เจี่ยงหร่านที่ได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตาของนางอย่างชัดเจน
สตรีนางนี้มีใบหน้างดงามล่มเมือง งามเสียจนร่างเดิมนางเทียบไม่ติด ผิวพรรณขาวนวลเนียนราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าแพรพรรณเนื้อดี ดูสูงส่งเป็นอย่างมากแตกต่างจากนางโดยสิ้นเชิง
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
เจี่ยงหร่านใจเต้นถี่ระรัว ภาพก่อนตายปรากฏขึ้นมารวมไปถึงภาพที่นางปลิดชีพตนเอง เรื่องราวทั้งหมดไหลวนกลับมา ก่อนที่นางจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึง
สวรรค์! ข้ามาเกิดใหม่ในร่างของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่แคว้นฟงหลิงเช่นนั้นหรือ เดิมทีนางตายไปแล้ว นางจึงเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ทรุดกายลงบนเตียง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในใจมีทั้งความดีใจและเสียใจ
นางดีใจที่สวรรค์มีเมตตาให้นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
แต่สิ่งที่่เสียใจก็คือ นางกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีอื่น ซ้ำยังเป็นสตรีในแคว้นศัตรู ต้องอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นไปจนวันตาย
นี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่นางอกตัญญูต่อบิดามารดาใช่หรือไม่
แม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินที่เห็นว่าอยู่ๆ บุตรสาวก็เงียบงันไปทั้งยังร้องไห้ออกมา ก็ตกใจเป็นอย่างมาก
"เอ่อ เหมี่ยวเอ๋อร์ พ่อไม่ว่าเจ้าแล้ว เจ้าอยากดื่มสิ่งใดก็ดื่มเถอะ โธ่เอ๋ย"
"นั่นสิ เจ้าดื่มเถอะ ฮือ บุตรสาวของข้า"
เมื่อเจี่ยงหร่านร้องไห้จนพอใจแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นมองสองสามีภรรยาที่กำลังมองตนด้วยแววตาเอื้ออาทร แววตาเช่นนี้เหมือนในตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ที่แท้จริงมองนางไม่มีผิด นางเข้าใจดีว่าหากพวกเขารู้ว่าแท้จริงบุตรสาวตนได้ตายจากไปแล้วคงจะเสียใจจนแทบสิ้นสติ
ในเมื่อนางเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว เพื่อชดเชยให้สตรีผู้โชคร้าย นางจะดีต่อบิดามารดาของสตรีผู้นี้เอง
นับจากนี้ต่อไป นางต้องกลายเป็นหญิงสาวที่มีนามว่าจางเหมี่ยวลี่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจี่ยงหร่านที่กลับกลายเป็นจางเหมี่ยวลี่จึงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตน พลางขออภัยบิดามารดา
"ท่านพ่อท่านแม่ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ที่ทำให้พวกท่านเป็นห่วง"
เมื่อสองสามีภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับสบสายตามองหน้ากันทันที แม่ทัพใหญ่ใคร่ครวญในใจว่า หรือว่าบุตรสาวจะเสียสติไปแล้ว นางถึงเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้ ทุกครั้งไม่ต่อว่าเขาก็พูดจาไม่น่าฟังอยู่ตลอดเวลา
หรือว่าน้ำแกงรกเด็กจะล้างสมองนางไปหมดแล้ว!
หรือว่าจะมีผีมาสิงนาง!
เป็นไปมิได้ นางน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก!
ด้านจางฮูหยินเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน ก่อนจะมองบุตรสาวด้วยความฉงนสงสัย
หรือว่าเหมี่ยวเอ๋อร์จะกลืนยันต์สาปแช่งลงท้องไปจนทำให้นางเสียสติ จึงเอ่ยวาจาดีๆ เช่นนี้ออกมาได้
จางเหมี่ยวลี่ที่ถูกมองเช่นนี้ ก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย หรือว่านางเอ่ยวาจาใดผิดไป พวกเขาจึงมองนางแปลกๆ
จู่ๆ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่า เจ้าของร่างเดิมที่นางเห็นในความทรงจำมักจะทำตัวไม่น่ารัก นิสัยไม่ดีใช่หรือไม่
หรือว่าต้องเป็นเช่นนั้น
นางทำไม่ได้เสียด้วยสิ แต่ลองดูก็ได้!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจางเหมี่ยวลี่ก็กระแอมออกมา
"มองข้าทำไมกัน หรือพวกท่านไม่เชื่อข้า"
แม่ทัพใหญ่จางสะดุ้งโหยง ก่อนจะแอบนึกอยู่ในใจ
ต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ!
แคว้นฟงหลิงยามราตรีเสียงลมกระโชกที่โหมกระหน่ำรุนแรง ต้นไม้ทุกต้นโยกไหวไปตามแรงลม คล้ายกับมีมือหลายมือเสมือนเงามืดที่จับต้นไม้เหล่านั้นให้เอนไหวไปตามทิศทางลม จันทราสาดแสงส่องลงมาทำให้เห็นทุกสรรพสิ่งได้อย่างเลือนราง ยามนี้ภายในจวนตระกูลจาง ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงเรือนเหลียนฮวา ที่ตอนนี้ยังคงมีแสงเทียนวับแวมให้พอมองเห็นได้อยู่บ้าง ภายในห้องมีหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีกำลังนั่งพนมมืออยู่ในอ่างน้ำ ที่มีกลิ่นสมุนไพรเข้มข้น พลางขยับริมฝีปากแดงฉ่ำท่องสวดคาถาบางอย่างไม่ยอมลดละ พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกลงจนหนาวสะท้าน ก่อนที่นางจะขยับริมฝีปากบางเอ่ยวาจาออกมา"ขอให้ข้างามที่สุด งามเป็นหนึ่งในแคว้นฟงหลิง สตรีใดก็มิอาจเทียบเคียงข้าได้แม้แต่ปลายเส้นผม"กล่าวจบนางก็คลี่รอยยิ้ม ใบหน้างดงามล่มเมือง ทว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาอำมหิต"คุณหนูเจ้าคะ ยามนี้ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ"เสียงสาวใช้นางหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีหวาดหวั่น หญิงสาวพลันปรายตามามองสาวใช้อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตวาดเสียงดัง"พูดมาก นังคนชั้นต่ำ!"สิ้นเสียงหญิงสาวก็ลุก
วังหลวงแห่งแคว้นซ่ง"นางตายหรือยัง?""ยังพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"เสียงพูดคุยสนทนาที่อยู่ด้านนอกไม่ไกลนัก ทำให้หญิงสาวที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าคุกคุมขังและมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย"ฉู่อี้เฉิน เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้""เพราะเจ้าหมดประโยชน์แล้วอย่างไรเล่า"ฉู่อี้เฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเขาและนางเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกันหญิงสาวที่ถูกคุมขัง มีนามว่าเจี่ยงหร่าน เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่แคว้นซ่ง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊เพราะแคว้นซ่งเปิดกว้างเรื่องสตรีอยู่ไม่น้อย เจี่ยงหร่านจึงได้เข้าค่ายทหารตามบิดา ไม่นานก็รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งกองทัพหวังหย่ง เป็นสตรีคนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพการที่เขาเข้าหานาง เดิมทีก็เพื่อผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้คนตระกูลเจี่ยงไม่เห็นด้วยที่เจี่ยงหร่านใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา เนื่องจากคนในตระกูลเจี่ยงขึ้นตรงต่อฮ่องเต้แคว้นซ่งบิดาของเขา ไม่ขึ้นตรงต่อองค์
ยามนี้สงครามระหว่างแคว้นฟงหลิงและแคว้นต้าฉีมาถึงบทสรุปแล้ว ท้ายที่สุดฮ่องเต้แคว้นต้าฉีเจรจาของสงบศึกชั่วคราว เนื่องจากสูญเสียกำลังทหารไปร่วมหลายหมื่นนายแล้ว หากว่ายังคงดึงดันที่จะต่อสู้อีก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อแคว้นต้าฉีเป็นแน่ผู้นำศึกในครั้งนี้คือแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียวจิ้ง หลานชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง"ซื่อจื่อ ยามนี้แคว้นต้าฉียอมสงบศึกแล้ว ข้าจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทโดยด่วน"“เป็นเพราะครั้งนี้ มีท่านแม่ทัพใหญ่ร่วมออกศึก เราจึงสามารถมีชัยอีกครั้ง" เซียวซื่อจื่อตอบรับคำอย่างอารมณ์ดีแม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเองมีฝีมือยอดเยี่ยม แคว้นฟงหลิงมีท่านอยู่ วันใดข้าตายไปย่อมหมดห่วงแล้ว""อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะต้องมีอายุยืนยาว"สองคนพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะอนุญาตให้เหล่าทหารดื่มสุราเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แม้จะยังไม่สามารถยึดแคว้นต้าฉีมาได้ แต่ฮ่องเต้แค้นต้าฉีย่อมไม่อาจจะก่อคลื่นลมได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เป็นแน่เซียวจิ้งมองดูเหล่าทหารที่ร่วม
"ซื่อจื่อ ไม่ดื่มหน่อยหรือ"เสียงของแม่ทัพใหญ่จางทำให้เซียวจิ้งหลุดพ้นจากภวังค์ ก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ"ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าดูสถานการณ์ อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่"แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้า พลางกล่าวขึ้นมา"ซื่อจื่อ หากท่านกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ คงต้องแต่งงานกับเหมี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าท่านไม่เต็มใจ แต่สมรสพระราชทานย่อมมิอาจยกเลิกได้ หากท่านไม่รักนาง ก็ช่วยดีต่อนางได้หรือไม่ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น"เซียวจิ้งมองแม่ทัพใหญ่จางก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบรับคำ"ข้ารับปาก ข้าจะพยายาม"แม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย"เวลานี้เฉวียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะฟื้นตัว กลับไปเมืองหลวงข้าจะหาหมอเก่งๆ มารักษาเขา""ข้าจะให้เสด็จลุงส่งหมอหลวงไปรักษาเขา อย่างไรเขาก็เป็นสหายของข้า""ขอบคุณซื่อจื่อยิ่งนัก"เซียวจิ้งพยักหน้าและขอตัวจากมา จางเฉวียนเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่จาง อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมเรียนกับเขาตั้งแต่วัยเยาว์จึงสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่งชะตาสวรรค์กำหนดมาเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากฝืนลิขิตสวรรค์เขาและสหายแดนไกลผู้นั้นคงมีวาสนาเพียงได้พบแต่ไม่ได้ครองคู่กันสวรรค์ช่า
เซียวจิ้งที่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็พลันนิ่วหน้า เขามองจางเหมี่ยวลี่ที่ยามนี้มองมาที่ตนด้วยแววตามีทั้งความตกตะลึงและคาดไม่ถึง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความดีใจอีกหลายส่วนเขาไม่เคยชอบจางเหมี่ยวลี่ เพราะนางไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าใดนักเขาจำได้ว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาชายแดน เมื่อสองปีก่อน เสด็จลุงพระราชทานสมรสให้เขาและนาง หากชนะสงครามกลับเมืองหลวงเมื่อใด ก็ให้แต่งงานกันทันที ยามนั้นจางเหมี่ยวลี่พยายามจัดฉากเพื่อพบหน้าเขา นางนำขนมและอาหารที่ทำเองกับมือมาให้เขากิน มีครั้งหนึ่งเขาเห็นว่านางพนมมือขึ้นไหว้ไปที่อาหารและพึมพำบางอย่าง ก่อนจะเป่าลงไปในอาหารที่นำมาให้เขา เซียวจิ้งถอนหายใจออกมา และไม่แตะต้องของที่นางทำให้แม้แต่คำเดียวจางเหมี่ยวลี่หลงใหลวิชาบัดซบพวกนี้จนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรและมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาไปดื่มชาที่โรงน้ำชา และมีสตรีนางหนึ่งลอบส่งสายตาให้เขา เดิมทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ไม่รู้ว่าจางเหมี่ยวลี่มาแอบตามเขามาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อนางเห็นว่าสตรีผู้นั้นยั่วยวนเขา นางก็ตรงเข้ามาตบตีสตรีผู้นั้นอีกทั้งยังพังโรงน้ำชาจนย่อยยับ และเอ่ยทิ้งท้ายว่า"บุรุษของข้าใครกล้าแตะตายสถานเ
เจี่ยงหร่านที่ได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพของหญิงสาวนางหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตาของนางอย่างชัดเจนสตรีนางนี้มีใบหน้างดงามล่มเมือง งามเสียจนร่างเดิมนางเทียบไม่ติด ผิวพรรณขาวนวลเนียนราวหิมะ แต่งกายด้วยผ้าแพรพรรณเนื้อดี ดูสูงส่งเป็นอย่างมากแตกต่างจากนางโดยสิ้นเชิงนี่มันเรื่องอะไรกัน!เจี่ยงหร่านใจเต้นถี่ระรัว ภาพก่อนตายปรากฏขึ้นมารวมไปถึงภาพที่นางปลิดชีพตนเอง เรื่องราวทั้งหมดไหลวนกลับมา ก่อนที่นางจะเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงสวรรค์! ข้ามาเกิดใหม่ในร่างของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่แคว้นฟงหลิงเช่นนั้นหรือ เดิมทีนางตายไปแล้ว นางจึงเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางก็ทรุดกายลงบนเตียง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ในใจมีทั้งความดีใจและเสียใจนางดีใจที่สวรรค์มีเมตตาให้นางได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งแต่สิ่งที่่เสียใจก็คือ นางกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีอื่น ซ้ำยังเป็นสตรีในแคว้นศัตรู ต้องอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นไปจนวันตายนี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่นางอกตัญญูต่อบิดามารดาใช่หรือไม่แม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินที่เห็นว่าอยู่ๆ บุตรสาวก็เงียบงันไปทั้งยังร้อง
เซียวจิ้งที่ได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็พลันนิ่วหน้า เขามองจางเหมี่ยวลี่ที่ยามนี้มองมาที่ตนด้วยแววตามีทั้งความตกตะลึงและคาดไม่ถึง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความดีใจอีกหลายส่วนเขาไม่เคยชอบจางเหมี่ยวลี่ เพราะนางไม่ใช่คนนิสัยดีเท่าใดนักเขาจำได้ว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาชายแดน เมื่อสองปีก่อน เสด็จลุงพระราชทานสมรสให้เขาและนาง หากชนะสงครามกลับเมืองหลวงเมื่อใด ก็ให้แต่งงานกันทันที ยามนั้นจางเหมี่ยวลี่พยายามจัดฉากเพื่อพบหน้าเขา นางนำขนมและอาหารที่ทำเองกับมือมาให้เขากิน มีครั้งหนึ่งเขาเห็นว่านางพนมมือขึ้นไหว้ไปที่อาหารและพึมพำบางอย่าง ก่อนจะเป่าลงไปในอาหารที่นำมาให้เขา เซียวจิ้งถอนหายใจออกมา และไม่แตะต้องของที่นางทำให้แม้แต่คำเดียวจางเหมี่ยวลี่หลงใหลวิชาบัดซบพวกนี้จนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรและมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง เขาไปดื่มชาที่โรงน้ำชา และมีสตรีนางหนึ่งลอบส่งสายตาให้เขา เดิมทีเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่ไม่รู้ว่าจางเหมี่ยวลี่มาแอบตามเขามาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อนางเห็นว่าสตรีผู้นั้นยั่วยวนเขา นางก็ตรงเข้ามาตบตีสตรีผู้นั้นอีกทั้งยังพังโรงน้ำชาจนย่อยยับ และเอ่ยทิ้งท้ายว่า"บุรุษของข้าใครกล้าแตะตายสถานเ
"ซื่อจื่อ ไม่ดื่มหน่อยหรือ"เสียงของแม่ทัพใหญ่จางทำให้เซียวจิ้งหลุดพ้นจากภวังค์ ก่อนจะหันมายิ้มน้อยๆ"ไม่ล่ะ ข้าต้องเฝ้าดูสถานการณ์ อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไหร่"แม่ทัพใหญ่จางพยักหน้า พลางกล่าวขึ้นมา"ซื่อจื่อ หากท่านกลับไปเมืองหลวงครั้งนี้ คงต้องแต่งงานกับเหมี่ยวเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าท่านไม่เต็มใจ แต่สมรสพระราชทานย่อมมิอาจยกเลิกได้ หากท่านไม่รักนาง ก็ช่วยดีต่อนางได้หรือไม่ ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น"เซียวจิ้งมองแม่ทัพใหญ่จางก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบรับคำ"ข้ารับปาก ข้าจะพยายาม"แม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย"เวลานี้เฉวียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเพิ่งจะฟื้นตัว กลับไปเมืองหลวงข้าจะหาหมอเก่งๆ มารักษาเขา""ข้าจะให้เสด็จลุงส่งหมอหลวงไปรักษาเขา อย่างไรเขาก็เป็นสหายของข้า""ขอบคุณซื่อจื่อยิ่งนัก"เซียวจิ้งพยักหน้าและขอตัวจากมา จางเฉวียนเป็นบุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่จาง อีกทั้งยังเป็นสหายร่วมเรียนกับเขาตั้งแต่วัยเยาว์จึงสนิทสนมกันเป็นอย่างยิ่งชะตาสวรรค์กำหนดมาเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่อยากฝืนลิขิตสวรรค์เขาและสหายแดนไกลผู้นั้นคงมีวาสนาเพียงได้พบแต่ไม่ได้ครองคู่กันสวรรค์ช่า
ยามนี้สงครามระหว่างแคว้นฟงหลิงและแคว้นต้าฉีมาถึงบทสรุปแล้ว ท้ายที่สุดฮ่องเต้แคว้นต้าฉีเจรจาของสงบศึกชั่วคราว เนื่องจากสูญเสียกำลังทหารไปร่วมหลายหมื่นนายแล้ว หากว่ายังคงดึงดันที่จะต่อสู้อีก ย่อมไม่ส่งผลดีต่อแคว้นต้าฉีเป็นแน่ผู้นำศึกในครั้งนี้คือแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียวจิ้ง หลานชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีฝีมือเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง"ซื่อจื่อ ยามนี้แคว้นต้าฉียอมสงบศึกแล้ว ข้าจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทโดยด่วน"“เป็นเพราะครั้งนี้ มีท่านแม่ทัพใหญ่ร่วมออกศึก เราจึงสามารถมีชัยอีกครั้ง" เซียวซื่อจื่อตอบรับคำอย่างอารมณ์ดีแม่ทัพใหญ่จางที่ได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นมา"จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านเองมีฝีมือยอดเยี่ยม แคว้นฟงหลิงมีท่านอยู่ วันใดข้าตายไปย่อมหมดห่วงแล้ว""อย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ ท่านแม่ทัพจะต้องมีอายุยืนยาว"สองคนพูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะอนุญาตให้เหล่าทหารดื่มสุราเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แม้จะยังไม่สามารถยึดแคว้นต้าฉีมาได้ แต่ฮ่องเต้แค้นต้าฉีย่อมไม่อาจจะก่อคลื่นลมได้ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้เป็นแน่เซียวจิ้งมองดูเหล่าทหารที่ร่วม
วังหลวงแห่งแคว้นซ่ง"นางตายหรือยัง?""ยังพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"เสียงพูดคุยสนทนาที่อยู่ด้านนอกไม่ไกลนัก ทำให้หญิงสาวที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าคุกคุมขังและมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย"ฉู่อี้เฉิน เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้""เพราะเจ้าหมดประโยชน์แล้วอย่างไรเล่า"ฉู่อี้เฉินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา เดิมทีเขาและนางเคยสัญญาว่าจะแต่งงานกันหญิงสาวที่ถูกคุมขัง มีนามว่าเจี่ยงหร่าน เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่แคว้นซ่ง มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊เพราะแคว้นซ่งเปิดกว้างเรื่องสตรีอยู่ไม่น้อย เจี่ยงหร่านจึงได้เข้าค่ายทหารตามบิดา ไม่นานก็รั้งตำแหน่งรองแม่ทัพแห่งกองทัพหวังหย่ง เป็นสตรีคนแรกที่มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพการที่เขาเข้าหานาง เดิมทีก็เพื่อผลประโยชน์ ก่อนหน้านี้คนตระกูลเจี่ยงไม่เห็นด้วยที่เจี่ยงหร่านใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา เนื่องจากคนในตระกูลเจี่ยงขึ้นตรงต่อฮ่องเต้แคว้นซ่งบิดาของเขา ไม่ขึ้นตรงต่อองค์
แคว้นฟงหลิงยามราตรีเสียงลมกระโชกที่โหมกระหน่ำรุนแรง ต้นไม้ทุกต้นโยกไหวไปตามแรงลม คล้ายกับมีมือหลายมือเสมือนเงามืดที่จับต้นไม้เหล่านั้นให้เอนไหวไปตามทิศทางลม จันทราสาดแสงส่องลงมาทำให้เห็นทุกสรรพสิ่งได้อย่างเลือนราง ยามนี้ภายในจวนตระกูลจาง ทุกคนต่างเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์กันหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงเรือนเหลียนฮวา ที่ตอนนี้ยังคงมีแสงเทียนวับแวมให้พอมองเห็นได้อยู่บ้าง ภายในห้องมีหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีกำลังนั่งพนมมืออยู่ในอ่างน้ำ ที่มีกลิ่นสมุนไพรเข้มข้น พลางขยับริมฝีปากแดงฉ่ำท่องสวดคาถาบางอย่างไม่ยอมลดละ พร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกลงจนหนาวสะท้าน ก่อนที่นางจะขยับริมฝีปากบางเอ่ยวาจาออกมา"ขอให้ข้างามที่สุด งามเป็นหนึ่งในแคว้นฟงหลิง สตรีใดก็มิอาจเทียบเคียงข้าได้แม้แต่ปลายเส้นผม"กล่าวจบนางก็คลี่รอยยิ้ม ใบหน้างดงามล่มเมือง ทว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาอำมหิต"คุณหนูเจ้าคะ ยามนี้ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ"เสียงสาวใช้นางหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทีหวาดหวั่น หญิงสาวพลันปรายตามามองสาวใช้อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตวาดเสียงดัง"พูดมาก นังคนชั้นต่ำ!"สิ้นเสียงหญิงสาวก็ลุก