ซือหลี่ตันติ่งไม่กล่าวอะไร ซึ่งถือเป็นการยินยอมเหยียนชางตกใจอย่างมาก ในชั่วขณะนั้น เขาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาแต่เขาค่อย ๆ รู้ตัว ยัยจั๋วซือหราน ทำไมยัยเด็กนี้ไม่ยอมแพ้สักที นางไม่กลัวสิ่งใดเลยจริง ๆ นางไม่กลัวอะไรเลยหรือความไม่เกรงกลัวของนางจะทำให้คู่ต่อสู้ของนางหวาดกลัวได้อย่างง่ายดายเพราะเรื่องต่าง ๆ มักจะเป็นเช่นนี้ เมื่อเจ้าไม่กลัวสิ่งใด ๆ ศัตรูของเจ้าจะเริ่มกลัวแทนยิ่ง จั๋วซือหราน แบบนี้ เขาจะเอาชนะอุปสรรคใด ๆ เพียงเพื่อแข่งขันกับ ตระกูลเหยียน ของพวกเขา ในมุมมองของเหยียนชาง เขามักรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า นางจะต้องชนะการแข่งขันครั้งนั้นยิ่งนางแข็งแกร่งเท่าไร นางจะยิ่งไม่กลัวมากขึ้นเท่านั้น เขามักจะอ่อนแอมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้นเป็นเพราะความกลัวนี้เองที่ทำให้เหยียนชางเสียสติในชั่วขณะเขาระงับอารมณ์และควบคุมน้ำเสียงไม่ได้ เขาบอกซือหลี่ตันติ่ง"ท่าน ท่านจะให้นางมาสอบแพทย์กลั่นยาได้อย่างไร ใคร ๆ ก็สอบแพทย์กลั่นยาได้เลยหรือ ยัยเด็กเย่อหยิ่ง นางคิดว่าตัวเองใช้ทักษะการแพทย์เป็นบ้าง และนางจะเก่งมาก ”ซือหลี่ฉือหางที่อยู่ด้านข้างกายเริ่มโกรธ และเสียงที่อ่อ
เหยียนชางมิกล้าเถียงคำใด ๆ "ใต้เท้า...สั่งสอนข้าน้อยไดเถูกต้อง ข้าน้อย...มิกล้าทำเช่นนี้อีกต่อไป"เสียงของซือหลี่ตันติ่งยังคงเย็นชา เขาตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า "มีคนอยากมาสอบแพทย์กลั่นยา ข้ายินดีอย่างยิ่ง หากเจ้าคิดว่า จั๋วซือหรานกำลังเสียเวลาของข้า หรือนางกำลังเล่นงานข้า เจ้าเลิกคิดเช่นนี้ได้”“หากนางสอบไม่ผ่าน นางต้องยอมรับการลงโทษจากหน่วยสืบสวนพิเศษ นางทราบเงื่อนไขข้อนี้และยอมรับมัน”เมื่อเหยียนชางได้ยินซือหลี่ตันติ่งพูดถึงเช่นนี้ ดวงตาของเหยียนชางสว่างขึ้นทันที "จริงหรือ"ทันทีที่เขาพูดจบ ซือหลี่ตันติ่งตบหน้าเขาด้วยพลังทางจิตวิญญาณของเขา และเสียงของการตบนั้นดังก้องดเป็นพิเศษซือหลี่ตันติ่งกล่าวต่อ "เดิมทีลัทธิอยู่ห่าง ๆ กับใต้หล้า โดยเนื้อแท้แล้ว พวกเราควรเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเจ้าเกินไป หากเจ้ากล้านำความขุ่นเคืองของเจ้ามากวนข้า มาพูดกับข้าเช่นนี้ และสงสัยคำพูดของข้าอีกครั้งละก็ ข้าจะจัดการเจ้าอย่างหนักแน่ ๆ ”เหยียนชางไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปและเมื่อพิจารณาจากทัศนคติของซือหลี่ฉือหางในภายหลัง เหยียนชางรู้สึกว่า การกระทำของเขาในวันนี้อาจทำให้ซือหลี่ฉือหางไม่สบายใจเล็
เมื่อฝูซูได้ยินคำพูดที่ครอบงำของคุณหนู เหมือนเขาได้รับความมั่นใจจากคุณหนู เดิมทีเขาวิตกกังวลอยู่ ตอนนี้เขาสบายใจได้เพียงแต่เขามองจั๋วซือหราน และขมวดคิ้ว“เป็นอะไร” จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าของเขา นางกำลังงงฝูซูถอนหายใจแล้วพูดว่า "คุณหนูขอรับ คุณหนูไปส่องกระจกดูหน้าตาก่อนไหมขอรับ หากคุณหนูเดินออกไปในสภาพนี้นี้ ยังไม่สอบเลย คนอื่นจะคิดว่าคุณหนูสอบตกแน่ ๆ"จั๋วซือหรานตกตะลึง จากนั้นนางเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของนางแล้วลูบหน้า “สีหน้าของข้าแย่ขนาดนี้เลยหรือ”นางเดินเข้าไปในห้องแล้วมองในกระจก อย่างที่ฝูซูพูดถึงเลย นางหน้าซีด ดวงตาแดงก่ำ และยู่ใต้เบ้าตาดำเนื่องจากการแข่งขันครั้งนี้สำคัญอย่างมาก ไปสภาพนี้ไม่ได้......เนื่องจากตระกูลเหยียนจงใจเผยแพร่ข่าวที่จั๋วซือหรานไม่เจียมตัวและอยากสอบติดแพทย์กลั่นยา ข่าวนี้ถูกกระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วดังนั้นระหว่างทางจากจวนของนางไปถึงหน่วยสืบสวนพิเศษ จึงมีผู้คนยืนดูนางเป็นจำนวนอย่างมากที่ประตูจวนของนางมีคนมาเฝ้าดูชาวบ้านเห็นประตูปิดสนิท พวกเขาต่างคิดกันว่า จั๋วซือหรานกลัวและไม่กล้าเข้าร่วมการแข่งขัน“นางต้องกลัวแล้วสิ อยากสอบแพทย์กลั่นยา นางค
มีคนถามพวกเขา " คุณท่านลิ่ว อย่างน้อย นางเคยเป็นลูกศิษย์ของตระกูลจั๋ว ทำไมพวกท่านไม่หลีกเลี่ยงหน่อย"คุณท่านจั๋วลิ่ ยิ้มเยาะ “นางถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่มานานแล้ว นางไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่อีกต่อไป เราเป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่โดยตรง ทำไมเราต้องหลบล่ะ”ทุกคนตกใจแม้ว่าทุกคนจะเคยได้ยินว่า จั๋วซือหรานอาจถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋ว เพราะหากนางไม่ถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ นางก็คงไม่ได้อาศัยอยู่ในจวนด้านนอกตามลำพังแต่หากไม่มีคำพูดที่ชัดเจนจากตระกูลจั๋ว ก็ไม่มีใครกล้าเชื่อตอนนี้มีคนยืนยันแล้ว และหากคุณท่านจั๋วลิ่วนั่นพูดเช่นนั้นคนเดียว ทุกคนคงยังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสามของตระกูลจั๋วกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ คุณท่านจั๋วลิ่วสำหรับคำพูดของคุณท่านจั๋วลิ่ว แม้ว่าผู้อาวุโสสามไม่ได้เสนอความคิดเห็นใด ๆ อย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งถือเป็นการยอมรับบัดนี้ชาวบ้านยิ่งเชื่อจั๋วซือหรานต้องแพ้แน่ ๆเวลาผ่านไปไม่นาน จั๋วซือหรานก็เดินไปที่ถนนด้านหน้าของหน่วยสืบสวนพิเศษ นางเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายเมื่อจั๋วซือหรานเห็นจั๋วหรูซิน คุณท่านจั๋วลิ่วและผู้อาวุโสสาม ดวงตาของจั๋ว
จั๋วซือหรานไม่เคยคิดเลยว่า มีคนสังเกตนางเกือบจะหัวเราะนางเร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปในหน่วยสืบสวนพิเศษ เนื่องจากมีการแจ้งแล้วว่า วันนี้นางจะมาสอบใบอนุญาตแพทย์ จึงไม่มีใครห้ามนางเดินเข้ามาในหน่วยสืบสวนพิเศษ ซึ่งนางเข้ามาอย่างราบรื่นหน่วยสืบสวนพิเศษองค์กรที่ห่างจากชีวิตของชาวบ้านอย่างมาก แต่ภายในหน่วยสืบสวนพิเศษกลับทำให้คนรู้สึกไม่เข้มงวด ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ดูเหมือนจะสบาย ๆ ไปหน่อยไม่รู้ว่าเป็นเพราะองค์กรนี้มั่นใจเกินไปว่า จะไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาในหน่วยสืบสวนพิเศษ ดังนั้นไม่ค่อยมีคนลาดตระเวนด้วยซ้ำจั๋วซือหรานเดินเข้าจากประตูหลักของหน่วยสืบสวนพิเศษ ระหว่างทาง นางไม่เจอใครเลยในห้องโถงด้านข้างทางด้านซ้ายของโถงหลักอันสง่างาม มีกระถางสามขาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ที่เรียบง่ายอยู่ด้านหน้าโถง บ่งบอกว่านี่คือแผนกตันติ่งจากระยะไกล จั๋วซือหรานเห็นร่างสูงที่สวมชุดคลุมสีดำและหน้ากากที่มีสัญลักษณ์เตาหม้อสามขาที่เป็นสีทองสัมฤทธิ์ บัดนี้เจ้าของร่างนี้กำลังยืนอยู่ที่ประตูแผนกตันติ่งนางรีบเร่งฝีเท้าแล้วเดินเข้าไป “ท่านเจ้าคะ ข้ามาสายหรือเปล่าคะ ระหว่างทางมีคนเยอะมาก”"ยัง" เสียงของซือหลี่ตันติ่งย
จนกระทั่งตอนที่นางเห็นชายคนนี้ ในที่สุดจั๋วซือหรานก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“คุณหนูจั๋วจิ่วไม่ต้องกังวล เรามาที่นี่เพื่อดูเฉย ๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะกดดันใด ๆ” เสียงของผู้หญิงดังมาจากบรรดาซือหลี่หลายคน เสียงนั้นไพเราะไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่านี่คือเสียงของซือหลี่เสวียนหมิง ซึ่งมาจากลัทธิเสวียนหมิง ลัทธิเสวียนหมิงเป็นเจ็ดลัทธิหลักที่เชี่ยวชาญในการฝึกฝนสาวกที่เชี่ยวชาญด้านการลอบสังหาร ซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวว่ากันว่าเหล่าสาวกที่ได้รับการฝึกฝนล้วนเหมือนกับ Dark Night Shuraแต่เสียงของ ซือหลี่เสวียนหมิงของท่านนี้ค่อนข้างอ่อนโยน "ท้ายที่สุด เราไม่เคยเห็นใครที่จากนอกลัทธิเข้าสอบแพทย์กลั่นยา ดังนั้นเราอยากรู้อยากเห็นมาก"“ใช่แล้ว ดังนั้นใต้เท้าเลยมาด้วย…” ซือหลี่อีกท่านที่อยู่ด้านข้างเห็นด้วย ตราที่อยู่บนหน้ากากของเขาแสดงให้เห็นที่มาของเขา - ลัทธิชางยหวี่ นี่คือลัทธิที่เชี่ยวชาญในการฝึกฝนสัตว์วิเศษและวิญญาณลูกธนูเมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของพวกเขา นางรู้สึกโล่งใจสรุปพวกเขามาดูเฉย ๆโดยรวมแล้ว พวกเขาไม่แตกต่างจากคนข้างนอกที่รอดูนางเสียหน้าเลย เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้... มีตั๋วในสนามซือหลี่ชาง
ซือหลี่ชางยหวี่ตกตะลึง เขาไม่ได้พิจารณาข้อนี้เลย เขาเพียงแต่รู้สึกว่า จั๋วซือหรานหยิบวัสดุยาจากชั้นวางของอย่างจริงจังและนางไม่ลังเลใจ เขาเลยคิดว่านางสอบผ่านแน่ ๆแต่หลังจากเขาฟังซือหลี่เสวียนหมิงพูดเช่นนั้น เขารู้สึกข้อสอบนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนี้“ป๋อยวนคงไม่แอบจัดข้อสอบยาก ๆ เพื่อให้นางสอบตกหรอกนะ”ซือหลี่ชางยหวี่ถาม เขามองซือหลี่ตันติ่งที่ยังคงยืนตัวตรงอยู่ที่นั่นซือหลี่เสวียนหมิงยืนอยู่ด้านข้าง เสียงของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ใครจะรู้ล่ะ เพราะป๋อยวนให้คนสอบผ่านยาก แต่ป๋อหยวนบอกข้าว่า คุณหนูจั๋วจิ่วนี้ใจกล้ามาก นางตกลงกับป๋อยวน หากนางสอบตกแพทย์กลั่นยา นางจะถูกลงโทษสิบเท่า”ขณะที่ซือหลี่เสวียนหมิงกำลังพูดอยู่ นางก็เกร็งและยืดนิ้วออกเล็กน้อย และเสียงแผ่วเบาของนางเผยให้เห็นความกระตือรือร้นเล็กน้อยที่คนอื่นสังเกตยาก“การลงโทษเท่าสิบครั้งนะ ข้าไม่ได้ลงโทษใครสิบเท่ามานานแล้ว…” นอกจากคำพูดอันเร่าร้อนของนางแล้ว การงอเล็กน้อยและการยืดนิ้วของนางกำลังแสดงความในใจของนาง-นางคันมือแล้วหากฟังเสียงที่อ่อนโยนของนางอย่างเดียว บางทีอาจไม่มีใครคิดว่าผู้หญิงที่มีเสียงที่อ่อนโยนจริง ๆ แล้วคือ ซื
ซือหลี่ฉือหางเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงกำลังจะพูดบั่นทอนกำลังใจแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป“นี่คือ...!” ซือหลี่ฉือหางพูดด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่แค่พลังวิญญาณของไม้ธรรมดา ๆพลังทางจิตวิญญาณของจั๋วซือหรานสั่นสะเทือนอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน จากนั้นนางค่อย ๆ ปิดเข้าไป แน่นอนว่าเจ้าของร่างเดิมเหมือนกับสมาชิกของตระกูลจั๋วคนอื่น ๆ พวกเขาถูกควบคุมด้วยเลือดแต่จั๋วซือหรานไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม พลังการแพทย์สายวิเศษ ของนางเปิดทางให้พรสวรรค์ทางสายเลือดของตระกูลจั๋วโดยไม่ตั้งใจ แม้ว่าพลังนี้ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ แต่แรงบันดาลใจแค่นี้ก็พอที่จะไปใช้ในห้องโถงยาของหน่วยสืบสวนพิเศษ การรับรู้ของนางพอที่จะให้นางใช้ในห้องโถงนี้แล้วจากนั้นนางก็หันหลังอย่างสงบ นางหยิบสมุนไพรอีกสองสามชนิดออกมาจากชั้นวางยาแล้วเรียงยาเหล่านี้และวางทั้งหมดไว้บนโต๊ะ“นี่คือยาตอนที่ข้าเดินเข้ามาในหน่วยสืบสวนพิเศษ มีหญ้าจาง ๆ อยู่ในรอยแตกของผนังข้างฉาก ข้าเกือบจะพลาดไปแล้ว…”“ส่วนนี่คือสาหร่ายใต้น้ำที่ก้นบ่อปลาหน้าห้องโถง”ทุดท้าย จั๋วซือหรานวางกล่องหนึ่งลงบนโต๊ะ "และนี่คือลูกปัดว
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค
เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า
ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห
ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ
“ใช่เลย แส้นี้ฟาดจนทำให้จั๋วจิ่วต้องมุ่งไปทางปากสัตว์ประหลาดของเขาเลยทีเดียว!”เมื่อครู่ คนทั้งหมดล้วนมองเห็น ซางถิงที่อยู่บนเวที พอเริ่มต้นก็ทำเอาจั๋วซือหรานประหลาดใจไปเลยทีเดียวพอฟาดแส้เข้ามา จั๋วซือหรานก็จำต้องหลบไปยังตำแหน่งที่แส้โจมตีไม่ถึงและซางถิงเองก็อัญเชิญสัตว์ประหลาดออกมาทันที ปรากฏตัวรอในทิศทางนั้นอยู่แล้วในสายตาของผู้ชม นั่นจึงเป็นการที่จั๋วซือหรานถูกซางถิงต้อนไปยังปากของสัตว์ประหลาดของตนเอง!แต่ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด หญิงสาวในสนาม ก็มีปฏิกิริยาขึ้นฉับพลันในจังหวะสะเก็ดไฟกระทั่งไม่มีใครมองเห็น ว่าสองดาบที่หลังนางปรากฏขึ้นมาเมื่อไร!แต่ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดาบยาวสองเล่มนั้น ถูกนางแบกไขว้ไว้ที่หลัง ตอนนี้ก็ล้วนทยอยกันออกจากฝัก ถูกนางกุมมั่นเอาไว้ในมือสัตว์ประหลาดที่ซางถิงเรียกออกมาคือเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ดุดันเช่นนี้ แล้วยังเป็นพวกตระกูลแมว พอมาอยู่บนเวทีประลอง อันที่จริงก็ได้เปรียบพอควรเพราะไม่เพียงแต่ดุร้าย แต่ยังคล่องตัวอีกด้วย!ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ประหลาดนี้มีจุดบกพร่องอะไร จุดบกพร่องนั้นจะต้องเป็นเพราะความยอดเยี่ยมเกินไป ความยาก