย่างเห็นได้ชัด นางรวบรวมแรงทั้งหมด พุ่งชนขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต การโจมตีครั้งสุดท้าย! ขณะนั้นเอง จู่ ๆ มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ขาข้างหนึ่ง ตกสู่สายตาของนางและเตะไปที่ประตูอย่างแรง แรงจนประตูหักทั้งบาน ลั่วชิงยวนที่กำลังชนประตู ปลิวกระเด็นออกไปทั้งร่าง ฟู่เฉินหวนตกใจเล็กน้อย ยื่นมือจะดึงนาง แต่เขาประเมินน้ำหนักของลั่วชิงยวนต่ำเกิน ร่างของฟู่เฉินหวนเองก็กระเด็นออกไปด้วย ทั้งคู่ล้มกระแทกกับพื้นอย่างหนัก ทันทีที่ฟู่เฉินหวนล้มลง ริมฝีปากของเขาชนเข้ากับจมูกของลั่วชิงยวน ไม่ทันตั้งตัว ใบหูของลั่วชิงยวนแดงก่ำ แก้มสองข้างพลันร้อนรุ่มขึ้นมาเช่นกัน “ฟู่เฉินหวน!” นางจ้องเขาเคือง ๆ ฟู่เฉินหวนเองก็รู้สึกอึดอัด แต่ภายนอกเขากลับสงบ สีหน้าของเขาเรียบเฉย พลิกตัวและนอนราบกับพื้นทันที “เจ้ามันสร้างปัญหาเก่งเสียจริง ด้วยความสามารถของเจ้ายังคิดจะจับคนอีก ข้าว่าเจ้าตั้งใจทำอีกฝ่ายตื่นตัวเสียมากกว่า” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนไม่พอใจ ในมุมมองของเขา ทั้ง ๆ ที่มีวิธีในการจับตัวนักทำนายชะตาที่ดีกว่านั
“ลั่วชิงยวน!” “ลงไปเดี๋ยวนี้!” ลั่วชิงยวนกำลังจะเอ่ยปาก แต่มีเสียงเย็น ๆ และตกใจเล็กน้อยแทรกเข้ามาก่อน… “ชิงยวน เสด็จพี่…” ลั่วชิงยวนชะงัก นางเงยหน้า เห็นลั่วอวิ๋นโจวกำลังเดินมาทางนี้ มองดูท่าของพวกเขาทั้งสอง สีหน้าของเขาเก้กังเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบหันหน้าไป ฟู่เฉินหวนเพียงได้ยินเสียงก็รู้ได้ว่าเป็นใคร น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมลง “ยังไม่ลุกอีก!” ลั่วชิงยวนยันร่างที่เจ็บปวดลุกขึ้น ฟู่เฉินหวนลุกขึ้นตามทันทีเช่นกัน ฟู่อวิ๋นโจวจึงหันร่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “เสด็จพี่ ชิงยวน พวกท่านมิเป็นไรกันใช่ไหม?” คิ้วของฟู่เฉินหวนขมวดเล็กน้อย เขาตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” “ข้ามาหานักทำนายชะตาท่านนั้น ข้าได้ยินว่าเขาอาศัยที่นี่ แต่…” ฟู่อวิ๋นโจวมองไปทางบ้านที่กำลังลุกไหม้อยู่เบื้องหลังพวกเขาอย่างไม่เข้าใจ “เจ้ามาได้มิถูกเวลานัก เขาไม่อยู่แล้ว” น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนนิ่งเรียบ พูดจบเขาก็ก้าวขาจากไป ขณะนี้เอง หัวของฟู่เฉินหวนรู้สึกหนักอึ้ง และล้มลงที่พื้นอย่างแรง “เสด็จพี่!” ฟู่อวิ๋นโจวร้องตะโกนด้วยใบหน้าซีดเผือด แต่ลั่วชิงยวนกลับพยุงฟู่เฉินหวนไว้อย่างไหวพ
ฟู่อวิ๋นโจวฟังออกว่านางกำลังล้อเล่น แต่กลับอดยิ้มมิได้ “งั้นข้าต้องหาวิธีหาตัวเขาใหม่” “ก่อนหน้านี้ที่ข้าสืบข่าวเขา ได้ยินว่าเขามีบ้านที่นอกเมืองด้วย ที่นี่ถูกเผา เขาอาจย้ายไปอยู่ที่บ้านนอกเมือง ถึงเวลาเจ้าค่อยไปทำนายกับเขา” ฟู่อวิ๋นโจวพูดอย่างใจดี ดวงตาของลั่วชิงยวนเป็นประกายขึ้นมาในทันที มีบ้านนอกเมืองงั้นหรือ? เจ้านี่อาจหลบไปที่นอกเมืองจริง ๆ ! “นอกเมืองที่ใดหรือเพคะ? ท่านบอกที่อยู่หม่อมฉันเถิด หม่อมฉันจะรีบไปหาเขา!” หากรีบไป บางทีอาจจับตัวเจ้านั่นได้! เพื่อสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำร้ายท่านมหาราชครูให้เจอ! ฟู่อวิ๋นโจวไตร่ตรอง ส่ายหัวทีหนึ่ง “เรื่องนี้ข้าจำมิค่อยได้แล้ว ที่อยู่ค่อนข้างเปลี่ยวลับ เดี๋ยวข้ากลับตำหนักไปดูอีกที” “เพคะขอบพระคุณท่านมาก!” “ระหว่างเรา มิต้องกล่าวขอบคุณหรอก” เมื่อกลับถึงตำหนักอ๋อง ซูโหยวรีบเดินมาช่วยแบกฟู่เฉินหวนเข้าไปในห้อง ลั่วชิงยวนกำลังจะก้าวเข้าห้อง ร่างข้าง ๆ กลับตะครุบเข้าไปก่อน ตามด้วยเสียงร้อนใจ “ท่านอ๋อง…” ลั่วเยวี่ยอิงตะครุบไปบนเตียง และร้องไห้ขึ้นมา “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไปเพคะ? เหตุใดจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้…” เวลานี้ ห
ทันทีที่ออกจากตำหนัก ลั่วชิงยวนก็เช่ารถม้าคันหนึ่งและไปตามที่อยู่ที่ฟู่อวิ๋นโจวให้มาทันที เพราะนางมิคุ้นเคยกับเส้นทาง ดังนั้นเมื่อออกจากตำหนักนางหาอยู่นานมาก จึงยืนยันตำแหน่งได้ ตำแหน่งของนักทำนายชะตาคนนั้นเปลี่ยวร้างมาก รถม้าเข้าไปมิได้ นางจึงได้แต่ลงจากรถม้าและเดินเข้าไปเอง เดินผ่านผืนป่า เห็นบ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังป่าไผ่ บรรยากาศที่นั่นเงียบสงบ ภายในเรือนยังมีเสียงตัดฟืนส่งมา ดูท่านักทำนายชะตาคนนั้นจะอยู่ที่นี่! ในใจของลั่วชิงยวนรู้สึกดีใจ นางรีบวิ่งเข้าไปทันที ขอเพียงแค่เขายังอยู่ ไม่ถูกใครฆ่าปิดปากไปเสียก่อน! แต่แล้วนางไม่รู้ ฟู่เฉินหวนเองก็ตามนางมาจนถึงที่นี่ และอยู่หลังนางในทิศไม่ไกล! เอี๊ยด… ลั่วชิงยวนผลักประตูบ้านออก นักทำนายชะตาที่กำลังตัดฟืนเพื่อเตรียมต้มยาเงยหน้ามองทีหนึ่ง และตกใจจนใบหน้าถอดสีทันที “ทำไมจึงเป็นเจ้า? เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร?” ลั่วชิงยวนเดินขึ้นหน้าอย่างไว พร้อมกับปิดประตูลงทันที นางถามเอ่ยเสียงเย็น “หว่างคิ้วของเจ้าก่อเป็นลางมรณะแล้ว เจ้าเองก็ดูดวงเป็น คงรู้สึกได้ว่าตนเองกำลังจะเจอเรื่องเลวร้ายแล้วใช่หรือไม่เล่า?” ลั่วชิวยวนรู้ว่าต
สายตาของลั่วชิงยวนครบกริบ นางดึงคอเสื้อของนักทำนายชะตาไว้ “เห็นหรือยัง! ต่อให้เจ้าใส่ร้ายข้า คนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี!” วางแผนถึงตัวนางงั้นหรือ? นางจักต้องถามออกมาให้ได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร! นักทำนายชะตามองแมลงที่ถูกทุบจนเละ ในใจของเขาสั่นคลอน แต่นัยน์ตากลับฉายแววเด็ดขาด “ตกในมือเจ้า จะมีจุดจบ ดี ๆ งั้นรึ?” สิ้นเสียง เขาก็กัดพิษที่ซ่อนไว้ในปากจนแตกทันที สายตาของลั่วชิงยวนเย็นลง รู้ตัวทันทีว่าเขาอยากกัดพิษฆ่าตัวตาย จึงเหวี่ยงหมัดเข้าไปอย่างแรง แรงเสียจนนักทำนายชะตาหน้าเบี้ยว ฟันหลุดไปสองซี่ ยาพิษเองก็หล่นออกจากปาก ฟู่เฉินหวนเห็นเข้า เขาขมวดคิ้วอย่างแรง การตอบสนองอันว่องไวนี้ มิเหมือนคุณหนูตระกูลชั้นสูงธรรมดาคนหนึ่ง นางโดนใส่ร้ายจึงอยากยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง หรือนางกำลังถือโอกาสแลกความเชื่อใจจากเขากันแน่? ลั่วชิงยวนหยิบเชือกมาเส้นหนึ่งมัดตัวนักทำนายชะตาไว้ พร้อมกับกล่าวเย็น ๆ “อย่าคิดจะตาย!” “ในเมื่อเจ้ามิยอมให้ความร่วมมือดี ๆ งั้นคงต้องให้เจ้าได้รับความทรมานหน่อยเสียแล้ว” นางผลักนักทำนายชะตาให้เดินออกไปทางด้านนอก จนมาถึงด้านหน้าฟู่เฉินหวน
ภายในห้องบรรทมอันโอ่อ่าฉินอี้เดินมาที่ข้างเตียงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลยามนี้เกาเหมียวเหมี่ยวได้ทำแผลและกินโอสถเรียบร้อยแล้ว แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นฉินอี้เดินมาหาด้วยใบหน้าฟกช้ำและเปื้อนเลือด เกาเหมียวเหมี่ยวจึงมองเขาด้วยความมิอยากเชื่อ“ท่านแพ้ลั่วชิงยวนรึ?”ฉินอี้ขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองบาดแผลของเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยความกังวลและพูดว่า “เหมียวเหมี่ยว บาดแผลเจ้าสาหัสมาก ช่วงสองวันนี้เจ้าควรพักผ่อนให้ดีก่อน อย่าเพิ่งเดินไปไหนมาไหนเลย”ทว่าเกาเหมียวเหมี่ยวกลับมิได้สนใจในความห่วงใยของฉินอี้นางจ้องมองฉินอี้ด้วยความโมโหแล้วยกฝ่ามือฟาดไปหนึ่งฉาดฉินอี้มิประหลาดใจแม้แต่น้อย แต่กลับมองเกาเหมียวเหมี่ยวด้วยสีหน้าจริงจังและเป็นห่วง“เหมียวเหมี่ยว...”เกาเหมียวเหมี่ยวโมโหมากจนเอามือฟาดเขาสองครั้งติดต่อกันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา “ขยะไร้ค่า! ขยะไร้ค่า!”“ท่านเป็นถึงองค์ชายผู้สูงส่ง แต่กลับถูกลั่วชิงยวนจัดการจนมีสภาพเช่นนี้ อับอายจนมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!”เกาเหมียวเหมี่ยวโกรธจนแทบอยากจะฉีกลั่วชิงยวนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยดวงตาของฉินอี้หรี่ลง แต่กลับมิได
แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสูสีวิชาฝ่ามือที่จู่โจมเข้ามาอย่างฉับพลันของลั่วชิงยวนทำให้ฉินอี้มิทันตั้งตัว เขาถูกรัวหมัดใส่อย่างต่อเนื่องจนลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมาการต่อสู้สิ้นจบลงในพริบตาเดียวหลายคนที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นมิชัด“เมื่อครู่เกิดกระไรขึ้น?”“ต่อสู้กันอยู่มิใช่หรือ? เหตุใดจู่ ๆ ฉินอี้ถึงแพ้ได้เล่า?”ลั่วชิงยวนมองฉินอี้ด้วยสายตาเย็นชา “ดูเหมือนวรยุทธ์ขององค์ชายใหญ่จะเป็นอย่างที่คนเขาลือกันนะเพคะ”เทียบกับคนทั่วไปแล้ว วรยุทธ์ของฉินอี้ก็ถือว่ามิได้อ่อนด้อยเลยแต่สำหรับคนที่เป็นถึงองค์ชายนั้นช่างดูอ่อนแอนักเมื่อครู่ที่ลั่วชิงยวนลองทดสอบ ดูเหมือนว่าเขายังคงมีทักษะวรยุทธ์แบบเดียวกับที่เคยเรียนมาเมื่อก่อน และมิได้มีความก้าวหน้ามากนักเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรหากฉินอี้เพียรพยายามมากกว่านี้ ผลลัพธ์ก็คงมิเป็นเช่นนี้ฉินอีจ้องนางด้วยโทสะ ดูเหมือนจะเจ็บใจที่วรยุทธ์ของตนอ่อนด้อยเกินไป ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างยิ่งบาดหูมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันพลางกำหมัดแน่น และพุ่งเข้าหาลั่วชิงยวนอย่างดุร้ายเขามิยอมพ่ายแพ้เช่นนี้หรอกแต่เขากลับมิสามารถเอาชนะลั่วชิงย
ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ
หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ
เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห
“โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา
ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม
“สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน
“ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร