เขาทำได้ แต่เขาไม่ชอบผู้อื่นผู้อย่างกระจ่างใส เพราะจะทำให้เขาเสียหน้า“เจ้า...” จั๋วหยุนเฟิงเพิ่งอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับถูกดึงดูดด้วยการกระทำของนาง และถึงขนาดลืมไปว่าเขาพูดอะไรใส่นางกลับ เขาแค่ถาม “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่”เขาเห็นชิ้นส่วนที่มีรูปร่างแปลก ๆ ปรากฏบนมือของจั๋วซือหราน และพวกมันก็ถูกนิ้วอันคล่องของนางประกอบเข้าด้วยกันจั๋วหยุนเฟิงใช้ชีวิตในลัทธิเสวียนหมิงมาหลายปีแล้ว เขาได้ย้ายจากด้านนอกของลัทธิมาสู่ด้านในของลัทธิใน เขาถือว่าเป็นผู้ที่เคยเห็นของประปลาดหลาย ๆ อย่างแล้ว แต่เขามองไม่ออกของในมือของจั๋วซือหราน เขาไม่เคยเห็นของเหล่านี้ในมือของนางเลยสิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดคือ ภายใต้ควมามคล่องแคล่วของนิ้วมือของนาง ชิ้นส่วนเหล่านี้เข้ากันได้อย่างลงตัว ต้องมีทักษะประเภทเพียงใด จึงทำเช่นนี้ได้ ซึ่งมหัศจรรย์มากหลายปีที่ผ่านมา จั๋วหยุนเฟิงได้ฝึกฝนความรู้สึกถึงวิกฤต แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็พอเดาออกได้ว่ามันจะต้องเป็นเครื่องมือลอบสังหารบางอย่างแต่ผู้หญิงคนนี้กลับประกอบอุปกรณ์ลอบสังหารต่อหน้าทุกคนผู้คนกล้าทำเช่นนี้ มีเพียงสองความเป็นไปได้เท่านั้นหนึ่งคือนา
จากนั้นทุกคนก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแขนเสื้อครึ่งหนึ่งของจั๋วหยุนเฟิงถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่เนื่องจากรูเสื้อนั้นใหญ่มาก ผู้คนเห็นอาการบาดเจ็บที่นองเลือดด้านในได้ชัดเจนในทันทีแม้ว่าก่อนหน้านี้ จั๋วซือหรานได้รับบาดเจ็บมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของจั๋วหยุนเฟิงในขณะนี้ดูเหมือนจะรุนแรงกว่าอาการบาดเจ็บที่จั๋วซือหรานเคยประสบมาก่อนอาการบาดเจ็บนั้นทำให้ผู้คนตกใจอย่างมาก เพราะ...“นั่น...นั่นคือ...กระดูกของเขาหรือ”“ดู ดูเหมือนใช่เลย ดูเหมือนใช่เลย จั๋วจิ่วทำให้กระดูกของเขาโผล่ออกมาในคราวเดียวเลยหรือ”จั๋วหยุนเฟิงยังคงตกตะลึงอย่างมากและไม่สามารถฟื้นตัวได้ เขาตกใจกับความแข็งแกร่งของจั๋วซือหรานแต่เขายิ่งตกใจอย่างมากกับอาวุธที่ไม่รู้จักในมือของจั๋วซือหรานจากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดเป็น...นี่มันอะไรกันเนี่ย อาวุธหรือ หรือเครื่องมือหรือ ลัทธิเสวียนหมิงไม่มีของละเอียดเช่นนี้... ไม่ เกรงว่าแม้แต่ลัทธิฝานเทียน ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการหลอมอาวุธก็ยังไม่มีของใด ๆ ที่ละเอียดเช่นนี้เป็นไปได้ไหมว่า... นี่มาจากทางเหนือหรือดวงตาของจั๋วหยุนเฟิงเต็มไปด้วยตกตะลึง และเขายังดึงสติกลับมาไม
ปัง--!เสียงอันดังโตสั่นสะเทือนท้องฟ้า และแม้ว่าทุกคนเคยได้ยินเสียงนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย"ฟึ่บ--!"ทันใดนั้นจั๋วหยุนเฟิงก็พ่นเลือดออกมาเต็มปาก และดูเหมือนเขาจะอยู่ในสภาพที่แย่มากไม่มีแม้แต่รอยเลือดบนใบหน้าของเขาดอกไม้ที่ย้อมด้วยเลือดค่อย ๆ กระจายไปบนเสื้อผ้าบนหน้าอกของเขา เขายกมือขึ้นและจับหน้าอกของเขาไว้ เขามองบาดแผลนั้นอย่างตกตระลึง“สรุปเจ้า...” จั๋วหยุนเฟิงพูดสามคำด้วยเสียงแหบแห้ง และแม้แต่ร่างกายของเขาก็ไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป เขาก็เซถอยหลังไปสองก้าวแล้วล้มลงกับพื้นเลือดเหนียว ๆ เริ่มไหลออกมาจากปากของเขา และดวงตาของเขาก็แดงก่ำ เขาจ้องมองจั๋วซือหรานในเหตุกาณ์นั้น ไม่มีใครพูด หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าผู้อาวุโสจึงรู้ตัว“หยุนเฟิง หยุนเฟิง”“รีบเรียกหมอประจำจวน เร็วเข้า”ผู้อาวุโสสามจ้องไปที่จั๋วซือหราน เขาพูดอย่างโกรธ "เจ้าเด็กร้าย หากหยุนเฟิงเป็นอะไรไป ตระกูลจั๋วจะไม่มีวันปล่อยเจ้าแน่ ๆ แม้ว่าเจ้าจะฟ้องเรื่องนี้กับกรมสอบสวนคดีอาญาหรือหน่วยสืบสวนพิเศษก็ตาม ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าแน่นนอน"เดิมทีผู้อาวุโสสามคิดว่าเขาพูดเช่นนี้ จะทำ
จั๋วซือหรานรู้สึกอัญมณีบนผ้าคาดเอวของจั๋วหยุนเฟิงอาจเป็นของเช่นเดียวกันกับแหวนเสวียนเหยียนของนางเองนั่นก็คือแหวนเสวียนเหยียนสามารถช่วยระดมพลัง ในความเป็นจริง เป็นไปได้ที่ว่ามีความสามารถเช่นนี้ ตัวอย่างเช่น ลูกหลานของตระกูลเฟิงต่างใช้ดาบประจำตระกูลช่วยระดมพลังอัญมณีบนผ้าคาดเอวของจั๋วหยุนเฟิงคงมีความหมายคล้ายกันในขณะที่อัญมณีถูกบดขยี้ พลังรอบตัวของจั๋วหยุนเฟิงเริ่มค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งสีผิวและอำนาจของเขา และแม้แต่อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็รักษาได้อย่างรวดเร็วมันเหมือนความสามารถในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งอย่างมากของตระกูลจั๋วได้รับการเร่งตัวขึ้นหลังจากพลังในอัญมณีถูกปล่อยออกมาดวงตาของจั๋วหยุนเฟิงยังคงเป็นสีแดง เขาจ้องมองจั๋วซือหราน "วันนี้ ข้าจะช่วยตระกูลกำจัดเจ้า"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและไม่กล้าที่จะละเลย เพราะหลังจากที่อัญมณีแตกออก พลังที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของ จั๋วหยุนเฟิงดูไม่ธรรมดาด้วยซ้ำ นางยิ่งเกิดความรู้สึกว่า พลังบนตัวของเขาไม่ใช่ของตัวเขาเองเหมือนเขายืมพลังอื่นเช่นนั้นหรือ ดังนั้นพลังรอบตัวของเขาจึงดูรุนแรงเป็นพิเศษจั๋วซือหรานต้องระมัดระวัง นางไม่ห่วงความปลอด
ร่างกายของจั๋วซือหรานถูกจั๋วหยุนเฟิงโจมตีอย่างหนักนางรู้สึกดวงตาของนางมืดลงชั่วขณะหนึ่ง"......หราน หราน""ท่านพี่......"จั๋วซือหรานเพียงรู้สึกในขณะนี้ พยางค์ที่อยู่ข้างหูของนางดูเหมือนถูกลากไปเป็นพยางค์ที่ยาวมาก นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้นความมืดที่อยู่ตรงหน้าของนางชัดเจนอย่างมาก ในขอบบริเวณเริ่มมีจุดดำ ๆไม่ ข้าล้มไม่ได้จั๋วซือหรานกัดปลายลิ้นของนางอย่างแรง อยากให้ตัวเองตั้งสติไว้นางคายเลือดออกมาเต็มปาก เลือดนั้นไหลบนแหวนเสวียนเหยียน นางวางฝ่ามือลงบนพื้น เพื่อทรงตัวไว้ และเลือดก็ย้อมสีแสีแหวนเสวียนเหยียนให้เป็นสีแดงเข้ม ซึ่งน่าขนลุกยิ่งขึ้นยิ่งไปกว่านั้น เลือดยังไหลตามแหวนเสวียนเหยียน และหยดลงในลวดลายเรียบง่ายของพื้นหินที่ถูกแกะสลักและมีเวลายาวนานเลือดซึมเข้าลอยทีละนิดทีละน้อยรัศมีสีแดงเข้มของแหวนเสวียนเหยียนเริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นในขณะนี้ จั๋วซือหรานไม่ได้สังเกตแสงนั้นนางไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของแหวนเสวียนเหยียน แถมนางยังบิดแหวนเสวียนเหยียนอีกหนึ่งในสาม จนกระทั่งแหวนเสวียนเหยียนเปิดออกจนสุดแล้วแต่สิ่งที่จั๋วซือหรานไม่ค
“หราน… หรานหราน … หรานหรานลูกแม่”มือของอวิ๋นเหนียงสั่นอย่างแรง นางสังเกตแม้ลูกสาวของนางยังคงยืนอยู่ตรงหน้านาง แต่อาการของลูกสาวก็แตกต่างไปจากเมื่อครู่นี้อย่างเห็นได้ชัดนางยื่นมือออกและสัมผัสลูกสาวของตัวเอง นางก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วเห็น... ดวงตาของลูกสาวนางปิดลงแล้ว ทั้ง ๆ ลูกสาวหมดสิตแล้ว ยังคงยืนอยู่ตรงหน้านางกับเสี่ยวหวายชั่วขณะหนึ่ง อวิ๋นเหนียงรู้สึกเหมือนมีดแทงหัวใจของนาง และเสียงของนางก็เหมือนกับนกกาเหว่าที่ร้องไห้เป็นเลือด เศร้าและคร่ำครวญ " หรานหราน ลูกสาวของข้า"ดวงตาของจั๋วหวายแดงเหมือนเลือด เขาจ้องมองคนรอบข้าง จ้องพวกคนที่มีนามสกุลเดียวกับเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเกลียดชัง และความรังเกียจนั้นหาที่เปรียบมิได้ ความรังเกียจและความเกลียดชังนี้รุนแรงมากจนเมื่อเขาจำได้เขามีสายเลือดเดียวกันกับพวกเขา ซึ่งทำให้เขาเกลียดเลือดส่วนนี้ของเขาเองเหมือนเขาคืนสติไม่ได้แล้วแต่จั๋วหวายคืนสติได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาทราบว่า พี่สาวของเขาพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องพวกเขา และตอนนี้...ถึงเวลาที่เขาต้องดูแลท่านแม่ของเขาแล้วจั๋วหวายบีบข้อมือท่านพี่อย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ถอน
ดาบยาวที่ปิดกั้นอาวุธของจั๋วหยุนเฟิงนั้นมีลักษณะที่เรียบง่ายและไม่ได้ออกจากฝักด้วยซ้ำแต่อาวุธของจั๋วหยุนเฟิงถูกบล็อกได้อย่างง่ายดาย“เจ้า” จั๋วหยุนเฟิงมองไปที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมยาวและหมวกผ้ากอซ ดูลึกลับและแปลกมากพูดตามตรง ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนจำนวนมากที่มาชมการต่อสู้ด้วย พวกเขาต่างไม่ทราบว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นี้ปรากฏตัวอย่างไรและเมื่อใด“ผู้แข็งแกร่งรังแกผู้ไร้เรี่ยวแรง หลายคนรังแกผู้คนที่มีจำนวนที่น้อยกว่า ตระกูลจั๋วใช้วิธีนี้คล่องดีจัง” เสียงทุ้มลึกของชายคนนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและการเยาะเย้ยร่างกายของชายคนนี้ถูกเครื่องแต่งกายปกปิดไว้อย่างสนิท แม้ว่ามองจากเครื่องแต่งกาย จั๋วหยุนเฟิงจะมองไม่ออกว่าชายผู้นี้เป็นใคร แต่เมื่อเขามองดาบประจำตระกูลของเขาออก นั่นคือดาบประจำตระกูลของตระกูลเฟิงนอกจากนี้เขายังเห็นอักษรที่ถูกสลักไว้บนดาบของตระกูลอย่างชัดเจน - เหยียน“เจ้าคือ... เฟิงเหยียนหรือ”จั๋วหยุนเฟิงเป็นผู้ที่มีความภาคภูมิใจและหยิ่งผยองมาโดยตลอด ในอดีตเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับอัจฉริยะในเมืองหลวงอย่างจริงจัง แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อของเฟิ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฟิงเหยียนดันนิ้วหัวแม่มือของเขา และกระบี่เสวียนเหยียนก็ถูกปลดออกจากฝักทันใดนั้นแรงกดดันทางจิตวิญญาณมหาศาลแทบจะล้นหลามลงมาใส่ศีรษะของเขาสีหน้าของจั๋วหยุนเฟิงเปลี่ยนไปทันที เขามองดูชายลึกลับที่มีผ้าคลุมร่างกายอย่างสนิทอยู่ตรงหน้าเขาเฟิงเหยียนคนผู้นี้ จั๋วหยุนเฟิงตระหนักว่าเขาประเมินเขาต่ำไป หากเขาไม่ได้เปลืองพลังมากเกินไปในการต่อสู้กับจั๋วซือหราน ครั้งก่อน จนกระทั่งเขาต้องใช้พลังในหยกยุ่นหลิงของลัทธิเขาอาจจะยังสามารถต่อสู้กับซื่อจื่อของตระกูลเฟิงที่อยู่ตรงหน้าเขาได้ แต่ตอนนี้...จั๋วหยุนเฟิงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดมากเกินไป เพราะเขาไม่ทันสังเกตว่าในขณะนี้ เฟิงเหยียนแค่ผลักดาบประจำตระกูลออกจากฝักส่วนเดียว กระบี่เสวียนเหยียนของเขายังไม่ได้ถูกปลอกออกเลยด้วยซ้ำ มันก็มีพลังเช่นนี้อยู่แล้วเฟิงเหยียนถามอย่างใจเย็น “โอ้ หากข้ายืนกรานที่จะไม่ยให้พวกเขาอยู่ต่อล่ะ”สีหน้าของจั๋วหยุนเฟิงแย่มากทันที ก่อนหน้านี้เขาพูดอย่างเสียมารยาทมาก แต่ตอนนี้เขาไม่ตอบอะไรเลยแต่ในขณะนี้ เฟิงเหยียนก็สังเกตว่า มีบางอย่างกำลังผิดปกติภายใต้ม่าน ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็
เพราะบนเวทีประลอง ไม่ค่อยจะมีความยอดเยี่ยมที่พิเศษนัก หรือก็คือ การต่อสู้ที่งดงามยอดเยี่ยม คนที่เก่งกาจจริงๆ ใครก็ไม่อยากจะมาเสียเวลาบนเวทีประลองระดับต่ำๆ เช่นนี้ปกติจึงมีแต่การต่อสู้ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก และเพราะเหตุนี้ ทุกคนจึงอยากจะลองเดิมพันกัน อยากจะเห็นการต่อสู้ที่เลือดสาดยิ่งขึ้น เพราะมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดสายตาแต่ตอนนี้ การต่อสู้บนเวที ไม่จำเป็นต้องเลือดสาด แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมเพียงพอแล้วยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็มองออก!สถานการณ์ตอนนี้เหมือนเคยเจอมาก่อนเพียงไม่นาน ก็มีคนมีปฏิกิริยาขึ้นมา“ไม่ใช่เหมือนกับตอนยกแรกหรือ? แค่พลิกกลับมาเท่านั้น”“จริงด้วย! ตอนยกแรก เป็นหญิงสาวถูกอีกฝ่ายใช้แส้ไล่ฟาดบีบจนเข้าไปในระยะโจมตีของสัตว์ประหลาด!”“แต่ว่าตอนนี้เหมือนนางมาไล่บี้ชายคนนี้ไปในระยะของสัตว์ประหลาด...?”“ไม่ ไม่ใช่ นางบีบชายคนนี้ ตรงไปยังจุดโจมตีถัดไปของนาง!”“พอพูดเช่นนี้ ตอนยกแรกคงไม่ใช่ว่านางยอมให้คนอื่นชนะหรอกใช่ไหม...?”จั๋วซือหรานได้ยินเสียงเหล่านี้ หางตายกโค้งนางคิดจะให้ทุกคนรู้สึกเช่นนี้ พอเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครรู้สึกว่านางไม่มีฝีมือ เอาชนะมาได้เพราะอีกฝ
พอได้ยินคำพูดของซางถิง จั๋วซือหรานก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเพราะนางมีความรู้สึกอย่างชัดเจน ว่าชายคนนี้ยังมีไพ่ตายอยู่อีกเขายังมีฝีมืออื่นอีกแน่นอน แต่เขากลับยอมแพ้เสียแล้วไม่มีทางเป็นเพราะชื่นชมนางแน่ๆ เช่นนั้น...จั๋วซือหรานครุ่นคิด ขมวดคิ้ว เหมือนเข้าใจขึ้นหน่อยๆไม่ใช่เพราะชื่นชมนาง เช่นนั้น จะต้องเป็นเพราะคนของตระกูลซางตอนนี้ชมอยู่ในห้องหรูกระมัง ไพ่ตายของเขาน่าจะไม่อยากให้ตระกูลซางได้เห็นถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนจั๋วซือหราน ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นฝีมือของตนเอง ไม่กลัวความยุ่งยากอันที่จริงนางเองก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัวความยุ่งยากหรอก เพียงแต่เพราะ ต่อให้ตนเองจะพยายามปิดบังซ่อนเร้น แต่ก็เหมือนความยุ่งยากก็แวะเวียนเข้ามาหาอยู่เรื่อยเช่นนั้นทำไมจะต้องไปปิดบังซ่อนเร้นแล้วคอยอดทนกล้ำกลืน แต่ว่าทุกคนก็มีท่าทีและวิธีแก้ไขที่แตกต่างกันไปในสถานการณ์คล้ายๆ กันนี้จั๋วซือหรานเองก็เคารพการตัดสินใจ“โอ้...” นางลากเสียงยาวออกมา แสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว นางมองไปทางซางถิง “เช่นนั้นก็ขอบคุณ”แต่ว่าชัดเจนมาก วิธีการแก้ไขที่สงบสุขแบบนี้มันไม่ได้ ไม่มีทางทำให้นักพนันบ้าคลั่งที่แพ้บนที่
ซางเชวี่ยเอ่ยขึ้นเสียงขรึม “หวังว่าข้าคงจะแค่คิดมากไป หญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่านางจึงเหิมเกริมได้ขนาดนี้”การเหิมเกริมของคนล้วนต้องมีต้นทุนทั้งนั้นและตอนนี้ บนอัฒจันทร์ยิ่งครึกโครมเข้าไปอีก พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนคิดว่าซางถิงเป็นคนอัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมายังเหยียดหยามจั๋วซือหราน หัวเหราะเยาะนาง รู้สึกว่านางต้องแพ้อยู่เลย ยังรู้สึกว่าคนเขาเก็บของใหญ่มาปล่อยเอาตอนท้ายเพื่อจัดการนางใครก็คิดไม่ถึง ว่าเจ้าของใหญ่นี่ที่แท้จั๋วซือหรานเป็นคนอัญเชิญออกมา!บนเวทีคึกคักขึ้นมาทันทีคนที่มาจากค่ายทหารเหล่านั้น เหล่าทหารของค่ายทหารที่มาเพื่อสนับสนุนจั๋วซือหรานโดยเฉพาะ ล้วนส่งเสียงโห่ร้องยินดีออกมาก่อนหน้านี้เนื่องจากชัยชนะของคุณหนูจิ่วยังไม่ค่อยชัดเจน พวกเขาจึงค่อนข้างตึงเครียดหน่อยๆ กลัวว่าแม่นางจิ่วจะแพ้ดังนั้นจึงไม่กล้าส่งเสียงกันตอนนี้ในที่สุดก็ระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาได้แล้ว!ยังมีคนส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าจั๋วซือหรานคนนี้ชั่วร้ายเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่สนการวิเคราะห์ความสมเหตุสมผล รู้สึกแค่ว่าอยากจะลองแทงหุ้นที่ไม่มีใครสนใจ ถ้าเกิดมันพุ่งแรงขึ้นมาล่ะ?คนพวกนี้ ตอนนี้ก็โห่ร
อดพูดไม่ได้เลย ว่าคำสบถคำนี้ของจั๋วซือหรานแม่นยำมาก ผู้คนที่บาดเจ็บเหล่านี้ ดูแล้วเหมือนถูกทัณฑ์เชือดเฉือนอย่างไรอย่างนั้นแต่ละคนกลายเป็นมนุษย์โชกเลือดไปหมด!และเพราะฉากที่ค่อนข้างน่าตกตะลึงนี้เลือดสดจึงกระตุ้นเอาความเร่าร้อนของคนทั้งหมด“ฆ่าๆๆ!”“ฆ่าเขาเสีย!”“ฆ่านางเสีย!”ตอนนี้เหมือนจะไม่เกี่ยวกับแพ้ชนะแล้ว แต่กลับเกี่ยวข้องกับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้มาจากเลือดเหล่านี้“จั๋วซือหรานคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว สัตว์ประหลาดที่นางนำมาร้ายกาจขนาดนี้เชียว!”“นางคิดจะทำให้คนตกตะลึงไปถึงเมื่อ...”มีคนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกความโกลาหลที่ปรากฎขึ้นกะทันหันตัดบทไปเสียแล้ว“ทำ ทำไมหรือ? เกิดอะไรขึ้น?”“ให้...ให้ตายเถอะ รีบดูสิ นั่นมัน...”“นั่น...มันอะไร สถานการณ์อะไรกัน...?”ทุกคนล้วนตกตะลึงไปแล้วเพราะว่าตอนนี้ ทุกคนล้วนเห็นแล้ว ว่าราชาแมงมุมหน้าพิษ....ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่ซางถิงอัญเชิญออกมากลับมาขวางไว้ด้านหน้าจั๋วซือหรานพูดให้ถูกคือ อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่า พอการโจมตีของผีเสื้อปีกระยับไม่มีผลกับราชาแมงมุมหน้าผี ราชาแมงมุมหน้าผีจึงจะต้องไปโจมตีจั๋วซือหรานแล
ไม่มีคนสังเกตเห็น ว่าที่ข้างเวที เจ้าสำนักหอจันทร์เงินที่หน้าตาอ่อนโยนหล่อเหลา เวลานี้มีสีหน้าปั้นยากมากตราประทับจันทร์เสี้ยวที่หน้าผากนั่น ขมวดเป็นก้อนจากการขมวดคิ้วแน่นของเขาแล้ว!คนอื่นอาจไม่รู้ แต่อินเจ๋ออันชัดเจนอย่างที่สุด!ผีเสื้อปีกระยับตัวเดียวของนางเผชิญหน้ากับราชาแมงมุมหน้าผีแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรกัน? ผีเสื้อปีกระยับตัวหนึ่งถ้าเผชิญหน้ากับแมงมุมหน้าผีมันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว!แต่ผีเสื้อปีกระยับนั่นไม่ใช่ของจั๋วซือหราน!อินเจ๋ออันเข้าใจเป็นอย่างดี ตั้งแต่ตอนแรกเขาก็รู้ถึงอันดับการออกสัตว์ประหลาดของซางถิงแล้ว ยกที่สามคือ...ผีเสื้อปีกระยับผีเสื้อปีกระยับที่ไม่มีประโยชน์! เป็นของซางถิง!ส่วนราชาแมงมุมหน้าผีที่พลังกับขนาดร่างกายสะกดไปทั้งเวทีนั่น เป็นของจั๋วซือหรานต่างหาก!อินเจ๋ออันดูถูกนางไปจริงๆ ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เสียใจอย่างมาก เสียใจอย่างมากจริงๆ แค่คิดขึ้นมาใจก็รวดร้าวแล้วตอนนี้เอง ในห้องหรูบนหอในห้องหรูของตระกูลซาง เสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น “นี่เลย นี่เลย คุณหนูสี่ ราชาแมงมุมหน้าผีตัวนี้ เดิมทีเป็นสิ่งที่ข้ากับคนเหล่านั้นจะมอบให้เป็นของขวัญวันเก
พอสิ่งมหึมานี้ปรากฏขึ้น ทั่วทั้งลานก็เงียบกริบไปทันที!ทุกคนหวาดกลัวกันจนกระทั่งกลั้นหายใจ!หนึ่งคือเพราะมนุษย์นั้นจะเกิดความกลัวได้ง่ายต่อสิ่งของที่ใหญ่โตมหึมานี่น่าจะเป็นสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในยีนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายยิ่งไปกว่านั้น ตัวมนุษย์เองก็หวาดกลัวกับแมลงประเภทแมงมุมอยู่แล้วโดยเฉพาะแมงมุมที่ดูฉูดฉาดและร่างหายมหึมาขนาดนี้ตอนนี้เอง เจ้าตัวโตที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันบนลานประลองก็คุมสถานการณ์ไปทั้งหมดแล้ว!ใหญ่แล้วหรือ? นี่มันยังย่อไว้หน่อยแล้วด้วยนะ ไม่อย่างนั้นบนเวทีนี้ มันเดินไม่กี่ก้าวก็คงจะสุดทางแล้วแมงมุมหรือ? ขาขนปุกปุยทั้งแปดกับแขนเคียวนั่น แล้วยังมีปากที่แหลมคมอีก มองอย่างไรก็เป็นแมงมุม ไม่ใช่ปูอย่างแน่นอนฉูดฉาดหรือ? ลายดอกไม้บนหลังกับท้องของมัน เหมือนกับใบหน้าผีที่กำลังร้องไห้กำลังหัวเราะอยู่อย่างไรอย่างนั้นนี่คือที่มาของชื่อมัน“แมงมุมหน้าผี!”“นี่มันแมงมุมหน้าผี! น่ากลัวเหลือเกิน!”“ข้ากลัวแมงมุม ขนข้าลุกไปหมดแล้ว!”“ข้าก็ด้วย!”“แมงมุมหน้าผีที่ใหญ่โตขนาดนี้ ต้องเป็นระดับราชาแล้วกระมัง? ครั้งนี้จั๋วซือหรานแพ้แน่แล้ว!”เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ถึงอย่างไร ความจริงก็จะสอนให้เขาเป็นคนเอง ถึงอย่างไร คนเหล่านั้นที่ปากแข็งกับนางก่อนหน้า เจ้าพวกที่ควรตบฉาดก็ตบไปแล้วไม่มีเขาก็ไม่ได้น้อยลง หรือมีเขามาสักคนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไรตอนที่จั๋วซือหรานกลับมาถึงห้องพักผ่อน ก็เห็นเจี่ยงเทียนซิงรออยู่ที่นั่นแล้ว“ทำไมยังมาด้วยตัวเองอีกล่ะ?” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเจี่ยงเทียนซิงยิ้มๆ “ในเมื่อชนะแล้วนี่ ก็ต้องมาฉลองชัยชนะของเจ้าสักหน่อยไหม”จั๋วซือหรานหัวเราะเบาๆ “เพิ่งจะยกเดียวเอง ยกต่อไปต่างหากที่สำคัญ”เจี่ยงเทียนซิงคิดๆ ตอบมาว่า “ข้ารู้สึกว่าฉลองล่วงหน้าได้ เจ้าเป็นคนที่มีความคิดดีดีอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจพอต่อเรื่องนี้ เจ้าไม่มีทางบุ่มบามเห็นด้วยหรอก”จั๋วซือหรานยิ้มๆ ไม่พูดจา“แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายกนี้เจ้าจะสู้ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจี่ยงเทียนซิงเดิมทีคิดว่าความหมายของจั๋วซือหรานคือรอยกต่อไปแล้วค่อยเริ่มต่อสู้ ยกนี้แค่สู้ให้ชนะอย่างหวุดหวิด แต่การแสดงออกเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าข่มกดดันไว้จนหมด แต่ก็ไม่ใช่ชนะอย่างหวุดหวิดแน่นอน ตอนท้ายยังดูค่อนข้างอหังการอีกด้วย จั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “หลักๆ คือคิ
“ให้ตายเถอะ...”ทุกคนเห็นแค่ จั๋วซือหรานที่เดิมทีเต้นรำอยู่ท่ามกลางพายุห่าฝนแส้ที่หนาแน่นเวลานี้นั่งลงมาแล้ว...อยู่บนตัวซางถิง?พูดให้ถูกต้องคือ นางกดเขาอยู่บนเวทีหินต้องห้ามไปแล้วหัวเข่าข้างหนึ่งของนางยันไว้ที่หน้าอกเขา แต่การเคลื่อนไหวนี้ ไม่ใช่จุดสำคัญที่ควบคุมเขาไว้ หรือเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้คนอื่นต้องทึ่งการเคลื่อนไหวสำคัญ คือสองดาบที่พาดไขว้อยู่บนคอซางถิง ดาบสองเล่มสลับไขว้อยู่บนคอเขา คมดาบหันเข้าด้านใน ขังคอของเขาเอาไว้ที่ร่องตัดสลับของคมดาบราวกับว่าขอแค่เขาขยับตัว นางแค่ออกแรงเบาๆ ก็เด็ดหัวเขาออกมาได้แล้ว!เพียงแค่มอง ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คนที่เห็นอดกลั้นหายใจขึ้นไม่ได้ขณะที่บนเวทีมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น ในห้องหรู เฟิงหร่านก็ส่งเสียงตกตะลึงออกมา“เขา...คนนั้นตายหรือยัง?” เฟิงหร่านถามขึ้น เสียงดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เพราะจากมุมมองของนาง มองเห็นแค่แผ่นหลังของจั๋วซือหราน คุกเข่ากดหน้าอกอีกฝ่ายเอาไว้สองมือกุมดาบไขว้กดลงไปมองแล้วเป็นการเคลื่อนไหวที่จะเอาชีวิต เป็นการเคลื่อนไหวแบบประหัตประหารแต่เพราะถูกแผ่นหลังของจั๋วซือหรานบังไว้ ดังนั้นอันที่จริงจึงไม่รู้ว่า
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ