แชร์

บทที่ 134

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เขาร้องตะโกนทีหนึ่ง

ลั่วไห่ผิงตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

คนใช้สีหน้าซีดเทา ใต้ตาดำมืด ดวงตาคู่นั้นขาวโพลนราวกับปลาตาย มองแล้วดูน่ากลัวนัก

“เจ้าเดินไม่มีเสียงงั้นหรือ? บังอาจเสียจริง!“ ลั่วไห่ผิงสงบจิตใจ เขาที่เป็นท่านอัครมหาเสนาบดี ตกใจบ่าวคนหนึ่งถึงขั้นนี้ หากคนอื่นรู้เข้าคงเสียหน้าแย่!

เขาสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยน้ำโห

ทันทีที่เขาจากไป หัวของบ่าวผู้นั้นก็บิดหันอย่างแข็งทื่อ ดวงตาราวกับปลาตายคู่นั้นจ้องไปที่เขา

“มองบ้าอะไร?” ลั่วไห่ผิงโมโห

วินาทีต่อมา มือที่ขาวซีดคู่หนึ่ง ยกบีบมาที่เขาฉับพลัน และตะครุบลั่วไห่ผิงจนล้มนอนบนพื้น

ลั่วไห่ผิงเดินออกจากเรือนได้ไม่นาน ลั่วชิงยวนก็ได้ยินเสียงตะโกนตกใจทันที หว่างคิ้วของนางกระตุก “ท่านปู่ ข้าไปตรวจดูเสียก่อน”

ท่านมหาราชครูลั่งพยักหน้า จากนั่นหยิบภาพวาดไร้หน้าผืนนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง

ลั่วชิงยวนเดินไปตามเสียง แม้จะไม่มีเสียงตะโกนแล้ว แต่นางกลับสามารถได้ยินเสียงต่อสู้

เมื่อเหยียบที่เรือนเปลี่ยวร้าง ลั่วชิงยวนสามารถรับรู้ถึงพลังวิญญาณชั่วร้ายอย่างชัดเจน นางกวาดล้างสิ่งอัปมงคลของจวนมหาราชครูไปจนสิ้นแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดที่นี่…

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 135

    ลั่วหรงโน้มตัวมองดูศพบนพื้นอย่างตั้งใจ พร้อมกล่าว “เขามิใช่คนใช้ในจวนของเรา แต่เป็นคนใช้ชั่วคราว ที่รับมาเพื่อจัดงานฉลองของท่านพ่อ เข้ามาในจวนได้เพียงห้าวัน!” “เพียงแต่ใบหน้าของเขาตอนนั้น… ยังมิได้น่ากลัวเช่นนี้…” ลั่วหรงรู้สึกขนลุก คนผู้นี้ตายในจวนตั้งแต่เมื่อใดกัน… หรือว่า ที่เข้ามาในจวนมันไม่ใช่คนตั้งแต่แรก… “ผู้ใดบ้างที่รับเข้ามาชั่วคราว? รวมตัวพวกเขา แล้วควบคุมตัวไว้ทันที!” ลั่วชิงยวนรู้สึกเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ดูท่าเรื่องธงอัญเชิญวิญญาณเมื่อครั้งที่แล้ว จะยังไม่จบ! คนใช้ถูกควบคุมตัวไว้อย่างรวดเร็ว แม้ทุกคนจะลืมตาอยู่ แต่สีหน้าซีดเผือด ลูกตานูนขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าไร้ซึ่งกลิ่นไอชีวิต ทำนางรับใช้ตกใจกันไม่น้อย ลั่วชิงยวนสั่งให้คนนำเชือกมามัดตัวพวกเขาไว้ ในปากของพวกเขาต่างถูกยัดด้วยกระดาษยันต์ เพื่อยืนยันว่า จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงซากศพที่เดินได้ ไม่สามารถต่อสู้ได้ ดูท่าคนที่โจมตีลั่วไห่ผิงเมื่อครู่ จะเผลอแสดงอาการก่อน แต่แล้วเมื่อนับจำนวนคน ผู้ดูแลกลับบอก “ยังขาดอากุ้ยอีกคนหนึ่ง!” “อากุ้ยไปไหนแล้ว? ใครเห็นบ้างว่านางไปไหน?” ลั่วหรงถามอย่างร้อนรน นางรับ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 136

    ระหว่างทางไปปีกตะวันตก ฟู่เฉินหวนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ มีร่างบางร่างปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ร่างนั้นส่ายไปมาเขาขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นโบก แต่มันก็หายไปอีกแต่เมื่อเขาเริ่มก้าวเท้า มันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ร่างสองสามร่างเหล่านั้นมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็พร่ามัว และร่างที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ดูเหมือนจะเป็น... ท่านมหาราชครูลั่ว?เขารีบตามชายผู้นั้นไป แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง สายตาของเขากลับพร่ามัวเขาหยุดเดินดูคล้ายกับเสียงของมหาราชครูลั่วยังดังก้องในหูเขา และร่างที่พร่ามัวตรงหน้าก็มองกลับมาที่เขาด้วย“เฉินหวน มานี่สิ ท่านไปยืนทำไมอยู่ตรงนั้น?”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ข้ามาแล้ว”เขาส่ายหน้าอย่างแรงและเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วฟู่เฉินหวนไม่รู้ตัวเลยว่าในขณะนี้เขาเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของปีกตะวันตกแล้ว………ลั่วชิงยวนรีบไปที่ปีกตะวันตกเกือบจะในทันที ก่อนจะบุกเข้าไปด้านในโดยไม่เคาะประตู “พี่หญิงหลางหลาง!”เมื่อเปิดประตูเข้าไป นางก็เห็นลั่วหลางหลางนอนอยู่บนเตียง!สีหน้าของนางแปลเปลี่ยนไปอย่างมาก หรือว่านางจะมาสายเกินไป?!หัวใจของนางหล่นไปที่ตาตุ่ม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 137

    ฟู่เฉินหวนอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสไม่มีเรี่ยวแรงโต้กลับ เขาถูกนางเตะอย่างแรงจนไม่อาจต้านทานไหวลั่วชิงยวนรู้ดีแก่ใจว่า ฟู่เฉินหวนไม่มีทางจะมาที่เรือนของลั่วหลางหลางด้วยความตั้งใจของเขาเองยิ่งไปกว่านั้น สีหน้าของเขาก็ดูไม่ปกติอีกด้วยนี่คงถูกใครสักคนจัดฉากอย่างแน่นอนถึงอย่างนั้นนางก็ยังด่าทอเขาอยู่ดี! โอกาสทองเช่นนี้ใช่จะมาหานางบ่อย ๆ!ฟู่เฉินหวนโกรธจนอดไม่ได้ที่จะตอบโต้ เขาคว้าข้อมือของลั่วชิงยวนเอาไว้ ก่อนพลิกตัวนางแล้วกดนางลงกับเตียง“ลั่วชิงยวน! เจ้าจะพอได้หรือยัง?”ลั่วชิงยวนพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการได้ นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่มีเส้นเลือดปูดโปน อีกทั้งดวงตาของเขาก็ดูดุร้ายนัก“ปล่อยข้านะ!” ลั่วชิงยวนโกรธและไม่ยอมแพ้ นางยังยกขาขึ้นและกดมันลงไปที่บริเวณตรงกลางระหว่างขาของฟู่เฉินหวนอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากขู่ "ท่านอ๋อง หากท่านไม่ปล่อย เช่นนั้นหม่อมฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”นางจะใช้เตะนี้เล่นงานเขาจริง ๆ ด้วย!ฟู่เฉินหวนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธ ความเจ็บปวดสาหัสทำให้เขากัดฟันแน่น "ลั่วชิงยวน ถ้าเจ้าอยากตายก็ลองขยับดูสิ!"ขณะนี้ทั้งสองต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 138

    ใบหน้าของฟู่เฉินหวนหม่นลงหลังจากได้ยินสิ่งนี้“ท่านอ๋อง เชิญนั่งเถิดเพคะ” ลั่วชิงยวนสวมรองเท้าเสร็จแล้ว จึงจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ นั่งที่โต๊ะก่อนผายมือเป็นท่าทางเชิญชวนฟู่เฉินหวนจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมอยู่ให้เป็นระเบียบและนั่งลงด้วยสีหน้าเศร้าหมองทันทีที่เขานั่งลง เขาก็เห็นลั่วชิงยวนดึงเข็มออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ นางยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยว่า "ท่านอ๋อง ใบหน้าของท่านดูไม่ดีเลย ท่านจำเป็นต้องได้รับการฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการบัดเดี๋ยวนี้เพคะ"ดวงตาของฟู่เฉินหวนเย็นชา แม้ว่าเขาจะนึกลังเล แต่ก็ยังยอมยื่นมือออกไปลั่วชิงยวนหยิบเข็มออกมา แทงเข็มลงบนข้อมือของฟู่เฉินหวนหลายจุด ทำให้ฤทธิ์ของยาที่ฟู่เฉินหวนได้รับบรรเทาลงเล็กน้อยรังสีสังหารในดวงตาของเขาหายไปอย่างรวดเร็วมาก แต่เส้นเลือดยังคงปูดโปนไม่หายเดาว่านี่อาจเป็นความเจ็บปวดของการถูกนางเตะผ่าหมาก…ท้ายที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเบาใจขึ้นเป็นอย่างมากลั่วหรงรีบไปยังเรือนปีกตะวันตกอย่างกังวล นางได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ตะโกนดังออกมาว่า ท่านอ๋องเมามายและรีบวิ่งเข้าไปในเรือนปีกตะวันตก นั่นทำให้หัวใจของนางตกไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 139

    “และเหตุใดท่านถึงได้กล่าวว่า ท่านอ๋องรีบเร่งเข้ามาในเรือนทางปีกตะวันตกอย่างบ้าคลั่งด้วยล่ะ?” คนอื่นถามขึ้นอีกใบหน้าของฟู่เฉินหวนมืดมนและเขาพูดอย่างเย็นชา "พวกท่านอยากเข้ามาทานอาหารด้วยกันก่อนหรือไม่?"คำพูดนี้มีความหมายว่า เขาไม่ชอบให้คนอื่น ๆ พูดจาอะไรให้มากความทุกคนมองดูท่านอ๋องที่ดูคล้ายกำลังจะเสียสติ ใบหน้าของเขามืดมน และดูเหมือนใกล้จะกินหัวใครสักคนเข้าแล้ว“แค่เรื่องเข้าใจผิดนี่เอง เอาล่ะ เอาล่ะ! อย่าได้รบกวนท่านอ๋องและพระชายาจากมื้ออาหารของพวกเขาเลย!”เมื่อประโยคนั้นจบลง หลายต่อหลายคนก็ก้าวออกจากห้องไป“ข้าก็นึกว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น แต่กลายเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”ผู้คนเริ่มจากไปทีละคนเมื่อเห็นว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับลั่วหลางหลาง ลั่วหรงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ก่อนรีบส่งแขกให้กลับไปยังพื้นที่จัดงานฉลองที่ลานในจวนหลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว ลั่วหรงก็กลับมา "ชิงยวน หลางหลาง..." ลั่วชิงยวนรีบเดินไปที่ด้านหลังเตียง แล้วพยุงลั่วหลางหลางออกมานอนบนเตียงดังเดิมเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของลั่วหลางหลาง ลั่วอวิ๋นสี่ก็วิตกกังวลอย่างหนักและจ้องมองไปที่ลั่วชิงยวน "พี่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 140

    “ในจวนของท่านมีที่ใดบ้างที่ชื้นแฉะอยู่ตลอดเวลา?” ลั่วชิงยวนถามอย่างรวดเร็วลั่วหรงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามเพราะเหตุใด แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตอบออกไปว่า "ด้านทิศเหนือของจวนเป็นพื้นที่ป่าไผ่ มีน้ำตกเล็ก ๆ และลำธารอยู่ที่นั่น พื้นที่บริเวณนั้นจึงชื้นแฉะอยู่ตลอดเวลา อวิ๋นสี่เคยพักอยู่ที่เรือนแถวนั้น หลังจากย้ายออกไป แถวนั้นก็ว่างเปล่า”ทันทีที่นางพูดจบ ลั่วชิงยวนก็เห็นว่าสีหน้าของหลินอวี้เวยเปลี่ยนไปดวงตาของลั่วชิงยวนเป็นประกาย นางยกยิ้มมุมปาก "อย่างนี้นี่เอง!"ลั่วหรงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ ลั่วชิงยวนถึงอยากไปพื้นที่ในบริเวณนั้น นางจึงได้แต่นำทางลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนไปยังป่าไผ่แห่งนั้นด้วยตนเองบริเวณป่าไผ่ทางทิศเหนือของจวนมหาราชครูแทบไม่มีคนย่างกรายเข้ามาเลย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันเงียบสงบที่สุดในจวน เมื่อเปิดประตูสวนเข้าไป ก็ปรากฏรอยเท้าให้เห็นอยู่ทั่วลั่วหรงขมวดคิ้ว “ที่นี่ไม่มีใครอยู่อาศัยมาตั้งนานแล้ว ใครกันที่เข้ามาที่นี่?”“หลินอวี้เวย” ลั่วชิงยวนพูด เมื่อสังเกตจากรอยเท้าบนพื้นมันดูใกล้เคียงกับรอยเท้าของหลินอวี้เวย ดังนั้นจึงน่าจะเป็นนาง“เจ้ารู้ไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 141

    เมื่อได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของหลิ่วจิ้นแล้ว ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเย้ยหยันในใจจนถึงตอนนี้หลินอวี้เวยก็ยังไม่คิดจะสารภาพ และถึงกับยอมเสี่ยงซ่อนตัวหลิ่วจิ้นไว้ในจวนมหาราชครูซึ่งเป็นผลให้ชายผู้นี้หันกลับมาแว้งกัดนางหลินอวี้เวยเสียเองยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลินอวี้เวยถูกผิดเช่นไร เพียงเมื่อได้เห็นเช่นนี้แล้วนางก็รู้สึกว่าหลินอวี้เวยช่างน่าสมเพชเสียจริง“นางฝังอะไรไว้ที่ใดเล่า?” ลั่วหรงถามทันทีหลิ่วจิ้นยืนขึ้นและชี้ไปที่น้ำตก "ตรงนั้นขอรับ!"เขาเดินไปข้างหน้าลั่วชิงยวนมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำตกได้ในเสี้ยววินาที และทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายนางก้าวไปข้างหน้าและหยิบของออกมาจากใต้ม่านน้ำตกนั้น“นี่มัน…” ลั่วหรงมองดูสิ่งนี้อย่างคุ้นเคย“ธงชี้นำศพ” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาเล็กน้อย “ไม่แปลกใจแล้วที่วันนี้จวนมหาราชครูจะมีผีดิบพวกนั้นอยู่ ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะกลายเป็นผีดิบอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะเข้ามาในจวน”“เพราะมีธงชี้นำศพซ่อนอยู่ในบ้าน พวกมันจึงสามารถปลอมแปลงเป็นคนธรรมดาได้ เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแผนการชั่วร้ายเล็ก ๆ อีกแล้ว”หากในวันนี้พวกเขาไม่อาจค้นพบได้ทันเวลา ผีดิบเหล่าน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 142

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "นี่ท่านสงสัยว่าตัวข้าฆ่าคนปิดปากอย่างนั้นหรือ?"ฟู่เฉินหวนมองไปทางอื่นและไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเขาได้บอกทุกอย่างไว้แล้วลั่วชิงยวนอยากจะอธิบาย แต่เธอก็รู้สึกเหนื่อยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดที่รู้อะไรมากเกินไปฟู่เฉินหวนรู้สึกกังขาในเรื่องนี้จริง ๆ นั่นก็เพราะลั่วชิงยวนเป็นคนสัมผัสกับธงชี้นำศพ และนางก็เป็นคนที่สัมผัสร่างกายของหลิ่วจิ้นด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาสงสัยว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ลั่วชิงยวนและตระกูลเหยียนนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออกลั่วหรงดูเคร่งขรึมและเอ่ยขึ้นว่า "ตอนนี้เราทำได้เพียงไปสอบปากคำหลินอวี้เวยเท่านั้น"ลั่วหรงจัดให้มีคนคอยจับตาดูร่างของหลิ่วจิ้นเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสามจะออกจากป่าไผ่หลังจวนไปอย่างรวดเร็วเรือนปีกตะวันตก ลั่วอวิ๋นสี่กำลังทุบตีหลินอวี้เวยเพื่อบังคับให้นางสารภาพอยู่ แต่แม้จะใช้แส้เฆี่ยนตีหลินอวี้เวยจนตาย หลินอวี้เวยก็ยังไม่ปริปาก“นังสารเลว! เราปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี กลับกลายเป็นว่า เจ้าวางแผนทำร้ายพี่หญิงของข้าเสียเอง! ข้าหลงนึกว่าเจ้ารักและเอ็นดูพี่สาวของข้ามากแต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าอยากใ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1099

    ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1098

    ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1097

    “พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

DMCA.com Protection Status