ซือหลี่ฝานเทียนได้รับคำชมจากนาง เดิมทีนางพูดติดอ่างอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำชม เขายิ่งพูดติดอ่างหนักกว่าเดิม จนกระทั่ง เขาไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้ "เจ้าเรียกข้า... เรียกข้า ชิ่ง ชิ่ง ...ชิ่งก็ได้ "จั๋วซือหรานเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ชิ่งชิ่ง ได้จเจ้าค่ะ ชิ่งชิ่ง"ซือหลี่ฝานเทียนรีบพูดอาษรสุดท้าย "...หมิง ชิ่ง...หมิง"จั๋วซือหรานมองเขา นางผลักถ้วยชาไว้ตรงหน้าเขา และนำขนมมาด้วย “ชิ่งชิ่ง กินเยอะ ๆ มันอร่อย”"ขอบ ขอบคุณ..."ชิ่งหมิงยื่นมือไปดึงมุมเสื้อผ้าของเขา ราวกับว่าเขากำลังพิจารณาว่าไม่ให้นางเรียกเขาเช่นนี้ หรือต้องขอบคุณนางก่อนแล้วเริ่มกินขนม เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่า เขากำลังพิจารณาว่าจะรักษาท่าทีที่น่าเกรงขามหรือไม่แต่เขาเหลือบมองขนมบนโต๊ะ ในที่สุดเขาเม้มริมฝีปากแล้วยื่นมือออกไปที่ด้านหน้าของจั๋วซือหรานมียาเม็ดกลมอยู่ในมือของเขา“ให้ ให้เจ้า” ซือหลี่ฝานเทียนกล่าว เขาวางยาเม็ดนั้นลงในถ้วยชาเปล่าตรงหน้าจั๋วซือหรานจากนั้นเขาจึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปากของเขาจั๋วซือหรานมองยาเม็ดกู้หยวนที่อยู่ในถ้วย นางตกใจเล็กน้อยในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ ตอนที่นางเจรจากับตระกูลเ
เหยียนชางถูก'ส่วนผสมเพิ่มเติม' ในถ้วยชานั้นทรมานตลอด ซึ่งซือหลี่ตันติ่งเป็นผู้ที่เตรียมให้เขาเขาเจ็บปวดมาตลอดเมื่อกาลเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าเขาดีขึ้นแล้วแต่เริ่มตั้งแต่ยายาออกฤทธิ์ ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนหนึ่งปีเขาคิดหลายครั้งแล้วว่า เขาอยากตาย แต่เขาไม่กล้าและไม่ยอมแพ้อย่างนี้ต่อมา องค์ชายห้าซือคงยวี่ได้ยินข่าว จึงมาเยี่ยมเขาแทนฮองเฮา และมอบยาแก้ปวดอันทรงพลังชนิดที่มีคุณค่ามากกว่าทองคำแก่เขาความเจ็บปวดที่เหยียนชางทนมาจึงบรรเทาลงลงได้บ้างแม้ว่าเขายังเจ็บอยู่ แต่อย่างน้อยเขาไม่ได้เจ็บมากจนเขาหมดสติแต่เขายังคงเดินไม่ไหว เพราะเขาไม่มีเรี่ยวแรง เหยียนชางถูกคนขนมาที่หน้าประตูของศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนภายใต้สายตาของทุกคนใบหน้าของเหยียนชางซีดเขียบราวกับกระดาษ สีหน้าของเขาดูแย่มาก“โอ้ ดูเหมือนเขาถูกทรมานมากเลยนะ”“วันนั้นเจ้าได้ไม่เห็นเขาร้องไห้ที่หน่วยสืบสวนพิเศษ”“มันไม่ได้แค่ร้องไห้หนักนะ พูดได้เลยว่า ฉีดราดกางเกง”“เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตอนนี้เขาถือว่าดีขึ้นแล้ว”“จริง ๆ เลย... รุกรานใครก็ได้ อย่ารุกรานหน่วยสืบสวนพิเศษเลย”แม้ว่าเหยียนชางกำลังถูกความเจ็บปวดทรมาน แ
“เพราะเมื่อก่อนข้าเคยหัวเราะเยาะเจ้าบ่อยมาก” เหยียนชาง เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าเขาจั๋วซือหรานม้วนริมฝีปากแล้วยิ้มนางสวยอย่างเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากโค้งและรอยยิ้มของนางก็สวยงามมากจนไม่มีใครสู้นางได้ ซึ่งทำให้คนรอบข้างแทบหายใจไม่ออกจั๋วซือหรานกล่าวว่า "ใช่ เจ้าหัวเราะเยาะข้าบ่อยครั้ง แต่นั่นไม่สำคัญ ข้าไม่จำเป็นต้องหัวเราะเยาะเจ้าจริง ๆ หากข้าทำเช่นนั้น ข้ากับเจ้าแตกต่างกันอย่างไร สิ่งที่ข้าต้องการคือชัยชนะ "“ตราบใดที่ข้าชนะ การดูหมิ่นและการเยาะเย้ยที่เจ้ามอบให้ข้าในอดีตก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าเอ่ยถึง คนอื่น ๆ จะมาช่วยข้าด่าคืนเองเป็นเท่า ๆ ” จั๋วซือหรานกล่าวและวางแผ่นป้ายไว้ข้างหน้า ของเหยียนชาง นางเอียงศีรษะและพูด " หัวหน้าเหยียน มาเขียนเถิด"เหยียนชางไม่ได้แก้ตัวหรือหาข้ออ้างถ่วงเวลาอีก เขาและ ตระกูลเหยียนทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่ก็ยังห้ามความพ่ายแพ้ไม่ได้ ต้องยอมรับว่ามันผิดตั้งแต่ต้นเหยียนชางหยิบปากกาขึ้นมาจั๋วซือหรานพูดจากด้านข้างว่า "ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แค่เขียนว่า 'ทักษะทางการแพทย์ของตระกูลเหยียนไม่ดีเท่าจั๋วซือหราน ' ด้วยตั
ครั้งสุดท้ายที่เหยียนชางออกมาจากหน่วยสืบสวนพิเศษ เขาคุกเข่าต่อหน้าจั๋วซือหรานภายในสามก้าวหลายคนเห็นฉากนี้ใบหน้าของเหยียนชางแข็งทื่อ แต่ตอนนี้เมื่อเรื่องถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สามารถปฏิเสธอีกต่อไป“ก็ได้ ข้าขอโทษเจ้า” เหยียนชางบีบเสียงออกจากลำคอจั๋วซือหรานพยักหน้า นางไม่มีเจตนาที่จะหัวเราะเยาะเขาหรือคนของตระกูลเหยียน นางแค่ต้องการสิ่งที่นางพูดไว้ในก่อนหน้านี้นางแค่ต้องการชัยชนะ แล้วหลังจากนั้น สำหรับการหัวเราะเยาะเหล่านั้น จะมีคนพูดแทนนางโดยที่นางไม่ต้องทำอะไรจั๋วซือหรานหยิบป้ายขึ้นแล้วหันหลังกลับ นางกำลังอยากจากไปหลังจากนางเดินไปไม่กี่ก้าว นางก็มองไปทางผู้อาวุโสสี่เหยียน และพูดว่า " ผู้อาวุโสสี่เหยียน ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาและปิดศูนย์การแพทย์โดยเร็วที่สุด"“สำหรับร้านขายยาของตระกูลเหยียนที่ตกลงกันว่าจะจัดหาวัสดุให้ข้า วิธีที่ดีที่สุดคือส่งคนมาติดต่อข้า โอ้ ข้าคิดว่า เหยียนฉีเป็นคนที่เหมาะสมมาก”จั๋วซือหรานกล่าวไป ม่านตาของนางก็แคบลงเล็กน้อย "เพราะข้าไม่มีความประทับใจที่ดีต่อตระกูลเหยียน หากเจ้าส่งคนที่โง่เขลาและทำให้ข้าขุ่นเคือง อย่ากล่าวหาว่าข้าไม่มีมารยาทละกัน"นางก
จั๋วหวายถามท่านพี่ "ทำไมท่านพี่ไม่ทานขอรับ"“วันหลังจะมีอีกเยอะ เมื่อข้าจัดการเรื่องของตระกูลเหยียนเสร็จแล้ว ยาเม็ดเหล่านี้ มีอีกเยอะจ้ะ” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ น้ำเสียงของนางสงบมากจากนั้นนางก็ลูบหัวของจั๋วหวาย แล้วพูดว่า "เพราะฉะนั้นเจ้ากินเถิด ไม่เป็นไร"ในความเป็นจริง นางไม่มีญาติในชีวิตที่แล้ว นางเป็นผู้ที่ลำพังผู้เดียว ดังนั้นนางจึงเป็นคนที่ไม่แยแสความรักในครอบครัวมากนัก แต่ในชีวิตนี้ นางมีท่านแม่และน้องชายโดยไม่มีเหตุผลแม้ว่านางจะรู้สึกแปลกเล็กน้อย แต่ก็ค่อนข้างรู้สึกแปลกใหม่เช่นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จั๋วซือหรานยังคงจำได้ว่าในโชคชะตาดั้งเดิมของเจ้าของร่างเดิม จั๋วหวายไม่ยอมละทิ้งพี่สาวของเขาจนกว่าจะถึงจุดจบ เขามักรู้สึกว่าพี่สาวของเขาถูกหลอกโดยคนร้าย แม้ว่าเขาจะผิดหวังกับพี่สาวของเขาก็ตาม เขายังคงอยากเชื่อนางตื่นขึ้นมาได้สุดท้ายเขาก็สิ้นสุดชีวิตในระหว่างทางลี้ภัย“ท่านพี่ขอรับ ท่านพี่กำลังคิดอะไรอยู่ขอรับ” จั๋วหวายเห็นจู่ ๆ ท่านพี่ของเขาไม่พูดอะไรและดูเหมือนไม่มีสมาธิ เขาจึงยื่นมือออกไปแล้วโบกมือต่อหน้าต่อตานางจั๋วซือหรานมีสมาธิกลับ จากนั้นนางยิ้มกับเขา "ไม่มีอะไร เอาล่ะ
“เจ้ามาทันพอดี มานี่เร็วเข้า”คำพูดของจั๋วซือหรานฟังดูเหมือนนางรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นมานานแล้ว น้ำเสียงของนางปกติเหมือนคุยกับคนรู้จักกันเมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของนาง เสียงฝีเท้าของเขาก็หยุดลงเขาหยุดฝีเท้า จั๋วซือหรานก็หันกลับมามองเขา นางโบกมือใส่เขา และพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า " ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องจะปรึกษาด้วยน่ะ รีบมาเร็ว ๆ นี้"เฟิงเหยียนยืนอยู่ที่นั่นและมองนาง "เจ้าทำให้ตระกูลเหยียนวุ่นวายกันหมด แต่เจ้ากลับหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว"จั๋วซือหรานยิ้มเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ "ข้าเป็นผู้ที่ทำให้พวกเขาวุ่นวายหรือ หากพวกเขาเป็นน้ำหนึ่วอันเดียวกัน ข้าก็ไม่สามารถกวนพวกเขาได้ เดิมที่พวกเขาไม่สามัคคีอยู่แล้ว ดังนั้นแน่นอนว่า ข้าก่อกวนเล็กน้อย พวกเขาก็ทะเราะกันได้"เฟิงเหยียนไม่ปฏิเสธคำพูดของนาง เขาแค่พูดว่า "ทำไมเจ้าไม่ให้เหยียนฉีรักษาเจ้าล่ะ อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ ยาเม็ดนั้นเอาให้เด็กคนนั้นกินด้วย"จั๋วซือหรานเลิกคิ้วและยิ้ม " ท่านอ๋องค่อนข้างสนใจข้านะ เป็นห่วงข้าขนาดนั้นเลยหรือ"เฟิงเหยียนไม่ตอบคำถามของนาง เขาแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยจั๋วซือหรานรู้ว่าชายคนนี้เป็นเหมือนก้อนน้ำแข็ง
เหยียนฉี ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เขาฟังจริง ๆ แต่ไม่ใช่เพราะเหยียนฉีจงใจไม่บอกเขา แต่เป็นเพราะเมื่อเหยียนฉีกลับมาที่ศูนย์การแพทย์ เฟิงเหยียนไปจากศุนย์การแพทย์แล้วเมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาไม่พูดคำใด ๆหลังจากเขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามเบา ๆ "เมื่อครู่นี้ เจ้าพูดว่าข้ามาทันเวลา มีเรื่องอันใดหรือ"ไม่ใช่จั๋วซือหรานไม่เข้าใจทัศนคติของชายคนนั้นในการเปลี่ยนเรื่อง แต่นางเดาไม่ถูกว่า เขาจะปฏิเสธ เขินอาย หรือมีอารมณ์อื่น...กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าเขาจะมีอารมณ์อย่างไรก็ตาม จั๋วซือหราน ก็รู้สึกว่านางสามารถรับมือได้ทุกเรื่องเมื่อได้ยินเฟิงเหยียนพูดเช่นนี้อีก จั๋วซือหรานตระหนักได้ว่า "อ้าว ใช่เลย โปรดท่านอ๋องช่วยข้าเผาคำบนแผ่นป้ายนี้ให้หน่อยได้ไหม"เฟิงเหยีย มองไปที่แผ่นป้าย ซึ่งแผ่นป้ายนั้นแสดงถึงความอับอายของตระกูลเหยียนและเหยียนชางเขาเหยียดนิ้วออกและวางมันลงบนแผ่นป้าย จากนั้นเขาหันสายตาแล้วถามจั๋วซือหราน “จะแกะสลักรูปนูนสูงหรือแกะสลักรูปนูนต่ำ”“แกะสลักรูปนูนต่ำละกัน” จั๋วซือหรานกล่าวทันทีที่นางพูดจบ ปลายนิ้วของเฟิงเหยียนก็วางลงบนแผ่นป้าย ปลายนิ้วของเขาเดินไปรอบขอบของข้
“ฉันอยากทำของกินเอง ไม่เกี่ยวข้าจะมีคนรับใช้หรือเปล่าหรอกนะ” จั๋วซือหรานพูดและเงยหน้าขึ้นมามองเฟิงเหยียน “คนรับใช้อาจจะทำกับข้าวสู้ข้าไม่ได้ก็ได้”“พูดเช่นนั้นก็ไร้ยางอาย” เฟิงเหยียนพูด และเมื่อเขาเห็นนางไม่รู้สึกเสียใจเพราะนางไม่มีคนรับใช้ เขาก็โล่งใจจั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นมามองเขา นางยิ้ม " ท่านอ๋องไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นอย่าเพิ่งกลับก่อน อยู่ที่นี่ และรอชิมฝีมือของข้า"เมื่อฝูซูืถอชาเข้ามา เขาเห็นคุณหนูของเขาสวมชุดสีขาว มือข้างหนึ่งจับเข่าของนาง นางกำลังนั่งยอง ๆ เงยหน้าขึ้นและมองเฟิงซื่อจื่อเฟิงซื่อจื่อมีรูปร่างสูงและตรง เขาสวมชุดคลุมสีดำ ยืนอยู่ที่นั่นและมองลงไปที่คุณหนูภาพนี้ ฝูซูรู้สึกว่าเขาไม่ได้อ่านหนังสือมามากนัก เขาเลยไม่รู้จะบรรยายภาพนี้อย่างไร แต่เขาแค่รู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างสีขาวและสีดำนั้น ซึ่งสวยอย่างเป็นภาพวาดทันใดนั้นเขาไม่อยากเดินเข้าไป เพราะกลัวจะรบกวนบรยากาศที่เหมือนภาพวาดจั๋วซือหรานหันไปมองเขาแล้วถามว่า "นี่คือแกะอะไร และเป็ดตัวนี้... "จั๋วซือหรานมองไปที่เนื้อแกะตรงหน้านาง กลิ่นนั้นแตกต่างจากเนื้อแกะที่นางรู้จัก และเป็ดตัวนี้ด้วย เพราะเป็ดนี้ยังมีชี
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ