แชร์

บทที่ 78

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-29 00:45:24
หลังจากเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี นางก็ตกใจจนสะดุ้งเฮือก

เพราะภายในห้องของนางมีจิ่งโม่เยี่ยในอาภรณ์สีขาวหิมะ กำลังเอนตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักของนาง ขายาวของเขายกพาดบนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ ขณะที่ในมือถือจอกชาและยกขึ้นจิบเล็กน้อย

กลิ่นหอมของชาฟุ้งทั่วห้อง ไอน้ำลอยขึ้นมาจากถ้วยชาอย่างช้าๆ บดบังใบหน้าส่วนหนึ่งของเขา

ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ของเขาถูกไอน้ำปิดไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหายิ่งกว่าเดิม

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาแล้วตกใจจนหัวใจแทบหลุดจากอก หลังจากใจเต้นกระหน่ำอยู่สักพักก็สงบลงในท้ายที่สุด

ไอ้บุรุษเฮงซวยคนนี้นิสัยเสียจะตายไป แถมยังทำเรื่องโหดร้ายได้หน้าตาเฉย แต่หน้าตาของเขาก็หล่อจริงๆ นั่นแหละ รูปร่างก็ดีมากด้วย

ขอแค่เขาไม่ใช่จอมวายร้ายในนิยาย และไม่ได้เป็นคนอายุสั้น ลำพังแค่หน้าตาของเขาอย่างเดียว นางก็คิดว่าการแต่งงานกับเขามันคือกำไรชัดๆ

แต่พอนางนึกถึงจุดจบของเขาขึ้นมา นางก็รู้สึกจิตใจด้านชาทันที

นางยิ้มหวานให้เขาแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะรินชาใส่ถ้วยให้ตัวเอง เอ่ยถามว่า “ท่านอ๋องมาได้อย่างไรเพคะ?”

อันที่จริงนางสงสัยมากกว่า ว่าเขาไปเอาน้ำจากไหนม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
ิBcit
แต่ละตอนสั้นมากๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Phanumas Phisaphong
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 79

    จิ่งโม่เยี่ยเหล่ตามองนาง แต่นางทำเป็นมองไม่เห็นเขา ก่อนจะหยิบกระดาษยันต์ขึ้นมาเขียนอย่างรวดเร็ววันนี้นางกำจัดพลังงานชั่วร้ายในตัวเขาจนเบาบางลงมากใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที นางก็เขียนยันต์จำนวนสิบแผ่นเสร็จสิ้น จากนั้นจึงยกถ้วยน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยถามนาง “ยันต์พวกนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง?”เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ตอบคำถามของเขา เพียงกล่าวว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ท่านอ๋องต้องทำความเข้าใจก่อนเพคะ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังขอให้ข้าช่วยคลายคำสาป รบกวนท่านอ๋องให้ความเคารพข้าบ้าง“ส่วนเรื่องยันต์ ข้าจะมอบเพียงยันต์ที่เกี่ยวข้องกับการแก้คำสาปให้ท่านอ๋องเท่านั้น ยันต์อย่างอื่นไม่นับรวมเพคะ”นางกล่าวถึงตรงนี้ก็ระบายยิ้มบางๆ “หากท่านอ๋องชื่นชอบยันต์ที่ข้าเขียน ท่านสามารถจ่ายเงินซื้อเพิ่มได้ หนึ่งแผ่นราคาหนึ่งพันตำลึง ไม่รับมัดจำทุกกรณี”จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงก้าวเดินเข้าไปหานางอย่างช้าๆ นางตกใจจนถอยหลังกรูด “ท่านอ๋องคิดจะทำอะไรเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจนาง เขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้า นางก็ต้องก้าวถอยหลังเรื่อยๆ จนกระทั่งไปจนมุมที่กำแพงเขาตัวสูงกว่านางมาก เวลาที่ยืนประจันหน้ากับเขา นางจึงรู้สึกกด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 80

    จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชา “อยู่ด้วยกันจนผมขาว? บนโลกใบนี้มีใครอยู่ด้วยกันจนผมขาวบ้าง!”เขานึกถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีขึ้นมาได้ สายตาจึงดูดุร้ายขึ้นหลายส่วนเฟิ่งชูอิ่งจึงเอ่ยกับเขาว่า “ท่านอ๋องพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ บนโลกใบนี้จะไม่มีคนอยู่ร่วมกันยันแก่เฒ่าเลยได้อย่างไร?“คู่สามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองในใต้หล้ามีตั้งมากมาย พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผูกสมัครรักกันไปทั้งชาติ“เพียงแต่คู่สามีภรรยาแบบนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะประคับประคองกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเสมือภาค“คู่รักที่ฝ่ายหนึ่งถูกกดให้ต่ำจนไร้ค่ากว่าฝุ่นผงเช่นนั้น ไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้ยาวนานอยู่แล้ว เพราะว่าพวกเขาสามารถทอดทิ้งฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย“คู่สามีภรรยาที่อยู่กันจนแก่เฒ่าได้จริงๆ ทั้งสองคนจะต้องเคียงบ่าเคียงไหล่ ให้ความเคารพฝ่ายตรงข้ามจากใจจริง แล้วก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจเพคะ”นัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยดูล้ำลึกกว่าเดิม เขาเอ่ยช้าๆ ว่า “เจ้าคิดจะอยู่กับข้าจนแก่เฒ่าหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยมองเขาแล้วกล่าว “ตอนนี้ใช่เพคะ แต่หากท่านอ๋องไม่คิดจะเคารพข้าสักนิด ข้าคิดว่าความรักที่ข้ามีให้ท่านสักวันก็คง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 81

    เขาลองสับคอเขาหลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่สลบสักที หากยังสับต่อไป เขาคงได้กลับมาคิดบัญชีกับนางชุดใหญ่แน่ๆ ดังนั้นนางจึงยิ้มหวานให้จิ่งโม่เยี่ยแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้ข้าถูกสับทีเดียวก็นอนหลับไปเลย วันนี้พวกเรามาทำกันเหมือนเดิมเถอะ”นางกล่าวจบก็กระชากแขนของเขาแล้วจับเหวี่ยงข้ามบ่า โยนตัวของเขาลงไปบนเตียงโดยตรงจิ่งโม่เยี่ย “......”จิ่งโม่เยี่ย “!!!!!!”หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยถูกคนวางกับดักใช้กลอุบายมากมาย สถานการณ์จึงไม่ค่อยสู้ดีนักทว่าคนพวกนั้นพออยู่ต่อหน้าของเขา ต่างก็แสดงท่าทางเกรงใจนอบน้อม ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขาซึ่งๆ หน้ามาก่อนทว่าสตรีที่ใจกล้าไม่เกรงฟ้าดินคนนี้ กลับกล้าลงมือสับคอเขา แล้วยังกล้าจับเขาทุ่มอีกต่างหาก!สีหน้าของเขาจึงมืดครึ้มเหมือนพายุตั้งเค้าเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าท่าทางของเขาก็รู้สึกสะใจเงียบๆ นางจะทำให้เขาได้รู้เองว่าการถูกคนรังแกโดยไม่อาจโต้ตอบได้มันรสชาติเป็นอย่างไร!นางรู้ว่าถึงเขาจะลงมือโหดเหี้ยมสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางทำร้ายนางจนถึงขั้นตายแน่นอน เพราะเขาจำเป็นจะต้องใช้นางคลายคำสาปอยู่หลังจากนางโยนเขาลงเตียงแล้ว จึงยื่นมือไปกอดเขาแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 82

    เฟิ่งชูอิ่งคิดจะยอมแพ้แต่โดยดีและขอให้เขาอภัย แต่ตอนที่นางเห็นรูปเต่าบนหน้าของเขา นางก็พยายามเกร็งหน้าไม่ให้หลุดขำออกไปจิ่งโม่เยี่ยถาม “เจ้ากำลังหัวเราะเยาะข้าหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งรีบเอ่ยว่า “มิกล้า! ข้าก็แค่คิดว่าท่านอ๋องหล่อมาก ถูกท่านอ๋องนอนคร่อมเช่นนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขากำลังจะคิดบัญชีกับนางแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นเขาถูกนางหยอกล้อได้ล่ะนัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ นางจึงเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง คำสาปของท่านมีข้าเพียงคนเดียวที่สามารถแก้ได้ ใจเย็นไว้เพคะ ใจเย็นๆ ไว้!”จิ่งโม่เยี่ยรู้สึกว่าหลังจากนางรู้เรื่องนี้เป็นต้นมา นางก็ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอีกต่อไป เขาจ้องนางและเอ่ยว่า “ข้าใจเย็นลงแล้ว แต่เจ้ากลับไม่หยุดรนหาที่ตายสักที“ข้าคิดว่าหากเจ้าขาดหูไปสักข้าง หรือว่าตาบอดไปสักข้าง ก็คงไม่ส่งผลต่อการแก้คำสาปให้ข้าหรอกกระมัง”เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”นางประมาทเกินไป ลืมไปได้อย่างไรว่าเขามันบ้า เรื่องแบบนี้เขาพูดจริงทำจริงแน่นอนตอนนี้ไม่ว่านางจะหนีหรือหยิบยันต์ออกมาสู้ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วนางจึงตัดสินใจโน้มคอของเขาลงมาแล้วจูบปากเขาหนึ่งทีจิ่งโม่เยี่ย “......”จิ่งโม่เยี่ย “

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 83

    เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะคิกคัก “เขาบอกให้ข้าไปร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์ แปลว่าก่อนจะถึงงานนั้น เขาจะไม่มีวันตัดหูหรือควักลูกตาข้าแน่นอน”เฉี่ยวหลิง “ทำไมล่ะเจ้าค่ะ?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “เพราะเขาก็ต้องรักษาหน้าตาเหมือนกัน หากข้ากลายเป็นคนพิการ เขาจะต้องอับอายขายหน้าแน่”เฉี่ยวหลิง “......มีเหตุผล แต่ท่านไปยั่วโมโหเขาแบบนี้ ไม่กลัวว่าหลังจบงานเลี้ยงแล้วเขาจะมาตัดหูท่านหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งโบกมือไปมา “เรื่องหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันสิ”หากถึงตอนนั้นจริงๆ นางก็แค่หาทางเบี่ยงเบนความสนใจเขาอีกรอบไง!อย่างไรเสียคืนนี้นางก็ได้ทุบตีเขาแล้ว นอกจากนี้ยังเขียนคำว่าหวางปา(เจ้าโง่) กับวาดเต่าไปด้วย นางรู้สึกเบิกบานใจสุดๆ เลยเฉี่ยวหลิงมองนางด้วยท่าทางกังวลตอนนี้เฉี่ยวหลิงเป็นร่างวิญญาณ เป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นคนหรือวิญญาณ นางก็ยังไม่เคยเห็นใครใจกล้าเท่าเฟิ่งชูอิ่งมาก่อนเลยเฟิ่งชูอิ่งใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหนเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้กังวลเท่ากับเฉี่ยวหลิง เพราะนางไม่ใช่คนที่ยอมใครอยู่แล้วจิ่งโม่เยี่ยต้องได้รับความช่วยเหลือจากนางแท้ๆ แต่กลับยังคิดจะรังแกนาง บีบคั้นนาง กล้าดีอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 84

    ทว่าตอนนี้ฉินจื๋อเจี้ยนไม่เห็นว่าจิ่งโม่เยี่ยมีท่าทางอยากจะไปตัดมือคนผู้นั้นเลย กลับกัน ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธขนาดนั้นด้วยกลอุบายกลั่นแกล้งกันแบบนี้ คล้ายจะเป็นฝีมือของสตรีเสียมากกว่า เหมือนเป็นเรื่องสนุกในเรือนนอนอย่าบอกนะว่าจิ่งโม่เยี่ยมีคนที่ชอบแล้ว?ทว่าเขากลับปัดความคิดนั้นทิ้งไปทันทีเพราะเขาตระหนักดีว่าจิ่งโม่เยี่ยเติบโตมากับอะไรบ้าง รู้ว่าคนแบบจิ่งโม่เยี่ย ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกทำให้เขาหวั่นไหวได้หรอกแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะ?ตอนที่เขาเดินจนถึงประตู จิ่งโม่เยี่ยก็ถามเขาว่า “จื๋อเจี้ยน หากเจ้าพบเจอกับคนที่ใจกล้าบ้าบิ่นมากๆ เจ้าจะทำอย่างไร?”ฉินจื๋อเจี้ยนได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งทันที รีบก้าวฉับๆ เขาไปหาอีกฝ่ายอย่างว่องไว “หากข้าพบเจอคนแบบนั้น ข้าก็น่าจะเมินเฉยเสียมากกว่า“หากท่านอ๋องพบกับคนแบบนั้น ก็น่าจะใช้กระบี่แทงตายสินะพ่ะย่ะค่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยตอบเสียงเรียบ “คนผู้นั้นมีประโยชน์มาก ตอนนี้ยังฆ่าไม่ได้”ความอยากรู้อยากเห็นของฉินจื๋อเจี้ยนทำงานทันที “ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องเอาตัวเขามาไว้ในจวน“จากนั้นก็ทรมานเขาทุกวัน ใช้แส้เฆี่ยนเขาทุกคืน ทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตาย แต่ก็ยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 85

    หลังจากผู้ดูแลโจวเข้ามาก็จัดการปิดประตู ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้านาง โขกศีรษะให้นางแล้วกล่าวว่า “คุณหนูต่างสกุล ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าบนหน้าของเขามีรอยมือสีดำเข้มติดอยู่จำนวนมาก ที่คอก็มีรอยถูกรัดสีดำอยู่เช่นกัน จึงทราบว่าเมื่อคืนเขาคงจะถูกทรมานมิใช่น้อยนางจึงหันมองวิญญาณร้ายที่เกาะติดผู้ดูแลโจวอีกครั้ง ร่างวิญญาณของอีกฝ่ายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากวิญญาณร้ายจะเติบโตขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกลืนกินพวกเดียวกัน หรือไม่ก็กัดกินอารมณ์ด้านลบของคนเป็นอาหารดูจากสภาพของวิญญาณร้าย คงจะได้กินความกลัวกับความหวาดผวาของผู้ดูแลโจวไปไม่น้อยเลยเฟิ่งชูอิ่งถามเสียงเรียบ “ผู้ดูแลโจวคิดได้แล้วหรือ?”ผู้ดูแลโจวแหงนหน้าขึ้นมองนาง “ขอแค่คุณหนูต่างสกุลยอมช่วยชีวิตข้า หลังจากนี้ไปข้าจะยอมรับใช้ท่านทุกอย่าง”เมื่อคืนนี้เขาเชิญนักพรตท่านหนึ่งมาทำพิธีในบ้าน ผลคือพิธียังทำไม่ทันจะเสร็จ นักพรตคนนั้นก็โดนอะไรบางอย่างจับขึ้นไปแขวนบนคานไม้แล้วหลังจากพวกเขาช่วยกันพานักพรตคนนั้นลงมา นักพรตคนนั้นก็เผ่นหนีออกไปแบบไม่ลืมหูลืมตา ปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีกเมื่อคืนนี้นอกจากเขาจะโดนผีอำแล้ว ยังเกือบจะถูกรัดคอตายด้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 86

    ผู้ดูแลโจวตอบ “ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้พูดออกมา ข้าก็เลยไม่ทราบว่านางเป็นใคร“แต่ฟังจากน้ำเสียงของฮูหยินในตอนนั้น นายท่านเหมือนจะเป็นคนรักของมารดาท่านขอรับ”เฟิ่งชูอิ่ง “......”น้ำเน่าขนาดนี้เลยหรือ?นางคิดพิจารณาดูแล้วว่าเรื่องพวกนี้มันไม่สมเหตุสมผล ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีสมอง ก็ไม่มีทางส่งตัวลูกสาวให้คนรักเก่าเอาไปดูแลหรอกในความทรงจำของร่างเดิม มารดาของนางเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งแต่น่าเสียดาย ความทรงจำของร่างเดิมก่อนจะมาอยู่ที่จวนสกุลหลินเลือนรางมาก เฟิ่งชูอิ่งพยายามจะค้นหาความทรงจำของร่างเดิม แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนางจึงเอ่ยเสียงเรียบ “นอกจากเรื่องนี้แล้ว เจ้ายังรู้อะไรอีกบ้าง?”ผู้ดูแลโจวมองสบตานาง “หากคุณหนูต่างสกุลช่วยชีวิตข้าแล้ว ความลับเรื่องอื่นที่ข้ารู้มา สามารถค่อยๆ คุยกันทีหลังได้ขอรับ”เฟิ่งชูอิ่งระบายยิ้ม นางลองตรวจโหงวเฮ้งของผู้ดูแลโจวเล็กน้อย เขาเป็นคนต่ำต้อยเลวทรามที่แล่นเรือตามลม[footnoteRef:1] แล้วยังเป็นคนที่ใจดำอำมหิตอีกด้วย [1: ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ โอนเอียงไปฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที ] วาจาของเขาเชื่อถือไม่ได้ ทำอะไรก็ยึดถือผลประโยชน์เป็นหลัก ไร้ยาง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 966

    เจ้าอารามพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว รีบหนีออกไปกันเถอะ!”มีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นว่า “แล้วพวกเราจะไปไหนกัน?”คำถามนี้ตรงประเด็นสำคัญ ตอนนี้ทั่วทั้งแผ่นดินกำลังจะตกเป็นของจิ่งโม่เยี่ย พวกเขาจะไปที่ไหนได้อีก?เจ้าอารามกัดฟันพูด “ลงจากเขาไปก่อน ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ อย่างไรก็ต้องมีที่ให้พวกเรายืนหยัดได้”ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในใจของทุกคนกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากพวกเขาในตอนนี้ ช่างเหมือนกับสุนัขจรจัดที่ไร้ญาติขาดที่พึ่งพิงเสียงระเบิดต่อเนื่องดังมาจากด้านล่างของภูเขา เสียงเหล่านั้นคือเสียงของค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาที่ถูกทำลายถ้าพวกเขามัวรั้งรอต่อไป พวกเฟิ่งชูอิ่งก็จะบุกขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ต้องตายกันหมดเพียงแต่ในเรื่องนี้ ความคิดของผู้อาวุโสและเจ้าอารามกลับแตกต่างกันเล็กน้อยพวกเขาสบตากัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาหลังจากที่เจ้าอารามและผู้อาวุโสปรึกษาหารือกันแล้ว ก็รีบไปเก็บข้าวของเตรียมหนีออกไปทางเส้นทางลับเพียงแต่ก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งได้ปล้นสะดมคลังสมบัติของอารามเทียนอี้ไปแล้ว อีกทั้งช่วงหลายเดือนมานี้ก็ใช้จ่ายเงินไปเกือบหมด ของมีค่าในอารามก็แทบจะไม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 965

    “ตอนนี้ถึงนางจะใช้ยันต์ระเบิดได้ ข้าก็ไม่แปลกใจสักนิด”“นางบุกมาแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ คงคิดจะมาถล่มอารามเทียนอี้ของพวกเราแน่”เจ้าสำนักกัดฟันพูด “ถ้าข้ารู้ว่านางเป็นลูกสาวของเหมยตงยวน ข้าคงจะช่วยเทียนซือฆ่านางไปตั้งแต่แรกแล้ว!”เขาถูกเหมยตงยวนตามล่ามาหลายครั้ง รู้มานานแล้วว่าเฟิ่งชูอิ่งกับเหมยตงยวนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เขาร่วมมือกับเทียนซือวางแผนฆ่าเหมยตงยวน เขาเคยสะใจแค่ไหน ตอนนี้ก็ทุกข์ทรมานแค่นั้นเขารู้สึกว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ดูแย่ยิ่งกว่าหมาจรจัดเสียอีกเขาหลบอยู่ในสำนักทุกวัน ไม่กล้าออกไปไหน กลัวว่าออกไปแล้วจะถูกเหมยตงยวนจัดการก่อนหน้านี้ อารามเทียนอี้เคยรุ่งเรือง มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ตอนนี้กลับต้องหลบซ่อนอยู่ในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา ไม่กล้าออกไปไหนเลยเจ้าอารามแทบคลั่ง แต่ก็ไม่มีความกล้ามากพอจะไปท้าทายเหมยตงยวนผู้อาวุโสมองเขาแล้วพูดว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกเลย รีบคิดหาวิธีรับมือดีกว่า!”พอพูดแบบนี้ ทุกคนก็เงียบเป็นเป่าสากคนที่อยู่ในอารามเทียนอี้ ล้วนเคยเป็นคนของสำนักลี้ลับเพียงแต่ตอนนั้นเทียนซือได้แบ่งสำนักลี้ลับออกเป็นสองฝ่าย เขาพาค

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 964

    แต่พอสบตากับเฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ย เขาก็รู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาทันที ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมแล้วเอายันต์ไปแปะอีกแผ่นพอแปะเสร็จครั้งนี้เขาก็เผ่นหนีอย่างว่องไว ราวกับติดปีกบินได้เฟิ่งชูอิ่งเห็นปฏิกิริยาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งเร็วขนาดนั้นก็ได้ ระยะเวลาหน่วงของแผ่นยันต์ของนางน่ะเหลือเฟือให้เขาวิ่งออกจากรัศมีการระเบิดครั้งนี้ก็ทำลายกลไกในค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาอีกชุดหนึ่งได้อย่างราบรื่นพวกเขาสร้างความวุ่นวายขนาดใหญ่เช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้พวกนักพรตบนเขาตกใจในทันทีก็มีนักพรตคนหนึ่งมาตรวจสอบ "พวกเจ้าเป็นใคร?"เฟิ่งชูอิ่งเท้าเอวแล้วกล่าวว่า "คนที่มารวมหัวกันทำลายอารามเทียนอี้!"เจ้าอาวาสยืนอยู่ด้านหลังเฟิ่งชูอิ่ง สวดมนต์ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม "อมิตาพุทธ"จิ่งโม่เยี่ยยืนอยู่ข้างๆ เฟิ่งชูอิ่ง มือข้างหนึ่งไขว้หลัง แผ่ความเย็นชาออกมาทั่วทั้งร่างเหล่าองครักษ์ด้านหลังเขาดึงกระบี่ออกมาพร้อมเพรียง แสดงออกถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนักพรตที่เข้ามาตรวจสอบเห็นท่าทางของพวกเขาก็ถึงกับตาค้าง เพราะฉากนี้มันดูคุ้นๆตอนที่เฟิ่งชูอิ่งพาเจ้าอาวาสมาสร้างความวุ่นวายที่อา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 963

    เขาถามว่า “เจ้าจะระเบิดมันอย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งหยิบยันต์ออกมาอย่างองอาจพร้อมกล่าวว่า “ใช้สิ่งนี้ระเบิด!”จิ่งโม่เยี่ยจ้องมองยันต์ในมือของนางครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกไปดีเขารู้ว่านางมีความสามารถในการวาดยันต์ที่ยอดเยี่ยม แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ายันต์จะสามารถใช้ระเบิดได้เจ้าอาวาสถามขึ้นก่อน “แบบนี้มันจะใช้ได้จริงหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างใจเย็น “ลองดูก็รู้เอง”เมื่อเจ้าอาวาสได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งกลับมา “ข้าจะลองดู!”เขารักยันต์ที่นางวาดมาก เพราะมันมีประสิทธิภาพสุดยอดจากนั้นเขาก็ถามว่า “ใช้อย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ง่ายมาก แค่แปะยันต์นี้บนรูกำแพงก็พอ”เจ้าอาวาสรับยันต์จากมือของนางทันที แล้วเดินไปแปะยันต์อย่างมีความสุขหลังจากแปะเสร็จ เขารีบถอยหลังไปสองสามก้าว แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาโน้มตัวเข้าไปดูพร้อมกับพูดว่า “ใช้ได้ไหมเนี่ย?”เฟิ่งชูอิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ “หลบเร็ว!”นางไม่คิดว่าเจ้าโง่นี่จะกล้ายื่นหน้าเข้าไปดูหลังจากแปะยันต์เสร็จ เขาอยากตายนักหรือไง?เมื่อครู่นี้เขายังคิดจะหันไปถามนางว่าหลบทำไมแต่เขายังไม่ทันได้พูดออกไป ก็ได้ยินเสียงดังสนั่นพร้อมกับแ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 962

    ให้เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยชมเจ้าอาวาสน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก นางจึงพับแขนเสื้อขึ้นทันทีเจ้าอาวาสรีบวิ่งไปข้างๆ จิ่งโม่เยี่ย แล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ภรรยาท่านดุร้ายชะมัด กับสหายของท่านนางยังกล้าทำถึงเพียงนี้ ระวังนางจะเหิมเกริมจนท่านปราบไม่อยู่นะ!”จิ่งโม่เยี่ยถามเฟิ่งชูอิ่ง “ให้ข้าช่วยซัดเขาสักทีสองทีไหม?”เจ้าอาวาส “......”เขาลืมไปเลยว่าสองสามีภรรยาคู่นี้มันพวกเดียวกัน!เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะลั่น “จัดการเลย!”เจ้าอาวาสยกมือขึ้นทั้งสองข้าง “อย่าเพิ่งๆ ข้ายอมบอกก็ได้!”เดิมทีเขาแค่จะล้อเล่นกับพวกเขาสักหน่อย แต่เรื่องดันกลายเป็นแบบนี้ไปได้!เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า “เจ้านี่มันหาเรื่องใส่ตัวเก่งจริงๆ”“บอกมาสิ วิธีดีๆ ของเจ้าคืออะไร?”เจ้าอาวาสตอบว่า “วัดของข้ากับอารามเทียนอี้เคยประลองวิชากันมาหลายปี ดังนั้นเราจึงรู้จักลึกตื้นหนาบางกันดี”“พอเวลาผ่านไปนานวันเข้า ก็ย่อมรู้ความลับของอีกฝ่ายบ้าง”ในโลกนี้ คนที่รู้จักเราดีที่สุดไม่ใช่สหาย แต่เป็นศัตรูบางความลับสหายอาจไม่รู้ แต่ศัตรูจะรู้แน่นอนเฟิ่งชูอิ่งถาม “อารามเทียนอี้มีความลับอะไร?”เจ้าอาวาสยิ้มอย่างลึกลับ “ข้ารู้ทางลัดไปยังวิหารใหญ่ข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 961

    ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน อารามเทียนอี้ก็ไม่ใช่อารามเทียนอี้ที่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเฟิ่งชูอิ่งเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน ได้สั่งสอนเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสไปรอบหนึ่ง ครั้งนี้นางคิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่สั่งสอนพวกเขาอีกสักรอบล่ะองครักษ์ข้างกายจิ่งโม่เยี่ยเคาะประตูใหญ่ของอารามเทียนอี้อยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู หรือแม้แต่จะชะโงกหน้าออกมาดูด้วยซ้ำเหล่าองครักษ์พยายามจะงัดประตูออก แต่กลับพบว่าประตูบานนี้เปิดไม่ได้เลยเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่านี่เป็นเพราะค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาถูกเปิดใช้งาน มีเพียงคนข้างในเท่านั้นที่สามารถเปิดประตูได้ คนข้างนอกเข้าบุกรุกเข้าไปไม่ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่สามารถบุกเข้าไปจากที่อื่นได้ เพราะหากบุกเข้าไป อาจจะไปโดนกับดักและทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเหมยตงยวนยืนอยู่ใต้ประตูทางเข้ากับเฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เดิมทีอารามเทียนอี้เป็นสาขาหนึ่งของสำนักลี้ลับ”“เนื่องจากอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมาก ที่นี่จึงเคยมีนักพรตผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตของสำนักลี้ลับ มาติดตั้งเขตอาคมขั้นสูงไว้”“เขตอาคมนี้ไม่เพียงแต่สามาร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 960

    จิ่งสือเยี่ยน “......”เขารู้สึกว่าคำพูดของนางแทงใจดำจริงๆเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "วรยุทธ์ของข้าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขามากกระมัง?"จิ้งจอกสือซานเหนียงหัวเราะเยาะ "ไม่ เจ้าด้อยกว่าเขามาก!""เจ้าต่อกรกับข้ายังไม่ถึงสิบกระบวนท่า แต่เขากลับเกือบฆ่าข้าได้""เขายังมียันต์วิเศษที่ร้ายกาจอีก เกือบจะฆ่าข้าตายอยู่แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนเข้าใจในทันทีว่าบาดแผลบนตัวนางมาจากไหนเขาพูดเบาๆ "สตรีที่จิ่งโม่เยี่ยชอบเชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับ ยันต์ที่ฟาดเจ้าคงเป็นของที่นางมอบให้จิ่งโม่เยี่ย"ดวงตาของจิ้งจอกสือซานเหนียงฉายแววสนใจ "จริงหรือ? มีสตรีที่เชี่ยวชาญศาสตร์ลี้ลับด้วยหรือ? น่าสนใจจริงๆ!"หลังจากพูดจบนางก็มองจิ่งสือเยี่ยนหัวจรดเท้าแล้วคลี่ยิ้ม "ดูจากสภาพเจ้าแล้วก็คงโดนศาสตร์ลี้ลับเล่นงานมาเหมือนกัน""มิฉะนั้น ด้วยพลังมังกรของเจ้า ข้าคงทำอะไรเจ้าไม่ได้ง่ายๆ และไม่มีทางหยุดเจ้าได้ด้วย"จิ่งสือเยี่ยนรู้สึกถึงอันตรายในทันที เขาเอ่ยถาม "หมายความว่าอย่างไร?"เมื่อเห็นท่าทางของเขา จิ้งจอกสือซานเหนียงก็หัวเราะออกมา เอื้อมมือไปบีบหน้าเขาเบาๆ แล้วพูดว่า "อ้าว โกรธแล้วหรือ?""ดูเหมือนเจ้าจะชอบสตรีผู้นั้นจริงๆ!

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 959

    จิ้งจอกสือซานเหนียงรู้สึกว่าแค่จิ่งสือเยี่ยนคนเดียวคงไม่พอ นางกลัวว่าถ้าดูดพลังเขาอีกสักสองสามครั้ง เขาคงเหี่ยวแห้งตายไปแน่ดังนั้นนางจึงคิดว่าควรจะลองเสี่ยงดูสักหน่อย เพราะตอนที่นางจับเขาได้ เขากำลังหลบหนีอยู่จริงๆ เรื่องนี้เขาไม่ได้โกหกนางหลังจากคิดทบทวนอยู่สักพัก นางจึงออกไปจับตัวจิ่งโม่เยี่ย แต่ดันกลายเป็นว่าไปเตะโดนแผ่นเหล็กเสียได้จิ้งจอกสือซานเหนียงบาดเจ็บหนัก จึงเอาความโกรธทั้งหมดไประบายกับจิ่งสือเยี่ยนนางไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งถลาเข้าไปและกดจิ่งสือเยี่ยนให้อยู่ใต้ร่างจิ่งสือเยี่ยน “......”ความรู้สึกอับอายมันช่างหนักหนาสาหัส!เขาโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้จิ้งจอกสือซานเหนียงใช้วิชากับเขา เขาจึงไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของนางได้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลย ร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วเดิมทีจิ้งจอกสือซานเหนียงบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนเป็นเหมือนยาบำรุงชั้นดีสำหรับนางนางในยามนี้จึงไม่คิดจะเกรงใจเขาแม้แต่น้อย ราวกับต้องการจับเขากลืนลงท้องไปทั้งตัวครั้งนี้ต่างจากสองสามครั้งก่อนโดย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 958

    เฟิ่งชูอิ่งคิดว่านี่คือการมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวทุกคนรู้ว่าสถานที่อย่างอารามเต๋าหรือวัดพุทธเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามสำหรับภูตผีปีศาจ ปกติแล้วพวกมันไม่กล้าเข้าใกล้สถานที่แบบนี้แต่จิ้งจอกสือซานเหนียงไม่ใช่ปีศาจทั่วไป นางเป็นปีศาจที่แม้แต่พลังมังกรก็ยังกล้าดูดกลืนในสถานการณ์เช่นนี้ นางจะหนีไปซ่อนตัวที่อารามเทียนอี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเฟิ่งชูอิ่งจึงกล่าวว่า "แม้ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้จะแข็งแกร่งมาก แต่มันอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับจิ้งจอกสือซานเหนียง""ทหารองครักษ์ค้นหาทั่วภูเขาใกล้เคียงแล้วแต่ก็ยังไม่พบ ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปค้นหาอารามเทียนอี้ดูเถอะ"จิ่งโม่เยี่ยเห็นด้วยกับความคิดของนาง จึงให้ทหารองครักษ์ไปค้นหาที่อารามเทียนอี้แต่ทหารองครักษ์กลับมาอย่างรวดเร็วและรายงานว่าค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้ถูกเปิดใช้งานแล้ว พวกเขาเข้าไปไม่ได้ทั้งจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งเคยเห็นพลังค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้มาแล้ว ตอนนั้นถ้าจิ่งโม่เยี่ยมาช่วยไม่ทันเวลา เฟิ่งชูอิ่งคงโดนยิงจนพรุนเป็นรังผึ้งไปแล้วเฟิ่งชูอิ่งถามด้วยความสงสัยว่า "ปกติค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาของอารามเทียนอี้จะ

DMCA.com Protection Status