พระสนมสวี่รู้ว่านางพูดความจริง จึงเอ่ยว่า “ข้าก็แค่ยังเป็นห่วงเยี่ยเอ๋อร์อยู่ ถึงได้มาหาเขาที่นี่”“เจ้าเป็นพระชายาเอกของเยี่ยเอ๋อร์ แต่กลับมาพักในจวนของปู๋เยี่ยโหวแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน? รีบย้ายกลับไปเดี๋ยวนี้เลย!”เฟิ่งชูอิ่งส่งเสียงจิ๊ปากเบาๆ “ก่อนหน้านี้เจ้าชังน้ำหน้าข้ามากมิใช่หรือ? ไหนจะคอยหาทางกำจัดข้าให้พ้นทางไม่เว้นวันอีก?”“ทำไมล่ะ? พอเจ้าตายไปแล้ว นิสัยก็เลยเปลี่ยนงั้นหรือ?”พระสนมสวี่ตอบว่า “ตอนนี้ข้าก็ยังไม่ชอบขี้หน้าเจ้าเหมือนเดิม ข้ายังอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายไม่เปลี่ยนแปลง ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เพราะเจ้านั่นแหละ”“หากไม่ใช่เพราะเยี่ยเอ๋อร์ชอบเจ้า หากข้าไม่กลัวว่าเขาจะทำตัวหัวรั้นเหมือนเสด็จพ่อของเขา ข้าก็คงไม่มายุ่งเรื่องของพวกเจ้าหรอก”ก่อนหน้านี้นางคิดว่าพอตัวเองตายแล้วก็จะกลายเป็นผี อย่างไรก็น่าจะหลอกเฟิ่งชูอิ่งให้กลัวได้สักหน่อย เพื่อเอาคืนหนี้แค้นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ทว่าหลังจากได้พบกับเฟิ่งชูอิ่งแล้ว ถึงตระหนักได้ว่าหนี้แค้นของนางคงจะไม่มีวันได้เอาคืนแล้วล่ะเฟิ่งชูอิ่งกระดิกนิ้วเรียกนางเข้าไปหา “ข้าให้โอกาสเจ้าฆ่าข้าครั้งหนึ่ง”เหมยตงยวนใช้หางตาเหลือบมองพ
เฟิ่งชูอิ่งเคยคิดจะถามวิญญาณของฮ่องเต้พระองค์ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น และเคยพยายามจะเรียกวิญญาณของเขากลับมาด้วยเพียงแต่นางเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางจึงทำนายจากควันธูปที่ใช้เรียกวิญญาณ ถึงได้รู้ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปเกิดใหม่ตั้งนานแล้วสีหน้าของพระสนมสวี่แปรเปลี่ยนไปทันที “เขา… เขาไม่ได้รอข้า แต่ไปเกิดใหม่แล้ว?”เฟิ่งชูอิ่งเลิกคิ้ว “เจ้ามีอะไรที่ทำให้เขาต้องอาลัยอาวรณ์ด้วยล่ะ ถึงต้องรอให้เจ้าไปเกิดใหม่ด้วยกัน?”พระสนมสวี่ “...…”นางรู้สึกว่าคำพูดของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะแทงใจดำ แต่ก็เป็นความจริงนางด่าว่า “ทำไมเจ้าถึงน่ารำคาญอย่างนี้?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวาน “ข้าน่ารำคาญ? เจ้าต่างหากที่น่ารำคาญ! จิ่งโม่เยี่ยบอกว่าข้าน่ารักที่สุด แล้วเขาก็ชอบข้าที่สุด!”พระสนมสวี่ “...…”นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าจิ่งโม่เยี่ยชอบเฟิ่งชูอิ่งมาก แต่ก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่ว่าเอาแต่ปฏิเสธความรักจากจิ่งโม่เยี่ยมาตลอดหรือ?แล้วตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งกลับพูดตอกหน้านางด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?เฟิ่งชูอิ่งเหมือนจะมองทะลุความคิดของนาง จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ข้าชอบเขาหรือไม่นั้นไม่
“ในเมื่อเจ้ามีใจให้เขา ไม่ว่าพวกเจ้าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน ในใจก็ยังมีกันและกัน พวกเจ้าไม่มีทางตัดขาดกันได้หรอก”เฟิ่งชูอิ่งจ้องนางแล้วพูดว่า “แม้แต่ความรู้สึกของตัวเองเจ้ายังแยกแยะไม่ได้ ทำเรื่องโง่ๆ ลงไปตั้งมากมาย เจ้ายังมีหน้ามาพูดแบบนี้ได้อีกหรือ?”พระสนมสวี่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพราะทั้งชีวิตข้าถูกความรักพันธนาการ ดังนั้นความรู้สึกของข้าจึงลึกซึ้งที่สุด”“ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำความเข้าใจว่าความรักคืออะไร ดังนั้นในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจความหมายของคำว่ารักได้ดีไปกว่าข้า”เฟิ่งชูอิ่งลองคิดถึงเรื่องที่นางทำมาตลอดชีวิต รู้สึกว่าคำพูดของนางก็มีเหตุผลอยู่บ้างพระสนมสวี่พูดต่อว่า “ต่อไปข้าจะไม่ไปรบกวนเยี่ยเอ๋อร์แล้ว ข้าจะรีบไปเกิดใหม่ให้เร็วที่สุด”เฟิ่งชูอิ่งมองไปที่นาง นางพูดเบาๆ ว่า “ข้าจะไปหาฮ่องเต้พระองค์ก่อน ชาตินี้ข้าติดหนี้เขา ชาติหน้าจะใช้คืนให้เขาทั้งหมดในคราวเดียว”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “งั้นเจ้าก็ซวยแล้ว ชาติหน้าเจ้าจะถูกเขาทรมานจนปางตาย”พระสนมสวี่ “……”เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “ไม่สิ ฮ่องเต้ไปเกิดใหม่เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว”“ตอนนี้เจ้าเพิ่งจะไปเกิดใหม่ บวกกับเวลาต่
เรื่องการตายของพระสนมสวี่ทำที่หอลิ่วเจวี๋ย แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วจิ่งสือเยี่ยนทราบข่าวเรื่องดังกล่าวหลังจากเกิดเรื่องเพียงไม่นานเท่านั้น เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อว่า “พระสนมสวี่ นางเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”หัวหน้าพ่อบ้านพูดเบาๆ ว่า “ไม่รู้ว่านางเสียสติไปแล้วหรือยัง แต่ตอนนี้นางตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จิ่งสือเยี่ยนไม่เคยสนใจพระสนมสวี่ เขาไม่คิดเลยว่าก่อนตายนางจะกล้าทำเรื่องแบบนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าพระสนมสวี่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรแต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ พระสนมสวี่ทำแบบนี้อาจจะไม่ได้หวังอะไรเลย นางเป็นแค่คนบ้า นางทำแบบนี้ก็คงแค่เพราะอยากทำนางคงไม่คิดถึงผลที่จะตามมา และคงไม่คิดว่าการกระทำแบบนี้จะมีผลกระทบอะไรภาพลักษณ์ของฮ่องเต้เจาหยวนในใจเขาก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง พระสนมสวี่รู้ความลับของฮ่องเต้เจาหยวนมากมาย แต่ฮ่องเต้กลับปล่อยนางให้มีชีวิตรอดได้นานขนาดนี้ด้วยวิธีการของจิ่งสือเยี่ยน หากมีใครรู้ความลับสำคัญของเขา เขาคงจะฆ่าปิดปากคนผู้นั้นไปตั้งนานแล้วถึงไม่ฆ่าก็ต้องขังเอาไว้ ไม่ปล่อยให้วิ่งพล่านไปทั่ว แล้วยังเอาเรื่องลับออกมาเปิดโปงอีกแม้ว่าก่อนหน้านี้พระสนมสวี่จะแสดง
“ตอนนั้นพวกเขาต้องทำลายราชโองการทิ้งไปหมดแล้วแน่นอน ไม่มีทางหลงเหลือมาถึงตอนนี้หรอก”“ต่อให้มีราชโองการอีกฉบับอยู่จริง ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ต้องมอบให้ขุนนางที่อยู่ในเมืองหลวง”“พวกขุนนางที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไว้วางใจ เสด็จพ่อของข้าก็จัดการฆ่าปิดปาก ปลดออกจากตำแหน่งหรือเนรเทศออกไปหมด ไม่มีใครเหลืออยู่ในเมืองหลวงแล้ว”“ราชโองการฉบับนั้นน่าจะสูญหายไปนานแล้ว หากมันยังมีอยู่จริงๆ ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยก่อกบฏขึ้นครั้งก่อนก็น่าจะนำออกมาประกาศแล้วสิ”หัวหน้าพ่อบ้านเห็นด้วยกับความคิดของเขาในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีราชโองการอีกฉบับอยู่จริง หลังจากผ่านไปสิบกว่าปีก็น่าจะถูกทำลายไปแล้วและตอนนี้ สิ่งที่มีอิทธิพลต่อพวกเขามากที่สุดก็คือราชโองการของฮ่องเต้พระองค์ก่อนถ้าไม่มีราชโองการฉบับนั้น คำพูดของสนมสวี่ก็จะไม่มีผลกระทบต่อพวกเขาเลยในตอนนั้นเอง คนเฝ้าประตูก็มารายงานว่า “ผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายหัวหน้าศาลต้าหลี่และรองเจ้ากรมคลังซ้าย มาขอเข้าพบองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ“คนพวกนี้ล้วนเป็นคนของจิ่งสือเยี่ยน เขาทราบดีว่าคนเหล่านี้มาพบเขาด้วยจุดประสงค์อะไรเขาจึงกล่าวว่า “เชิญพวกเขาทั้งหมดไปที่ห้อง
เพราะตอนนี้เนื้อตัวของมหาราชครูส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมด ดูท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก แถมยังพึมพำอะไรอยู่คนเดียวจิ่งสือเยี่ยนตระหนักดีว่าเขาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก ต้องรีบเค้นถามให้ได้คำตอบดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามทันทีว่า “มหาราชครู ข้าคืออ๋องจิ้น ข้ามีเรื่องจะถามท่าน”แต่มหาราชครูกลับไม่ชายตาแลเขาสักนิด ยังคงพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง “ข้าบ้าไปแล้ว ข้ากินขี้ อย่าฆ่าข้า!”ตอนแรกจิ่งสือเยี่ยนได้ยินไม่ค่อยชัดเจนนักว่าเขาพึมพำอะไร คิดไปว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ จึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ “เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?”มหาราชครูยังคงพึมพำอะไรบางอย่าง แต่เสียงกลับเบามากจิ่งสือเยี่ยนพยายามโน้มตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิมเผื่อว่าจะได้ยินชัดขึ้น “อะไรนะ”ทันใดนั้นมหาราชครูก็เงยหน้าขึ้น คว้าอะไรบางอย่างจากใต้ก้นของตัวเองขึ้นมาปาดหน้าของจิ่งสือเยี่ยนเขาหัวเราะเสียงดัง “ข้าทำสำเร็จแล้ว! พวกคนเลว พวกเจ้าคอยแต่ป้อนขี้ให้ข้ากิน ข้าอยากจะป้อนขี้ให้พวกเจ้ากินมานานแล้ว ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ!”จิ่งสือเยี่ยน “……”จิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!”เขาตกตะลึง ตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อเขายกมือขึ้นปาดหน้าตัวเ
แสงไฟนวลอ่อนจากตะเกียงส่องกระทบร่างของเขา ทำให้เขาดูมีชีวิตชีวากว่าในยามปกติจิ่งสือเยี่ยนหลุดปากพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “พระสนมสวี่ตายแล้ว เจ้าดีใจขนาดนี้เลยหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยตอนแรกไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา เขาจึงเสริมอีกประโยคว่า “ไม่เคยเห็นเจ้าใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดแบบนี้มาก่อนเลย”จิ่งโม่เยี่ยมองเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมใส่อยู่แล้วถามว่า “ดูดีไหม?”จิ่งสือเยี่ยนยังไม่ทันได้ตอบ จิ่งโม่เยี่ยก็พูดขึ้นมาว่า “ชูอิ่งชมว่าข้าดูดีมาก”ความจริงแล้วเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้เอ่ยชมเขาว่าสวมใส่ชุดนี้แล้วดูดี นางเพียงพูดว่าเขาใส่แล้วดูเหมือนนกยูงมากกว่าปู๋เยี่ยโหวเสียอีกแต่ในความคิดของเขา ประโยคนี้ก็เหมือนกับการชมว่าเขาดูดีจิ่งสือเยี่ยนเห็นสีหน้าของจิ่งโม่เยี่ยแล้วรู้สึกอธิบายไม่ถูกเขาไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะพูดแบบนี้ออกมาเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พระสนมสวี่เพิ่งตายไป พี่สามใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดแบบนี้ ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ตอนที่นางตาย นางบอกกับข้าว่านางขอโทษ และข้าก็ให้อภัยนางแล้ว”“ตอนนี้สิ่งที่นางต้องการคือให้ข้ามีความสุข ตราบใดที่ข้าอาร
จิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เพราะจิ่งสือเยี่ยนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนที่คบหาได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วเป็นคนที่หวาดระแวงคนอื่นมากเขามองไปที่จิ่งสือเยี่ยนแล้วพูดว่า “จะคิดอย่างไรก็ตามใจ แต่ว่าท่านมหาราชครูตายด้วยน้ำมือเจ้า เรื่องนี้เจ้าปฏิเสธไม่ได้หรอก”จิ่งสือเยี่ยน “......”เรื่องนี้ต่อให้เขาจะปฏิเสธอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีเพราะเมื่อครู่นี้เขาลงมือทำร้ายอีกฝ่ายจริงๆเดิมทีเขาแค่ต้องการมาหามหาราชครูเพื่อยืนยันเรื่องราชโองการเท่านั้น ตอนนี้เรื่องราชโองการยังไม่ได้รับการยืนยัน ท่านมหาราชครูกลับตายเสียแล้วเมื่อท่านมหาราชครูตาย ก็มีเพียงฮ่องเต้เจาหยวนที่รู้เรื่องนี้แล้วและฮ่องเต้เจาหยวนก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยควบคุมเอาไว้ หากเขาต้องการข้อมูลที่ถูกต้องย่อมเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเขามองไปที่จิ่งโม่เยี่ยแล้วเอ่ยว่า “เรื่องราชโองการเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม?”มุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เดาเอาสิ”จิ่งสือเยี่ยน “......”เดาอะไรกัน?!เรื่องแบบนี้เอามาเดากันได้ด้วยหรือ?เขาจ้องจิ่งโม่เยี่ยแบบไม่ละสายตา “พี่สาม ท่านทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”“ก่อนหน้านี้ข้าค
เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี
สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก
แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน
ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ
หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ
เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ
เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท