Share

บทที่ 140

Author: หว่านชิงอิ๋น
“ในจวนของท่านมีที่ใดบ้างที่ชื้นแฉะอยู่ตลอดเวลา?” ลั่วชิงยวนถามอย่างรวดเร็ว

ลั่วหรงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามเพราะเหตุใด แต่หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ตอบออกไปว่า "ด้านทิศเหนือของจวนเป็นพื้นที่ป่าไผ่ มีน้ำตกเล็ก ๆ และลำธารอยู่ที่นั่น พื้นที่บริเวณนั้นจึงชื้นแฉะอยู่ตลอดเวลา อวิ๋นสี่เคยพักอยู่ที่เรือนแถวนั้น หลังจากย้ายออกไป แถวนั้นก็ว่างเปล่า”

ทันทีที่นางพูดจบ ลั่วชิงยวนก็เห็นว่าสีหน้าของหลินอวี้เวยเปลี่ยนไป

ดวงตาของลั่วชิงยวนเป็นประกาย นางยกยิ้มมุมปาก "อย่างนี้นี่เอง!"

ลั่วหรงรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ ๆ ลั่วชิงยวนถึงอยากไปพื้นที่ในบริเวณนั้น นางจึงได้แต่นำทางลั่วชิงยวนและฟู่เฉินหวนไปยังป่าไผ่แห่งนั้นด้วยตนเอง

บริเวณป่าไผ่ทางทิศเหนือของจวนมหาราชครูแทบไม่มีคนย่างกรายเข้ามาเลย เรียกได้ว่าเป็นสถานที่อันเงียบสงบที่สุดในจวน

เมื่อเปิดประตูสวนเข้าไป ก็ปรากฏรอยเท้าให้เห็นอยู่ทั่ว

ลั่วหรงขมวดคิ้ว “ที่นี่ไม่มีใครอยู่อาศัยมาตั้งนานแล้ว ใครกันที่เข้ามาที่นี่?”

“หลินอวี้เวย” ลั่วชิงยวนพูด เมื่อสังเกตจากรอยเท้าบนพื้นมันดูใกล้เคียงกับรอยเท้าของหลินอวี้เวย ดังนั้นจึงน่าจะเป็นนาง

“เจ้ารู้ไ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 141

    เมื่อได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของหลิ่วจิ้นแล้ว ลั่วชิงยวนก็รู้สึกเย้ยหยันในใจจนถึงตอนนี้หลินอวี้เวยก็ยังไม่คิดจะสารภาพ และถึงกับยอมเสี่ยงซ่อนตัวหลิ่วจิ้นไว้ในจวนมหาราชครูซึ่งเป็นผลให้ชายผู้นี้หันกลับมาแว้งกัดนางหลินอวี้เวยเสียเองยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลินอวี้เวยถูกผิดเช่นไร เพียงเมื่อได้เห็นเช่นนี้แล้วนางก็รู้สึกว่าหลินอวี้เวยช่างน่าสมเพชเสียจริง“นางฝังอะไรไว้ที่ใดเล่า?” ลั่วหรงถามทันทีหลิ่วจิ้นยืนขึ้นและชี้ไปที่น้ำตก "ตรงนั้นขอรับ!"เขาเดินไปข้างหน้าลั่วชิงยวนมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำตกได้ในเสี้ยววินาที และทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกายนางก้าวไปข้างหน้าและหยิบของออกมาจากใต้ม่านน้ำตกนั้น“นี่มัน…” ลั่วหรงมองดูสิ่งนี้อย่างคุ้นเคย“ธงชี้นำศพ” น้ำเสียงของลั่วชิงยวนเย็นชาเล็กน้อย “ไม่แปลกใจแล้วที่วันนี้จวนมหาราชครูจะมีผีดิบพวกนั้นอยู่ ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะกลายเป็นผีดิบอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะเข้ามาในจวน”“เพราะมีธงชี้นำศพซ่อนอยู่ในบ้าน พวกมันจึงสามารถปลอมแปลงเป็นคนธรรมดาได้ เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแผนการชั่วร้ายเล็ก ๆ อีกแล้ว”หากในวันนี้พวกเขาไม่อาจค้นพบได้ทันเวลา ผีดิบเหล่าน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 142

    ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว "นี่ท่านสงสัยว่าตัวข้าฆ่าคนปิดปากอย่างนั้นหรือ?"ฟู่เฉินหวนมองไปทางอื่นและไม่ได้ตอบอะไร แต่สีหน้าของเขาได้บอกทุกอย่างไว้แล้วลั่วชิงยวนอยากจะอธิบาย แต่เธอก็รู้สึกเหนื่อยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดที่รู้อะไรมากเกินไปฟู่เฉินหวนรู้สึกกังขาในเรื่องนี้จริง ๆ นั่นก็เพราะลั่วชิงยวนเป็นคนสัมผัสกับธงชี้นำศพ และนางก็เป็นคนที่สัมผัสร่างกายของหลิ่วจิ้นด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาสงสัยว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ลั่วชิงยวนและตระกูลเหยียนนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออกลั่วหรงดูเคร่งขรึมและเอ่ยขึ้นว่า "ตอนนี้เราทำได้เพียงไปสอบปากคำหลินอวี้เวยเท่านั้น"ลั่วหรงจัดให้มีคนคอยจับตาดูร่างของหลิ่วจิ้นเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสามจะออกจากป่าไผ่หลังจวนไปอย่างรวดเร็วเรือนปีกตะวันตก ลั่วอวิ๋นสี่กำลังทุบตีหลินอวี้เวยเพื่อบังคับให้นางสารภาพอยู่ แต่แม้จะใช้แส้เฆี่ยนตีหลินอวี้เวยจนตาย หลินอวี้เวยก็ยังไม่ปริปาก“นังสารเลว! เราปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี กลับกลายเป็นว่า เจ้าวางแผนทำร้ายพี่หญิงของข้าเสียเอง! ข้าหลงนึกว่าเจ้ารักและเอ็นดูพี่สาวของข้ามากแต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าอยากใ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 143

    ดวงตาของนางยังคงเบิกกว้าง ลำคอบวมแดงปูดโปน เห็นได้ชัดว่า นางกำลังพยายามกุมลำคอของตัวเอง แต่ทำไม่ได้ เพราะนางถูกมัดอยู่และจึงร่วงหล่นลงกับพื้น“นางตายด้วยอาการแบบเดียวกันกับหลิ่วจิ้น” ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนใช้ปลายนิ้วสัมผัสลงลำคอของหลินอวี้เวยแล้วกดเบา ๆ ก่อนที่หนอนสีดำจะคลานออกมาจากปากของหลินอวี้เวยฟู่เฉินหวนแทงหนอนตัวนั้นด้วยกริชของเขามันเป็นแมลงกู่เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้วจากนั้น ลั่วชิงยวนก็ได้รับสายตาที่เย็นชาและสายตาสงสัยจากฟู่เฉินหวนอีกระลอกลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืนทันที "ไยท่านอ๋องถึงมองหม่อมฉันเช่นนี้ทุกที? หากท่านสงสัยว่าเป็นฝีมือหม่อมฉัน ก็หาหลักฐานมาสิเพคะ!"ดวงตาของฟู่เฉินหวนจ้องไปที่หลินอวี้เวยอีกครั้ง คิ้วของเขาขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิด “ถ้าข้ามีหลักฐาน คอเจ้าคงหลุดจากบ่าไปแล้ว”ลั่วชิงยวนโกรธมากและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เอาสิ หม่อมฉันจะรอให้ท่านอ๋องหาหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นฝีมือหม่อมฉัน!"ลั่วหรงได้ยินเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็แค่ถกเถียงกันเท่านั้น นางจึงไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรจริงจังลั่วอวิ๋นสี่ที่คอยรับฟังอยู่ข้าง ๆ รีบวิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของลั่วชิงยวนเอาไว้ แล้ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 144

    “โอสถคันธ์หยดน้ำค้าง!” ลูกกลอนหอมรัญจวนทันทีที่นางพูดเช่นนั้น ฟู่เฉินหวนและลั่วหรงก็ขมวดคิ้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเมื่อลั่วชิงยวนเห็นท่าทางสับสนของพวกเขา ก็กลับมาตั้งสติได้และอธิบายออกไป"โอสถคันธ์หยดน้ำค้าง เป็นโอสถที่ใช้คู่กับการเลี้ยงแมลงกู่ หากใครกินโอสถนี้เข้าไป เมื่อพวกเขาปล่อยแมลงกู่ออกมา แมลงกู่พวกนั้นจะชอนไชเข้าไปในร่างกายของคนผู้นั้นเพื่อเข้าไปกินโอสถที่อยู่ภายใน ทั้งยังทำลายผิวหนังและเนื้อของคนผู้นั้น จนทำให้ถึงแก่ความตาย"ฟู่เฉินหวนมองนางหน้านิ่ง “ทำไมเจ้าถึงรู้อะไรมากมายนัก?”แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องของวิชาแมลงกู่มาก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรเช่นนี้ เหตุใด ลั่วชิงยวนจึงรู้รายละเอียดมากมายนักลั่วชิงยวนรู้ว่าฟู่เฉินหวนจะต้องสงสัย ดังนั้นนางจึงตอบอย่างใจเย็น "ข้าเคยพบมันในตำรา กลิ่นและพิษชนิดนี้เหมือนกับที่ถูกจารึกไว้ในตำรานั้นทุกประการ นั้นเพราะข้าก็เห็นแมลงภู่กับตาตัวเองแล้วด้วย"ลั่วหรงไม่นึกกังขา หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า "ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งวางแผนการและวางกับดักไว้เสียใหญ่โต พวกเขาได้เตรียมการไว้เผื่อกรณีนี้ล่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 145

    ลั่วชิงยวนสับสนเป็นอย่างมาก เหตุกบฏในวังหลวงหมายความว่าอย่างไร?นางเคยป่วยและความจำเสื่อมมาก่อน จึงลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น นางไม่อาจจำความหมายของคำเหล่านี้ได้แน่นอนว่าตอนนี้นางย่อมรู้สึกสับสนในขณะที่กำลังสับสน ฟู่เฉินหวนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เรื่องนี้เป็นความลับอย่างยิ่ง ยิ่งปล่อยให้คนรู้มากเท่าไรเราก็ยิ่งปลอดภัยน้อยลงเท่านั้น พระชายาออกไปก่อนเถิด"ลั่วชิงยวนมองฟู่เฉินหวนอย่างไม่เข้าใจ แม้จะเห็นท่าทีแสร้งเป็นมิตรของเขา แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวังและความสงสัยอย่างชัดเจน!ราชครูลั่วเหลือบมองนางแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านอ๋องพูดถูกแล้ว เรื่องเก่าเช่นนี้ไม่เหมาะจะพูด ข้าไม่ได้คิดให้ดีเอง ชิงยวน เจ้าไปดูแลหลางหลางก่อนเถิด"ราชครูลั่วมีสีหน้ากังวลอย่างหนัก นั่นเพราะเขาเองก็กังวลว่าลั่วชิงยวนจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จึงไม่ยอมให้นางอยู่ฟัง หากป้องกันเอาไว้เสียจะดีกว่าแก้แต่ฟู่เฉินหวนใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และจงใจขับไล่นางออกไป!ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับปาก "เจ้าค่ะ"จากนั้นนางก็ออกจากห้องไปแต่ที่เรือนปีกตะวันตกมีลั่วอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 146

    แต่ลั่วชิงยวนก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตบดีนางอีกนางยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือของลั่วไห่ผิงเอาไว้แน่นนางมองลั่วไห่ผิงด้วยสายตาคมกริบเชือดเฉือนและเอ่ยวาจาเด็ดขาดเพื่อข่มขู่ว่า “ท่านพ่อ ข้าหวังว่าท่านคงยังไม่ลืมว่ามหาราชครูลั่วบอกอะไรท่านไว้”“ถึงแม้ข้าจะเป็นบุตรีของท่าน แต่ว่าตอนนี้ข้าก็เป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะมาลงโทษข้าอีกต่อไป! ก่อนที่จะลงมือคิดให้ดีก่อนเถิดว่า ท่านกำลังจะตบตีบุตรี หรือว่าชายาอ๋องกันแน่?”นางพูดอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนปล่อยมือของลั่วไห่ผิงเมื่อคิดถึงสิ่งที่ท่านอารองได้กล่าวเตือนเขาไว้ ลั่วไห่ผิงก็เก็บกลั้นโทสะเอาไว้ เขากำหมัดแน่นไว้ด้านหลัง และไม่กล้าลงมืออีกลั่วเยวี่ยอิงนั้นโมโหจนกัดฟันแน่น นางสารเลวลั่วชิงยวนตอนนี้ไต่เต้าพึ่งพิงไม้ใหญ่ของจวนมหาราชครูได้แล้ว ตอนนี้แม้แต่บิดาก็ทำอะไรนางไม่ได้นางสารเลวผู้นี้ เหตุใดถึงได้มากเล่ห์นัก! นางหลอกลวงมหาราชครูลั่วและฮูหยินลั่วได้เช่นไรกันลั่วเยวี่ยอิงเกาะแขนลั่วไห่ผิง “ท่านพ่อ ไม่ต้องไปสนใจนาง เราไปหาท่านปู่รองดีกว่าเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่าลั่วเยวี่ยอิงเปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน ลั่วชิงยวนก็อดแค่นเสียงใส่ไม่ไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 147

    ลั่วหรงเดินออกมาแล้วคว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ สีหน้าของนางดูเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ นางพูดเสียงจริงจังว่า “ไปคุยกันที่เรือนข้า”……หลังจากที่นั่งลงในห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ลั่วหรงก็บอกว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีคำถามมากมาย แต่ข้าบอกเจ้าเรื่องปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตำหนักที่ท่านอ๋องบอกมาได้”“เรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามของในวังและเมืองนี้ เจ้าห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้ เจ้าต้องไม่พูดถึงเรื่องนี้นอกวังด้วย”แม้ลั่วชิงยวนจะรู้ว่าท่านอาลั่วหรงนั้นไม่อยากให้นางรู้เรื่องนี้ก็เพื่อประโยชน์ของนางเอง แต่นางก็ยิ่งอยากรู้เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกลัวว่าน่าจะเป็นฟู่เฉินหวนที่บอกท่านอาว่าไม่ให้บอกนาง และใช้ข้ออ้างว่าเป็นไปเพื่อผลดีต่อตัวนางเองลั่วชิงยวนไม่ได้บังคับฝืนใจ นางเพียงพยักหน้า “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม”“เพียงแต่ว่าท่านอาทราบหรือยังว่าใครกันที่เป็นหนอนบ่อนไส้? ในเมื่อคราวนี้แผนใหญ่ของมันผู้นั้นล้มเหลว ไม่แน่ว่าจะไม่ลงมือครั้งที่สอง”ลั่วหรงพูดเสียงเคร่งเครียด “เจ้าก็ได้เห็นความมีเกียรติของท่านปู่เจ้าแล้ว ตระกูลของเรามิเคยล่วงเกินใคร แม้ว่าเราอาจจะมีเรื่องมีราวกับบิดาของเจ้าแต่นั้นก็เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 148

    ก่อนที่แม่นมเติ้งจะทันพูดจบ ความกระวนกระวายร้อนใจของนางก็ทำให้ลั่วชิงยวนมีลางสังหรณ์ไม่ดี นางจึงรุดออกจากห้องไปที่เรือนของฟู่เฉินหวนนั้นมีองครักษ์เฝ้าอยู่มากมาย และมีคนโดนโยนออกมาจากห้องคนแล้วคนเล่า เสียงการต่อสู้ในห้องผสานกับเสียงร้องไห้อย่างหวาดกลัวของสตรีเมื่อลั่วชิงยวนมาถึง เซียวชูก็โดนฟู่เฉินหวนเตะออกมาพอดีเขาลอยลงกระแทกพื้นอย่างแรง“พระชายา ท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ” ซูโหยวรีบหยุดลั่วชิงยวนไว้ทันที ตอนนี้ท่านอ๋องนั้นอันตรายมาก เขาจึงไม่กล้าจะให้ลั่วชิงยวนเข้าไปใกล้“ถอยไปให้พ้น” ลั่วชิงยวนนิ่วหน้า ก่อนผลักซูโหยวให้พ้นทางแล้วพุ่งเข้าไปในห้อง“พระชายา” เมื่อซูโหยวกำลังจะตามทัน ลั่วชิงยวนก็ชิงปิดประตูและลั่นดาลไว้ก่อนตอนนั้นเองกลิ่นอายชั่วร้ายของฟู่เฉินหวนแผ่ผ่านดวงตาของเขา และมีรังสีมารสีแดงก่ำอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสองเขานั้นเกือบจะคลุ้มคลั่งเสียสติแล้ว แววตาเขาขุ่นมัวพร้อมแผ่กลิ่นอายสังหารออกมารอบกายเมื่อฟู่เฉินหวนเห็นนาง เขาก็พุ่งเข้าใส่นางทันทีโดยไม่ลังเลลั่วชิงยวนนั้นเตรียมตัวไว้แล้ว นางหลบทันทีพร้อมมีเข็มเงินอยู่ในมือ นางเอาเข็มนั้นปักเจ้าที่ด้านหลังคอของฟู่เฉินหวน

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1284

    ลั่วชิงยวนตกตะลึง อารมณ์ความรู้สึกของนางดำดิ่งเป็นไปตามที่นางคาดเดาเอาไว้ว่ามิเหลือแม้แต่ศพอย่างนั้นหรือ?“มิพบศพด้วยซ้ำ” อวี๋โหรวกล่าวเสียงขรึมดวงตาของลั่วชิงยวนหม่นลง ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะถูกกำจัดไปแล้วจริง ๆ ส่วนจะกำจัดอย่างไรและทิ้งไว้ที่ไหน บางทีอาจมีเพียงฆาตกรเท่านั้นที่รู้“น่าเสียดายจริง ๆ” ลั่วชิงยวนทอดถอนใจด้วยความเสียดายอวี๋โหรวจ้องนางด้วยสายตาจริงจังและพูดอย่างหนักแน่น “มิน่าเสียดายหรอก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นนางคนต่อไป!”ทันใดนั้น สายตาที่จริงจังของอวี๋โหรวก็ทำให้ลั่วชิงยวนรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลังและยังสงสัยด้วยว่าอวี๋โหรวจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าแม้แต่ศิษย์น้องหญิงก็จำนางมิได้ อีกทั้งอวี๋โหรวก็มิได้สนิทสนมกับนาง แล้วจะจำนางได้อย่างไรลั่วชิงยวนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าจะถือว่านั่นคือคำปลอบใจก็แล้วกัน”อวี๋โหรวพูดอย่างจริงจัง “ข้ามิได้ปลอบใจเจ้า ข้าพูดจริง”หลังจากนั้น อวี๋โหรวก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ทางข้ายังพอมียาอยู่บ้าง หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย”ลั่วชิงยวนมิค่อยเข้าใจว่า เหตุใดอวี๋โหรวถึงทำดีกับนางนางมิค่อยรู้จักอวี๋โหรวมากนัก ในภาพจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1283

    หรือเป็นเพราะเขาเชื่อมั่นในพลังความแข็งแกร่งของลั่วชิงยวน?แต่เมื่อมาครุ่นคิดดูตอนนี้ สตรีที่สามารถทำให้เซินฉีหลงใหลได้ถึงเพียงนี้คงไม่มีทางที่จะเป็นขยะไร้ค่าแม้จะมิได้แข็งแกร่งกว่าเฉินชี แต่ก็เป็นคนที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสีเพราะเช่นนี้เขาจึงมิแลเกาเหมียวเหมี่ยวเลยด้วยซ้ำ……เมื่อกลับมาถึงห้องลั่วชิงยวนก็นั่งลงพักผ่อนเฉินชีเดินตามเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ นาง พร้อมกับรินชาสองจอก“สมแล้วที่เป็นอาเหลา มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่กล้าทำให้เกาเหมียวเหมี่ยวตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น! ข้าชอบ!” มีแสงประกายเจิดจ้าส่องสว่างในดวงตาของเฉินชีสายตาของเขาดูเหมือนอยากจะกลืนกินลั่วชิงยวนเข้าไปทั้งตัวลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกาเหมียวเหมี่ยวได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาทกับฮองเฮาคงมิยอมปล่อยข้าไปแน่ คงต้องให้เจ้าช่วยออกหน้าให้แล้ว”เฉินชียิ้มมุมปาก “วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”ลั่วชิงยวนที่ยังกังวลอยู่เล็กน้อยกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เฉินชี ครั้งนี้เจ้าจะยืนนิ่งดูดายอีกมิได้แล้ว เพราะหากข้าตาย แผนทั้งหมดของเจ้าก็จะสูญเปล่า”“ใต้หล้านี้ไม่มีลั่วเหลาคนที่สองหรอกนะ”เฉินชีพยักหน้าอย่างจริงจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status