ปัง—ทำให้ทั้งสองตกใจ เสียงปังดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็มีเพียงเสียงดังและมีประกายไฟเล็กน้อย แต่เมื่อจบลงแล้ว บนพื้นก็มีผงสีขาวเป็นกองเล็ก ๆ มิรู้ว่าเมล็ดเหล่านี้ที่กลายเป็นผงแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร นางจึงตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ศึกษา ลั่วชิงยวนก้มลงเก็บผงเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง แม้จะเป็นกองผงละเอียด แต่ก็เก็บได้มิมาก เก็บได้เพียงครึ่งขวดเล็ก ๆ เท่านั้น “พี่หญิง สิ่งเหล่านี้ใช้ทำอะไรหรือขอรับ?” หล่างมู่ใช้มือแตะเล็กน้อยและกำลังจะเอาแตะลิ้น ลั่วชิงยวนรีบคว้ามือเขาไว้ “สิ่งนี้กินมิได้ มันมีพิษ” หล่างมู่รีบปัดมือแล้วไปล้างมือในน้ำพุ “พี่หญิง ท่านเคยมาที่นี่มาก่อนหรือ เหตุใดจึงดูคุ้นเคยเช่นนี้?” หล่างมู่ถามด้วยความสงสัย ลั่วชิงยวนเตือนอย่างจริงจัง “จำไว้ว่าหลังจากออกไปแล้วให้ลืมที่นี่เสีย อย่าได้มาที่นี่อีก” หล่างมู่พยักหน้า “ได้ขอรับ” ทั้งสองพักอยู่ที่นี่อีกคืน เมื่อฟ้าเริ่มสางก็ออกเดินทางจากหุบเขาอสูร นกอินทรีนั้นเก่งกาจมาก มันคอยคุ้มกันไปตลอดทางจึงไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดกล้าเข้าใกล้เลย เมื่อออกจากหุบเขาอสูรอย่างปลอดภัย นกอินทรีก็บินมาเกาะแขนของลั่วชิงยวนอีกครั้ง
เสียงของหล่างมู่ดังมาจากในพุ่มหญ้า “พี่หญิง เชิญนอนลงเถิด หญ้าเหล่านี้นุ่มนิ่มยิ่งนัก” ลั่วชิงยวนจึงนอนลงในพุ่มหญ้าเช่นกัน ปรากฏว่ามันนุ่มนิ่มอย่างมิน่าเชื่อ ไม่มีหนามทิ่มแทงเลยแม้แต่น้อย อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และพืชพันธุ์ นางกลิ้งตัวไปมา จู่ ๆ เห็ดสีใสราวกับผลึกก็ปรากฏต่อหน้าลั่วชิงยวน ลั่วชิงยวนตกใจแล้วเอื้อมมือไปแตะ เห็ดเซียนญาณวารี? โชคดีอะไรเช่นนี้! เห็ดชนิดนี้มีฤทธิ์แก้พิษได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อนำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าเป็นเห็ดสารพัดประโยชน์ แม้แต่นางในอดีตก็เคยเห็นเพียงสองครั้งเท่านั้น เป็นสิ่งหายากที่หาได้ยากยิ่งนัก นางเก็บเห็ดวิญญาณเซียนน้ำ แล้วห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างทะนุถนอม “พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?” หล่างมู่โผล่ขึ้นมาจากพุ่มหญ้า เมื่อเห็นนางเก็บเห็ดจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านจะนำกลับไปกินหรือ?” “กินมิได้หรอก นี่คือยา” ลั่วชิงยวนวางเห็ดไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม หล่างมู่ใช้มือแหวกพุ่มหญ้า “กินได้สิขอรับ แต่เพียงเท่านี้จะพอสำหรับทำผัดเห็ดหนึ่งจานหรือ?”ปรากฏว่าใต้พุ่มหญ้าเต็มไปด้วยเห็ดว
ฟู่เฉินหวนมิได้ตอบกลับ ภายในใจเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายอาจเป็นเพราะแผ่นดินอันกว้างใหญ่และใต้หล้าที่อิสระของเผ่านอกด่านเหมาะสมกับนางมากกว่า มิกลับมาก็มิเป็นอะไร จู่ ๆ ฟู่เฉินหวนก็เจ็บแปลบขึ้นในอกจนต้องเอามือกุมหน้าอกไว้ “ท่านอ๋อง เจ็บแผลอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? รีบพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” “กระหม่อมจะคอยเฝ้าอยู่พ่ะย่ะค่ะ” ทันใดนั้นทหารก็มาแจ้งว่า “ท่านอ๋อง มหาราชาจารย์เหยียนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เซียวชูได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ส่วนฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วและอยากจะลุกขึ้น แต่กลับลุกมิไหวเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส “ท่านอ๋อง หากมหาราชาจารย์เหยียนรู้ว่าท่านบาดเจ็บ ย่อมจะหาทางทำร้ายท่านเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!” เซียวชูบอกทหารว่า “ไปเถอะ! บอกไปว่าขณะนี้ท่านอ๋องมิอยู่ในเมืองผิงหนิง” “เตรียมที่พักให้มหาราชาจารย์เหยียนก่อน” ฟู่เฉินหวนกุมหน้าอกพลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มหาราชาจารย์เหยียนมาถึงเมืองผิงหนิงโดยมิแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ย่อมมีเจตนาร้ายบางอย่าง” “สั่งลงไป อย่าให้เขาพบกับซือซิงและหล่างชิ่น” มหาราชาจารย์เหยียนเดินทางไกลมาด้วยตัวเอง ย่อมเป็นเพราะเกรงว่าฟู่เฉินหวนจะจับได้ว่า เขาสมคบคิดกั
“ข้าน้อยอยู่ตรงนี้ขอรับ!”“มิว่าฟู่เฉินหวนจะอยู่ในเมืองผิงหนิงหรือไม่ เขาก็มิกล้าที่จะมิมาพบหน้าข้า ย่อมมีความผิดปกติ เจ้าจงรีบไปตามซือซิงมาโดยด่วน ข้าต้องการพบเขา”“รับทราบขอรับ!”มหาราชาจารย์เหยียนจึงอยู่ในเมืองนานขึ้นอีกระยะหนึ่ง หนึ่งชั่วโมงต่อมา ถิงกวงก็มาอยู่ตรงหน้ามหาราชาจารย์เหยียน “ท่านมหาราชาจารย์ พบที่คุมขังซือซิงแล้วขอรับ”มหาราชาจารย์เหยียนลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อประตูห้องเปิดออก ซือซิงก็เห็นมหาราชาจารย์เหยียนเดินเข้ามาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม“ท่านมหาราชาจารย์...” ซือซิงรู้สึกตื่นตระหนกทันใดดวงตาของมหาราชาจารย์เหยียนเฉียบคม “ฟู่เฉินหวนให้สิ่งใดแก่เจ้าจึงทำให้เจ้าทรยศข้า?”ซือซิงอธิบายด้วยความตื่นตระหนก “ท่านมหาราชาจารย์ เป็นเพราะลั่วชิงยวนใช้ป้ายของท่านหลอกลวงข้า! ข้าจึงหลงคิดว่าเป็นคำสั่งของท่านขอรับ!”มหาราชาจารย์เหยียนตกใจเมื่อได้ฟังดังนั้น ป้ายของเขาหายไปเมื่อมินานมานี้ แต่หายไปตอนอยู่ที่จวนมหาราชาจารย์ เหตุใดจึงตกไปอยู่ในมือลั่วชิงยวนได้?“เจ้าเห็นชัดหรือไม่ว่านั่นคือป้ายของข้า?”ซือซิงตอบอย่างมั่นใจ “แน่นอนขอรับ!”มหาราชาจารย์เหยียน
ฉินไป๋หลี่ตกใจมาก “ซีหลาน! ซีหลาน!”เขารีบวิ่งตามไปด้วยความตื่นตระหนก ลูกแก้วหลิงหลงกลิ้งไปไกลจนตกลงไปในคลองฉินไป๋หลี่ร้อนใจรีบเอื้อมมือไปคว้าไว้ แต่ลูกแก้วหลิงหลงกลับลอยไปตามน้ำเสียแล้วฉินไป๋หลี่บ้าคลั่ง เขาลุกขึ้นวิ่งออกจากจวนไปตามหาลูกแก้วหลิงหลงที่ไหลไปตามคลองเขาร้อนใจมากจนคุมสติมิได้ แต่เนื่องจากดวงตายังมิหายดีจึงมองมิชัด ทำให้เขาเดินสะดุดและชนเข้ากับสิ่งต่าง ๆ มากมายระหว่างทางนั่นมิใช่เพียงลูกแก้วหลิงหลง นั่นคือภรรยาและบุตรชายที่ตายไปแล้วของเขา! เขายังมิสามารถมองเห็นแสงเดือนแสงตะวันได้และยังมิได้เห็นภรรยาและบุตรชายเลยจะสูญเสียไปมิได้! สูญเสียไปมิได้เด็ดขาด!ฉินไป๋หลี่วิ่งออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ แล้วมองไปตามคลองเพื่อตามหาลูกแก้วหลิงหลงจากนั้นก็วิ่งกะโผลกกะเผลกเข้าไปในตลาด เนื่องจากมองมิชัดจึงชนคนไปมากมายแล้วบังเอิญไปชนกับอันธพาล อีกฝ่ายมีสีหน้ามิพอใจขณะผลักเขา “ตาบอดหรืออย่างไร!”“ขออภัย ขออภัยขอรับ” ฉินไป๋หลี่รีบขอโทษอีกฝ่ายมองเขาแล้วกระชากตัวเขาเข้ามา“เฮ้ย นี่มันฉินไป๋หลี่ น้องชายของคนทรยศแผ่นดินมิใช่รึ?”เมื่อพูดจบ ผู้คนรอบข้างต่างก็หันมามองกันเป็นตา
“ข้าบอกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับข้า!” หลี่เซียวม่านกัดฟันแน่น แล้วหันหลังเตรียมจะเดินจากไปแต่แล้วก็หยุดชะงักก่อนหันกลับมา “เรื่องลูกแก้วหลิงหลง ขออภัย...”“รอให้คุณชายใหญ่กลับมา จะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้”พูดจบ หลี่เซียวม่านก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว ฉินไป๋หลี่ก็กลับไปตามหาลูกแก้วหลิงหลงของเขาต่อพวกซีหลานอาศัยอยู่ในลูกแก้วหลิงหลง บัดนี้ลูกแก้วหลิงหลงตกลงไปในคลองแล้วไหลไปตามท่อ มิรู้ว่าไปอยู่ที่ใดแล้วพวกเขาคงหนาวเหน็บกันน่าดูเขาต้องรีบไปหาให้เจอ!ตามหาไปตามท่อระบายน้ำต้องหาเจอแน่!ฉินไป๋หลี่ตามหาไปเรื่อย ๆ แต่กลับมิทันสังเกตเห็นว่ามีพวกอันธพาลหลายคนกำลังแอบตามเขาอยู่เมื่อมาถึงริมทะเลสาบที่ไม่มีผู้คนจู่ ๆ พวกอันธพาลก็กรูกันเข้ามาใช้กระสอบคลุมหัว แล้วใช้ไม้ทุบตีฉินไป๋หลี่อย่างรุนแรง“คนทรยศแผ่นดิน! สมควรตาย!”“ตีให้ตาย!”ฉินไป๋หลี่ดิ้นรนอย่างไรก็มิหลุด เขาถูกกระสอบคลุมหัวแล้วถูกทุบตีอย่างหนักทันใดนั้นเอง ฟู่จิ่งหลีเห็นเหตุการณ์นี้จึงตะโกนขึ้นทันที “หยุด! กำลังทำอะไรกัน!”เมื่อเห็นว่ามีคนมาแล้ว พวกอันธพาลก็รีบวิ่งหนีไปฟู่จิ่งหลีรีบเข้าไปช่วยคนในกระสอบออกมา เมื่อเห็นว่าเป็
ณ เมืองผิงหนิงเซียวชูเดินทางกลับไปที่ห้องอย่างเหนื่อยล้า“ท่านอ๋อง การสกัดกั้นล้มเหลวพ่ะย่ะค่ะ! คนของมหาราชาจารย์เหยียนแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเพื่อซ่อนหล่างชิ่นไว้ กระหม่อมพาคนไปตามหล่างชิ่น กลับเจอคนลึกลับที่เคยอยู่ในซีหยางมาก่อน”“ป่าแห่งนั้นมีบรรยากาศลึกลับแปลกประหลาด กระหม่อมมิกล้าพาคนเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ”เซียวชูพูดจบก็คุกเข่าลง“กระหม่อมปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ฟู่เฉินหวนในชุดขาวมีใบหน้าซีดเผือด เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างสายลมแรงพัดเข้ามา ราวกับจะพัดร่างของเขาให้ปลิวไปได้“นี่คือสิ่งต่อรองที่มหาราชาจารย์เหยียนจะใช้กลับไป แน่นอนว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องหล่างชิ่น”“แต่สิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นเพียงคำสารภาพของหล่างชิ่นเท่านั้น ส่วนคนอาจต้องตาย”ตราบใดที่หล่างชิ่นมิตกอยู่ในมือพวกเขา มหาราชาจารย์เหยียนก็จะสบายใจดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาได้รับคำสารภาพที่เอื้อประโยชน์ต่อเขาจากหล่างชิ่น เขาก็จะกำจัดหล่างชิ่นทันที“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”“ออกเดินทางกลับเมืองหลวง” ฟู่เฉินหวนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเซียวชูเป็นห่วงอ
นางมิลังเล รีบลงจากเขาไปทันที สายตาของหล่างชิ่นดุร้ายขณะกัดฟันแน่น “ลั่วชิงยวน รอข้าก่อนเถอะ!”......เมื่อมหาราชาจารย์เหยียนกลับถึงเมืองหลวง สิ่งแรกที่ทำคือนำคำให้การของหล่างชิ่นขึ้นทูลเกล้าฯ ในราชสำนักทั้งการสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่าน แผนการโจมตีเมืองผิงหนิง ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของลั่วชิงยวนเขากล่าวโทษลั่วชิงยวนในราชสำนัก บีบบังคับให้จักรพรรดิออกคำสั่งจับกุมลั่วชิงยวน ปิดผนึกจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการและประหารตระกูลฉินทั้งตระกูลฟู่จิ่งหานรู้ดีว่าเป็นไปมิได้ที่ลั่วชิงยวนจะสมรู้ร่วมคิดกับเผ่านอกด่าน เพราะนางถือตราประทับของจักรพรรดิสูงสุดไปช่วยเหลือเมืองผิงหนิง แต่บัดนี้ลั่วชิงยวนหายตัวไป อ๋องผู้สำเร็จราชการก็ยังมิกลับมา ฟู่จิ่งหานรับมือกับแรงกดดันจากมหาราชาจารย์เหยียนมิไหวหลังจากพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อยื้อเวลาก็ต่อรองจนสามารถออกคำสั่งจับกุมลั่วชิงยวนไปก่อนมิเช่นนั้นจะถูกบีบให้ประหารตระกูลฉินทั้งตระกูลฟู่เฉินหวนเดินทางอย่างยากลำบากด้วยเส้นทางทุรกันดาร มิสนกลางวันกลางคืน ทันทีที่เข้ามาในเมืองหลวงก็ล้มลงไปมิสามารถทนจนถึงวังหลวงได้จึงถูกนำตัวกลับจวนอ๋องผู้สำเร็จ