จั๋วหวายอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจ “ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่มองออกได้ด้วย หากท่านพี่ไม่อธิบาย ข้าคงมองไม่เข้าใจหรอกขอรับ”จั๋วซือหรานยิ้มและมองเขา นางเอื้อมมือไปบีบหยิกใบหน้าของเขา "นั่นคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้าไปเรียนหนังสือ ยิ่งเจ้าเรียนมากเท่าไร เรียนให้เยอะ ๆ สมองของเจ้าก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น เข้าใจไหม"ใบหน้าของจั๋วหวายถูกนางหยิกจนบิดเบี้ยว และเขาก็พูดอย่างไม่ชัดเจนว่า "ข้ารู้ ข้ารู้"แต่หากจะบอกว่าจั๋วหวายไม่ฉลาด เขาก็ฉลาดพอที่จะถามจั๋วซือหรานได้เลยว่า "หากเรื่องเป็นไปตามอย่างที่ท่านพี่พูด หากชิ่งหมิงถูกคนอื่นวางยาพิษโดยเจตนา หากท่านพี่รักษาเขาได้ มันจะทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองหรือไม่"จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ไกลขนาดนี้ ใครจะรู้เรื่องราวของข้า ข้าเป็นแค่คนไม่สำคัญ คนไร้ความสามารถ"จั๋วหวายม้วนริมฝีปากและพูดกับตัวเองว่า ท่านพี่ ซึ่งเป็นคนไม่สำคัญได้ทำให้เมืองหลวงวุ่นวายอย่างมากแล้ว“ยิ่งกว่านั้น ข้าเคยกลัวทำให้ผู้อื่นโกรธเมื่อไรล่ะ ที่ตลอดผ่านมา ข้าเป็นด…” จั๋วซือหรานมองและยิ้ม จากนนั้นนางพูดต่อ “แต่จงทำความดี และอย่าถามถึงอนาคต มุ่งไปตามความปรารถนาของตัวเอง ไม่ต้องสนใจเรื่องใด ๆ
หลังจากท่านพี่เขาเสียชีวิต เวินป๋อยวนเชื่อเสมอว่า ผู้ที่แสดงดีกับเราต้องหวังผลประโยชน์แน่นอนสัตว์ที่น่ารังเกียจเช่นมนุษย์จะทำทุกอย่างเพื่อผลกำไรจนกระทั่งเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้จากจั๋วซือหราน ต้องยอมรับว่าบางครั้ง พลังของคำพูดมีพลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เชื่อใครอีกต่อไปแต่หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาคิดว่าบางทีเขาสังเกตดูอีกครั้งก็ได้เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อชิ่งหมิงมาหาเขา จริง ๆ แล้วเขารู้สึกกังวลเล็กน้อยชิ่งหมิงเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ดั่งกระดาษเปล่า หากเขารู้สึกไม่สบายใจ เขาจะแสดงออกให้ผู้อื่นเห็นได้ง่ายผู้อื่นสามารถมองออกได้ในประโยคแรก และสามารถดูได้ในคำแรกเพราะเขาจะเรียกเวินป๋อยวนจากแต่เดิมป๋อยวนมาเป็น...“น้าชาย น้าชาย...”เวินป๋อยวนยืนอยู่หน้าติ่งกลั่นยา สีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง และพลังวิเศษในมือของเขาควบคุมความร้อนในติ่งอย่างเป็นระบบ เขาควบคุมไฟเพื่อเผายา และปรับแต่งวัสดุยาเมื่อได้ยินเสียงของชิ่งหมิง เขาก็เหลือบมองไปด้านข้างแล้วพูดว่า "ขอรับ"“ข้าอยาก... ออกไปข้างนอก” ชิ่งหมิงเม้มริมฝีปาก เมื่อคืนเขาสัญญากับจั๋วซือหรานแล้ว
ยาเม็ดที่อยู่ในขวดนี้เป็นการแสดงการขอบคุณที่ป๋อยวนมีต่อจั๋วซือหรานชิ่งหมิงเอื้อมมือและรับขวดนั้นมา ในที่สุดเขาดีใจจนดวงตาของเขาก็ขดตัวขึ้น "หากเป็นเช่นนั้น ข้าไปแล้วนะ"......เช้านี้ จั๋วซือหรานตื่นแต่เช้า“ท่านพี่ ท่านพี่... ท่านพี่ทำเช่นนี้ ข้าตื่นเต้นมากเลยขอรับ” จั๋วหวายรู้สึกเขาทำตัวไม่ถูกจั๋วซือหรานยกมือขึ้น นางปิดฝีปากไว้และหาว นางพูดด้วยเสียงขี้เกียจ "ข้าตั้งใจให้เจ้ารู้สึกถึงความเร่งด่วนนี้"อวิ๋นเหนียงยืนที่ด้านข้าง นางยิ้มแล้วพูดว่า "เจ้าจะได้ตื่นเต้นหน่อย มิเช่นนั้น เจ้าไม่ตั้งใจเรียน"“ท่านแม่” เมื่อจั๋วหวายได้ยินท่านแม่พูดเช่นนั้น เขายิ่งตื่นเต้น “ท่านแม่อย่าทำให้ข้าตื่นเต้นอีกสิ”อวิ๋นเหนียงยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า "แม่ไม่ได้ทำให้เจ้าตื่นเต้นหรอก แม่แค่ให้กำลังใจเจ้า หลังจากแม่ไม่อยู่ในเมืองหลวง เจ้าอยู่ในเมืองหลวง อย่าเป็นภาระของท่านพี่ของเจ้าล่ะ "ทันทีที่จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดอวิ๋นเหนียง ดวงตาของ จั๋วซือหรานที่ยังคงมืดมนจากการหลับใหลก็ตื่นตัวทันที และมองไปที่อวิ๋นเหนียง "ท่านแม่ตัดสินใจแล้วหรือเจ้าคะ""ใช่จ้ะ แม่ตัดสินใจแล้ว แม่กลับไปเยี่ยมบ้างดีกว่า"
เพียงแต่เนื่องจากตอนนี้สายไปแล้ว จั๋วหวายและชิ่งหมิง จึงเตรียมตัวไปหอหลวงโดยไม่รออวิ๋นเหนียงสอบถามเพิ่มเติมก่อนออกเดินทาง ชิ่งหมิงเอาขวดใส่มือของจั๋วซือหราน แล้วกระซิบว่า " ป๋อยวนเอาให้กับเจ้า"หลังจากส่งพวกเขาไปขึ้นรถม้า จั๋วซือหรานจึงมองดูขวดในมือของนาง แม้ว่านางเป็นขวดธรรมดา ๆ แต่นิ้วของนางก็สามารถสัมผัสได้ถึงสัญลักษณ์ของลัทธิตันติ่งที่ถูกสลักอยู่บนนั้นได้นางเพียงเปิดจุกเพียงเล็กน้อย มีกลิ่นหอมของยาเม็ดล้นออกมาจากข้างในจั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วยิ้มแม้ว่าอวิ๋นเหนียงไม่ได้เห็นสัญลักษณ์บนนั้นชัดเจน แต่นางก็ได้กลิ่นหอมของยาเม็ดที่อยู่ข้างใน นางรู้สึกโล่งใจเมื่อทราบว่ามันเป็นยาเม็ด“ยาเม็ดหรือ หรานหราน ลูกรีบทานเลย จะได้บำรุงร่างกายบ้าง แม่เห็นลูกหน้าซีด อาการบาดเจ็บเมื่อวานคงไม่หายดีใช่ไหม” อวิ๋นเหนียงขมวดคิ้วอย่างกังวล “ลูกให้พวกเราทานยาเม็ดไปแล้ว ลูกทานบ้างด้วยสิ จะได้หายไว ๆ ใช่ไหมลูก”จั๋วซือหรานไม่อยากทำให้ท่านแม่ของนางกังวล ดังนั้นนางจึงเปิดขวดและเทยาเม็ดเข้าไปในปากต่อหน้าแม่ของนาง หลังจากนางเทยาเม็ดเข้าไปในปากของนาง สีหน้าของจั๋วซือหรานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยโดยไม่ม
นั่นเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ จั๋วซือหรานไม่สามารถบรรยายความรู้สึกนี้ได้ เพราะนางไม่เคยประสบกับสถานการณ์หรือความรู้สึกเช่นนี้ในชาติที่แล้วของนางนางทำได้แต่ครู่นคิดและนึกคำบรรยายในใจว่า "คงอาจรู้สึกเหมือนวิ่งฟูลมาราธอนโดยไม่ได้หยุดพักหรือไม่ได้ดื่มน้ำสักคำ...ประมาณนี้มั้ง"ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงและความเหนื่อยล้าดูเหมือนล้นหลามร่างกายของราง และการที่นางได้ทานยาเม็ดในเมื่อครู่นี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนว่าในที่สุด นางหายความรู้สึกที่หมดเรี่ยวแรงและเหนื่อยล้าไปได้โดยเฉพาะนางรู้สึกตัวเองผ่อนคลายและสบายราวกับได้แช่น้ำอุ่นสิ่งที่ตามมาคือความเหนื่อยล้ามากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เหนื่อยเหมือนกับความเมื่อยล้าเช่นเปลืองเรี่ยวแรงสรุปคือ... จั๋วซือหรานรู้สึกเหมือนตอนนี้นางต้องไปนอนแล้วแต่นางนอนไม่ได้ นางกำลังจะนอนต่อ แต่มีคนเคาะประตูทันที“คุรหนูขอรับ มีแขกมาถึงแล้วขอรับ” เสียงของฝูซูดังจากนอกประตูจั๋วซือหรานหงุดหงิดเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล นางไม่ได้หงุดหงิดเพราะฝูซู แต่นางหงุดหงิดเพราะมีคนมาขัดขวางการพักผ่อนของนางแต่นางยังเดินไปที่ประตู นางมองใบหน้าที่ซีดเซียวของฝูซู นางถาม "เมื่อคืนเจ้าดูแล
จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ นางมองเหยียนฉี แต่ไม่พูดอะไรเดิมทีเหยียนฉี กำลังรอนางพูดก่อน ไม่ว่านางจะพูดอะไร ไม่ว่าจะเป็นการตำหนิหรือการละเมิด อย่างน้อยเขาก็สามารถรับมือกับอารมณ์ของนางได้แต่จั๋วซือหรานไม่ได้พูดสักคำ ดูเหมือนนางอยู่นิ่งเฉย แต่การนิ่งเฉยของนางดูเหมือนกลายเป็นฝ่ายกระทำเหยียนฉีรอไปครู่หนึ่ง แต่จั๋วซือหรานยังไม่คงเงียบเช่นเดิมเหยียนฉีพูดด้วยการขอโทษ " แม่นางจิ่วขอรับ ข้าทราบทุกเรื่องแล้วขอรับ ข้าต้องขออภัยจริง ๆ ข้าเพิ่งทราบผู้อาวุโสห้าฟังคำพูดของลุงเจ็ดและเหยียนหยี่หลิง และทำเรื่องที่ทรยศแม่นางจิ่วเช่นนี้"ใบหน้าของเหยียนฉีแสดงถึงการขอโทษอย่างจริงใจ ในการขอโทษของเขายังมีความเป็นห่วงอย่างเร่งรีบของเขา " แม่นางจิ่วสบายดีอยู่ไหมขอรับ อาการบาดเจ็บของแม่นางเป็นอย่างไรบ้าง อาการร้ายแรงไหมขอรับ"จั๋วซือหรานไม่รีบตอบคำถามเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงยืนโดยประสานมือพาดหน้าอกเพื่อมองเหยียนฉีเหยียนฉีสับสนเล็กน้อยกับท่าทางของจั๋วซือหราน หราน " แม่นางจิ่ว...ไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ ในที่สุดนางพูดว่า "ข้าอยากลองเชื่อใจคุณชายเหยียนจริง ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้... ดูเหมือนจะไ
จากระยะไกล ๆ นางเห็นร่างที่สวยงามกำลังมาที่สวนหลังบ้าน นั่นคือคุณหนูเจ็ดของตระกูลเหยียน เหยียนหยี่หลิงและคนที่เดินตามนางอย่างใกล้ชิดคือฉวนคูนฉวนคูนพูดซ้ำ ๆ "คุณหนูท่านนี้ คุณหนูไม่ควรเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตขอรับ โปรดหยุดฝีเท้าขอรับ"แต่ดูเหมือนหยี่หลิงไม่สนใจฉวนคูนเป็นคนเลย นางสะบัดมือ และผลักฉวนคูนออกไปฉวนคูนเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านโดยไม่มีการฝึกฝนใด ๆ เขาเป็นเพียงคนรับใช้ในบ้านธรรมดา ๆ เขาทนแรงผลักเช่นนี้ได้อย่างไร เขาบินออกและล้มลงกับพื้นอย่างแรงจั๋วซือหรานจ้องมองไปในทิศทางของฉวนคูน ทันทีที่ฉวนคูนกำลังจะล้มบนพื้น จู่ ๆ หญ้าบนพื้นสูงขึ้นและหนาขึ้นอย่างมากหญ้าเหล่านั้นช่วยรับฉวนคูนไว้ เพื่อไม่ให้เขาล้มบนพื้นอย่างแรงเหยียนหยี่หลิงมุ่งความสนใจไปที่จั๋วซือหราน นางไม่ได้สนใจคนรับใช้ที่ถูกนางโยนออกไปในก่อนหน้านี้มากนัก ใครกันแน่กล้าห้ามนางแต่เหยียนฉีสังเกตการกระทำของจั๋วซือหรานแล้ว ฉากสั้น ๆ นั้นทำให้เขาตกใจอย่างมากเหยียนหยี่หลิงเดินเข้ามาด้วยการเยาะเย้ย นางมองไปที่ จั๋วซือหราน " จั๋วจิ่ว ทำไม เจ้ากล้าให้ท่านพี่ของข้ามาขอโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้าเป็นผู้ทรยศต่อตระกูลของตัวเอง
เสียงที่คมชัดขัดจังหวะเสียงของเหยียนหยี่หลิงเสียงของนางหยุดอย่างกะทันหัน สีหน้าของนางแข็งทื่อ ดวงตาของนางตกใจจนต้องเบิกกว้าง และนางไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนนางมืนงงอย่างมากผมยาวของนางปลิวไปตามสายลมและปลิวไสวบนใบหน้าของนางปิ่นปักผมที่หักหลุดออกจากศีรษะ และชิ้นส่วนนั้นทำบาดบนใบหน้าของนางเบา ๆใบหน้าของเหยียนหยี่หลิงซีดลง และนางก็นิ่งเฉย นางไม่ทราบด้วยซ้ำว่า จั๋วซือหรานลงมือเมื่อใดและลงมืออย่างไรจากนั้นนางได้ยินเสียงปัง และปิ่นปักผมของนางก็แตกเป็นชิ้น ๆ และหลุดบนพื้นผมของนางถูกปล่อยทันทีกระบวนการนี้ทำให้นางหวาดกลัว นางกลัวเพราะนางไม่ทราบเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไรจั๋วซือหรานไม่ได้มองเหยียนหยี่หลิง แต่มองเหยียนฉี อย่างไร้ความรู้สึก นางพูด "หากนางไม่ไปจากนี้อีก การโจมตีครั้งต่อไปจะตกใส่หัวนางโดยตรง"เหยียนฉีตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน เขารู้สึกคอแห้งเพราะเขาตกใจอย่างมาก“เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้” เหยียนฉีพูดจบ แล้วรีบดึงเหยียนหยี่หลิงไว้ก่อนหน้านี้ เหยียนหยี่หลิงยังค่อนข้างจะหยิ่งเล็กน้อย นางทำตัวหยิ่งเพราะนางทราบจั๋วซือหรานถูกสั่งสอนแล้ว แต่ตอนนี้... ดูเหมือนน
“นี่ฝูซูกับเฮยหลิงยังไว้หน้าพวกเจ้าอยู่นะ ถึงยังไม่จับตะเกียบ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าแค่น้ำแกงก็ไม่ได้ชิมด้วยซ้ำ” เจี่ยงเทียนซิงวางตะเกียบลงหัวเราะฮั่วจือโจวไม่อยากเชื่อ ถามขึ้นว่า “นี่คือของที่แม่นางจั๋วจิ่วทำหรือ? จริงหรือเปล่า?”“เป็นของที่คุณหนูข้าทำเอง” ฝูซูพยักหน้าอินเจ๋ออันมองเขา ถามขึ้นว่า “คุณชายฮั่ว ยอมรับแล้วหรือยัง?”ฮั่วจือโจวถอนหายใจเบาๆ พยักหน้าเจี่ยงเทียนซิงเห็นท่าทางแขกยึดครองตำแหน่งเจ้าภาพของอินเจ๋ออันแล้วก็หัวเราะพรวดขึ้นมา “เปาน้อย เจ้าเองก็ไว้หน้าตัวเองหน่อยดีไหม คำพูดนี้ข้าต่างหากที่ควรถาม? เจ้าน่ะยอมรับแล้วหรือยัง?”“ถ้าข้าไม่ยอมรับ แล้วข้าจะเอาเงินมาให้พวกเจ้าด้วยตัวเองทำไมกัน?!” อินเจ๋ออันจ้องอย่างมาดร้ายไปทางเจี่ยงเทียนซิงตัวเขาเองอาจจะไม่ทันสังเกต ว่าตนเองกระทั่งลืมไปแล้วว่าต่อต้านชื่อเรีย ‘เปาน้อย’ อยู่เฟิงหร่านนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรมาตลอด สนใจแค่การกินอาหารบนโต๊ะอย่างรวดเร็วราวพายุดูดเท่านั้นนางกินไปด้วย พิจารณาชายหนุ่มสามคนนี้ไปด้วยในใจจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาเฟิงหร่านเกิดวิตกกังวลขึ้นมาแทนพี่ชายตนเอง นางชื่นชมในใจ พี่หญิงจั๋วน
สายตาฮั่วจือโจวมองจั๋วซือหรานอย่างลึกซึ้งตระกูลขุนนางเหล่านี้ล้วนเป็นแบบเดียวกัน จั๋วซือหรานเองก็เดินออกมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงเข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ทุกคนจะเป็นลูกหลานในตระกูลเหมือนกัน และก็จะมีพวกลูกหลานที่ได้รับการปฏิบัติกับให้ความสำคัญมากกว่า และก็จะมีลูกหลานที่ถูกมองข้ามหรือเมินเฉยแต่นี่ก็จะขึ้นอยู่กับฝีมือของรุ่นพ่อและฝีมือของตนเองดูจากจั๋วซือหรานแล้วมองออกไม่ยาก กระทั่งฝีมือของรุ่นพ่อก็ยังไม่แน่ว่าจะสำคัญ เพราะพ่อของนางนั้นไม่อยู่มานานแล้วมีเพียงฝีมือของตนเองที่ถูกให้ความสำคัญมากที่สุดดังนั้นในฐานะที่เป็นลูกหลานในตระกูล หากคิดจะได้รับการให้ความสำคัญของตระกูล อย่างน้อยก็ต้องทำผลงานออกมาให้ได้สถานการณ์ของฮั่วจือโจวตอนนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้เขามีฝีมืออยู่บ้าง และมีอุดมการณ์ของตนเองด้วยเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ จะตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะในตระกูลเช่นนี้ คนมากมายล้วนเป็นแบบเดียวกัน โอกาสอาจจะมีแค่ครั้งเดียว ถ้าทำผลงานไม่ได้ หลังจากนี้ทรัพยายากรก็อาจจะไม่เอนมาทางเขาอีกแล้วจุดนี้ จั๋วซือหรานไม่ลังเลที่จะพูดออกมาสายตาฮั่วจือโจวหยุดอยู่ที่แ
จั๋วซือหรานยิ้มๆ “ก็ต้องตั้งแต่ตอนที่เจ้าตามพวกเราเข้ามาแล้วน่ะสิ”ฮั่วจือโจวลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้ามาทางนี้ นั่งลงข้างโต๊ะพวกเขา“เมื่อครู่แผนของแม่นางจิ่ว ข้าได้ยินแล้ว” ฮั่วจือโจวเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกมาตรงๆเขาพูดประโยคนี้ออกมา ก็หวังว่าจั๋วซือหรานจะไม่ต้องมาเสียเวลาคิดมากในเรื่องนี้แล้วแต่ฮั่วจือโจวคิดไม่ถึงว่าจั๋วซือหรานจะพูดว่า “ข้าจงใจพูดออกมาให้เจ้าได้ยิน”สีหน้าฮั่วจือโจวตกตะลึงไปทันที “อะไรนะ?”จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้นว่า “คุณชายสามฮั่วฟังแผนการของข้าแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ไม่เลว” ฮั่วจือโจวตอบ “มิน่าสี่ตระกูลที่เหลือจึงมองเจ้าเป็นหนามยอกอก”รอยยิ้มบนหน้าจั๋วยังไม่จางหาย “ถ้าข้าไม่จงใจพูดให้เจ้าได้ยิน แล้วจะกล่อมให้เจ้ามาร่วมมือได้อย่างไรกัน?”“ร่วมมือ?” ฮั่วจือโจวตกตะลึงจั๋วซือหรานตอบ “อืม ข้าไม่มีเจตนาจะทำให้ตระกูลฮั่วต้องลำบากใจ ถ้าแค่ตระกูลฮั่วไม่ทำให้ข้าลำบากใจน่ะนะ แต่ข้าเองก็เข้าใจ บุ่มบ่ามไปแย่งธุรกิจของคนอื่น ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมาะสม และยังเป็นในสถานการณ์ที่ข้ามั่นใจว่าข้าคว้ามันมาได้ด้วย”ฟังคำพูดนี้ของจั๋วซือหรานแล้ว ฮั่วจือโจวก็หัวเราะขึ้นมา เขาก
“ทำให้มันคึกคักขึ้น?” เฟิงหร่านตาเป็นประกาย ความชื่นชมต่อตัวจั๋วซือหรานของนางไม่ได้แค่นิดหน่อยแล้วตอนนี้มองจั๋วซือหรานด้วยตาเป็นประกาย “พี่หญิงจั๋ว จะทำให้มันคึกคักขึ้นได้อย่างไรหรือ?”จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “วิธีการมีอยู่เยอะเลยทีเดียว ก็ให้เจ้าไปแสดงพ่นไฟ เฮยหลิงไปแสดงหน้าอกทลายหินอะไรแบบนั้น หรือไม่ข้าก็ให้พวกแมลงไปแสดงละครหุ่นกระบอก? ต้องสนุกคึกคักแน่ๆ...”“พ่น พ่น...พ่นไฟ??” ในสายตาเฟิงหร่านเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็จริง สำหรับนางที่เป็นคุณหนูลูกขุนนางเช่นนี้ทุกการกระทำทั้งหมดของจั๋วซือหราน กระทั่งแค่ลมหายใจของนาง ก็ดูจะผิดแปลกไปจากคนอื่นๆ ในตระกูลขุนนางเหล่านั้น “พ่นไฟเป็นไหม? ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวไว้ข้าหาเวลาสอนเจ้า” จั๋วซือหรานวางตะเกียบลง “สรุปคือ ถ้าถึงเวลาต้องเปิดกิจการ ก็หาการแสดงอะไรมา จากนั้นพอเปิดร้านก็เตรียมการให้ลูกค้าแต่ละโต๊ะหลังจากที่กินอาหารเสร็จ ก็มอบอาหารเพิ่มให้อีกหนึ่งจานแบบไม่ต้องจ่ายเงินอะไรแบบนี้”“ประชาชนกินเพื่ออยู่ ขอแค่ของอร่อย ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีใครมาอีกหรือ” จั๋วซือหรานคิดคิด เอ่ยต่อว่า “ไหนจะเรื่องที่อาหารของที่นี่รสชาติแย่แค่ไหน น่าจะไ
จั๋วซือหรานตอบ “เดี๋ยวเจ้าลองชิมก็รู้แล้ว...”ผ่านไปครู่หนึ่ง อาหารก็ส่งขึ้นมา หน้าตาแย่เอามากๆเจี่ยงเทียนซิงจึงเพิ่งได้ยินประโยคหลังของจั๋วซือหราน “...ไม่ใช่ห่วยแตกแบบธรรมดาด้วย”เจี่ยงเทียนซิง “...”เฟิงหร่าน “...”ฝูซู “...”เฮยหลิง “...”ทุกคนทยอยกันพูดไม่ออกจั๋วซือหรานหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบคำหนึ่งส่งเข้าปาก หลังจากเคี้ยวไปสองคำ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเจ้าลองชิมสิ ห่วยแตกแบบไม่ธรรมดาจริงๆ”เฮยหลิงยังพอไหว ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตยากลำบากมาแล้ว ขยับตะเกียบ หลังจากกินคำแรกไปเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าเขาเหมือนจะโกรธขึ้นแล้วเฟิงหร่านเองพอเห็นสถานการณ์ จึงวางตะเกียบลงเงียบๆเจี่ยงเทียนซิงถาม “เจ้าหิวแล้ว แต่จงใจมายังร้านอาหารที่รสชาติแย่หรือ?”จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น “ลองชิมดูก่อน แบบนี้ภายหลังจะได้มีความแตกต่าง”เจี่ยงเทียนซิงก็เชื่อฟังคำพูดของนาง คีบขึ้นมาพอส่งเข้าปาก จึงเพิ่งมีปฏิกิริยากับคำพูดของจั๋วซือหราน “...ภายหลัง?”ตอนนี้เอง อะไรบางอย่างที่อยู่ในปาก ในที่สุดก็ทำเอาประสามรับรสของเขาถูกปะทะอย่างรุนแรง“ถุด” เจี่ยงเทียนซิงพ่นอาหารในปากออกมา รู้สึกว่าคำวิจารณ์ก่อน
พอได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้ว “นั่นก็จริงอยู่”เจี่ยงเทียนซิงถามขึ้น “บาดแผลของเจ้าไม่เป็นไรหรือ?”“ถ้าเจ้าถามช้าอีกหน่อย มันก็หายสนิทแล้ว” จั๋วซือหรานมองตำแหน่งบาดแผลเหล่านั้นบนร่างกายตนเองผาดหนึ่ง“ที่ข้าพูดไม่ได้หมายถึงบาดแผลในการประลองเมื่อครู่ แต่เป็นของเมื่อคืนนี้” เจี่ยงเทียนซิงบอกมาเฟิงหร่านอยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง จึงรีบกำชับขึ้นมาว่า “จริงด้วย พี่หญิงจั๋ว ท่านไม่เป็นอะไรแล้วหรือ? ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านเข้าไปในศาลบรรพบุรุษเมื่อคืนนี้แล้ว นั่นมันอันตรายมากเลย! ท่านไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?”จั๋วซือหรานเหลือบมองแม่นางคนนี้ “พี่ชายของเจ้า กลับบ้านไปแล้วหรือยัง?”เฟิงหร่านตกตะลึง จากนั้นจึงพยักหน้า “กลับมาแล้ว”“เช่นนั้นเขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ?” จั๋วซือหรานถามขึ้นมาอีกเฟิงหร่านถอนหายใจอีกครั้ง “อารมณ์ของพี่ชายเหมือนไม่ค่อยดีนัก หลังจากกลับมา ผู้อาวุโสหลายคนที่อยากไปคุยกับเขา ก็ล้วนถูกไล่ออกมาหมด ข้าเองก็ไม่กล้าเข้าไปวุ่นวาย”นางมองจั๋วซือหรานตาแป๋ว “พี่หญิงจั๋ว เป็นเพราะท่านหรือเปล่า?”“หือ?” จั๋วซือหรานส่งเสียงสงสัยขึ้นมาเฟิงหร่านถามขึ้น
“ไม่มีเคล็ดวิชาอะไร กระทั่งไม่มีถุงเก็บสัตว์ด้วยซ้ำ แต่กลับเก็บแมงมุมหน้าผีระดับราชาลงไปได้ในชั่วพริบตา” ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้ตอนที่นางอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมา พวกเราถูกทำให้เข้าใจผิดจนคิดว่าอีกฝ่ายอัญเชิญออกมา คู่มือของนางคนนั้น แม้ความเร็วในการอัญเชิญจะเร็ว แต่ก็ยังต้องมีเคล็ดวิชาอะไรอยู่”“ตอนนั้นถูกเบนความสนใจจนไม่ทันสังเกต ตอนนี้กลับมองเห็นชัดเจนแล้ว ไม่แน่ว่าตอนที่นางอัญเชิญมาก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีเคล็ดวิชาอะไรในการเก็บหรือเรียก” คนตระกูลซางที่ถูกจั๋วซือหรานแย่งราชาแมงมุมหน้าผีไปคนนั้นเอ่ยขึ้นเสียงขรึมเขาจู่ๆ ก็รู้สึกโชค ที่ตอนไปจัดการราชาแมงมุมหน้าผีในป่าลึกลับตอนนั้น ตนเองไม่ได้เผชิญหน้ากับจั๋วซือหรานเหมือนคนพวกนั้นตอนนั้นเขายังรู้สึกว่า ราชาแมงมุมหน้าผีถูกแย่งไปเพราะโชคดีที่ไม่ได้มาเจอกับเขา ดังนั้นจึงแย่งไปได้อย่างราบรื่นแต่พอเห็นตรงนี้ ในใจเขาก็แอบรู้สึกโชคดี ยังดีที่ตนเองโชคดี! ไม่ได้ไปเจอเข้ากับจั๋วซือหรานในตอนนั้น! ไม่เช่นนั้น เขาคงได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในป่าลึกลับเหมือนคนอื่นๆ พวกนั้นแน่!และบนเวทีประลองตอนนี้ หลังจากจั๋วซือหรานเก็บราชาหน้
เปรี๊ยะ...! ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น แจ่มชัดอย่างมากต่อให้ในสถานที่ที่สับสนวุ่นวายอย่างในลานประลอง ก็ยังแจ่มชัดอย่างมาก!ทุกคนล้วนมีปฏิกิริยากันขึ้นว่ามาต้นเสียงมาจากไหนแต่เพียงไม่นาน ก็มีคนพบขึ้นแล้ว“ดู...ดูสิ! ให้ตายเถอะ...เว เวที แตก...แตกออกแล้ว!”ภายใต้การจับตามองของทุกคน ด้านใต้ร่างกายของซางถิง แตกออกมาเป็นรอยแยกรอยหนึ่ง!“นั่น...นั่นไม่ใช่เวทีที่ทำจากหินต้องห้ามหรือ? ทำ ทำไมถึง...แตกล่ะ?”ระดับความแข็งของหินต้องห้ามแค่จินตนาการก็รู้แล้ว ไหนจะคุณสมบัติพิเศษของหินต้องห้ามที่สามารถสะกดพลังวิญญาณของมนุษย์ได้ถ้าหากไม่สามารถใช้พลังวิญญาณ แล้วคิดจะสร้างรอยแตกแก่หินต้องห้าม นั่นมันฝันกลางวันชัดๆทว่าตอนนี้ กลับมีคนทำได้แล้วก็คือคนที่เดิมทีถูกทุกคนดูถูกบนเวทีประลอง ถูกทุกคนเข้าใจว่าสู้หลอกๆ เข้าใจว่านางไม่มีฝีมือการต่อสู้...คนที่เป็นแค่หญิงสาวในสายตาของทุกคนคนนั้นจัดการหั่น...เวทีประลองที่ทำจากหินต้องห้ามนี้จนแตกหลังจากที่ทุกคนตระหนักขึ้นได้ ทั่วทั้งลานก็เงียบลงมาทันทีจั๋วซือหรานมองไปทางอินเจ๋ออัน อินเจ๋ออันก็สีหน้าปั้นยากขึ้นมา กระทั่งประกาศแพ้ชนะก็ยังลืมทำ ยืนแข็งทื
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ