แชร์

บทที่ 1102

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
รอยยิ้มบนใบหน้าจั๋วซือหรานไม่เปลี่ยน "เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก"

"ไม่เป็นไร" 'เยี่ยนหราน' เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

จั๋วซือหรานยังคงยิ้มบาง "บัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนนี้เป็นสิ่งมีพิษกระมัง?"

"อืม" เขาไม่ได้ตระหนักถึงว่าอะไรผิดปกติ พยักหน้าตอบกลับ "เป็นสิ่งมีพิษที่มีอยู่ไม่มากนัก สามารถสร้างหมอกพิษขึ้นในป่าได้ ต้นของมันเดิมทีก็มีพิษร้ายแรงอยู่"

อาหารรสชาติไม่เลวเลย น้ำแกงทำเอาตัวคนผ่อนคลายลงมาเลยทีเดียว

เขาค่อนข้างผ่อนคลาย...

หรือบางที สิ่งที่ทำให้เขาผ่อนคลายไม่ใช่น้ำแกงร้อน แต่เป็นเสียงอ่อนโยนของนาง...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ได้สังเกตถึงอะไรที่ผิดปกติ

พอได้ยินคำถามที่จั๋วซือหรานเพิ่งถาม ก็ตอบกลับนางมาตรงๆ

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหญิงสาวใสเย็น เพียงแต่ว่า ไม่ได้อ่อนโยนแบบก่อนหน้านี้แล้ว

เพียงแค่เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า "เป็นของดีจริงๆ เพียงแต่ว่า..." นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "ไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนรู้ได้อย่างไร...หรือทำไมจึงรู้สึกว่า ข้าสามารถทนทานต่อธาตุพิษได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร?"

มือที่จับตะเกียบของชายหนุ่ม หยุดนิ่งไปในชั่วพริบตา

เขาแหงนตา มองไปยังสีหน้าของหญิงสาว อั
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1103

    สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของปลายนิ้วหญิงสาวที่แตะลงมาบนริมฝีปากและได้ยินเสียงอ่อนโยนพูดคำที่ว่าต้องแต่งงานด้วยคิ้วของ 'เยี่ยนหราน' ขมวดแน่นขึ้นมากระทั่งตนเองยังไม่ทันตระหนักถึง ว่าทำไมต้องออกแรงที่นิ้ว แล้วทำไมที่น้ิวต้องออกแรงแล้วท้ายสุด เสียง 'กร๊อบ' ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตะเกียบไม้ในมือเขาหักครึ่งเป็นสองท่อน!แก้มของชายหนุ่มตึงเป็นเส้นโค้ง เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "แม่นางก็ดูแลตัวเองด้วย"จั๋วซือหรานหัวเราะขึ้นเบาๆ "คุณชายขี้อายขนาดนี้เชียว? หน้าตาก็หล่อเหลาดี ไม่คิดว่า...จะใสซื่อขนาดนี้"เสียงของชายหนุ่มดังลอดออกมาจากไรฟัน ฟังแล้วรู้สึกกระด้างหน่อยๆ "แล้วก็ออกไปด้านนอก การบุ่มบ่ามลดความสงสัยต่อตัวคนอื่นลง มันคือความประมาทเลินเล่อ"มุมปากจั๋วซือหรานเหมือนมีรอยยิ้มบางๆ ดูแล้วเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเขา เพียงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณคุณชายเยี่ยนที่เตือน หลังจากนี้ข้าจะระวังให้มาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน..."ในที่สุดนางก็หมุนตัวจากไปหลังจากเห็นแผ่นหลังนางเดินห่างไปแล้ว'เยี่ยนหราน'...หรือบางทีควรจะเรียกว่าเฟิงเหยียนตอนนี้จึงมองมายังมือตนเอง บนปลายหัวแม่มือ มีแผ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1104

    "นายท่านอารมณ์ดีก็ดีแล้ว" เจิ้นเจียงพอเห็นจั๋วซือหรานอารมณ์ดี เขาเองก็อารมณ์ดีตามขึ้นมา จึงได้พูดว่า "จัดแจงคนคุ้มกันเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาล้วนบาดเจ็บกันหมด"จั๋วซือหรานร้องอืม "ดี ข้าจะไปดูหน่อย เดี๋ยวจะตั้งชื่อให้พวกเขาด้วย อยู่ในตระกูลเหอไม่มีชื่อเลยมีแต่หมายเลข เจ้าไปที่โรงเตี๊ยมแล้วหาของกินมาให้พวกเขาหน่อย""ขอรับ" เจิ้นเจียงรับคำสั่ง คิดๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "...อาหารนี่น่าจะไม่ถูกทำอะไรลงไปหรอกกระมัง?"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็ยกมุมปากขึ้น "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้นี่"พอได้ยินนายท่านพูดหยามขึ้นเช่นนี้ เจิ้นเจียงก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว"เช่นนั้นข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"เจิ้นเจียงเพิ่งเตรียมจะเดินไปโถงหน้า จั๋วซือหรานคิดๆ แล้วก็เรียกเขาขึ้นมา "จริงด้วย""อื๋อ? แม่นางยังมีอะไรกำชับอีกหรือ?""คุณชายเยี่ยนที่โถงหน้าคนนั้น เป็นคนที่มีบุญคุณกับข้า ถ้าหากเขายังไม่ไป เจ้าเองก็ช่วยดูแลหน่อย""รับทราบ!" เจิ้นเจียงรับคำสั่งแล้วออกไปและระหว่างทางที่จั๋วซือหรานตรงไปเรือนหลัง ในสมองก็มีภาพตอนที่ชายหนุ่มหักตะเกียบก่อนหน้านี้ปรากฏออกมา แก้มที่ตึงกับสายตาที่มีแววตาแบบนั้นจั๋วซือหราน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1105

    ด้วยนิสัยซื่อสัตย์ภักดีของพวกเขา ถ้าหากจั๋วซือหรานคิดจะตั้งชื่อเหล่านี้ให้พวกเขาจริงๆไม่แน่พวกเขาอาจจะต้องบีบจมูกยอมรับไปจริงๆแต่ชื่อเหล่านี้มันดูจะ...ดังนั้นจึงคิดวิธีที่จะดิ้นรนต่ออีกหน่อย"กลัวหรือ?" จั๋วซือหรานเลิกคิ้วมองพวกเขาหัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้าหงึกหงักจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "พวกเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้ยังกล้าตักน้ำมาเช็ดมาล้างได้ ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะกล้าจนไม่กลัวอะไรแล้วเสียอีก ทำไมแค่ชื่อผลไม้แค่นี้ก็ยังกลัวกัน?"หัวหน้าคนคุ้มกันฟังไม่เข้าใจเสียที่ไหน แม่นางจงใจทำให้พวกเขาตกใจ เพื่อจะลงโทษพวกเขาที่เมื่อครู่พูดกันว่าจะจัดการแผลแบบขอไปทีหัวหน้าคนคุ้มกันรีบเอ่ยขึ้นมา "แม่นาง พวกเราไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว แค่กังวลว่าท่านอยู่ในเมืองหยางจะมีภาระหน้าที่เยอะอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาคอยห่วงเรื่องยิบย่อยของพวกเราอีก..."จั๋วซือหรานยกมือตบลงไปที่หนึ่งที่หลังเขาหัวหน้าคนคุ้มกันร้องอั่กออกมา แต่ก็รีบอดทนเอาไว้เดิมทียังคิดว่านี่คือการลงโทษเสียอีก คิดไม่ถึงเลย...ตอนที่แม่นางฟาดมือลงมา รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาก่อน จากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับนุ่มนวลละมุนละไมลูบผ่าน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1106

    "เสร็จแล้ว พวกเจ้าค่อยๆ พักฟื้นไป เดี๋ยวพอพวกกองหนุนสำนักเมฆาวารีพวกนั้นของผู้เฒ่าเหอมาถึง พวกเราค่อยออกเดินทาง เรื่องนี้สำหรับข้ามันสำคัญมาก จะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด"จั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ดังนั้นเวลาพักฟื้นของพวกเจ้าเดิมทีก็เหลือไม่มากแล้ว อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีก""รับทราบ!" เหลียนเจินขานรับเสียงขรึม"ข้าจะรักษาให้พวกเขา จากนั้นเจ้าก็เอายาทาให้พวกเขาเสีย แค่อย่าไปทำอะไรบ้าๆ บอๆ ทายาตามเวลา ไม่นานก็หายดีแล้ว"จั๋วซือหรานหลังจากรักษาคนคุ้มกันไปหลายคน ก็กลับมาที่ห้องตนเอง ไปค้นคว้าบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนเจ้าสิ่งนี้ล้ำค่ามากจริงๆ แต่ในเมื่อเขาให้นางมาแล้ว นางเองก็พอจะรับได้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจเกินไปนักตอนที่จั๋วซือหรานย้ายบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไปปลูกที่ดินในมิติแล้ว ราชาแมงมุมหน้าผีกับแมงมุมหน้าผีตัวอื่นๆ แล้วก็แมงมุมกู่ ก็มาล้อมอยู่ข้างๆ นางแมงมุมที่ขนาดใหญ๋กว่าปกติหลายเท่า ล้อมนางเอาไว้ ฉากนี้ถ้าหากคนอื่นมาเห็น ก็คงรู้สึกหวาดผวาขึ้นแน่ๆแต่สีหน้าของจั๋วซือหรานก็นิ่งอย่างมาก กระทั่งบนหน้ายังยิ้มละไม หลังจากปลูกบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนไว้ในดินแล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1107

    ความสามารถของนางถึงอย่างไรพออยู่ที่นั่น ก็ถูกลิขิตไว้แล้วไม่ให้นางเป็นคนธรรมดา สุดท้ายก็ต้องถูกจับตาอยู่ดีชาตินี้เป็นเช่นนี้ ชาติก่อนก็เช่นกันคนธรรมดาพอมีหยกก็มีความผิด นางแบกความสามารถเช่นนี้ไว้ ก็ถูกกำหนดให้คนอื่นต้องคอยจับจ้องไว้เป็นธรรมดาไม่ว่าจะโลกไหน ไม่ว่าจะเส้นทางไหน ก็ไม่เคยขาดคนหรือองค์กรที่มีความคิดที่ว่า "ถ้าไม่ได้มาก็จะทำลายทิ้ง"ที่ไหนก็มีทั้งนั้นจั๋วซือหรานชาติที่แล้วก็เจอกับสถานการณ์อันตรายมาด้วย ไม่เช่นนั้นไม่มีทางตายอย่างเวทนาจนข้ามภพมาที่นี่สรุปคือ จั๋วซือหรานเคยนำวัตถุที่ปล่อยสารกัมมันตรังสีได้เข้ามาแล้วในอันตรายจากชาติที่แล้วตอนนั้นนางสะบัดโยนเข้ามาในมิติ เนื่องจากสถานการณ์เร่งด่วน และไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วนางยังคิดว่าจบเห่แล้วด้วยซ้ำ แค่รังสีของสารกัมมันตรังสีพวกนั้น ระยะเวลาในการย่อยสลายน่าสะพรึงมาก คิดว่าตนเองคงกลายเป็นฟอสซิลไปแล้ว สารกัมมันตรังสีพวกนั้นก็ยังไม่หายไปไหนด้วยซ้ำและในมิติของตนเอง ก็เป็นเหมือนแดนสวรรค์เขียวชอุ่มนอกโลก...ถ้าหากพื้นดินถูกปนเปื้อน แหล่งกำเนิดน้ำถูกปนเปื้อนล่ะก็จบเห่กันพอดีนางกอดความคิดสิ้นหวังเข้ามิติมา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1108

    จั๋วซือหรานมองตะปูวิญญาณสีดำในมือเล่มนั้น ตรงหน้ายังมีร่างของหุ่นเชิดความมืดนอนอยู่ตะปูวิญญาณของมันถูกจั๋วซือหรานดึงออกมาแล้ว วงแหวนสีดำบนมือกับเท้าก็ถูกจั๋วซือหรานรื้ออกมาเพื่อจะค้นคว้าดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นแค่ร่างเปลือกที่ไม่มีชีวิตเท่านั้นจั๋วซือหรานตรวจสอบอักขระคำสาปประหลาดซับซ้อนเหล่านั้นบนตะปูวิญญาณอย่างละเอียด ค้นคว้าอย่างตั้งใจ ดินสอในมือตวัดไม่หยุด คัดลอกอักขระคำสาปเหล่านั้นมาทั้งหมดอย่างครบถ้วนส่วนพวกก้อนเนื้อสีต่างๆ ก็นั่งเรียงกันอยู่บนไหล่นางซ้ายขวาฝั่งละสาม บนหัวยังมีอีกตัวหนึ่ง อยู่ด้วยกันกับนาง จ้องมองอักขระคำสาปบนตะปูวิญญาณเหล่านี้อย่างตั้งใจเพียงแต่พวกมันอ่านไม่เข้าใจเท่านั้นแต่ก็ยังอยากรู้อยากเห็น"นายท่านจะ...ทำ ทำอะไรหรือ?" ขนมปุยเมฆถามขึ้นเสียงแผ่ว เพราะมันมันอยู่ในสภาพดังเดิมที่สุดมาตลอด ยังไม่ได้ย้อมสีอะไรเลยดังนั้นจนถึงตอนที่จั๋วซือหรานพาพวกมันไปกลืนกินแมลงกู่ของพวกปรมาจารย์กู่พรมแดนใต้ก่อนหน้านี้ ขนมปุยเมฆจึงเพิ่งได้รับการวิวัฒนาการ ถึงพูดได้ขึ้นมาก่อนหน้านี้ทำได้แค่เปล่งเสียงออกมาเป็นพยางค์ๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่านั้นความคิดของขนมถั่วแดงปราดเป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1109

    จั๋วซือหรานตอนที่ควรบ้าก็จะบ้า แต่อันที่จริงถ้าพูดขึ้นมา นางเองก็ไม่ได้มีนิสัยพูดจาใหญ่โตดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ออกมาโดยละเอียด และเพราะตอนนี้ยังเป็นแค่ความคิดเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มเขียนเส้นแรกเลยด้วยซ้ำแต่ต่อให้ในใจตนเองคิดไว้ดิบดี ต่อให้ตนเองเข้าใจวิชาหุ่นเชิดอย่างถ่องแท้ แล้วสามารถใช้ไหมกู่มาควบคุมหุ่นเชิดได้จริงล่ะก็...การจะสร้างกองกำลังหุ่นเชิดของตนเองออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้แต่ว่าเนื่องจากยังไม่ทันได้เริ่มอะไรทั้งนั้น ดังนั้นจึงแค่คิดไว้ในใจตนเอง ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกมาเพียงแต่สำหรับเหล่าก้อนเนื้อของตนเอง ถึงอย่างไรพวกมันก็คงไม่เอาไปบอกใครอยู่แล้ว ดังนั้นการที่นางเอ่ยขึ้นมา ปัญหาจึงไม่ได้ใหญ่โตอะไรจั๋วซือหรานใช้เวลาไปพักหนึ่งอย่างตั้งอกตั้งใจ จัดการคัดลอกอักขระคำสาปทั้งหมดบนตะปูวิญญาณ วงแหวนวิญญาณ แล้วก็บนตัวของหุ่นเชิดความมืดออกมาค้นคว้านี่เป็นงานละเอียด จำเป็นต้องใช้เวลาเว้นเรื่องความยุ่งวุ่นวายในมิติของนางไปก่อนเวลานี้ อีกด้านหนึ่งในโถงหน้าของโรงเตี๊ยม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังกินอาหารบนโต๊ะอย่างไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1110

    "ใช่แล้ว น้องชายของแม่นางเราถูกพาตัวไป เป็นฝีมือของสำนักเมฆาวารี เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ของแม่นางก็คือเรื่องนี้" เจิ้นเจียงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงฟังแล้วดูกังวลหน่อยๆ"แม่นางอยู่ที่เมืองหลวงแม้จะประสบความสำเร็จในทุกที่ แต่ถึงอย่างไรครั้งนี้มาอยู่ในสถานที่แปลกหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเผชิญหน้ากับสำนัก ดังนั้นแม่นางจึงต้องยิ่งเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง..."เจิ้นเจียงเองก็น่าจะไม่มีใครที่พูดด้วยได้ ในใจอดกลั้นไว้ไม่น้อย พวกเชลยที่คุณหนูจับมาก่อนหน้านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นคนของสำนักเมฆาวารี เขาเองก็พูดอะไรด้วยไม่ได้คนคุ้มกันตระกูลเหอที่คุณหนูพากลับมาพวกนั้น ก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ พูดอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกันดังนั้นตอนนี้ พอเจอกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณหนู จึงเหมือนกับเปิดประตูน้ำออกอย่างไรอย่างนั้นขณะที่พูดแรงก็เริ่มมา ไม่วา่จะเรื่องที่คุณหนูออกจากเมืองหลวงอย่างไร รับมือกับพวกลอบโจมตีอย่างไร จัดการแก้ไขวิกฤติ รับมือกับอีกฝ่าย จับคนของสำนักเมฆาวารีมาเป็นเชลยอย่างไรหลังจากมาถึงเมืองหยางแล้วรับมือกับตระกูลเหออย่างไร เล่าออกมาจนหมดและขณะที่ 'คุณชายเยี่ยน' กำลังกินข้าวอย่างไม่รีบไม่

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1263

    ท่าทีของเฟิงเหยียน ไม่ถือว่ากระตือรือร้นมากนัก กระทั่งค่อนข้างเย็นชาด้วยซ้ำแต่ก็เป็นเรื่องปกติ หลังจากที่เขาออกจากสำนักในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีความฮึกเหิมเหมือนสมัยครั้งยังเด็กอีกมักจะเย็นชา และมักจะเฉยเมยปันอวิ๋นเม้มริมฝีปาก เข้าใจถึงสาเหตุนั้นสภาพการณ์ตอนที่เฟิงเหยียนออกจากสำนักครั้งนั้น เขาเองก็รู้เป็นอย่างดีต่อให้จนถึงตอนนี้ ก็ยังจดจำได้อย่างชัดเจนเพราะเฟิงเหยียนถูกทรยศเป็นคนแรก ดังนั้น ตอนนั้นพวกเขาก็อยู่ในฐานะคนที่ยังไม่ถูกทรยศอันที่จริง จะมากน้อยก็ยังมีความสงสัยว่าถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็คงไม่เข้าใจอยู่พวกเขารู้สึกว่าเฟิงเหยียนทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเฟิงเหยียนที่ไม่รู้จักบุญคุณพวกเขารู้สึกว่า เป็นเฟิงเหยียนที่ทำไม่ถูกเฟิงเหยียนเป็นคนอกตัญญูจนต่อมา ต่อมาของต่อมา ทุกคนทยอยกันเดินบนเส้นทางของเฟิงเหยียน ใครก็หนีไม่พ้นการทรยศหรือใช้ประโยชน์ทั้งนั้นตามหลักแล้วควรจะยอมรับชะตากรรมอย่างที่เคยเตือนเฟิงเหยียนเอาไว้ในตอนนั้น และมองว่าสิ่งนั้นเป็นการบ่มเพาะและการให้ความสำคัญจากสำนักแต่เพระาอะไร...ถึงได้ดีใจกันขึ้นมาไม่ได้เลยและหลังจากนั้นอีก แต่ละคนก็ทร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1262

    ดังนั้นเขาจึงยังไม่กล้าไปกอดนางไว้แบบนี้ตลอด คอยอยู่ด้วยเงียบๆแต่เขากลับไม่ง่วงเลย ไม่ได้หลับ ไม่ได้ปิดตาด้วยแค่มองนางเงียบๆ สัมผัสถึงความร้อนในตัวนางกับชีพจรนางกระทั่งตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง...รู้สึกสงบใจอย่างมากราวกับว่า ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสมบูรณ์แบบแล้วทั้งที่ความทรงจำในอดีตยังไม่กลับคืนเข้าที่ แต่ความรู้สึกนี้ เหมือนสลักประทับอยู่ในจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น ยากที่จะลบเลือนจนกระทั่งลมหายใจของจั๋วซือหรานมั่นคงแล้ว สีหน้ายิ่งมีประกายแดง สภาพดีขึ้นมากแล้วเขามองไปที่คราบเลือดแห้งกรังเหล่านั้นบนใบหน้าจั๋วซือหราน รู้สึกเสียดแทงตาเหลือเกินจึงได้เคลื่อนไหวเบาๆ เดินออกไปด้านนอก กำชับคนรับใช้ให้เตรียมน้ำร้อนมาไม่ให้คนรับใช้เข้ามาปรนนิบัติ แต่เขาหิ้วถังน้ำเข้ามาเองเขาอุ้มนางมาแช่ในถังน้ำ คอยสระชำระเส้นผมนางทีละเล็กทีละน้อย เช็ดคราบเลือดบนผิวนางออกอาบตัวนางจนสะอาดหมดจด อุ้มกลับไปบนเตียง ใช้ผ้าห่มห่อตัวนางจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณธาตุไฟบริสุทธิ์ เป่าผมนางจนแห้งและเพราะมีกลิ่นอายของเขาห่อหุ้มอยู่ จั๋วซือหรานจึงหลับลึกอย่างสบาย ไม่ตื

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1261

    พลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงที่บริสุทธิ์ที่สุด ถูกส่งผ่านเข้ามาอย่างนั้นจั๋วซือหรานมีความรู้สึกเหมือนตนเองถูกแช่ไว้ในน้ำอุ่น เป็นความรู้สึกที่สบายอย่างที่สุดในลำคอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความสบายยิ่งไปกว่านั้น คนเราก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองลำบากยากเย็นอะไรนักแต่ตอนที่ร่างกายสามารถผ่อนคลายลงมาได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานอีกแล้วพอย้อนคิดไปถึงความยากลำบากเหล่านั้นก่อนหน้า กลับรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารขึ้นมาจั๋วซือหรานตอนนี้ก็รู้สึก ว่าตนเอง...ไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าไรชายคนนี้ เจ้าคนสมควรตายนี่มีสิทธิ์อะไร?มีสิทธิ์อะไรกัน?"..." ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บที่ปลายลิ้นเขาขมวดคิ้ว รสชาติคคาวหวานของเลือดแผ่ซ่านในร่องฟันของทั้งสองคนเขามองหญิงสาวตรงหน้า ก็เห็นแววตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่หน่อยๆแล้วยังมีสีหน้าท้าทายอีกด้วยดูเหมือนจะจงใจกัดปลายลิ้นเขา น่าจะโมโหเอาการชายหนุ่มไม่ครางออกมาเลย ราวกับไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใส่ใจ ปลายลิ้นยังโถมใส่นางอย่างเร่าร้อนรุนแรงถ้านางอยากได้ ก็ต้องแล้วแต่นางจั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1260

    เหมือนว่าความทรมานทั้งหมดก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทรมานอะไรขนาดนั้นและไม่รู้ว่าเจ้าโง่นี้ใช้แรงกระแทกนางมากแค่ไหน...มีหลายครั้ง ที่นางรู้สึกได้ว่า ในมิตินี้เหมือนสั่นไหวขึ้นมาราวกับวิญญาณของนางที่ถูกขังอยู่ในมิติ จะถูกดันกลับเข้าไปที่เดิมเลยจั๋วซือหรานถลึงตาโตขึ้นหน่อย จ้องมองมิติที่โยกไหวหน่อยๆรู้สึกหมดคำจะพูดแมงมุมน้อยงึมงำขึ้นมาข้างๆ "นายท่าน...ในนี้มัน...ร้อนจัง..."จั๋ซซือรหานมองไปทางเหล่าสัตว์อสูรของตนเอง มองออกไม่ยาก พวกมันเหมือนเริ่มมึนๆ จะหลับกันแล้ว พอเห็นแบบนี้ ก็เหมือนจะไม่ได้แตกต่างอะไรนักกับสถานการณ์ครั้งที่แล้วเพียงแต่ครั้งที่แล้ว ตนเองถูกทำจนเกือบจะสลบไปและตอนนี้ ตนเองถูกทำ...จนใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วผู้ชายคนนี้...ร้ายกาจจริงๆนี่มันช่าง....สัมผัสแนบเนื้อบนตัวนางมีเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ผิวที่เคยขาวซีดไปทั้งตัว ตอนนี้พอมีเม็ดเหงื่อเกาะอยู่ จึงยิ่งดูเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน..."อือ..." หญิงสาวที่ไม่มีปฏิกิริยามาตลอด ริมฝีปากที่ยังมีรอยเลือดที่ยังเช็ดไม่สะอาด ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยฟังดูแล้วเป็นเสียงอือๆ งึมงำๆน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1259

    ในใจจั๋วหวายเข้าใจอย่างหนักแน่นว่าเฟิงเหยียนคือผู้ชายทรยศแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาคิดว่าเฟิงเหยียนจะทำให้พี่สาวดีขึ้นได้คนเราก็มักมีสองมาตรฐานเช่นนี้ ไม่มีทางเลือกดังนั้นจั๋วหวายแม้จะไม่ได้เน้นหนักว่าผู้ชายทรยศคนนั้นคือผู้ชายทรยศ แต่ก็ยังถามขึ้นว่า "เขาจะพาพี่สาวข้าไปไหน?"ปันอวิ๋นได้ยินคำนี้ สายตาก็ลึกซึ้งขึ้นมา "นั่น...เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขา เด็กๆ ไม่ต้องถามเยอะ"จั๋วหวายเบ้ปาก ในใจก็บ่นว่าตนเองไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อยแต่ปันอวิ๋นในที่สุดก็ไม่ได้บอกจั๋วหวาย ว่าเฟิงเหยียนจะพาจั๋วซือหรานไปที่ไหนในใจปันอวิ๋นชัดเจนดี สภาพของจั๋วซือหรานแย่หนักถึงระดับนี้แล้ว ขนาดยาก็ยังดื่มไม่ลงถ้าคิดจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปลอบประโลมตัวนาง รวมถึงปลอบประโลมลูกในท้องนาง...วิธีการที่ดีที่สุด คือสิ่งนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยสติสัมปชัญญะของจั๋วซือหรานไม่ได้หลับลึกอย่างสมบูรณ์ ในมิติยังสัมผัสรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆความรู้สึกนั้น เหมือนกับสติสัมปชัญญะถูกขังอยู่ในมิติอย่างไรอย่างนั้นนางจึงเป็นได้เพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น"เฮ้อ ดูท่าเขาจะใช้วิะีนั้นสินะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นขนมถั่วแดงกั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1258

    แต่ว่าชายหนุ่มยังคงไม่ตอบเขาเขาเพียงยกมือขึ้นมา สะบัดแขนเสื้อ เผยท่อนแขนออกมาจากในแขนเสื้อจั๋วหวายจึงเห็นว่าท่อนแขนของชายคนนี้ มีลายมัดกล้ามที่สวยงาม กระชับเรียวยาวผิวเองก็ขาวเย็น ไม่รู้ว่าเพราะปกติไม่ค่อยโดนแสงแดดหรือเปล่าและตอนนี้เอง ผิวหนังขาวเย็นที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อพอต้องกับแสงตะวัน จั๋วหวายก็รู้สึกเหมือนขาวจนสะท้อนแสงออกมาเลย!จากนั้น หลังจากสัมผัสกับแสง ก็ค่อยๆ รอยแผลเหมือนไฟลวกที่ค่อยๆ แดงขึ้น ก็ปรากฏมาบนท่อนแขนเขาไม่เพียงเท่านี้ หลังจากที่รอยไหม้เหล่านี้ปรากฏ ท่อนแขนเขาก็มีอักขระประหลาดบางส่วนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วพออักขระคำสาปปรากฏ บาดแผลเผาไหม้พวกนั้นก็ถูกสะกดลงไป บาดแผลบนผิวหนังเริ่มสมานตัวกลับเหมือนเดิม หลังจากแผลสมานดี อักขระคำสาปเหล่านั้นก็ค่อยๆ สลายหายไปบนผิวหนังเขาแต่ไม่นานนัก ก็ปรากฏแผลไฟลวกอีกครั้ง อักขระเหล่านั้นก็ปรากฏขึ้นมาอีกซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ดูแล้วทำให้คน...รู้สึกประหลาดมากจั๋วหวายมองจนบื้อไปเลยและชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจกับแผลที่หายแล้วก็เกิด เกิดแล้วก็หายพวกนี้เลย ราวกับเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้นและก็เหมือนไม่ได้เจ็บได้ปวดเลย แม้ต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1257

    เหมือนว่าพอสายตามองเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดปันปวิ๋นที่เหมือนลมพัดก็สลายหายไปได้ ตอนนั้นเอง สัมผัสทั้งหมดก็เหมือนหายวับไปในพริบตาดวงตามองไม่เห็นสิ่งใดอีกแล้ว หุเองก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวดรุนแรงเหมือนมีดกรีดกลางใจ ไม่เพียงเท่านี้ สมองก็เหมือนถูกของมีคมกวนคนอย่างไรอย่างนั้น เจ็บขึ้นมาเป็นระยะๆยิ่งเจ็บ ก็ยิ่งอยากจะมองนางให้ชัดจเน ไม่อยากพลาดไปแม้แต่น้อยปันอวิ๋นพอเห็นร่างของเขา และกลิ่นอายนั่นบนตัวปันอวิ๋นในที่สุดก็ถอนใจโล่ง เขามาได้เสียที..."เจ้าหุบเขา?" ศิษย์สำนักข้างๆ ยังระแวดระวังอยู่ปันอวิ๋นบอกกับศิษย์สำนักเสียงเรียบว่า "เขาไม่ทำอะไรหรอก"ศิษย์สำนักพอได้ยินคำนี้ จึงถอนใจโล่งออกมา เพราะตอนที่พวกคนคุ้มกันขวางเขาเมื่อครู่มันเกินต้านแล้วจริงๆปรมาจารย์กู่อย่างพวกเขาเดิมทีก็แพ้ธาตุไฟอยู่แล้ว และชายคนนี้ก็เหมือนจะมีธาตุไฟระดับสูงด้วยพวกเขาไม่มีความสามารถจะไปทัดทานได้เลยปันอวิ๋นพอเห็นร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก็คิดในใจ ยังจะงงอะไรอยู่เล่า ถ้าเจ้ายังงงอยู่ หญิงสาวคนนี้จะไม่ไหวแล้วนะ!"โอ๊ค..." ในปากจั๋วซือหรานมีเลือดสดทะลักออกมาและมือข้างนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1256

    ราวกับว่า...ต่อให้นางจะดูอ่อนแอเหมือนกดให้ตายได้ด้วยนิ้วเดียวแต่ยังคงไม่ยอมให้คนรู้สึกว่าอ่อนแอ ยังคงทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าหากอยากจะเป็นศัตรูกับนาง ก่อนนางตายก็จะลากเจ้าลงนรกไปด้วยกันตอนนี้รอยยิ้มที่ดูเกียจคร้านไม่ใส่ใจ กลับยิ่งดูสงบนิ่งมั่นคงราวกับยกของหนักได้อย่างสบายนางเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้าน "ใครจะรู้ล่ะ? อาจจะขาดหนูไม้ไผ่อยู่กระมัง"ปันอวิ๋นกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่พอได้ยินหนูไม้ไผ่สองคำนี้ เขาก็รู้แล้ว ว่าตอนที่เขาไปทิ้งจดหมายที่บ้านไม้ไผ่ นางก็เดาได้แล้วว่าเขาทำอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเป็นหญิงสาวที่เจ้าเล่ห์กว่าจิ้งจอกเสียอีกปันอวิ๋นจุ๊ปาก "เจ้านี่ถึงตายไป สมองก็คงจะแล่นอยู่อย่างนี้สินะ?"จั๋วซือหรานแค่เหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร มุมปากกลับยกโค้งขึ้นบางๆหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วนางก็ขมวดขึ้นบางๆ"ทำไมหรือ?" ปันอวิ๋นเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้านาง จึงขมวดคิ้วเดินเข้ามา สองมือประคองบ่านางไว้อันที่จริงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าทรมานจากหน้านางนัก นางมักจะทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรเสมอแต่ตอนนี้ บนสีหน้า กลับดูทรมานขึ้นอย่างชัดเจนจากนั้น นางก็เหมือนจะยืน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1255

    จั๋วหวายเกือบจะสำรอกออกมาแล้ว!"ถ้าจะอาเจียนก็ออกไปอาเจียนซะ ถ้าทำกู่กล่องนี้ของข้าพัง ข้าจะจับเจ้าแขวนห้อยหัวซะเลย" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายหมุนตัวพุ่งออกไป สูดลมหายใจลึกหลายครั้งกว่าจะสงบลงมาได้ จากนั้นจึงเตรียมตัวเตรียมใจ ตอนที่เข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีกระทบกระเทือนอย่างแรงแบบก่อนหน้าแล้วแต่สายตากลับไม่ได้มองไปยังแผ่นกระดานที่มีของดิ้นกระแด่วๆ นั่นมองแล้วขนลุกสุดๆ"มีเรื่องอะไร?" ปันอวิ๋นถามขึ้นเสียงเรียบจั๋วหวายเอ่ยเสียงต่ำ "ท่านรู้..." เขาสูดจมูก ถามออกไปว่า "ท่านรู้จักเฟิงเหยียนใช่ไหม?"ปันอวิ๋นเดิมทีกำลังป้อนอาหารเจ้าพวกดุ๊กดิ๊กพวกนั้นพอได้ยินคำนี้ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงมา ไม่หันไปมองเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถามขึ้นเรียบๆ ว่า "ทำไมล่ะ?""ข้าอยากเจอเขา ข้าอยากจะถามเขา ว่าทำไมทำแบบนี้กับพี่ของข้า" จั๋วหวายขอบตาแดงรื้นเขาสูดหายใจลึกแล้วพ่นออกมา "ข้าเองก็อยากจะถามเขา ว่าช่วยพี่ข้าได้ไหม ถ้าหากไม่ได้ หรือก็คือเขาเป็นผู้ชายทรยศ ไม่ยินยอม เช่นนั้นเขามาบอกกับท่านพี่ได้ไหม ว่าให้เลิกแล้วต่อกันจบๆ ไป"ปันอวิ๋นพอได้ยินคำนี้ จะฟังความเสียใจในใจจั๋วหวายไม่ออกได้อย่างไรกั

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status