“พี่หญิง ท่านออกมาแล้ว” หล่างมู่รีบลุกขึ้นจากพื้น“เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรือ?”หล่างมู่ตอบว่า “ข้ามาดูทุกวันเลยขอรับ”“ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว พี่หญิง ท่านทำอะไรอยู่ข้างในกันแน่ขอรับ?”ใช่แล้ว มิรู้ตัวเลยว่าเวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้วลั่วชิงยวนตบไหล่เขาเบา ๆ แล้วมอบตำรับยาให้เขา “ต่อไปนี้เห็ดใส ๆ พวกนั้นสามารถใช้เป็นยาเช่นนี้ได้”“สามารถรักษาโรคและบาดแผลได้มากมาย ดังนั้นเลิกเอาไปผัดกินกันได้แล้ว”หล่างมู่ตกตะลึง แล้วค่อย ๆ อ่านตำรับยาแต่ละใบ ในตำรับยาแต่ละใบมีการระบุสรรพคุณทางยาไว้อย่างชัดเจน“พี่หญิง นี่ท่านเขียนทั้งหมดนี้เลยหรือขอรับ?”หล่างมู่รู้สึกตกตะลึงและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง ที่แท้พี่หญิงอยู่ในนั้นครึ่งเดือนเพื่อเขียนตำรับยาเหล่านี้ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ตำรับยานี้ครบถ้วน เจ้าต้องท่องจำให้ได้ ห้ามใช้ผิดตำรับ”“ข้าคง… ต้องกลับแล้ว” นี่คือสิ่งที่นางสามารถมอบให้พวกเขาก่อนจากไปได้เมื่อหล่างมู่ได้ฟังดังนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววผิดหวัง “พี่หญิง มิอยู่พักอีกสักสองสามวันหรือขอรับ?”“ยังมีหลายสิ่งที่ข้ายังจัดการมิเสร็จในแคว้นเทียนเชวีย หล่างมู่ ต่อไปนี้เผ่านอกด่านก็ต้องพึ่งพาเ
ลั่วชิงยวนเร่งฝีเท้าม้าอย่างมิลดละ โดยมิได้ตระหนักถึงอันตรายใด ๆ เลย เมื่อล่วงเข้าสู่ยามราตรีก็ผ่านเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จึงหยุดพักเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ เพราะชุดสีม่วงนั้นสะดุดตาเกินไป“เจ้าของร้าน เปิดห้องพักหนึ่งห้อง”เจ้าของร้านรับเงินแล้วมอบกุญแจให้ “ห้องหมายเลขสามชั้นบน”ขณะที่ลั่วชิงยวนขึ้นบันได เจ้าของร้านก็หยิบภาพวาดออกมาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำ แล้วก็ถึงกับตกตะลึงลั่วชิงยวนเพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและกำลังจะนอนหลับพักผ่อน ก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากด้านนอก จากนั้นเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วงก็ดังขึ้นมาบนบันได แล้วประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออก ทหารกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา หลังจากยกภาพวาดมาเปรียบเทียบอีกครั้งแล้วก็ออกคำสั่ง “จับเลย!”ลั่วชิงยวนจึงถูกจับกุม “จับข้าด้วยเหตุใด!”“ผู้ต้องหาต้องถูกจับตามหมายจับ มิจับเจ้าแล้วจะให้จับผู้ใดเล่า!”ลั่วชิงยวนตกใจ รีบดิ้นรน “ปล่อยข้า ข้าคือพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการ!”“จับพระชายาของอ๋องผู้สำเร็จราชการนั่นแหละ!”เมื่อเห็นท่าจะถูกนำตัวไปยังศาลากลาง ลั่วชิงยวนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้กำลังขัดขืน แต่ทันใดนั้นก็มีเงาดำกระโจนลงมาจากท
นางไปขอยืมผ้าผืนหนึ่งจากแคว้นเทียนเชวียมาจากชาวบ้านจากละแวกนั้นมาสวมใส่ แล้วนำถ่านมาทาให้หน้าดำคล้ำลง จากนั้นซื้อเกวียนบรรทุกผัก แล้วออกเดินทางไปยังแคว้นเทียนเชวีย คราวนี้ก็คงจะหนีซือซิงได้แล้วเมื่อผ่านด่านตรวจก็ปรากฏว่าไม่มีใครจำนางได้เลย ลั่วชิงยวนผ่านด่านเข้ามายังแคว้นเทียนเชวียได้อย่างราบรื่น หลังจากผ่านเมืองผิงหนิงและเดินทางตลอดทั้งวันแล้ว ก็กลับมาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่เคยมาเมื่อวานตอนเย็น นางรีบไปเปลี่ยนอาภรณ์อีกครั้ง คราวนี้สวมชุดสีดำ สวมหมวกและถือดาบยาว แต่งตัวเป็นนักดาบพเนจร จากนั้นก็ซื้อม้าแล้วเดินทางต่อไป หลังจากเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืนมาหลายวันก็มาถึงเมืองเย่โจวที่มีชีวิตชีวาในตลาดที่คึกคัก มีผู้คนมากมายมุงดูกัน บนกำแพงติดประกาศหมายจับลั่วชิงยวน “ร่วมมือกับคนเผ่านอกด่าน ทรยศแคว้น จุ๊ จุ๊ คนเช่นสมควรถูกประหารชีวิตหากจับได้!”“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก!” เสียงด่าทอสาปแช่งดังขึ้นรอบกายลั่วชิงยวนจากไปเงียบ ๆ ที่แท้นางก็ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดร้ายแรงเช่นนี้ ต้องเป็นฝีมือของตระกูลเหยียนเป็นแน่ เช่นนั้นนางยิ่งต้องกลับไป! นางจะมิทนแบกรับความอัปยศอดสูเช่นนี้!
หล่างชิ่นแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น “เมื่อคืนนี้เป็นเพราะเจ้าเองรึ!”หล่างชิ่นหัวเราะเยาะเย้ย “ใช่ ข้าเอง” “ข้ารอเจ้าอยู่ที่เมืองเย่โจว เพราะที่นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าต้องผ่านกลับไปยังเมืองหลวง!” “เป็นข้าเองที่บอกให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมคนร้ายที่โรงเตี๊ยม” “เมื่อคืนข้าเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง” “เป็นอย่างไรบ้างเล่า? มิใช่เพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่ฉลาดนะลั่วชิงยวน” หล่างชิ่นกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง เตรียมที่จะเพลิดเพลินไปกับการทรมานลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมองหล่างชิ่น ดูเหมือนว่าฝีมือของนางจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก ดูมิรู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย และกลิ่นยาที่คุ้นเคยที่นี่ด้วย เหมือนว่าจะเป็น...หมอยา ลั่วชิงยวนนึกขึ้นได้ นั่นคือลั่วฉิง!หล่างชิ่นเปิดถุงกระสอบในมือ งูพิษตัวหนึ่งพุ่งออกมาฉกมือหล่างชิ่น แต่หล่างชิ่นกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นางจับงูพิษตัวนั้นขึ้นมาอย่างมิใส่ใจ และนำมันเข้ามาใกล้ใบหน้าของลั่วชิงยวน“ข้าไม่มีเหล็กตราทาส เช่นนั้นข้าจะให้มันกัดหน้าเจ้าแทนการประทับรอยตราทาสแทนดีหรือไม่?”รอยยิ้มดุร้ายบนใบห
ลั่วชิงยวนหรี่ตาลง มันได้ผลจริง ๆ “หล่างชิ่น ข้าจะยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ให้เจ้าฆ่า รีบมาสิ”หล่างชิ่นจ้องมองด้วยความโกรธ นางกำกริชแน่นอีกครั้ง แล้วยันตัวคลานไปแทงลั่วชิงยวน แต่ยังมิถึงสองก้าว นางก็ถูกความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่าเดิมทรมานจนล้มลงกับพื้น ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดทรมานสุดขีด“กรี๊ด”“ลั่วชิงยวน เจ้าทำอะไรกับข้า! โอ๊ย!”หล่างชิ่นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลั่วชิงยวนมองด้วยความเย้ยหยันแล้วคุกเข่าลง“เจ้าอยากฆ่าข้านักมิใช่รึ มาสิ”“ทุกครั้งที่เจ้าคิดจะฆ่าข้า จะทำให้เจ้าปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดเลยใช่หรือไม่?”“เช่นนั้นเจ้ายังจะอยากฆ่าข้าอยู่อีกหรือ?”ดวงตาของหล่างชิ่นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่นางมิสามารถจับกริชให้แน่นได้ด้วยซ้ำ ความเจ็บปวดทำให้เล็บของนางจิกลงบนพื้นจนเป็นหลุมลึก“ลั่วชิงยวน! เจ้าฆ่าข้าสิ! ฆ่าข้า!” หล่างชิ่นคำรามด้วยความโกรธแค้นลั่วชิงยวนหัวเราะเบาๆ “ข้ามิฆ่าเจ้าหรอก”“ข้าจะช่วยเจ้าให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ให้เจ้าได้เห็นคนที่เจ้าเกลียดที่สุดอยู่ตรงหน้า แต่เจ้าจะไม่มีทางฆ่าคนคนนั้นได้ตลอดไป”ลั่วชิงยวนอยากจะลองใช้หล่างชิ่นเป็นหนูทดลอง เพื่อดูว่าจะหาทางช่วยฟ
ลั่วชิงยวนก้าวเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร? ที่เมืองผิงหนิงครั้งนั้นมิใช่การแสร้งทำหรอกหรือ? ท่านต้องการหย่ากับหม่อมฉันจริง ๆ หรือ?”ฟู่เฉินหวนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุใดจะมิใช่เล่า? เจ้าปรารถนาหนังสือหย่ามาตลอดมิใช่หรือ? ข้าได้มอบให้เจ้าแล้ว เจ้ามิใช่พระชายาแห่งตำหนักอ๋องอีกต่อไป” “การกระทำของเจ้ามิเกี่ยวข้องใด ๆ กับตำหนักอ๋องอีกแล้ว”ลั่วชิงยวนตัวสั่นสะท้าน สูดจมูกแล้วกล่าวว่า “ถ้อยคำของท่านหมายความว่า ท่านต้องการตัดขาดความเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน เพราะเกรงว่าหม่อมฉันจะก่อความผิดร้ายแรงลามไปถึงตำหนักอ๋องอย่างนั้นหรือ?”ฟู่เฉินหวนกล่าวเสียงเย็น “ในเมื่อเข้าใจแล้วก็รีบไปเสีย” “ซูโหยว ส่งแขก!”ฟู่เฉินหวนสั่งเสียงเย็นชา แล้วหันหลังกลับไปในห้อง ซูโหยวจนใจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะบอกให้ลั่วชิงยวนออกไป แต่ลั่วชิงยวนกลับเดินผ่านซูโหยว ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูฟู่เฉินหวนตกใจ มองนางด้วยความโกรธเล็กน้อย ก่อนที่จะได้เอ่ยปากพูด ลั่วชิงยวนก็หยิบหนังสือหย่าออกมา“ฟู่เฉินหวน ก่อนหน้านี้เมื่อหม่อมฉันต้องการหนังสือหย่า ท่านกลับมิยอมให้”
“อืม”“แล้วท่านอ๋องจะปล่อยให้ตระกูลเหยียนสังหารพระชายาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฟู่เฉินหวนกล่าวอย่างใจเย็น “นางจะมิตายหรอก” นางถือตราประทับมังกร จะตายได้อย่างไร ทว่าครานี้ตระกูลเหยียนควรกลัวเสียแล้ว เพียงแต่ไทเฮาคงจะใช้ลั่วเยวี่ยอิงมาข่มขู่อีกครั้งแน่นอน......ลั่วชิงยวนถูกนำตัวไปยังจวนอัครเสนาบดี ข้าราชบริพารต่างมารวมตัวกัน ลั่วชิงยวนทำความเคารพ แล้วเสียงที่แข็งกร้าวก็ดังขึ้น“ลั่วชิงยวน เจ้ากบฏด้วยการสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่านเพื่อโจมตีเมืองผิงหนิง เจ้ารับสารภาพหรือไม่!”มหาราชาจารย์เหยียนถามด้วยท่าทางเย่อหยิ่งและน้ำเสียงเข้มงวด ลั่วชิงยวนแสดงสีหน้าสงบ ตอบโดยมิลังเล “มิรับสารภาพ”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมิยอมพูด ทางการได้รวบรวมหลักฐานที่เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่านแล้ว เช่นนั้นก็ต้องถูกจองจำไว้ในคุก และรอประหารชีวิตในวันข้างหน้า!”มหาราชาจารย์เหยียนกล่าวอย่างใจเย็น ลั่วชิงยวนหนีกลับไปตำหนักอ๋องแล้ว หากฟู่เฉินหวนจะปกป้องนางก็จะมิปล่อยให้นางถูกจับกุมไปจากตำหนักอ๋อง แต่หากฟู่เฉินหวนมิปกป้องลั่วชิงยวนแล้ว ลั่วชิงยวนก็ต้องตายอย่างแน่นอนแม่ทัพใหญ่ฉินมิพอใจ “ถึงแม้ว่าลั่วชิงยวน
“นั่นเป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อยุติสงคราม มหาราชาจารย์เหยียนกลับมิเข้าใจหรือ?” “มิเช่นนั้นสงครามครั้งนี้จะยุติลงเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?”เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วบริเวณ “ใช่แล้ว สงครามครั้งนี้จบลงเร็วกว่าที่คาดไว้มาก” “แท้จริงแล้วเป็นเพราะลั่วชิงยวนได้เป็นราชาเผ่านอกด่านหรือ?”มหาราชาจารย์เหยียนโต้แย้งด้วยความโกรธจัด “เจ้าเป็นคนแคว้นเทียนเชวีย เหตุใดจึงได้รับความไว้วางใจจากเผ่านอกด่าน!”ลั่วชิงยวนตอบกลับอย่างเย็นชา “ข้ามีวิธีของข้า มหาราชาจารย์เหยียนทำมิได้ กลับต้องการล้วงความลับของข้าอีกหรือ?”“และการเป็นราชาเผ่านอกด่านเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า บัดนี้ข้ามิใช่ราชาเผ่านอกด่านอีกต่อไปแล้ว”มหาราชาจารย์เหยียนยังคงพยายามใส่ร้ายนางต่อลั่วชิงยวนขัดจังหวะอย่างเย็นชา “แต่หลังจากที่ได้เป็นราชาเผ่านอกด่าน ข้าก็ได้รับข่าวสารมากมายจากภายในกลุ่มของพวกเขา” “เมื่อข้ารีบไปที่เมืองผิงหนิง เสบียงในเมืองเกือบจะหมดแล้ว ทหารปล้นอาหารจากชาวบ้าน ซ้ำยังบังคับให้ชาวบ้านออกรบ เพื่อปกป้องตนจากศัตรู ซึ่งปลุกเร้าความขุ่นเคืองในหมู่ราษฎร”“เงินที่ฝ่าบาททรงอนุมัติเพื่อสร้างป้อมปราการก็ถูกโกง นำไปสร้างแต่สิ