แชร์

บทที่ 144

ผู้แต่ง: หว่านชิงอิ๋น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“โอสถคันธ์หยดน้ำค้าง!” ลูกกลอนหอมรัญจวน

ทันทีที่นางพูดเช่นนั้น ฟู่เฉินหวนและลั่วหรงก็ขมวดคิ้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

เมื่อลั่วชิงยวนเห็นท่าทางสับสนของพวกเขา ก็กลับมาตั้งสติได้และอธิบายออกไป

"โอสถคันธ์หยดน้ำค้าง เป็นโอสถที่ใช้คู่กับการเลี้ยงแมลงกู่ หากใครกินโอสถนี้เข้าไป เมื่อพวกเขาปล่อยแมลงกู่ออกมา แมลงกู่พวกนั้นจะชอนไชเข้าไปในร่างกายของคนผู้นั้นเพื่อเข้าไปกินโอสถที่อยู่ภายใน ทั้งยังทำลายผิวหนังและเนื้อของคนผู้นั้น จนทำให้ถึงแก่ความตาย"

ฟู่เฉินหวนมองนางหน้านิ่ง “ทำไมเจ้าถึงรู้อะไรมากมายนัก?”

แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเรื่องของวิชาแมลงกู่มาก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรเช่นนี้ เหตุใด ลั่วชิงยวนจึงรู้รายละเอียดมากมายนัก

ลั่วชิงยวนรู้ว่าฟู่เฉินหวนจะต้องสงสัย ดังนั้นนางจึงตอบอย่างใจเย็น "ข้าเคยพบมันในตำรา กลิ่นและพิษชนิดนี้เหมือนกับที่ถูกจารึกไว้ในตำรานั้นทุกประการ นั้นเพราะข้าก็เห็นแมลงภู่กับตาตัวเองแล้วด้วย"

ลั่วหรงไม่นึกกังขา หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า "ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งวางแผนการและวางกับดักไว้เสียใหญ่โต พวกเขาได้เตรียมการไว้เผื่อกรณีนี้ล่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 145

    ลั่วชิงยวนสับสนเป็นอย่างมาก เหตุกบฏในวังหลวงหมายความว่าอย่างไร?นางเคยป่วยและความจำเสื่อมมาก่อน จึงลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น นางไม่อาจจำความหมายของคำเหล่านี้ได้แน่นอนว่าตอนนี้นางย่อมรู้สึกสับสนในขณะที่กำลังสับสน ฟู่เฉินหวนก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เรื่องนี้เป็นความลับอย่างยิ่ง ยิ่งปล่อยให้คนรู้มากเท่าไรเราก็ยิ่งปลอดภัยน้อยลงเท่านั้น พระชายาออกไปก่อนเถิด"ลั่วชิงยวนมองฟู่เฉินหวนอย่างไม่เข้าใจ แม้จะเห็นท่าทีแสร้งเป็นมิตรของเขา แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวังและความสงสัยอย่างชัดเจน!ราชครูลั่วเหลือบมองนางแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านอ๋องพูดถูกแล้ว เรื่องเก่าเช่นนี้ไม่เหมาะจะพูด ข้าไม่ได้คิดให้ดีเอง ชิงยวน เจ้าไปดูแลหลางหลางก่อนเถิด"ราชครูลั่วมีสีหน้ากังวลอย่างหนัก นั่นเพราะเขาเองก็กังวลว่าลั่วชิงยวนจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จึงไม่ยอมให้นางอยู่ฟัง หากป้องกันเอาไว้เสียจะดีกว่าแก้แต่ฟู่เฉินหวนใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้และจงใจขับไล่นางออกไป!ลั่วชิงยวนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับปาก "เจ้าค่ะ"จากนั้นนางก็ออกจากห้องไปแต่ที่เรือนปีกตะวันตกมีลั่วอ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 146

    แต่ลั่วชิงยวนก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตบดีนางอีกนางยกมือขึ้นมาคว้าข้อมือของลั่วไห่ผิงเอาไว้แน่นนางมองลั่วไห่ผิงด้วยสายตาคมกริบเชือดเฉือนและเอ่ยวาจาเด็ดขาดเพื่อข่มขู่ว่า “ท่านพ่อ ข้าหวังว่าท่านคงยังไม่ลืมว่ามหาราชครูลั่วบอกอะไรท่านไว้”“ถึงแม้ข้าจะเป็นบุตรีของท่าน แต่ว่าตอนนี้ข้าก็เป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะมาลงโทษข้าอีกต่อไป! ก่อนที่จะลงมือคิดให้ดีก่อนเถิดว่า ท่านกำลังจะตบตีบุตรี หรือว่าชายาอ๋องกันแน่?”นางพูดอย่างเด็ดขาดชัดเจนก่อนปล่อยมือของลั่วไห่ผิงเมื่อคิดถึงสิ่งที่ท่านอารองได้กล่าวเตือนเขาไว้ ลั่วไห่ผิงก็เก็บกลั้นโทสะเอาไว้ เขากำหมัดแน่นไว้ด้านหลัง และไม่กล้าลงมืออีกลั่วเยวี่ยอิงนั้นโมโหจนกัดฟันแน่น นางสารเลวลั่วชิงยวนตอนนี้ไต่เต้าพึ่งพิงไม้ใหญ่ของจวนมหาราชครูได้แล้ว ตอนนี้แม้แต่บิดาก็ทำอะไรนางไม่ได้นางสารเลวผู้นี้ เหตุใดถึงได้มากเล่ห์นัก! นางหลอกลวงมหาราชครูลั่วและฮูหยินลั่วได้เช่นไรกันลั่วเยวี่ยอิงเกาะแขนลั่วไห่ผิง “ท่านพ่อ ไม่ต้องไปสนใจนาง เราไปหาท่านปู่รองดีกว่าเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่าลั่วเยวี่ยอิงเปลี่ยนน้ำเสียงฉับพลัน ลั่วชิงยวนก็อดแค่นเสียงใส่ไม่ไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 147

    ลั่วหรงเดินออกมาแล้วคว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ สีหน้าของนางดูเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ นางพูดเสียงจริงจังว่า “ไปคุยกันที่เรือนข้า”……หลังจากที่นั่งลงในห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว ลั่วหรงก็บอกว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องมีคำถามมากมาย แต่ข้าบอกเจ้าเรื่องปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตำหนักที่ท่านอ๋องบอกมาได้”“เรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามของในวังและเมืองนี้ เจ้าห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้ เจ้าต้องไม่พูดถึงเรื่องนี้นอกวังด้วย”แม้ลั่วชิงยวนจะรู้ว่าท่านอาลั่วหรงนั้นไม่อยากให้นางรู้เรื่องนี้ก็เพื่อประโยชน์ของนางเอง แต่นางก็ยิ่งอยากรู้เมื่อได้ยินเช่นนี้นางกลัวว่าน่าจะเป็นฟู่เฉินหวนที่บอกท่านอาว่าไม่ให้บอกนาง และใช้ข้ออ้างว่าเป็นไปเพื่อผลดีต่อตัวนางเองลั่วชิงยวนไม่ได้บังคับฝืนใจ นางเพียงพยักหน้า “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม”“เพียงแต่ว่าท่านอาทราบหรือยังว่าใครกันที่เป็นหนอนบ่อนไส้? ในเมื่อคราวนี้แผนใหญ่ของมันผู้นั้นล้มเหลว ไม่แน่ว่าจะไม่ลงมือครั้งที่สอง”ลั่วหรงพูดเสียงเคร่งเครียด “เจ้าก็ได้เห็นความมีเกียรติของท่านปู่เจ้าแล้ว ตระกูลของเรามิเคยล่วงเกินใคร แม้ว่าเราอาจจะมีเรื่องมีราวกับบิดาของเจ้าแต่นั้นก็เ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 148

    ก่อนที่แม่นมเติ้งจะทันพูดจบ ความกระวนกระวายร้อนใจของนางก็ทำให้ลั่วชิงยวนมีลางสังหรณ์ไม่ดี นางจึงรุดออกจากห้องไปที่เรือนของฟู่เฉินหวนนั้นมีองครักษ์เฝ้าอยู่มากมาย และมีคนโดนโยนออกมาจากห้องคนแล้วคนเล่า เสียงการต่อสู้ในห้องผสานกับเสียงร้องไห้อย่างหวาดกลัวของสตรีเมื่อลั่วชิงยวนมาถึง เซียวชูก็โดนฟู่เฉินหวนเตะออกมาพอดีเขาลอยลงกระแทกพื้นอย่างแรง“พระชายา ท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ” ซูโหยวรีบหยุดลั่วชิงยวนไว้ทันที ตอนนี้ท่านอ๋องนั้นอันตรายมาก เขาจึงไม่กล้าจะให้ลั่วชิงยวนเข้าไปใกล้“ถอยไปให้พ้น” ลั่วชิงยวนนิ่วหน้า ก่อนผลักซูโหยวให้พ้นทางแล้วพุ่งเข้าไปในห้อง“พระชายา” เมื่อซูโหยวกำลังจะตามทัน ลั่วชิงยวนก็ชิงปิดประตูและลั่นดาลไว้ก่อนตอนนั้นเองกลิ่นอายชั่วร้ายของฟู่เฉินหวนแผ่ผ่านดวงตาของเขา และมีรังสีมารสีแดงก่ำอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสองเขานั้นเกือบจะคลุ้มคลั่งเสียสติแล้ว แววตาเขาขุ่นมัวพร้อมแผ่กลิ่นอายสังหารออกมารอบกายเมื่อฟู่เฉินหวนเห็นนาง เขาก็พุ่งเข้าใส่นางทันทีโดยไม่ลังเลลั่วชิงยวนนั้นเตรียมตัวไว้แล้ว นางหลบทันทีพร้อมมีเข็มเงินอยู่ในมือ นางเอาเข็มนั้นปักเจ้าที่ด้านหลังคอของฟู่เฉินหวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 149

    นางกำลังจะตาย!แววตาลั่วเยวี่ยอิงวาววับ มีแววบ้าคลั่งเจือเล็กน้อยแต่ขณะที่ลั่วเยวี่ยอิงกำลังรอด้วยใจระทึกนั้นเอง ประตูก็เปิดออกกะทันหันและมีเสียงร้อนรนดังขึ้น “ท่านอ๋อง หยุดมือ”ซูโหยว เซียวชูและท่านหมอกู้ต่างก็พุ่งเข้ามาในห้อง พวกเขาคว้ามือของฟู่เฉินหวนทันที หมอกู้ก็รีบใช้เข็มเงินฝังเข้าที่หลายจุดบนร่างของฟู่เฉินหวนทำให้เขาหมดสติไปจังหวะที่ฟู่เฉินหวนอ่อนแรงนั้น เรี่ยวแรงที่มากมายจนเหมือนปีศาจของเขาก็หายไป ลั่วชิงยวนถูกปล่อยพ้นมือเขาแ ละลงไปทรุดกองกับพื้น นางรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่นางสูดหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด พร้อมยกมือขึ้นแตะลำคอที่เจ็บปวด ก่อนมองดูฟู่เฉินหวนโดนแบกไปที่เตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดฟู่เฉินหวนนั้นออกจากตำหนักอ๋องไปเพื่อรักษาตัวเมื่อเดือนก่อน และกลับมาเพียงวันเดียวก่อนวันเกิดของท่านมหาราชครู ในช่วงหนึ่งเดือนนี้อาการป่วยของเขาไม่เพียงไม่ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงเมื่อได้เห็นโรคของฟู่เฉินหวนอาการหนักขึ้น เขานั้นเหมือนกลายร่างเป็นผีดิบที่โดนผู้อื่นควบคุมร่าง และสุดท้ายก็จะทำร้ายตัวเองผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้นต้องการให้ฟู่เฉินหวนคลุ้มคลั่งตอนที่อยู่ในจวนมหาราชครู แต่ค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 150

    นางรู้สึกเย็นสันหลังวาบทันใดท่านหมอเทวดากู้นั้นมายืนมองนางตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว?เขาได้ยินทุกสิ่งที่นางคุยกับซูโหยวหรือไม่?ลั่วชิงยวนยิ้มโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนบอกว่า “ดูจากอาการที่ท่านอ๋องเป็นตอนนี้ มันช่างเหมือนกับตอนที่มีเหตุผิดปกติในตำหนักและมีบ่าวรับใช้คลุ้มคลั่งเลยใช่หรือไม่?”“ตอนนี้ท่านอ๋องต่อต้านข้านัก ข้าก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกท่านหรอก เพียงแต่อยากเตือนไว้บ้างก็เท่านั้น”เมื่อได้ยินเช่นนี้ซูโหยวก็ตัวแข็งทื่อและรู้สึกในใจเย็นเยียบเมื่อพระชายาพูดขึ้นมาก็ดูเหมือนว่า อาการของท่านอ๋องในคืนนี้จะเหมือนเรื่องคืนก่อนนั้นมาก เป็นไปได้ไหมว่าท่านอ๋องโดนวิญญาณร้ายบางตนสิงสู่?“ขอรับ ขอบคุณที่พระชายาช่วยเตือนข้า”ลั่วชิงยวนไม่พูดอะไรอีก นางเดินกลับเรือนไปนางเองก็ได้ยินเสียงซูโหยวจากไปแล้ว แต่นางยังคงรู้สึกได้ถึงแววตาน่าหวาดหวั่นที่มองมาต้องมีบางอย่างไม่ปกติกับหมอเทวดากู้เป็นแน่ตำหนักอ๋องและจวนมหาราชครูต่างก็เกี่ยวข้องกัน นางกลัวว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะมีมือเท้ายาวไกล และท่านหมอกู้เองก็อาจจะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นนางคิดเรื่องนี้ขณะที่เดินกลับเรื

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 151

    “เช่นนั้น ก็วัดให้องค์ชายห้า และตัดเย็บอาภรณ์ให้เขาด้วยเถิด” สายตาของฟู่เฉินหวนยะเยือกลงทันที ลั่วชิงยวนถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ท่านอ๋องคงมิได้มีจิตใจคับแคบเช่นนั้นใช่? คนทั้งตำหนัก กระทั่งคนนอกอย่างลั่วเยวี่ยอิงยังมีอาภรณ์ใหม่ แต่เสด็จน้องแท้ ๆ ของท่านกลับมิมีน่ะหรือ?” น้ำเสียงของนางอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก แต่กลับกำลังพูดเหน็บแนม สีหน้าของฟู่เฉินหวนมืดครึ้มลงทันที น้ำเสียงก็เยือกเย็นมากยิ่งขึ้น “เจ้าช่างห่วงใยน้องห้าของข้าเสียจริง” ลั่วชิงยวนยิ้มเลิกคิ้ว และตั้งใจพูดแซะ “หม่อมฉันเรียนรู้มาจากท่านอ๋องเพคะ” สีหน้าของฟู่เฉินหวนอึมครึม ส่วนลั่วชิงยวนหันร่าง และเดินจากไปทันที ซูโหยวที่อยู่อีกด้านมองอย่างอกสั่นขวัญหาย เขารีบขึ้นหน้าประคองท่านอ๋องไว้ “ท่านอ๋อง ท่านหมอเทวดากล่าว อาการของท่านตอนนี้มิควรกริ้วโกรธ! ท่านต้องควบคุมอารมณ์พ่ะย่ะค่ะ” ลมหายใจของฟู่เฉินหวนรุนแรงขึ้น ปลายนิ้วเย็น ๆ ของเขากดไปบนหน้าผาก “บางทีหมอเทวดากู้พูดถูก เมื่อหย่าร้างกับลั่วชิงยวน ทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ” ตั้งแต่ที่ลั่วชิงยวนแต่งเข้ามาในตำหนัก ก็มิเคยมีวันสงบอีกต่อไป และวันนี้ที่เขาต้องกริ้วโกรธ ก็เป็

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 152

    ลั่วชิงยวนตะลึงเล็กน้อย นักทำนายชะตาหรือ? แท้จริงนางอยากบอกฟู่อวิ๋นโจว บนตัวเขามิมีสิ่งอัปมงคลใด ดังนั้นต่อให้เชิญนักทำนายชะตามาดูก็เปล่าประโยชน์ “องค์ชายห้า ยามนี้ในยุทธจักรมีพวกต้มตุ๋นมากหลายนัก ท่านระวังจะถูกหลอกทรัพย์!” ลั่วชิงยวนทำได้เพียงตักเตือน ชีวิตของฟู่อวิ๋นโจวอาจลำบากยิ่งกว่านางเสียอีก เงินเหล่านั้นสำคัญต่อเขามาก หากโดนหลอกไปคงน่าเสียดาย “วางใจเถิด มิมีทางโดนหลอกแน่! ข้าสืบข่าวมาหลายครั้ง อาจารย์ท่านนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทุกวันเขารับทำนายเพียงหนึ่งชั่วยาม อีกทั้งเวลามิแน่นอน ผู้ที่เคยทำนายกับเขาต่างแก้ไขปัญหาชีวิตกันได้จนสิ้น ข้าว่าจะไปลองเสี่ยงดู” “เผื่อจะได้” เมื่อฟู่อวิ๋นโจวพูดสามคำนี้ นัยน์ตาเขาราวกับฉายแสงจ้า จนทำลั่วชิงยวนสะเทือนใจเล็กน้อย ต่อให้เขาไปแล้วจะไม่มีประโยชน์ แต่ลั่วชิงยวนก็มิได้พูดขัดเขาต่อ เพียงแค่ถามขึ้น “นักทำนายชะตาที่ใดหรือ หม่อมฉันลองดูก่อน หากแม่นจริง ๆ ท่านค่อยไปเถิดเพคะ” ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้า จากนั้นบอกที่อยู่ให้กับนาง ขนาดอาภรณ์วัดเสร็จ ลั่วชิงยวนมิได้อยู่ต่อ และพาคนจากไป เมื่อกลับไป แม่นมเติ้งต้องไปจัดการเรื่องอาภรณ์ฤดูหนาว

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1102

    หล่างมู่ชกเข้าที่ใบหน้าของฟู่เฉินหวนจนฟู่เฉินหวนถอยหลังไปหลายก้าวหล่างมู่แสดงสีหน้าโกรธแค้น “ข้าขอเตือนท่านเลยว่าถ้าท่านทำเช่นนี้กับพี่หญิงของข้าอีก ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วพลางเช็ดเลือดที่มุมปาก “ลั่วชิงยวนอยู่ที่ใด ข้าจะพบกับนาง”“นางอยู่ที่ใด แล้วท่านเกี่ยวอะไรด้วย!” หล่างมู่แสดงสีหน้ามิพอใจ เขายังคงจำได้ว่าในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ อ๋องผู้สำเร็จราชการยินดีที่จะมอบลั่วชิงยวนให้เขาชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจ!เขามิเข้าใจว่าเหตุใดพี่หญิงจึงยังคงอยู่กับชายผู้นี้วันนี้กลับนิ่งเฉยมองดูคนอื่นทำร้ายพี่หญิงอย่างมิแยแสอีก!หล่างมู่มิพอใจอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองสบตากัน ความเป็นปรปักษ์ก็ปะทุขึ้นบรรยากาศตึงเครียด ในวินาทีต่อมาดูเหมือนว่าจะต้องต่อสู้กันแน่แล้วลั่วชิงยวนเพิ่งเข้ามาในลานก็เห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบเข้าไปขวางไว้“พวกท่านกำลังทำอะไรกัน!”“แค่ก แค่ก แค่ก...” เมื่อนางร้อนใจก็กุมอกด้วยความเจ็บปวดสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมากแล้วเข้าไปพยุงนางพร้อมกัน ลั่วชิงยวนปัดมือของทั้งสองออก แล้วหันไปมองหล่างมู่ “พี่บอกเจ้าว่าอย่างไร!”ความโกรธของหล่างมู่หา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1101

    ฟู่จิ่งหานมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกผิดเล็กน้อยที่พระราชโองการนั้นทำให้ลั่วชิงยวนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ จึงพูดว่า “มิเป็นอะไร การประลองครั้งนี้ก็มิได้ห้ามมิให้แคว้นเพื่อนเรือนเคียงเข้าร่วม”“พระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการสามารถเอาชนะองค์ชายเผ่านอกด่าน แล้วยกให้เป็นน้องชายได้ นับว่าความสามารถเป็นที่ประจักษ์แก่ข้าแล้ว!”“พระชายามีบาดแผล อนุญาตให้พระชายาและองค์ชายหล่างมู่ออกไปก่อนได้”ลั่วชิงยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”แล้วหล่างมู่ก็พยุงลั่วชิงยวนออกไปเนื่องจากหอฝูเสวี่ยอยู่มิไกลและสามารถมองเห็นการประลองจากชั้นสามได้ ลั่วชิงยวนจึงพาหล่างมู่ไปพักผ่อนที่หอฝูเสวี่ยก่อนซิ่งอวี่ต้มยามาให้นางกินลั่วชิงยวนนั่งข้างหน้าต่าง มองดูการประลองที่ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อเห็นฟู่อวิ๋นโจวเอาชนะทุกคนได้ นางก็รู้ว่าเขากำลังจะเข้าสู่ราชสำนักแล้ว“พี่หญิง ยังเจ็บบาดแผลอยู่หรือไม่ขอรับ?” หล่างมู่ยกชามาให้หนึ่งถ้วยลั่วชิงยวนส่ายหน้า “มิเป็นอะไรแล้ว บาดแผลมิสาหัส พักสักสองสามวันก็หาย”“หล่างมู่ เจ้ามาเมืองหลวงได้อย่างไร? ในเผ่านอกด่านเกิดเรื่องใหญ่อันใดหรือไม่? รีบร้อนมาเช่นนี้เลยหรือ?

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1100

    ฟู่อวิ๋นโจว!หล่างมู่กำหมัดแน่น แล้วกระโจนเข้าไปอีกครั้งผู้คนมากมายต่างเป็นห่วงฟู่อวิ๋นโจว หล่างมู่เป็นคนเผ่านอกด่าน ฝีมือของเขาเป็นที่ประจักษ์ของทุกคนแล้วร่างกายที่อ่อนแอของฟู่อวิ๋นโจวจะรับมือได้อย่างไรแต่ลั่วชิงยวนรู้ดีว่าเวลาที่ฟู่อวิ๋นโจวปรากฏตัวนั้นเหมาะสม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะแสดงความสามารถฟู่อวิ๋นโจวรับหมัดของหล่างมู่ได้อย่างแน่นอนจากนั้นทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดหลายสิบกระบวนท่าทำให้ผู้คนในที่นั้นต่างตกตะลึง“นี่คือองค์ชายห้าหรือ?”“ฝีมือของเขาแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”“ใช่แล้ว มิใช่ว่าเขาป่วยอยู่หรอกหรือ?”ขณะที่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ฟู่อวิ๋นโจวก็พบจุดอ่อนของหล่างมู่แล้ว จึงเหวี่ยงหล่างมู่ลงไปกับพื้น แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของหล่างมู่ลั่วชิงยวนรีบวิ่งเข้าไปห้าม “หยุดนะ!”ฟู่อวิ๋นโจวสะดุ้งแล้วลดมือลงหล่างมู่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะตอบโต้ แต่ถูกลั่วชิงยวนดึงไว้“หล่างมู่แพ้แล้ว” ลั่วชิงยวนประกาศผลทันทีสายตาของนางมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายห้าเพคะ”เขายังคงมิได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและเรียบง่าย แต่กลั

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1099

    ฟู่เฉินหวนใจตึงเครียดจนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อลั่วชิงยวนพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เหยียนผิงเซียวชกเข้าที่ท้องของลั่วชิงยวนอีกครั้ง เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาจากปากนางเหยียนผิงเซียวจิกผมของนางแล้วกระซิบข้างหูอย่างร้ายกาจว่า “เจ้าเก่งนักมิใช่หรือ! ทำให้ท่านพ่อของข้าต้องลาออกจากตำแหน่งกลับไปยังเมืองฉิน เจ้าเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของตำหนักอ๋องนี่!”“เจ้าลองเดาดูสิว่าฟู่เฉินหวนจะช่วยเจ้าหรือไม่?”“แต่มิสำคัญแล้ว เพราะข้าต้องการเพียงให้เจ้าตายเท่านั้น!”เหยียนผิงเซียวใช้ร่างของลั่วชิงยวนบังสายตาของผู้คนส่วนมืออีกข้างที่กำหมัดแน่นมีแผ่นเหล็กแหลมคมติดอยู่ แล้วกระแทกลงไปที่ท้องของลั่วชิงยวนอย่างแรงลั่วชิงยวนเห็นอาวุธลับนั้นแล้วก็ตึงเครียดมากฟู่เฉินหวนแทบขาดใจ ความรู้สึกมิสบายใจอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาฟู่อวิ๋นโจวผู้นั่งอยู่มุมห้องใต้หลังคาก็กำมือแน่นด้วยความตึงเครียดเช่นกันแม้ว่าฝีมือของลั่วชิงยวนจะสู้เหยียนผิงเซียวมิได้ แต่ก็มิควรจะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบโต้เช่นนี้จะลงมือช่วยนางตอนนี้เลยดีหรือไม่!ฟู่อวิ๋นโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วในวินาทีนั้นเองเงาร่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1098

    ในมิช้าการประลองก็เริ่มขึ้นโชคดีที่ลั่วเยวี่ยอิงมิได้ก่อเรื่องวุ่นวายอีก นางเฝ้าดูการประลองอย่างสงบลั่วชิงยวนใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ ดาบและกระบี่นั้นไร้ตา ดังนั้นการประลองครั้งนี้จึงห้ามใช้ดาบและอาวุธลับแต่เมื่อปรมาจารย์ต่อสู้กันก็อาจจะควบคุมมือมิทัน เพื่อให้ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ การประลองครั้งนี้ ความเป็นความตายจึงเป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตชัยชนะครั้งสุดท้ายมิใช่ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดสิ่งสำคัญคือการแสดงผลงานในระหว่างการประลอง ฟู่เฉินหวนจะคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางคนสำหรับฟู่จิ่งหาน การประลองครั้งนี้มิใช่เพียงการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการชมการประลองที่น่าตื่นเต้นด้วย ดังนั้นจึงมีความอิสระสูงทุกคนสามารถขึ้นไปท้าทายได้ หนึ่งรอบมีผู้แข่งขันสิบคน ผู้ชนะจะได้พักแล้วเข้าสู่รอบที่สองดังนั้นผู้ชนะในแต่ละรอบจะสามารถท้าทายคู่ต่อสู้ที่ตนคิดว่าแข็งแกร่งกว่าได้อย่างอิสระการประลองรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ฟู่เฉินหวนกับฟู่จิ่งหานวิเคราะห์ผู้ที่เหมาะสมในรอบนี้อย่างจริงจังฟู่จิ่งหานพยักหน้าให้ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างจดบันทึกชื่อทุกอย่าง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1097

    “พระชายา เหตุใดมิลงไปหามาให้ข้าเล่า? หากขุดพบรากบัวได้สองหัว ข้าจะเมตตาตกรางวัลให้อย่างงาม!”น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและหยิ่งผยองนั้น มิใช่ปฏิบัติต่อลั่วชิงยวนดุจพระชายา หากแต่ปฏิบัติเสมือนทาสบริวารเหล่าผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึงพรึงเพริดตำแหน่งของลั่วชิงยวนในตำหนักอ๋องนั้นต่ำต้อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ฟู่เฉินหวนอดรนทนมิไหวอีกต่อไป จึงพูดเสียงเย็นเยียบว่า “ฤดูกาลนี้จะมีรากบัวอยู่ได้อย่างไร มิต้องลำบากเช่นนั้นเลย”ลั่วเยวี่ยอิงกลับคว้าแขนฟู่เฉินหวนพลางทำท่าทางออดอ้อน“ไม่เพคะ ท่านอ๋อง เผื่อว่าจะมีก็ได้! โปรดให้พระชายาลงไปค้นหาดูเถิดเพคะ!”นางกล่าวจบก็ถอดกำไลหยกที่ข้อมือ แล้วขว้างลงไปในบึงจากนั้นเชิดหน้าพูดกับลั่วชิงยวนว่า “ไปสิ กำไลหยกวงนี้เป็นรางวัลของเจ้า!”ท่าทางเช่นนี้ประหนึ่งว่ากำลังสั่งการสุนัขตัวหนึ่งฟู่เฉินหวนกำมือแน่น รู้สึกปวดร้าวที่ศีรษะอย่างยิ่งลั่วชิงยวนเห็นดังนั้นก็กังวลเพราะอาการของฟู่เฉินหวน นัยน์ตานางฉายแววเย็นชาขณะมองหน้าลั่วเยวี่ยอิง แล้วหันหลังกระโดดลงไปในสระน้ำเมื่อเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เสียงฮือฮาต่างก็ดังมาจากทั่วบริเวณ“นางกระโดดลงไปจริง ๆ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1096

    “องค์จักรพรรดิทรงมีรับสั่งว่าการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ต้องการให้ท่านอ๋องคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงอนุญาตให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปชมการประลองได้พ่ะย่ะค่ะ!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วฟู่เฉินหวนรับพระราชโองการมาดู แล้วพบว่าเป็นพระราชโองการจริงจิ่นชูมองแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้ท่านอ๋องพาพระชายาทั้งสองไปด้วย เหตุใดจึงมิเห็นพระชายารองหรือเพคะ?”ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงรู้ข่าวการประลองยุทธ์แล้ว นางส่งเสียงโวยวายอยากไปด้วยอยู่หน้าประตู “ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องเพคะ! พาหม่อมฉันไปด้วยเถิดเพคะ!”จิ่นชูได้ยินเสียงนี้แล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องอย่าลืมพระชายารองนะเพคะ”ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “การประลองยุทธ์มิเกี่ยวกับนาง นางมิจำเป็นต้องไปก็ได้”จิ่นชูถามด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นท่านอ๋องจะขัดต่อพระราชโองการหรือเพคะ?”คำพูดนี้ทำให้ฟู่เฉินหวนจำต้องพาลั่วเยวี่ยอิงไปด้วยเพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือพระราชโองการมหาราชาจารย์เหยียนเพิ่งลาออก ตระกูลเหยียนกำลังตกต่ำ หากเขาขัดพระราชโองการในเวลานี้ก็จะดูเหมือนอวดดี มิเคารพองค์จักรพรรดิฟู่เฉินหวนสบตากับลั่วชิงยวน ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าครั้

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1095

    ฟู่เฉินหวนตกใจเมื่อได้ฟังถ้อยคำของลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนอธิบาย “หม่อมฉันได้คำนวณดูแล้ว เหตุการณ์วุ่นวายในแคว้นเทียนเชวียกำลังจะอุบัติขึ้น เริ่มต้นจากทางทิศใต้เพคะ”“และเมืองฉินก็ตั้งอยู่ทางทิศใต้พอดี!”“ตระกูลเหยียนรุ่งเรืองมาจากเมืองฉิน มีอิทธิพลสูงส่งยิ่งนัก การที่มหาราชาจารย์เหยียนลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับไปยังเมืองฉินอย่างเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีอำนาจมืดใหญ่หลวงซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเพคะ”เมื่อฟู่เฉินหวนก็ได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม“เช่นนั้นก็แสดงว่าตาแก่ผู้นี้จะเริ่มแผนการแล้วสินะ”กล่าวจบ ฟู่เฉินหวนก็คว้ามือของลั่วชิงยวนไว้ “ชิงยวน ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงงันไป “ขอบใจหม่อมฉันเรื่องอะไรเพคะ?”“ขอบใจเจ้าที่บอกเรื่องสำคัญเช่นนี้แก่ข้า”ลั่วชิงยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วท่านจะทำอย่างไรเพคะ?”ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววเย็นชา “เมื่อเขาลาออกจากตำแหน่งแล้วออกจากเมืองหลวง เช่นนั้นก็อย่าให้เขากลับมาได้อีกเลย!”ลั่วชิงยวนก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้มีเพียงมหาราชาจารย์เหยียนสิ้นชีพลงเท่านั้น ทุกอย่างจึงจะสงบลงได้“หม่อมฉันจะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1094

    ฟู่เฉินหวนเก็บขนมกุ้ยฮวาไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดปลอบโยน “มิเป็นอะไร รอชิมฝีมือหัวหน้าพ่อครัวเถิด”ดูเหมือนจะมิถูกใจ ถึงแม้เขาจะเรียนรู้จากหัวหน้าพ่อครัว แต่รสชาติก็ยังแตกต่างออกไป ดูเหมือนต้องฝึกฝนให้มากขึ้นลั่วชิงยวนเห็นความผิดหวังในสายตาของเขา จึงยกยิ้มหวานแล้วพูดว่า “หวานมาก! อร่อยมากเพคะ!”ฟู่เฉินหวนตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย้ายวนใจ ใจชายหนุ่มก็รู้สึกหวั่นไหว จึงอดมิได้ที่จะประคองหน้าลั่วชิงยวนแล้วจุมพิตถึงแม้จะรู้ว่านางอาจจะปลอบใจเขา แต่เพียงเห็นรอยยิ้มของนางเขาก็สุขใจมากแล้วหัวหน้าพ่อครัวมองไปทางอื่น ทำเป็นมิเห็นในมิช้า อาหารและขนมก็ถูกยกมาอย่างต่อเนื่องทั้งสองกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขจนดึกดื่นเมื่อออกจากหอหมื่นสุข ลั่วชิงยวนอิ่มจนแทบจะเดินมิไหวฟู่เฉินหวนจับมือลั่วชิงยวนเดินไปข้างหน้า “เดินเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวข้าค่อยส่งเจ้ากลับ”ลั่วชิงยวนเรอเบา ๆ “ท่านตั้งใจจะทำให้หม่อมฉันอ้วนขึ้นหรือเไร หากหม่อมฉันอ้วนเหมือนเดิม ท่านก็จะดีใจใช่หรือไม่เพคะ?”ฟู่เฉินหวนอุ้มนางขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าฉลาดมาก”“ท่าน!” ลั่วชิงยวนยกมือขึ้นฟู่เฉินหวนจับมือน

DMCA.com Protection Status