Share

บทที่ 151

Author: หูเทียนเสี่ยว
จ้านหลูยังสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดหรือเปล่า ดังนั้นเจ้านายของเขาจึงต้องการลงโทษเขาด้วยวิธีนี้

จ้านหลูคิดกับตัวเองว่า หากข้าทำอะไรผิด ขอเจ้านายลงโทษข้าด้วยวิธีการลงโทษต่าง ๆ แต่ไม่ใช่ให้ข้าดมกลิ่นอาหารอร่อย ๆ แต่กินไม่ได้ ซึ่งทรมานคนมาก

เมื่อจั๋วซือหรานผัดเป็ดเสร็จ แกงก็จะเสร็จแล้วเหมือนกัน และเนื้อแกะก็หมักเรียบร้อยแล้วด้วย กล่าวกันว่าบางทีต้องหมักข้ามคืน รสชาติจะได้เข้าถึงเนื้อ แล้วจะอร่อยกว่า

แต่จั๋วซือหรานไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ดังนั้นนางจึงทำได้แค่นั้น

ฝูซูทำตามคำสั่งของนาง เขาได้จัดชั้นวางในสวนและแขวนตะขอเหล็กอันใหญ่ และจุดไฟและรอนาง

จั๋วซือหรานแขวนเนื้อแกะแล้วย่างสักพัก จากนั้นทาน้ำปรุงรสแล้วโรยด้วยเครื่องเทศวิญญาณและผงพริก

ในตอนแรก ฝูซูยังคงอดความอยากกินอาหารของเขาได้อยู่

ต่อมาเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว เขานั่งยอง ๆ ข้าง ๆ จั๋วซือหราน เหมือนลูกหมารออาหาร “คุณหนูขอรับ จะเสร็จเมื่อไรขอรับ หอมมากขอรับ ขอชิมก่อนได้ไหมขอรับ”

“ยังไม่เสร็จเลย เสร็จก่อนค่อยชิมสิ” จั๋วซือหรานกล่าว

จั๋วซือหรานแปรงเนื้อแกะสับด้วยน้ำผึ้งอีกครั้ง

นางเหลือบมองผนังข้าง ๆ แล้วพูดว่า "ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว ทำไมไม่ลงม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 152

    เขาคิดแล้วรู้สึกว่าเขาทานข้าวที่นี่โดยไม่ได้ช่วยอะไร เนื่องจากเขาต้องกินข้าวบ้านนาง เขาจึงต้องทำอะไรบางอย่างให้นางจ้านหลูอาจเดาได้ว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ลานด้านนอกอาจถูกตระกูลจั๋วส่งมาเขาลังเลและถามว่า "หากคุณหนูต้องการ ข้าช่วยสั่งสอนพวกเขาก็ได้"จั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก ข้าให้พวกมันอยู่ที่นี่ไม่ได้เป็นเพราะข้าสั่งสอนพวกเขาไม่ได้ ข้าให้พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเขากลับไปรายงานตระกูลจั๋วว่า ข้ามีชีวิตสบาย ๆ "จ้านหลูคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าแล้วเข้าไปกับฝูซู ยกของที่นางสั่งออกมาพวกเขาจัดวางตามจั๋คำสั่งของวซือหราน และพากันเริ่มทานข้าวกันทีแรกฝูซูและจ้านหลูยังเกรงตัวเล็กน้อย แต่หลังจากกินไปสองคำ พวกเขาก็กลับเกรงตัวแล้ว เพราะกับข้าวมีกลิ่นหอมและอร่อยมากฝูซูชมไปและทานไป“คุณหนู คุณหนูเป็นอัจฉริยะจริง ๆ คุณหนูเป็นอัจฉริยะมาก คุณหนูทำเป็นทุกอย่างได้อย่างไรขอรับ”จ้านหลูไม่ค่อยเก่งในการชื่นชมผผู้อื่น ดังนั้นเขามีแต่พยักหน้าอย่างเดียวจั๋วซือหรานยิ้ม นางรู้สึกกับข้าวอร่อยจริง ๆ ความจริงนางไม่ได้ทำกับข้าวมานานแล้ว วันนี้เลยทำไม่คล่องมื่อ คุณภาพของวัสดุอาหารดีเยี่ยม เป็ดมงกุ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 153

    “ขอรับ ขอรับ” จ้านหลูพูดอย่างหวาดกลัว เขาคิดครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรถกินชกับข้าวของแม่นางจิ่วโดยเปล่าประโยชน์แล้วอีกอย่าง หากแม่นางจิ่วคิดจะทำร้ายเจ้านาย เขาไม่ฟังคำสั่งของนางแน่นอน แต่เป็นเพียงเรื่องการเอากับข้าวมาให้และการฝากบอกคำพูดของนางเท่านั้นต่อให้เขาต้องเผชิญหน้ากับหน้าเย็นชาของเจ้านาย แต่เขาก็ต้องพูดอย่างหวาดกลัว" แม่นางจิ่วให้ข้าถามท่านว่า ก่อนหน้านี้ ท่านดูถูกนางหรือเปล่า ท่านจึงไม่อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน ตอนนี้ท่านเสียใจไหมขอรับ"ทันทีที่จ้านหลูพูดคำเหล่านี้ เจ้านายของเขาก็จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยมจ้านหลูรีบอธิบาย " แม่นางจิ่วให้ข้าพูดเช่นนี้ขอรับ"“นางยังพูดอะไรอีก” เฟิงเหยียนถามอย่างไร้ความรู้สึกจ้านหลูรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาแข็ง เขารีบตอบ " แม่นางจิ่ว ยังบอกด้วยว่า นี่ถือว่าเป็นของขวัญการเสนอตัวเองของนางขอรับ"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฟิงเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจ้านหลูมองเขาแล้วถามว่า "ท่านจะรับไว้ไหมขอรับ หากท่านไม่อยากรับไว้ ข้าน้อยช่วยเอาไปคืนแม่นางไหมขอรับ"เฟิงเหยียนมองเขาอย่างเย็นชา "ยังไม่ออกไปหรือ""ขอรับ ข้ารับทราบ" จ้านหลูตอบด้วยความดีใจ "ข

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 154

    ทุกคนต้องยอมรับว่า กรรมพันธุ์ของตระกูลเฟิงนอกจากพลังวิเศษโดยกำเนิดน่ารำคัญไปหน่อย ผู้คนต้องชื่นชมว่าตระกูลนี้หน้าตาดีจริง ๆทุกคนของตระกูลเฟิงมีรูปร่างสูงและตรง พวกเขาดูดีทั้งนั้นแม้ว่าผู้เฒ่าจะอายุมากขึ้น แต่มองจากรูปร่าง หน้าตาและบุคลิกของพวกเขา ยังสามารถมองเห็นเอกลักษณ์ของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาแก่ลงแล้ว ยังมีบุคลิกเฉพาะตัวของพวกเขาเพียงแต่หน้าตาของเฟิงเหยียน ไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน แม้แต่ในตระกูลเฟิง เขาก็ถือว่าดีที่สุดในบรรดาดีที่สุดเฟิงเหยียนเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า เหลือบมองพวกเขาเบา ๆ และไม่พูดอะไรผุ้อาวุโสท่านหนึ่งพูดเป็นคนแรก "เหยียนเอ๋อร์ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะไม่ถูกกับตระกูลเหยียน เพราะผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ สำหรับตระกูลเรา การที่ทำให้ตระกูลเหยียนโกรธ ไม่ใช่พฤติกรรมที่ฉลาด"เฟิงเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองเขา "ทำให้พวกเขาโกรธ ไม่ฉลาดอย่างไร"ผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งถอนหายใจ "เจ้ารู้ด้วยว่า อาการของตระกูลเราต้องการพึ่งพาตระกูลเหยียนตลอด... "เสียงของเฟิงเหยียนสงบมาก “ข้า ต้องการหรือ”ผู้อาวุโสท่านนี้ตอบคำถามนี้ไม่ได้ อันที่จริง ทุกคนรู้ดีว่า ไม่ว่าอุปสงค์และอุปทานระห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 155

    สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสแข็งทื่อจริงด้วย หากเป็นผู้อื่น พวกเขายังสามารถคิดแผนรับมือโดยคิดว่าคนผู้นั้นมีความคิดเหมือนคนทั่วไป แต่จั๋วจิ่วนั้น...นางบ้าคลั่งจริง ๆดูเหมือนนางมีความคิดไม่เหมือนผู้อื่น ดูเหมือนนางไม่สนใจว่าจะมีใครคอยหนุนหลังนางหรือไม่ นางไม่สนใจว่าตระกูลของคู่แข่งจะแข็งแกร่งเพียงใด นางอยากโจมตีผู้ใดเมื่อใด นางโจมตีทันทีแม้ว่าพวกเขาจะมาจากตระกูลเฟิง ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่ในขณะนี้ เหล่าผู้อาวุโสก็หมดคำพูดเช่นกันเฟิงเหยียนพูดเบา ๆ “นางทำให้ตระกูลเหยียนอับอายมากจนทุกคนรู้ สุดท้าย มันเป็นเพียงการชนะเพื่อเรียกร้องการเดิมพันเท่านั้น ให้เหยียนชางคุกเข่าลงและยอมรับความพ่ายแพ้ นางให้ความสำคัญกับการเดิมพันอย่างมาก”ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอดไม่ได้ที่ต้องพูดว่า "แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเดิมพันกับนางล่ะ"เฟิงเหยียนจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและไม่แยแส "หากนางสามารถรักษาข้าได้ ทำไมข้าไม่เดิมพันกับนางล่ะ หรือข้าต้องเหมือนพวกท่าน ฝากความหวังไว้กับคนของตระกูลเหยียน เช่นนั้นจะแก้ปัญหาได้หรือ"เฟิงเหยียนไม่ไคิดจะอยู่นานเกินไป เขาหันหลังกลับและเดินไปที่ทางเข้าห้องโถงด้านหน้า“เหยียนเอ๋อร์...”

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 156

    โดยปกติแล้ว เรื่องที่ทำได้ง่ายเกินไปจะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยอยู่เสมอแต่มันง่ายมากในขณะนี้ และทุกอย่างดูสมเหตุสมผล ทุกการสงสัยมีคำตอบหมดดังนั้นพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สงสัยและระมัดระวังเท่านั้น แต่... พวกเขากลับผ่อนคลายลงมากแม้ว่าจั๋วจิ่วผู้นี้จะมีความสามารถและทรงพลังมากแค่ไหนก็ตาม ก็เป็นเพียงคนตัวเล็กที่น่าสมเพชและไม่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูลชายชุดดำสามคนมาถึงประตูห้องนอนของจั๋วซือหรานอย่างราบรื่นพวกเขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อไม่ให้นางตื่นตระหนกดังนั้นพวกเขาจึงสบตากัน และดวงตาของพวกเขาดูเหมือนจะมีความหมายเหมือนกัน นี่มันง่ายเกินไป ไม่มีการป้องกันแต่สิ่งที่พวกเขาทั้งสามไม่รู้ก็คือทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกหลอดอันสีดำสังเกตบนหลังคากระจกของหอระฆังที่อยู่ห่างไกลออกไป มีร่างสีดำเรียวยาวนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ โดยมีของที่เป็นสีดำขนาดใหญ่พาดอยู่บนสันหลังคาของหอระฆังรูม่านตาของนางอยู่ใกล้กับกล้องส่องทางไกลของของชิ้นใหญ่นี้ นิ้วเรียวเล็กของนางกำลังค่อย ๆ ปรับความแม่นยำของการมองเห็นเป้าเล็งเคลื่อนไป ๆ มา ๆ บนร่างกายของทั้งสามคนจั๋วซือหรานพึมพำกับตัวเอง "พวกเจ้าไม่ระมัดระวังเลย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 157

    กลิ่นหอมแปลก ๆ อบอวลไปทั่วทั้งห้องในไม่ช้า ชายชุดดำผู้นี้ก็สังเกตร่างกายของตัวเองเริ่มอ่อนแอลง ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาค่อย ๆ หมดแรงเท่านั้น แต่เขาก็ค่อย ๆ พร่ามัวไปด้วยและผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองของเขาที่ได้รับบาดเจ็บด้านนอกก็ค่อย ๆ หมดสติไปก่อนที่พวกเขาหมดสติไป ดวงตาของพวกเขาก็มองไปในทิศทางนั้นพวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นอาการประสาทหลอนเมื่อพวกเขาหมดสติหรือว่าพวกเขามองเห็นนางจริง ๆ บนหลังคาหอระฆังที่อยู่ไกล ๆ มีร่างผอมของใครบางคนกำลังแบกอาวุธยาวเครื่องหนึ่งและกำลังยืนขึ้น...ก่อนที่พวกเขาจะหมดสติไป ความคิดสุดท้ายในสมองของพวกเขาคือ ตระกูลใหญ่เช่นนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เพราะพวกเขาประเมินนางต่ำเกินไป ทำไมพวกเขาทั้งสามถึงไม่ได้ประสบการณ์จากตัวอย่างของคนอื่นบ้างล่ะเพราะหากดูถูกผู้หญิง จะเกิดปัญหาใหญ่แน่ ๆจั๋วซือหรานดูสถานการณ์ที่นี่จากระยะไกลกล้องส่องทางไกล จริง ๆ แล้วก่อนที่นางออกมา นางได้จุดธูปที่ทำให้คนสลบในห้องเพื่อให้ไม่มีภัยเดิมทีนางยังรู้สึกอยู่ว่า นางกำลังทำสิ่งที่ไม่จำเป็นโดยไม่คาดคิด...มีคนถูกหลอกจริง ๆจั๋วซือหราน"เชอะ"หนึ่งที วางของชิ้นใหญ่บนไหล่ของนางเข้าไป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 158

    กวนคุนรีบรับเหรียญที่เจ้านายยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง "บ่าวรีบไปเดี๋ยวนี้ขอรับ"เขารีบออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาออกจากจวน เขาจึงตระหนักได้ถึงคำพูดของคุณหนูจิ่ว“อะไรนะ...นักฆ่าหรือ”หลังจากนั้นไม่นาน จวนของท่านอ๋องเซี่ยนห้องโถงด้านหน้าสว่างไสว ซือคงเซี่ยนสวมเสื้อคลุมและนั่งบนเก้าอี้ เขากำลังรับถ้วยชาร้อนจากคนรับใช้และจิบชาหนึ่งคำเขามองคนรับใช้ที่อยู่ใต้เก้าอี้ของเขา เหรียญในมือของคนรับใช้คนนี้คือของที่เขามอบให้กับจั๋วซือหรานจริง ๆ“ใช่ขอรับ คุณหนูให้บ่าวมาส่งข่าวถึงท่านอ๋องขอรับ ว่ามีนักฆ่า แอบมาที่จวน แต่คุณหนูคุมพวกมันไว้แล้ว คุณหนูบอกว่าตราบใดที่บ่าวแค่นี้ ท่านจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร ”ฉวนคูนวิ่งถึงที่นี่สุดพลัง เขาแทบจะหายใจไม่ได้ เขากลั้นหายใจและวิ่งถึงที่นี่ และหลังจากรายงานเรื่องที่จั๋วซือหรานให้เขาพูด เขาจึงเริ่มหายใจแรง ๆซือคงเซี่ยนนั่งอยู่ที่นั่น เขายกมือขึ้นแล้วบีบดั้งจมูกตรงของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาแสดงถึงความทำอะไรไม่ถูกและความกังวลเขาใช้นิ้วจับหน้าผากแล้วเหลือบมองฉวนคูน "คุณหนูของเจ้าปลอดภัยอยู่ไหม"ฉวนคูนคิดสักพักแล้วตอบว่า "กราบท่านอ๋อง ดูจาก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 159

    ต่งคังตระหนักได้อย่างรวดเร็วโดยธรรมชาติว่า นี่ไม่ใช่ทางที่ไปจวนของท่านอ๋องจริง ๆ แต่ท่านอ๋องเซี่ยนเป็นผู้ที่นำทาง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่ทางไปจวนอ๋องก็ตาม...ไหน ๆ ก็มาแล้ว เขาก็ไม่ละเลยเรื่องนี้ดังนั้น เมื่อพวกเขาหยุดที่หน้าบ้านของจั๋วซือหราน ผู้ที่อยู่หน้าบ้านจวนของจั๋วซือหราน ได้แก่ ซือคงเซี่ยน, ต่งคัง ซึ่งผู้เป็นผู้อำนวยการของกรมสอบสวนคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนสองทีม รวมเป็นสิบคนพวกเขาเห็นร่างผอมบางยืนอยู่ที่ประตูบ้านจาดที่ไกล ๆ แม่นางผู้นี้มีผมยาวไว้ด้านหลัง ถือตะเกียงอยู่ในมือดูเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งในความเหงาซือคงเซี่ยนเสียนรัดบังเหียนให้แน่น เขาหยุดม้าที่หน้าประตู พลิกตัวลงจากม้าทันที แล้ววิ่งไปหาจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว เจ้าสบายดีไหม"ซือคงเซี่ยนถามไปและมองจั๋วซือหรานอย่างละเอียดด้วย แต่เขาไม่เห็นอาการบาดเจ็บใด ๆ บนร่างกายของนางซือคงเซี่ยนจึงรู้สึกโล่งใจและถอนหายใจด้วยความโล่งอกจั๋วซือหรานส่ายหัว "ข้าสบายดี" นางยิ้มอย่างหมดคำพูด "ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยตัวเอง คนรับใช้ที่ข้าส่งไปบอกข่าวไม่ชัดเจนหรือ"“คนรับใช้ของเจ้าพูดชัดเจนเพียงพอแล้ว แต่เขาอาจจะวิ่งไปจนส

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status