ลั่วชิงยวนตัวแข็งทื่อ พร้อมมองเขาด้วยความตกตะลึง นางเห็นดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น “ขอบคุณที่เหนื่อยนะ”การที่จะรู้สาเหตุและอาการของเขาคงต้องใช้ความพยายามมากทีเดียวลั่วชิงยวนจับมือเขาแน่น แล้วมองด้วยสายตาแน่วแน่ “หม่อมฉันจะหาทางแก้ไขให้ได้เพคะ” “ท่านรอหม่อมฉันอีกหน่อยเถิด”ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “อืม” มุมปากของลั่วชิงยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน รู้สึกดีใจที่คราวนี้เขามิไล่นางไป“ท่านมิไล่หม่อมฉันไปแล้วหรือเพคะ?” ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยสายตาซับซ้อน แล้วหัวเราะเบา ๆ “หากข้าไล่เจ้าไป แล้วเจ้าจะไปหรือ?” “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถิด” “ตามใจเจ้า”ลั่วชิงยวนเลิกคิ้วพูด “เช่นนั้นก็ตกลงกันแล้วนะเพคะ”จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลง ทำให้ทั้งสองคนสะดุ้ง “เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วชิงยวนเปิดม่านขึ้นแล้วมองออกไป กลับเห็นเงาร่างในชุดคลุมดำยืนขวางอยู่หน้ารถม้า ใบหน้าครึ่งซีกที่คุ้นเคยนั่น เหยียนหน่ายซินในตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เหยียนหน่ายซินกล้าหาญจริง ๆ นางขึ้นมาบนรถม้า“ว่าอย่างไร? จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” เหยียนหน่ายซินถามด้วยรอยยิ้มลั่วชิงยวนขมวด
ครั้นรถม้าเคลื่อนมาถึงเบื้องหน้าตำหนักอ๋องผู้สำเร็จราชการจากนั้นก็หยุดลง“เจ้าคิดจะร่วมมือกับคนผิดแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นมือไปจับมือของลั่วชิงยวนลงจากรถม้าทั้งสองก้าวเดินเคียงคู่กันกลับเข้าตำหนัก ทิ้งให้เหยียนหน่ายซินนั่งขบคิดด้วยความขุ่นเคืองอยู่ในรถม้า'เป็นไปมิได้ที่ฟู่เฉินหวนจะมิคิดอยากเป็นจักรพรรดิ!'ลั่วชิงยวนถูกฟู่เฉินหวนจูงมือพากลับเข้ามาในตำหนัก นางอดมิได้ที่จะเอ่ยขึ้น “บางทีเหยียนหน่ายซินอาจช่วยเหลือเราได้จริง ๆ นะเพคะ”“หากมิใช่หนทางสุดท้าย ข้าจะมิร่วมมือกับนางเด็ดขาด” ฟู่เฉินหวนกล่าว ดวงตาคมกริบฉายแววลึกล้ำยิ่งไปกว่านั้นคือ ในเวลานี้ยังมีใครที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อีกลั่วชิงยวนคิดที่จะกลับไปค้นคว้าเพิ่มเติม แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นฟู่เฉินหวนมุ่งหน้าไปยังเรือนทักษิณาหัวใจของนางเต้นรัว ฟู่เฉินหวนคิดจะทำอะไรนางรีบสาวเท้าตามไปทันทีและแล้วสิ่งที่นางกังวลก็เกิดขึ้น ฟู่เฉินหวนสั่งให้เซียวชูจับตัวฟู่อวิ๋นโจวแล้วมัดตรึงไว้ให้แน่นหนาลั่วชิงยวนรีบพุ่งตัวเข้าไปขวาง “ฟู่เฉินหวน ท่านคิดจะทำอะไร?”“หากไทเฮาแยแสชีวิตของเขาจริง พระนางคงมิยื่นข้อ
สำนักหมอหลวง ตอนนี้หมอเซิ่งไป่ชวนผู้เป็นศิษย์เอกของหัวหน้าหมอหลวงมู่ได้เข้ารับราชการในสำนักหมอหลวงอย่างเป็นทางการแล้วขณะที่ลั่วชิงยวนมาถึง หมอเซิ่งไป่ชวนก็บังเอิญออกไปเยี่ยมไข้เสียแล้วหัวหน้าหมอหลวงมู่จึงเรียกนางไปยังคลังโอสถ“ข้าทราบอยู่แล้วว่าท่านจะต้องมา” “เป็นเพราะเรื่องของตระกูลเหยียนใช่หรือไม่?”หัวหน้าหมอหลวงมู่เอ่ยถามลั่วชิงยวนพยักหน้า “หัวหน้าหมอหลวงมู่คงทราบดีว่าขณะนี้เรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่ หมอเซิ่งไป่ชวนอาจเป็นบุคคลสำคัญยิ่ง”หัวหน้าหมอหลวงมู่ถอนหายใจ “ข้าเข้าใจ” “แต่ข้ายังหวังว่าหากมิจำเป็นจริง ๆ ก็อย่าได้เปิดเผยตัวตนของเขาเลย” “เพราะนั่นเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับเขา”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “วางใจเถิดหัวหน้าหมอหลวงมู่ ข้ามีสติปัญญาพอ”มินานนักหมอเซิ่งไป่ชวนก็กลับมา “พระชายา ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ?”“ข้ากำลังจะไปตรวจพระวรกายให้ไทเฮาพอดี จึงจำเป็นต้องมีคนจากสำนักหมอหลวงไปด้วย” “เจ้าตามเข้ามาที”เมื่อหมอเซิ่งไป่ชวนได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้าโดยมิสงสัยแม้แต่น้อย......พระตำหนักโช่วสี่ขณะที่ลั่วชิงยวนก้าวเข้าไปในห้อง เสียงหัวเราะเย้ยหยันอ
ไทเฮาจ้องมองสมุดเล่มเล็กในมือของลั่วชิงยวน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ๋อเฉิงเป็นคนรับใช้ที่ภักดีของตัวข้า เขาไม่มีทางทิ้งหลักฐานใดๆ เหลืออยู่หรอก” “เจ้าคิดจะหลอกตัวข้าหรึ? ถือว่ายังอ่อนประสบการณ์นัก”ลั่วชิงยวนกัดฟันพูด “เซิ่งไป่ชวนเป็นโอรสของท่าน นี่คือความจริงมิใช่หรือเพคะ? รวมกับเนื้อหาในสมุดเล่มนี้ก็เพียงพอที่จะตัดสินโทษท่านได้แล้ว”“ท่านจะมิยอมปล่อยจริงหรือเพคะ?”ดวงตาของไทเฮาเย็นชาขณะพูดอย่างเรียบเฉย “มิปล่อย!”ขณะนั้นลั่วชิงยวนเห็นความโกรธแค้นในดวงตาของไทเฮา นางจะสังหารเซิ่งไป่ชวนเพื่อทำลายหลักฐานหรือ? แผ่นหลังของลั่วชิงยวนเย็นวาบ แท้จริงแล้วท่านอาเจ๋อเฉิงถูกหลอกใช้ประโยชน์จนตัวตายไทเฮามิได้มีความรักความผูกพันกับเขาเลย มิสนใจชีวิตของบุตรชายที่เกิดกับเขาด้วยซ้ำ“เพคะ ท่านมิสนพระทัยเซิ่งไป่ชวน แต่แล้วฟู่อวิ๋นโจวเล่าเพคะ?” “อย่างน้อยก็ต้องมีโอรสที่ท่านทรงห่วงใยสักคนกระมัง” “ไทเฮาอย่าเพิ่งรีบตอบ ขอท่านโปรดไตร่ตรองให้ดีก่อนเพคะ”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็หันหลังจากไปด้วยความโกรธหลังจากที่ลั่วชิงยวนออกจากห้องไปแล้ว ไทเฮาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยมิรู้ตัวหลังจากท
ครั้นกลับตำหนักอ๋องแล้วหมายจะหารือกับฟู่เฉินหวนอีกครา แต่กลับทราบว่าฟู่เฉินหวนออกไปปฏิบัติภารกิจนอกเมืองแล้ว นางจึงกลับเข้าไปในห้องของตน ตั้งใจจะศึกษาสรรพคุณของเห็ดเซียนญาณวารีอีกครั้ง ตราบใดที่สามารถควบคุมอาการป่วยของฟู่เฉินหวนได้ มิว่าจะช่วยเหลือลั่วเยวี่ยอิงได้หรือไม่ก็มิใช่เรื่องสำคัญขณะนั้นซูโหยวมาถึงพอดี“พระชายา”“มีเรื่องอันใด?”“เรื่องที่พระชายาให้ข้าไปสืบสวนนั้น ข้าได้สืบสวนเรียบร้อยแล้ว นี่คือคำให้การของทหารรักษาการณ์ในคืนนั้น ข้าได้ตรวจสอบทีละคนแล้ว ไม่มีคนทรยศขอรับ”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว ไม่มีคนทรยศหรือ?นางรับเอกสารที่ซูโหยวนำมาให้ “ดี ข้าจะลองตรวจดูอีกครั้ง”“ขอรับ”ลั่วชิงยวนนั่งบนเก้าอี้ จิบชาพลางอ่านคำให้การของแต่ละคน จากคำให้การเหล่านั้น นางสามารถสรุปภาพรวมของการรักษาการณ์ในตำหนักอ๋องคืนนั้นได้ นางพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังคงรู้สึกว่ามีคนทรยศในตำหนักอ๋อง มิเช่นนั้นจะมีใครสามารถลอบเข้าตำหนักอ๋องได้โดยรอดพ้นสายตาของทหารรักษาการณ์ไปได้ และสถานการณ์ครั้งนี้ก็คล้ายคลึงกับหลายครั้งก่อน คือไม่มีใครพบเห็นคนร้ายเข้ามาเลย แต่กลับเห็นคนร้ายหลบหนี เพียงแต่ต
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่จึงบุกเข้าไปในห้องทันที ทำให้หญิงสาวในห้องตกใจจนจะกรีดร้องออกมา แต่ยังมิทันได้ร้องก็ถูกปิดปากเอาไว้ แล้วถูกสับท้ายทอยด้วยฝ่ามือจนสลบไป เงาร่างนั้นแบกนางขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้อง หมายจะหลบหนีออกจากตำหนักอ๋องแต่เมื่อวิ่งออกไปก็มีเงาร่างหนึ่งมาขวางทางไว้ลั่วชิงยวนกำมือแน่นมองชายชุดดำตรงหน้าด้วยสายตาเฉียบคม “เจ้าจะจับซ่งเชียนฉู่ไปทำอะไร?”คนร้ายชุดดำได้ฟังดังนั้นก็เปลี่ยนสีหน้า รีบเปิดผ้าคลุมออกจึงเห็นว่าคนที่ตนแบกอยู่นั้นคือซ่งเชียนฉู่ มิใช่ลั่วเยวี่ยอิง!เมื่อเห็นท่าทางตกใจของเขา ลั่วชิงยวนรู้สึกหนาวเหน็บในใจคนร้ายชุดดำตบหลังซ่งเชียนฉู่ ทำให้ซ่งเชียนฉู่ล้มลงไปหาลั่วชิงยวนลั่วชิงยวนรีบก้าวเข้าไปรับซ่งเชียนฉู่ทันทีส่วนคนร้ายชุดดำฉวยโอกาสหลบหนี แต่เขาจะหนีได้อย่างไร ทั้งลั่วอวิ๋นสี่และอู๋อิ่งต่างก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ทั้งสองยืนขวางทางคนร้ายชุดดำไว้ จากนั้นทั้งสามคนก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ลั่วชิงยวนวางซ่งเชียนฉู่ลง พลางเฝ้ามองวรยุทธของคนร้ายชุดดำเงียบ ๆ จึงรู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนร้ายที่นางเคยไล่ล่ามาก่อน และเคยเกือบจะฆ่าฟู่จิ่งหลีด้วย ก
ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่กลับจ่อกริชจันทร์เสี้ยวไปที่ฟู่อวิ๋นโจวเช่นเดิม“ท่านหลอกหม่อมฉันตั้งแต่ก่อนที่หม่อมฉันจะแต่งงานเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการอีกใช่หรือไม่?”“หลังจากที่หม่อมฉันแต่งงานเข้าจวนแล้ว ท่านก็เข้ามาใกล้ชิดหม่อมฉันหลายครั้งหมายจะพาหม่อมฉันไป ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของท่านเพื่อให้ฟู่เฉินหวนคิดว่าเรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน”“ฟู่อวิ๋นโจว หม่อมฉันเคยคิดว่าท่านเป็นมิตรกับหม่อมฉันอย่างแท้จริง! เมื่อทุกคนรังเกียจหม่อมฉัน ดูหมิ่นหม่อมฉัน มีเพียงท่านที่เต็มใจยื่นมือมาช่วยหม่อมฉัน”“ท่านเคยเป็นแสงสว่างในวันที่มืดมนของหม่อมฉัน”“แต่หม่อมฉันมิคิดเลยว่า แท้จริงแล้วแสงสว่างดวงนี้กลับสกปรกโสมมเช่นนี้”ลั่วชิงยวนเจ็บแปลบในใจ มิใช่เพียงแต่นางที่ทุกข์ทรมาน แต่ยังทุกข์ทรมานแทนลั่วชิงยวนผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย คนเดียวที่เคยเมตตานางกลับเข้ามาใกล้ชิดเพื่อใช้ประโยชน์ฟู่อวิ๋นโจวได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงหัวใจ“ชิงยวน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะหลอกลวงเจ้า แต่ข้ามิเคยทำร้ายเจ้า เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เสด็จพี่ทำกับเจ้า เจ้าจะให้อภัยข้ามิได้เลยหรือ?”“ข้าจ
เขายังคงมองฟู่อวิ๋นโจวด้วยความสับสน ฟู่อวิ๋นโจวจะยอมร่วมมือหรือ ลั่วชิงยวนสั่งซูโหยวทันที “จงส่งข่าวออกไปว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการถูกทำร้าย ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย รีบไปเชิญหัวหน้าหมอหลวงมู่และหมอเซิ่งไป่ชวนมา”ซูโหยวพยักหน้า “ขอรับ”ส่วนฟู่อวิ๋นโจวถูกนำตัวไปขังไว้ทันทีลั่วชิงยวนพูดว่า “ท่านไปพักผ่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันจะเข้าวังไปพบไทเฮาเพคะ”“หากไม่มีอะไรผิดพลาด คืนนี้ก็จะนำตัวลั่วเยวี่ยอิงกลับมาได้”เมื่อนางพูดจบแล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกไป แต่ฟู่เฉินหวนจับข้อมือของนางไว้แล้วพูดด้วยสีหน้ากังวล “ระวังตัวด้วย”“ลั่วเยวี่ยอิงมิสำคัญ เจ้าจงปกป้องตนเองก่อน”“ข้าจะส่งเซียวชูไปตามจักรพรรดิ เจ้าต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”ลั่วชิงยวนคลี่ยิ้ม “วางใจเถิดเพคะ หม่อมฉันมิได้โง่เขลา”ฟู่เฉินหวนจึงปล่อยมือ ลั่วชิงยวนและเซียวชูเข้าวังไปด้วยกัน เซียวชูไปรายงานเรื่องที่อ๋องผู้สำเร็จราชการถูกทำร้ายต่อจักรพรรดิ ส่วนลั่วชิงยวนไปยังพระตำหนักโช่วสี่ เรื่องนี้มิอาจล่าช้า ต้องแก้ไขโดยเร็ว......พระตำหนักโช่วสี่ลั่วชิงยวนรออยู่ครู่หนึ่งจึงได้พบกับไทเฮา ซึ่งไทเฮาคงเข้านอนแล้ว แต่ก็ลุกขึ้นม