Share

บทที่ 1120

Author: หูเทียนเสี่ยว
เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อย

ไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ

ทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีก

จนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว

เขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียที

ตอนนี้จึงออกมาจากในห้อง

ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้น

ดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซน

จากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทรา

จั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว

เจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"

จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร"

"เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"

หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหาร

จากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?"

"ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1

    “เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 2

    ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 3

    แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 4

    น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 5

    ทันทีที่เฟิงเหยียนเดินออกจากจวนของจั๋วซือหราน หลังจากนั้นไม่นาน ข้างเฟิงเหยียนมีร่างสีดำสองร่างปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ“ท่านอ๋องขอรับ” ชายที่สวมชุดดำทั้งสองแสดงความเคารพเฟิงเหยียนมีสีหน้าอย่างไม่มีอารมณ์ "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้เสน่ห์หนอนพิษกู่ที่จั๋วจิ่วถูกวาง ใครเป็นคนสั่งการเบื้อหลัง"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าบัณฑิตที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นจะเป็นผู้กระทำความผิดนี้*จั๋วซือหรานกำลังนั่งอยู่ในห้อง ฝูซางกังวลอย่างมาก และรีบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากของคุณหนูของนาง "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจะปล่อยเป็นเช่นนี้อีกต่อไปมิได้หรอกนะ ข้าน้อยว่า เราควรรีบไปตามคุณหมอมาตรวจเถิดนะ"“ข้าแค่อาเจียนออกมาเป็นเลือดเพียงเท่านั้น กังวลอะไรล่ะ” จั๋วซือหรานดึงเข็มเงินที่นางสอดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาอย่างใจเย็น “หากไม่บีบเลือดที่ติดพิษกู่ออกไป อาการบาดเจ็บภายในจะไม่มีทางหายหรอก”ฝูซาง: “ว่าแต่คุณหนูไปเรียนทักษะการรักษามาโรคตั้งแต่เมื่อไรกัน"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และไม่ตอบ ”ยิ่งไปกว่านี้ ข้าอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เกลียดข้ามากจนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่ มิฉะนั้น ต่อให้ฉินตวนหยางมีความกล้าหาญมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้าำเช่นนี้กับข้าหรอก แม้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 6

    จั๋วซือหรานแต่งกายด้วยชุดสีขาวบาง คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูของจวนจั๋วนางพูดกับผู้ที่เฝ้าหน้าประตูว่า "กรุณาบอกผู้อาวุโสใหญ่ว่า จั๋วจิ่วกลับมาเพื่อขออภัยโทษแล้ว"องครักษ์กำลังจะเข้าไปรายงาน ทว่ากลับถูกใครบางคนห้ามไว้“ห้ามไป” เจียงซาน ซึ่งเป็นคนของบิดาจั๋วหรูซิน เขาห้ามยามที่เฝ้าหน้าประตูไว้เจียงซานพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า "คุณหนูจิ่วไม่เชื่อฟังแม้แต่ผู้อาวุโส ทั้งยังไม่สนใจชื่อเสียงของตระกูลด้วยซ้ำมิใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้ออกเรือนแล้ว กลับมาด้วยเหตุใด"จั๋วซือหรานเกิดมาพร้อมกับผิวพรรณเกลี้ยงเกลา คิ้วงดงามดังภาพวาด ด้วยรูปลักษณ์สตรีเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่ถูกมองเป็นสตรีผู้แสนน่าสงสารและอ่อนแอแต่นางไม่ใช่สตรีอ่อนแอเห็นได้ชัดว่า นางกำลังคุกเข่าอยู่ แต่บุคลลิกของนางดูสูงส่งกว่าตอนที่นางยืนด้วยซ้ำ นางพูดอย่างเย็นชา "เจ้ามีฐานะเช่นใด เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้าหรือ เหรือจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งง่ายเช่นนั้นหรือ"เจียงซาน "ผู้อาวุโสไม่อยากเห็นหน้าเจ้าเลย ต่อให้เจ้าคุกเข่าที่หน้าประตูจนตายก็ไร้ประโยชน์"จั๋วซือหรานพูดอย่างเย็นชา"เจ้าควรพิจารณาให้ดีเสียก่อนว่า ผู้อาวุโสไ

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1120

    เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีกจนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียทีตอนนี้จึงออกมาจากในห้องก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้นดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซนจากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราจั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร""เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหารจากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?""ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1119

    น่าจะเพราะคิดว่าเช่นนี้จะไม่ถูกพบเข้ากระมังจั๋วซือหรานแค่รู้สึกว่า...ถ้าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมา คงจะน่าดูชมเลยทีเดียวแต่แมงมุมน้อยก็เอ่ยขึ้นข้างๆ ว่า "นายท่าน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านจะลืมตาขึ้นมาหรือ?"จั๋วซือหรานหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "ไม่ล่ะ"แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขินหรือกลัวอะไร ก็แค่เพราะนางเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เท่านั้นเรื่องด่วนที่นางต้องทำตอนนี้ คือเพื่อรับมือกับสำนักเมฆาวารีถ้าหากตอนนี้ลืมตาขึ้นมา แล้วเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเขาขึ้นมา ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องที่กองหนุนของสำนักเมฆาวารีกำลังจะมาถึงก็ได้ไหนจะเรื่อง..."แบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี "เขาไม่ใช่ว่าชอบแสดงนักหรือไง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่นด้วยจนจบเลย ดูว่าเขาจะแสดงได้ถึงตอนไหน จะแสดงได้นานแค่ไหน"จะว่าอย่างไรดี...?พูดได้แค่ว่า...สู้กับเฟิงเหยียน มันสนุกเสียจริงฮ่าๆ!จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีบอกกับราชาแมงมุมหน้าผี "แต่ว่า แมงมุมน้อยเจ้าตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป สภาพของข้าฟื้นฟูแล้ว จัดการหุ่นเชิดความมืดนี่ต่อได้แล้ว"ขณะเดียวกัน ภายในห้องเงามืดร่างนั้น คอยซ่อนอยู่ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1118

    แต่พอออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างประหลาดและปันอวิ๋นเองก็ทำตามสิ่งที่จั๋วซือหรานคาดหวัง ชี้แนะถึงระบบของวิชากู่และวิชาหุ่นเชิดแก่นางจั๋วซือหรานเองก็ฉลาดเฉลียว เรียนอะไรก็เข้าใจไปหมดคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไปพอเทียบมาเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงศิษย์พวกนั้นในหุบเขาหมื่นพิษ ก็เหมือนมีแต่พวกหัวแข็งออกมาคนแล้วคนเล่าและคืนนี้ ตอนที่จั๋วซือหรานพักผ่อน เงาดำร่างหนึ่ง ก็แอบเข้ามาในห้องการเคลื่อนไหวก็ดูลึกลับผิดปกติ ทักษะการเคลื่อนไหวใช้งานถึงขีดสุด กระทั่งคนระดับจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อาจสังเกตได้ในทันทีและขณะเดียวกัน จั๋วซือหรานก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องหุ่นเชิดความมืดในมิติของนางพวกก้อนเนื้อกับเหล่าสัตว์ประหลาด ก็ล้วนสังเกตได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดนี้มีกลิ่นอายที่เย็นเยียบมากจริงๆถ้าแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา สภาพของจั๋วซือหรานเองก็ต้องถูกผลกระทบไปบ้าง"...นายท่าน ช่างมันดีกว่าไหม ไม่น่าจะต้องรีบร้อนในตอนนี้ ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว" ราชาแมงมุมหน้าผีเตือนเสียงต่ำขึ้นมาข้างๆจั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตายิ้มให้มัน จา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status